สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ตร.ภาค 5 จัดกิจกรรมจิตอาสาประกอบเลี้ยงอาหารและขนมให้กับเด็กนักเรียนและบุคลากร รร.สอนคนตาบอดภาคเหนือ

20 มิถุนายน 2568 พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยง รอง ผบช.ภ.5 นำคณะข้าราชการตำรวจจิตอาสา ประกอบด้วย พ.ต.อ.ฐาปนพงษ์ ชัยรังษี รอง ผบก.อก.ภ.5 , พ.ต.อ.หญิงสุธิดา สมิทธิไกร ผกก.ฝอ.2 บก.อก.ภ.5 และข้าราชการตำรวจในสังกัด บก.อก.ภ.5 จำนวน 20 นาย

พร้อมด้วยภาคเอกชน ประกอบด้วย คุณภัทรวัลย์​ อวดตัว​, คุณจินดารัตน์ นันตัง ,คุณอารีย์ ศรีวิชัย และ มูลนิธิสายใยความหวัง โดยคุณนาธาน อึนบิน คิม, คุณโจอัน คิยงฮวา ลี, คุณโจแช คิม ได้ร่วมกันกิจกรรมจิตอาสาประกอบเลี้ยงอาหารและขนมให้กับเด็กนักเรียนและบุคลากร รร.สอนคนตาบอดภาคเหนือ เพื่อเทิดพระเกียรติ แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568

โดยมี คุณสุวิทย์ สุทาลา
ผอ.โรงเรียนสอนคนตาบอดภาคเหนือในพระบรมราชินูปถัมภ์ จังหวัดเชียงใหม่ และบุคลากรในสังกัดร่วมให้การต้อนรับและร่วมจัดทำขนม Frence Toast เสิร์ฟพร้อมผลไม้ นม ไอศกรีม ยาคูลย์ และขนมขบเคี้ยว ให้กับเด็กนักเรียน รวมจำนวน 50 คน และมอบสลัดผักสด ให้กับบุคลากรของโรงเรียน จำนวน 60 กล่อง โดยการประกอบการจัดทำขนมเมนูดังกล่าว เป็นการต่อยอดของโครงการส่งเสริมการฝึกอาชีพของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภาค 5

ซึ่งข้าราชการตำรวจและครอบครัว ตลอดจนสมาชิกและประชาชนโดยทั่วไปสามารถเข้าร่วมโครงการดังกล่าวได้ทุกวันพุธของทุกสัปดาห์ เวลา 11.30 – 13.00 น. เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ณ ห้องชมรม English Corner@Police 5 ทั้งนี้การจัดกิจกรรมจิตอาสาดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมของตำรวจภูธรภาค 5 เพื่อเทิดพระเกียรติ แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568////

สมจิตรแสงบันลังค์รายงาน.

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / รมว.ยุติธรรมลงพื้นที่เวทีประชาจิตอาสารับฟังเสียงสะท้อนปัญหายาเสพติดