สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / จากศรัทธาสู่น้ำใจที่ไหลหลั่ง #มูลนิธิพุทธภูมิธรรมร่วมสมทบปัจจัยช่วยผู้ได้รับผลกระทบ #กับคณะบุญหลวงพ่อสมเกียรติ ชิตมาโร

มูลนิธิพุทธภูมิธรรมร่วมสมทบปัจจัยแด่ หลวงพ่อสมเกียรติ ชิตมาโร วัดป่าถ้ำพระเทพนิมิตร คณะสงฆ์ และคณะศิษยานุศิษย์ นำสิ่งของเครื่องใช้อุปโภคบริโภค อาหารสดและแห้ง ไปมอบให้กับทหารและผู้อพยพที่ได้รับผลกระทบจากการปะทะในพื้นที่ต่างๆในจ.ศรีสะเกษ

การเดินทางผ่าน 9 จังหวัดของคณะหลวงพ่อสมเกียรติ เริ่มต้นขึ้นเมื่อเวลา 03:00 น. อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด อุบลราชธานี สุรินทร์ ศรีสะเกษ ยโสธร มหาสารคาม ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก

“ไม่ได้ไปจะเสียใจ”หลวงพ่อได้บอกกล่าว การตัดสินใจจึงตอบรับตอนเกือบ 3 ทุ่ม การไปเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้รักชาติไทย ประเทศไทย และคนไทยสุดยอดที่สุดแล้ว

คณะเดินทางเล็กๆที่ไม่เล็กเลย นับรถที่บรรทุกของติดนัมเบอร์ได้ 29 คัน แต่ที่แจ้งกันบอกรวมแล้วเกือบ 40 คัน ไม่รวมสิบล้อขนข้าว และหกล้อนะ สนุกล่ะทีนี้ ความเร็วแต่ละคันไม่ธรรมดาเลย เมื่อยลุ้นทุกโค้ง

ในการนี้ ประธานมูลนิธิพุทธภูมิธรรมได้เดินทางไปช่วยผู้ได้รับผลกระทบเช่นกัน จึงได้เจอกับหลวงพ่อ และต่างช่วยกันทำหน้าที่อย่างที่สุดหลวงพ่อบอกว่า การสนทนาสั้นๆในแต่ละที่ ทำให้รู้ว่าชาวบ้านเขาทุกข์มาก กลับบ้านก็ไม่ได้ ไม่กลับก็ไม่ได้ ความห่วงความหวงและแน่นอน บ้านเราย่อมสบายที่สุด โรงเรียนถูกปิดการ

เรียนการสอน เปลี่ยนเป็นที่พักพิงชั่วคราว การอยู่การนอนตามอัตภาพ ไม่ได้มีความสะดวกสบายเท่าที่ควร แต่ก็ต้องอดทนกันไป วันนี้ด้วยเวลาที่มีจำกัด ได้ทานข้าวผู้อพยพ ต้องขอบคุณแม่ครัว ปักหลักทำอาหารตลอดเวลา สุดยอดมากๆ มีเรื่องราวมากมายที่ได้รับรู้และเรียนรู้ และจดจำ

งานนี้คงอีกยาว เรื่องจริงคือผู้อพยพยังเสี่ยงที่จะได้รับอนุญาติให้กับบ้านของตน
ขอให้ทุกแรงบุญที่ร่วมกันดูแลปกป้องรักษาชาติไทย ทหาร หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในบุญครั้งนี้ ตลอดจนผู้อพยพทุกๆท่าน จงมีแต่ความโชคดี บุญรักษาทุกคนเทอญ

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / กอ.รมน.มุกดาหาร จัดประชุมเข้มวางแผนคุมเข้มความปลอดภัยพื้นที่สำคัญ พร้อมมาตรการห้ามบินโดรน ฝ่าฝืนเจอโทษหนัก

วันที่ 5 สิงหาคม 2568 ที่ห้องประชุมภูสระดอกบัว ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร นายรณรงค์ เทพรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานการประชุมวางแนวทางรักษาความปลอดภัยอาคาร สถานที่ และพื้นที่สำคัญ ของ

จังหวัดมุกดาหาร โดยมี พ.อ.อำนวย ยอดพันธ์ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดมุกดาหาร (ทหาร) เข้าร่วมประชุมพร้อมกับส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

การประชุมครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงภัยที่อาจถูกคุกคาม, วางแผนการปฏิบัติงานอย่างเป็นระบบ และจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว และเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมงในพื้นที่เป้าหมายสำคัญ พร้อมเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่บูรณาการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ในที่ประชุมยังได้เน้นย้ำถึง มาตรการห้ามปล่อยหรือบังคับอากาศยานไร้นักบิน (โดรน) ทุกประเภททั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม – 15 สิงหาคม 2568 หากฝ่าฝืนมีโทษ จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 78 (1) แห่งพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นการใช้งานโดรนในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร หรือบริเวณต้องห้าม สามารถแจ้งข้อมูล วัน เวลา สถานที่ และภาพถ่ายหรือคลิปวิดีโอ (หากมี) ไปยังหน่วยงานรับผิดชอบ ได้แก่ สำนักงานการบินพลเรือนฯ โทร. 02-568-8851ศูนย์ต่อต้านอากาศยานไร้นักบินฯ โทร. 02-126-7846

สถานีตำรวจ หน่วยทหาร หรือหน่วยความมั่นคงใกล้พื้นที่เกิดเหตุกอรมนมุกดาหาร #ห้ามบินโดรน #ข่าวมุกดาหาร #ความมั่นคงแห่งรัฐ #ชุดเคลื่อนที่เร็ว #มุกดาหารปลอดภัย #งดบินโดรนทั่วประเทศ #ความมั่นคง #ศาลากลางมุกดาหาร #ประชุมความปลอดภัย #ข่าวด่วน #ข่าววันนี้​ ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ผู้ว่าฯ ชลบุรี จัดระเบียบรถบริการสาธารณะบนเกาะล้าน สร่างมาตรฐานที่ดีด้านการท่องเที่ยว / ทีเส็บ–อีอีซี จัดงาน EEC EXPO 2025 ดึงรัฐ–เอกชน ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่อนาคต

วันที่ 5 ส.ค.68 ที่วัดใหม่สำราญ เกาะล้าน เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วยนายพัชรพัชร์ ศรีธัญญนนท์ นายอำเภอบางละมุง พ.ต.อ.เอนก สระทองอยู่ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่มอบสติ๊กเกอร์ตามโครงการจัดระเบียบรถบริการสาธารณะและรถประเภทอื่น ๆ บนเกาะล้านการดำเนินงานครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการยกระดับความเป็นระเบียบเรียบร้อยในการใช้รถบนเกาะล้าน เนื่องจากที่ผ่านมาไม่มีการจัดระบบควบคุมอย่างเป็นรูปธรรม ส่งผลให้เกิดปัญหาความแออัดของพื้นที่การจราจร และไม่สามารถแยกแยะได้ว่ารถคันใดเป็นของผู้ประกอบการ รถเช่า หรือรถของชาวบ้าน ซึ่งสร้างผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม วิถีชีวิตของคนในชุมชน และความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวจังหวัดชลบุรี จึงได้กำหนดมาตรการห้ามนำรถขึ้นเกาะเป็นเวลา 14 วัน  เพื่อสำรวจและจัดทำระบบลงทะเบียนรถอย่างเข้มงวด โดยพบว่ามีรถบนเกาะล้านมากกว่า 3,500 คัน จากนั้นจึงได้จัดทำระบบสติ๊กเกอร์แยกประเภทการใช้งาน โดยแบ่งตามสีและลักษณะการใช้รถอย่างชัดเจนเบื้องต้นมีการมอบสติ๊กเกอร์ครอบคลุมรถทั้งหมด 9 ประเภทได้แก่ รถกอล์ฟ, รถกระป๊อ, รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล, รถจักรยานยนต์รับจ้าง, รถจักรยานยนต์ปล่อยเช่า, รถแทรกเตอร์, รถยนต์ส่วนบุคคล 4 ล้อ, รถบรรทุก และรถสหกรณ์สองแถว โดยการจัดสรรสติ๊กเกอร์ในลักษณะนี้จะทำให้สามารถแยกแยะประเภทการใช้งานของรถได้อย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการพื้นที่จราจรบนเกาะสำหรับแนวทางในอนาคต หากมีการร้องขอเพิ่มจำนวนรถบนเกาะ จะต้องได้รับความเห็นชอบจากอย่างน้อยสองในสามหน่วยงานหลัก ได้แก่ เมืองพัทยา สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา และที่ว่าการอำเภอบางละมุง เพื่อควบคุมไม่ให้เกิดการนำรถจากกลุ่มทุนภายนอกเข้ามาในพื้นที่มากเกินไป ซึ่งอาจกระทบต่อผลประโยชน์ของคนในชุมชน ทั้งนี้ โครงการนี้มีเป้าหมายหลักเพื่อลดความแออัด คืนพื้นที่สาธารณะ สร้างความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว และยกระดับมาตรฐานระบบขนส่งบนเกาะล้านให้มีความเป็นระเบียบและยั่งยืนในระยะยาวต่อไป



ทีเส็บ–อีอีซี ผนึกกำลังจัดงาน EEC EXPO 2025 ดึงรัฐ–เอกชน ชูศักยภาพโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่อนาคต

สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ สกพอ. จัดงาน “EEC EXPO 2025” เวทีสำคัญในการแสดงศักยภาพเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ชูโอกาสการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายและบริการแห่งอนาคต พร้อมโชว์ความก้าวหน้าด้านโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี และระบบสนับสนุนการลงทุนแบบครบวงจร มุ่งเชื่อมโยงความร่วมมือกับนักลงทุนรายสำคัญทั้งในและต่างประเทศ

ภายใต้บริบทที่เศรษฐกิจโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงและนวัตกรรมดิจิทัล พื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ได้กลายเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในระยะยาว ด้วยจุดแข็งด้านโครงสร้างพื้นฐาน การคมนาคม ระบบโลจิสติกส์ และระบบนิเวศเพื่อการลงทุนที่ทันสมัย ครบวงจร และเชื่อมโยงระดับภูมิภาค เพื่อตอกย้ำศักยภาพดังกล่าว ทีเส็บ จึงร่วมกับสกพอ. เตรียมจัดงาน “EEC EXPO 2025” ซึ่งเป็นเวทีสำคัญในการนำเสนอความก้าวหน้าและโอกาสการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-26 สิงหาคม 2568 ณ ภิรัช คอนเวนชั่น เซนเตอร์ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค กรุงเทพมหานคร

ดร.ศุภวรรณ ตีระรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ กล่าวว่า อุตสาหกรรมไมซ์เป็นหนึ่งกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC ซึ่งถือเป็นหนึ่งในพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญของประเทศ ทีเส็บจึงทำงานร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมการจัดกิจกรรมทางธุรกิจ การประชุม นิทรรศการ และงานแสดงสินค้ารูปแบบต่าง ๆ ให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งยกระดับความพร้อมของพื้นที่ ทั้งในด้านบุคลากร ผู้ประกอบการ และโครงสร้างพื้นฐาน รองรับการจัดงานไมซ์ เพื่อให้พื้นที่ EEC ไม่เพียงเป็นฐานการผลิตและการลงทุนสำคัญ แต่ยังเป็นจุดหมายปลายทางด้านกิจกรรมทางธุรกิจระดับนานาชาติ ที่สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องและกระจายรายได้สู่ชุมชน“การจัดงาน EEC EXPO 2025 ในครั้งนี้ จึงสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของทีเส็บในการใช้ ‘ไมซ์’ เป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจของประเทศ ผ่านการสร้างโอกาสในการพบปะ เจรจา และจับคู่ธุรกิจในระดับนานาชาติ

งานนี้จะเป็นเวทีสำคัญที่ช่วยให้ผู้เข้าร่วมจากทั้งในและต่างประเทศได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับศักยภาพของพื้นที่ EEC รวมถึงแนวทางสนับสนุนจากภาครัฐในด้านต่าง ๆ ที่พร้อมอำนวยความสะดวกให้การลงทุนเกิดขึ้นจริงอย่างมีประสิทธิภาพ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า งาน EEC EXPO 2025 จะเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือใหม่ ๆ ระหว่างภาคนโยบาย ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม อันจะนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็งและยั่งยืนในระดับภูมิภาค และยกระดับมาตรฐานการจัดงานไมซ์ของประเทศไทยให้เป็นที่ยอมรับในเวทีโลกต่อไป”ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการ สกพอ. หรือ อีอีซี กล่าวว่า การพัฒนาพื้นที่ อีอีซี มีเป้าหมายหลักเพื่อขับเคลื่อนให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ ผ่านการดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย 12 ประเภท โดยเฉพาะในกลุ่ม 5 คลัสเตอร์ ได้แก่ การแพทย์สุขภาพ ดิจิทัล ยานยนต์แห่งอนาคต อุตสาหกรรม BCG และบริการ ซึ่งคำนึงถึงการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง การจัดให้มีบริการภาครัฐแบบเบ็ดเสร็จครบวงจร การจัดหาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคที่มีประสิทธิภาพ มีความต่อเนื่อง ประชาชนสามารถเข้าถึงได้โดยสะดวกและเชื่อมโยงกันอย่างสมบูรณ์ มีการใช้ประโยชน์ในที่ดินอย่างเหมาะสมกับสภาพและศักยภาพของพื้นที่ โดยสอดคล้องกับหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมถึงการพัฒนาเมืองให้มีความทันสมัยระดับนานาชาติที่เหมาะสมต่อการอยู่อาศัยอย่างสะดวก ปลอดภัย และประกอบกิจการอย่างมีคุณภาพ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศในระยะยาวการจัดงาน EEC EXPO 2025 ครั้งนี้ จึงเป็นหมุดหมายสำคัญในการแสดงถึงศักยภาพของพื้นที่อีอีซี สู่สายตานักลงทุนภาคธุรกิจ สื่อมวลชน และสาธารณชนทั่วไปที่สนใจมองหาโอกาสทางธุรกิจ โดยภายในงานฯ จะมีการนำเสนอความก้าวหน้าของโครงสร้างพื้นฐานระดับเมกะโปรเจกต์ เทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูง และมาตรการสนับสนุนการลงทุนที่เชื่อมโยงกันอย่างครบวงจร ผ่านรูปแบบงานแสดงนิทรรศการที่ล้ำสมัย รวมถึงการจัดเวทีสัมมนาระดับนานาชาติ โดยมุ่งเน้นกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ไปจนถึงบริการแห่งอนาคต สะท้อนให้เห็นถึงความพร้อมของประเทศไทย และพื้นที่อีอีซี ในการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่ในภูมิภาค

นอกจากนี้ จะมีกิจกรรมไฮไลท์ที่สำคัญภายในงาน อาทิ การจับคู่ทางธุรกิจ (Business Matching) ระหว่างนักลงทุนกับผู้ประกอบการในประเทศ เวทีเสวนาทางนโยบายระดับสูง ซึ่งได้วิทยากรชั้นนำจากภาครัฐ เอกชนร่วมกันถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ ในหัวข้อที่น่าสนใจ เช่น Mega Project Mega Impact การขับเคลื่อนอนาคต EEC ด้วยพลังงานสะอาดและบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน The Next Gen Workforce for EEC เป็นต้น ตลอดจนการจัดแสดงนวัตกรรมจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน กลุ่มสตาร์ทอัพชั้นนำ และพื้นที่สำหรับแสดงสินค้า (Showcase) สำหรับผู้ประกอบการชุมชน วิสาหกิจชุมชน ในพื้นที่อีอีซีไม่น้อยกว่า 20 ราย “EEC EXPO 2025” งานแสดงศักยภาพเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) บนเวทีระดับนานาชาติ นำเสนอความก้าวหน้าด้านโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี และระบบสนับสนุนการลงทุนครบวงจร เปิดโอกาสเชื่อมโยง นักลงทุนไทยและต่างชาติ สู่ 5 อุตสาหกรรมเป้าหมายและบริการแห่งอนาคต จัดแสดงนิทรรศการ เทคโนโลยี และโซลูชั่นจากภาครัฐ เอกชน และสตาร์ทอัพชั้นนำ พร้อมกิจกรรม Business Matching และสัมมนานโยบาย เพื่อขับเคลื่อนการลงทุนอย่างยั่งยืน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ศอ.บต. เดินหน้าพัฒนาศักยภาพเด็กพิการ จชต. มุ่งสร้างโอกาสและคุณภาพชีวิตที่เท่าเทียม

วันนี้ (5 สิงหาคม 2568) ดร.นพ.สมหมาย บุญเกลี้ยง ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. เป็นประธานเปิดกิจกรรมประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพเด็กพิการและครอบครัวในพื้นที่ จชต. ณ ศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 2 จ.ยะลา

กิจกรรมดังกล่าว จัดขึ้นเพื่อฟื้นฟูสภาพเด็กพิการและพัฒนาคุณภาพชีวิตครอบครัวเด็กพิการให้สามารถเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุขอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม

จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 – 8 สิงหาคม 2568 ณ ศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดทั้ง 5 จังหวัด (นราธิวาส ยะลา ปัตตานี สตูล และสงขลา) กลุ่มเป้าหมายประกอบ

ด้วยเด็กพิการ จำนวน 150 คน และผู้ปกครอง จำนวน 150 คน ตลอดจนครูประจำศูนย์การศึกษาโดยกิจกรรมในวันนี้ (5 สิงหาคม 2568) จัดขึ้นในพื้นที่จังหวัดยะลา

ทั้งนี้ ศอ.บต. พร้อมสนับสนุนและส่งเสริมคนพิการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและสามารถมีส่วนร่วมในสังคมได้อย่างเต็มศักยภาพต่อไป

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “เลือดเนื้อ เชื้อชาติไทย” ไปด้วยใจ ศูนย์รับผู้อพยพวัดป่าซำตารมย์ ต.ตระกาจ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ

วันอาทิตย์ที่ 3 สิงหาคม 2558 นำทีมโดย นายพัฒนา โต๊ะชาลี ที่ปรึกษา กิตติมศักดิ์ ด้านกฎหมาย นายสราวุต อ่อนทรวง บก.ข่าวภูมิภาคสำนักข่าวบางกอกทูเดย์ และ หัวหน้าศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หนังสือพิมพ์เรื่องจริงผ่านเลนส์ พร้อมทีมงานและผู้ใหญ่ใจบุญ จากจังหวัดสกลนคร นครพนมกว่า30 ชีวิต ได้นำข้าวสารอาหารและน้ำดื่ม ไปมอบที่ศูนย์ บ้านซำตารมณ์ ลงพื้นที่จริง ในอำเภอกันทรลักษ์จังหวัดศรีสะเกษ แก่ผู้อพยพที่ได้รับผลกระทบจากการประทะกันระหว่างไทยกับกัมพูชา

ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฏาคม 2568 ยอดทั้งหมด 330 คน รับผู้อพยจาก ต.รุง ต.ทุ่งใหญ่ ต.เมือง ต.หนองหญ้าลาด ต.สังเม็ก ต.ขนุน ต.บึงมะลู ต.น้ำอ้อม ต.เวียงเหนือ ต.ชำ ต.สวนกล้วย รวม 11 ตำบล ของอำเภอกันทรลักษ์ มีทั้งผู้สูงอายุ ผู้

พิการ เด็กเล็ก เด็กอ่อน และหญิงตั้งครรภ์ สื่งที่ต้องการจะเป็นอาหารสด หมู ปลา ไก่ ไข่ ผัก เพื่อนำมาทำอาหารให้กับผู้อพยพได้ทาน ทั้ง 3 มื้อ ต่อวัน ครับ และขอกราบขอบพระคุณผู้ใหญ่ ใจบุญที่มอบ ข้าวสารมาม่าน้ำดื่มยากันยุง ขนม เสื้อผ้า สาด หมอน ผ้าห่ม และสิ่งจำเป็นต่างๆ และ

นายปัณณวิชญ์ กุลตังคะวนิชย์ นายอำเภอบ้านม่วงพร้อมชาวบ้านจังหวัดสกลนคร และพ่อค้าแม่ค้าจังหวัดนครพนม ทุกท่าน รายชื่อผู้สนับสนุน และร่วมบริจาคสิ่งของ จากอำเภอบ้านม่วงจังหวัดสกนคร นายสมพาร์น เหล่าไชย ประธานชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อำเภอ บ้านม่วง อ.ส. ยุทธนา สุ่มมาตย์ อ.ส. ธีระศักดิ์ บุญปากดี อ.ส. ปิติพงษ์ ศรีขันแก้ว.อ.ส. นันธวุฒิ ศรีสุธรรม อ.ส. เกียรติยศ เพชรนอก นางสาวพรรัตน์ หงษ์วิไล จนท.ปกครอง
นางภาวรินทร์ อาพัดนอก ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน

รายชื่อผู้ใหญ่ใจบุญและทีมงานจิตอาสาชาวบ้านลงพื้นที่มอบสิ่งของ
นางสาวภาวินี มูลสนาม นางสาวปุญณิศา มูลสนาม นางสาวกฤษชนก ไทยบวงนายพัฒนา โต๊ะชาลี นายธีระศักดิ์ น้อยชาลี นายธนภัทร น้อยชาลี นายสันตะ น้อยชาลี เด็กหญิงกัญญาภัทร น้อยชาลี เด็กหญิงฐิติภัทร น้อยชาลี เด็กหญิง

เสาวลักษณ์ น้อยชาลี นางสาวเสริม ภูดางวัว นางเตรียมจิตร ทุมกิ่ง
คุณอ่อนสา แจ่นประโคน คุณคำแสน ผลเคน คุณประเสริฐ เสริมสุข คุณวิไลลัก จันทโคตร คุณสมจิตร ราชเมือง คุณฉวีวรรณ คำเพ็ง คุณปัญญา คุณทรงธรรม วงค์เทศ คุณศุภกิจ โพธิ์ศรีมีสุข คุณคณิต ชัยจันทร์ ผู้สื่อข่าว บริษัทสุขสมบูรณ์น้ำมันปาล์มสกล จำกัด นางสาวภาวินี มูลสนาม

นางสาวปุญณิศา มูลสนาม นางสาวกฤษชนก ไทยบวง นายพัฒนา โต๊ะชาลี นายธีระศักดิ์ น้อยชาลี นายธนภัทร น้อยชาลี นายสันตะ น้อยชาลี เด็กหญิงกัญญาภัทร น้อยชาลี เด็กหญิงฐิติภัทร น้อยชาลีเด็กหญิงเสาวลักษณ์ น้อยชาลี นางสาวเสริม ภูดางวัว นางเตรียมจิตร ทุมกิ่ง คุณอ่อนสา แจ่นประโคน คุณคำแสน ผลเคน คุณประเสริฐ เสริมสุข คุณวิไลลัก จันทโคตร

คุณสมจิตร ราชเมือง คุณฉวีวรรณ คำเพ็ง คุณปัญญา คุณทรงธรรม วงค์เทศ คุณศุภกิจ โพธิ์ศรีมีสุข คุณคณิต ชัยจันทร์ ผู้สื่อข่าวร้อยเอ็ด พ.ต.อ.ชัชวาล ดวงแก้ว ผกก.สภ.สว่างแดนดิน พ.ต.ท. สมพงษ์แรงรอบ รอง.ผกก.สส.สส.ภูผธรจังหวัดนครพนม คุณประสิทธิ์ สาขา ผู้อำนวยการแขวงการหลวงที่ 1 สกลนคร บริษัทสุขสมบูรณ์น้ำมันปาล์มสกล จำกัด จีรพัฒน์ ไชยา บานเย็น ภาโสม วนิดา โพธิ์ไพร วิชาการ โพธิ์ไพร ดาว สมฤทธิ์ ชัญรัตน์ ก่อเกื้อ

สราวุต อ่อทรวง ภาพ/ข่าว

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ผู้ว่าฯจ.ลพบุรี รับมอบเงินพระราชทานขวัญถุงกองทุนแม่ของแผ่นดิน ประจำปี 2568 จากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2568 เวลา 17.03 น. ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี นายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี พร้อมด้วย นางบัณฑิตา หมื่นพรม พัฒนาการจังหวัดลพบุรี และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง นำประธานและกรรมการเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินจังหวัดลพบุรี ประธานหมู่บ้านต้นกล้ากองทุนแม่ของแผ่นดินจังหวัดลพบุรี ปี 2568 เข้าร่วมพิธีมอบเงินพระราชทานขวัญถุงกองทุนแม่ของแผ่นดิน และร่วมรับเสด็จสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงเสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปทรงเป็นองค์ประธานในงานมหกรรมกองทุนแม่ของแผ่นดิน ประจำปี 2568

ในการนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เป็นผู้แทนหมู่บ้าน / ชุมชน กองทุนแม่ของแผ่นดิน ประจำปี 2568 จังหวัดลพบุรี เข้ารับพระราชทานเงินขวัญถุงกองทุนแม่ของแผ่นดิน ประจำปี 2568 จากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี โดยเงินพระราชทานดังกล่าว จะนำไปเป็นทุนตั้งต้นและต่อยอดในการขับเคลื่อนภารกิจด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในระดับหมู่บ้านและชุมชน ตามพระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ด้วยแนวทางสันติวิธี ส่งเสริมการประกอบสัมมาชีพตามความถนัด รวมทั้งดูแลช่วยเหลือ ให้โอกาสผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด ให้กลับเข้ามาอยู่ร่วมกันในหมู่บ้าน/ชุมชนด้วยความสงบสุข ควบคู่การจัดระบบกลไกการเฝ้าระวัง ตรวจตรา ให้ประชาชนเกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่หมู่บ้าน และชุมชน ในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืนต่อไป

สนอง แท่นสูงเนิน
/ ฝ่ายประชาสัมพันธ์จังหวัดลพบุรี ภาพ/ข่าว

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / เสียงดังสนั่น เก็บกู้ระเบิด-EOD เก็บกู้ระเบิดBM-21 ของกัมพูชา ที่ยิงมาตกบนพระวิหารเส้น อ.กันทรลักษ์ ไปผาหมออีแดง

***ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 4 ส.ค. 68 เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ระเบิด EOD เข้าวางแผนเพื่อจะเก็บกู้ระเบิด BM-21 ของกัมพูชา ที่ยิงมาตกบนพระวิหารเส้นอำเภอกันทรลักษ์ จะไป ผาหมออีแดง ห่างจากปั๊ม ปตท.บ้านผือ ที่ลูกระเบิด BM-21 ตกลงมาใส่ที่ร้านสะดวกซื้อ ประมาณ 100-200 เมตร โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ในการวางแผนทำแนวกัน และเคลียร์พื้นที่เอาคนออก ปิดกั้นการจราจร 100% ก่อนจะมีการระเบิดทำร้ายลูกระเบิด BM-21 ที่ตกอยู่บนถนนดังกล่าว

***หลังจากระเบิดทำร้ายลูกระเบิด BM-21 ที่ตกอยู่บนถนนแล้วเจ้าหน้าที่ได้ใช้รถแม็คโคร ของกรมทางหลวง เข้ามาขุดเคลียร์พื้นที่ เพื่อความปลอดภัย ให้เชื่อได้ว่าลูกระเบิดได้ถูกทำร้ายแล้ว โดย ร.ต.อ.ประวิทย์ สุทธวงษ์ รองสารวัตร กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ หัวหน้าชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด-EOD เปิดเผยว่า

การเก็บกู้ระเบิดในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ในการทำหน้าที่เข้าทำลายระเบิดในพื้นที่อำเภอกันทรลักษ์เพื่อให้ประชาชนได้เข้าใช้พื้นที่ให้เร็วที่สุด ในการเก็บกู้ระเบิดจะมีส่วนสำคัญส่วนที่ยากที่สุดสำคัญที่สุด การทำงานเก็บกู้ระเบิดในครั้งนี้แล้วจะต้องทำงานร่วมกันในหลายๆภาคส่วน ทางเทศบาลป้องกันบรรเทาสาธารณภัย การเข้าทำงานในแต่ละครั้งเราจะต้องประเมินความเสียหายก่อน

***ซึ่งการทำงานเก็บกู้ระเบิดในครั้งนี้ ลักษณะของปลูกระเบิดหัวจะปักลงดิน การเก็บกู้ระเบิดในครั้งที่ 2 นี้เรียบร้อยสมบูรณ์ดี มีการกั้นกระเซาะทรายเพิ่มเติมมากกว่าที่ผ่านมาเราจะต้องอาศัยจากประสบการณ์จากรอบที่ผ่านมาเพื่อความปลอดภัยสูงสุดในการปฏิบัติหน้าที่ เราใช้ TNT ในการทำลายระเบิด ลักษณะของการปักรูระเบิดครั้งนี้จะปังเอียง รอบนี้จะกู้ง่ายกว่ารอบที่ผ่านมา ความลึกของรูกระสุนที่ปักลงไปตามแนวเอียงประมาณ 1 .5 เมตร

**ต่อจากนี้เราจะต้องขุดหาหลักฐานว่าระเบิดทำงานสมบูรณ์ขนาดไหนถึงจะทราบว่าการทำงานของระเบิดเรียบร้อยสมบูรณ์แล้วเพราะพื้นที่นี้เป็นพื้นที่ถนนประชาชนจะต้องใช้ในการสัญจรไปมาตลอดเพื่อความปลอดภัยของประชาชน ทางชุดจะกู้ระเบิดจะทำงานในจุดที่เป็นพื้นที่สำคัญก่อนถึงจะทยอยไปตามจุดอื่นๆที่ยังมีลูกระเบิดหลงเหลืออยู่

***ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมอีกว่า หลังจากเก็บกู้ระเบิดเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่ชุด EOD ยังได้เดินทางไปสำรวจอีกจุดหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆจากจุดที่ทำร้ายประมาณ 100 เมตร หลังมีชาวบ้านมาบอกว่าพบมีหลุ่มคล้ายระเบิดอยู่ตรงจุดนี้ พอเจ้าหน้าที่เข้าพบว่าเป็นหลุ่มระเบิดจริงๆ คล้ายจะเป็นลูกระเบิด BM-21 หน้าจะเป็นชุดเดียวกันที่ยิงมาตกที่ร้านสะดวกซื้อในปั๊มน้ำมัน แต่อาจจะเป็นคนละคัน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ปิดกันพื้นที่ไว้ก่อน รอให้ประชุมวางแผนก่อนถึงจะหาวันเวลาลงเก็บกู้ต่อไป

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / พล.ต.อ.ประจวบฯ รอง ผบ.ตร. ตรวจเยี่ยม สภ.แม่โป่ง ติดตามโครงการสร้างเครือข่ายภาคประชาชน

เชียงใหม่ – เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2568 พล.ต.อ. ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) พร้อมคณะฯ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมสถานีตำรวจภูธรแม่โป่ง (สภ.แม่โป่ง) จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อติดตามและประเมินผลโครงการ “สร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชนในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในระดับสถานีตำรวจ เพื่อสนับสนุนการป้องกันอาชญากรรม” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568

เมื่อเดินทางมาถึง สภ.แม่โป่ง พล.ต.อ.ประจวบฯ ได้รับการต้อนรับจาก พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5,พล.ต.ต.นพดล กรึงไกร รอง ผบช.ภ.5. พล.ต.ต.ยุทธนา แก่นจันทร์ ผบก.ภ.จว. เชียงใหม่,

นายนิติปกรณ์ แสงสุวรรณ นายอำเภอดอยสะเก็ด, พ.ต.อ.สุรชัย ศุภยศอมร รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่, พ.ต.ท.วิมล วงศ์สิงห์ สว.สภ.แม่โป่ง และข้าราชการตำรวจในพื้นที่ เทศบาลตำบลแม่โป่ง,กำนัน, ผู้ใหญ่บ้าน, คณะครูและนักเรียนจากโรงเรียนแม่โป่งประชาสามัคคี ก่อนจะมอบโอวาทและพูดคุยกับข้าราชการตำรวจเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ

นอกจากนี้ พล.ต.อ.ประจวบฯ ยังได้พบปะพูดคุยกับภาคีเครือข่ายภาคประชาชนกว่า 50 คน ที่มีส่วนร่วมในโครงการฯ เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะต่างๆ พร้อมทั้งเป็นตัวแทนมอบทุนสร้างบ้านจำนวน 2 หลัง ให้กับผู้ยากไร้ในพื้นที่ สภ.แม่โป่ง โดยมีผู้ใหญ่บ้านเป็นตัวแทนรับมอบ

จากนั้นคณะตรวจประเมินได้เข้าประชุมภายในห้องประชุมของ สภ.แม่โป่ง โดยมีพ.ต.ท.วิมล วงศ์สิงห์ สว.สภ.แม่โป่ง ได้นำเสนอผลการดำเนินงานของโครงการฯ ผ่านวิดีทัศน์ เพื่อให้คณะตรวจประเมินได้รับทราบข้อมูลและประเมินผลการทำงานตามวัตถุประสงค์ของโครงการต่อไป.

สมจิตร แสงบัลลังค์ ภาพ/ข่าว

​สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / จับกระบะขน “อะโวคาโดเถื่อน” กว่า 2.7 ตัน! ลอบนำเข้าจากมุกดาหาร ส่งขาย​ปทุมฯ ผ่านด่านศุลกากร-กักพืชฉลุย…

เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2568 พ.ต.ท.สรศักดิ์ แสงจันทร์ สวญ.ส.ทล.2 กก.1 บก.ทล. พร้อมด้วย ร.ต.อ.ปรัชญานนท์ ยงยิ่ง รอง สว., ร.ต.ต.อรรถพล สมหวัง, ร.ต.ต.ณรงค์ สายหยุด รอง สว. (ป) และเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา นายนันทวัฒน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี พร้อมของกลาง ผลอะโวคาโดสดบรรจุในตะกร้าพลาสติกสีดำ จำนวน 110 ตะกร้า น้ำหนักรวมประมาณ 2,750 กิโลกรัม

และรถกระบะสีขาว จำนวน 1 คัน บริเวณริมถนนมิตรภาพ ขาเข้า กทม. กม.4 ต.ตลิ่งชัน อ.เมืองสระบุรี จ.สระบุรี สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเบาะแสว่ามีการลักลอบขนอะโวคาโดสดจาก อ.เมืองมุกดาหาร โดยไม่ผ่านด่านกักกันพืชและศุลกากร เจ้าหน้าที่จึงวางแผนเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณถนนมิตรภาพ จนพบรถต้องสงสัย ก่อนติดตามและแสดงตัวขอเข้าตรวจค้น พบผลไม้ต้องห้ามดัง

กล่าวโดยไม่มีเอกสารศุลกากร และไม่มีใบรับรองสุขภาพพืช (Phytosanitary Certificate) ตาม พ.ร.บ.กักพืช พ.ศ. 2507 จากการสอบสวนเบื้องต้น นายนันทวัฒน์ฯ ให้การรับสารภาพว่า ได้รับจ้างขนอะโวคาโดจากบ้านนาติ้ว ต.บางทรายใหญ่ อ.เมืองมุกดาหาร เพื่อไปส่งที่ตลาดใน ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยรับค่าจ้าง 5,800 บาท ผ่านการติดต่อจากชายชื่อ นายสุรนาถ หรือ “อั้ม” ผ่านแอปพลิเคชัน Messenger โดยระบุว่าไม่ได้ผ่านการตรวจของด่านศุลกากรและด่านกักพืชใดเลยตั้งแต่มุกดาหารจนถึงจุดจับกุม

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา “นำเข้าสิ่งของต้องห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีใบรับรองสุขภาพพืชจากประเทศต้นทาง” อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.กักพืช พ.ศ.2507 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง พร้อมนำตัวผู้ต้องหาและของกลางส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสระบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปอะโวคาโดเถื่อน #ลอบนำเข้า #กักพืช #ตำรวจทางหลวง #สระบุรี #มุกดาหาร #ตลาดปทุมธานี #ข่าวอาชญากรรม #จับของเถื่อน #ด่านศุลกากรมุกดาหาร #กรมศุลกากร #กระทรวงการคลัง #ด่านกักพืชมุกดาหาร #กรมวิชาการเกษตร #กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ #ข่าวด่วน #ข่าววันนี้​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ปิดการแข่งขันกีฬาฟุตซอล กต.ตร.สภ.เมืองชุมพร Supper cup


ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม 2568 พันตำรวจเอก ปัญญา ท้วมศรี ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมือง ชุมพรให้เกียรติมาเป็น

ประธานปิดการแข่งขันกีฬาฟุตซอล กต.ตร.สภ.เมืองชุมพร Supper cup ครั้งที่ 1 ร่วมกับ นายจรินทร์ ก๋งม้า ประธานสภาทนายความจังหวัดชุมพร /กต.ตร.สภ.เมืองชุมพร นายธนากร โกศลเมธี กต.ตร.สภ.เมืองชุมพร

การแข่งขันในครั้งนี้จำนวน ๓๕ ทีม โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้ ๑. เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนในพี้นที่ใกล้เคียงให้มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ รู้จักใช้ เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ห่างไกลจากอบายมุข และยาเสพติด ๒. เพื่อส่งเสริมให้เยาวชน

ตระหนักถึงการออกกำลังกายโดยใช้ กีฬาเป็นสื่อในการ พัฒนาร่างกายและจิตใจ ๓. เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนได้มีความสามัคคี รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย มีน้ำใจนักกีฬา เกิดความสามัคคี และความสัมพันธ์อันดีภายในหมู่คณะ ๔. เพื่อให้เด็กและเยาวชนห่างไกลยาเสพติด ตามนโยบายของรัฐบาล ” No Drugs No Dealers ”

รวมพลังยับยั้งปัญหายาเสพติด ผนึกกำลังชุมชนปลอดยาเสพติด ชิงเงินรางวัลรวมมูลค่า 50,000 บาท ผลสรุปทีมที่เข้าชิงชนะเลิศ อายุไม่เกิน12 ปี ทีม อนุบาลสวี อันดับที่ 1 ทีม ฉลามน้อย ระนอง อันดับที่ 2 ทีม รร.บ้านเขาถล่ม อัยดับที่ 3 ทีม สวนศรี. 29 อันดับที่ 4 อายุไม่เกิน 18ปี รร.ละเเมวิทยา

อันดับที่ 1 ทีม. 13. น้ำ อันดับที่ 2 ทีม. อาเเคร์ ออฟติค อันดับที่ 3 ทีม อื้อ . ฮือ อันดับที่ 4 พันตำรวจเอก ปัญญา ท้วมศรี กล่าวว่า การจัดการแข่งขันฟุตซอล ซุปเปอร์คัพ กต.ตร.สภ. เมืองชุมพรในครั้งนี้เป็นการต้านภัยยาเสพติด เป็นความมุ่งหวังว่าให้ น้องๆจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด

ในนามของ กต.ตร. สภ. เมืองชุมพรขอขอบคุณอาคณะจัดการแข่งขัน และน้องนักกีฬาฟุตซอลที่เข้ามาแข่งขัน รวมทั้งทีมงานโรงเรียนเทศบาล1บ้านท่าตะเภาที่ช่วยจัดการแข่งขัน

ในครั้งนี้และหวังว่าน้องน้องจะมีใจรักในการเล่นกีฬา สร้างความสามัคคี ให้รู้รักสามัคคีรู้แพ้รู้ชนะรู้อภัย มีน้ำใจเป็นนักกีฬาและสุดท้ายนี้ก็ขอให้น้องน้องเดินทางกลับบ้านด้วยความปลอดภัย

สือรัฐ ทีวี บก.เอกสิทธ์ หมวดทอง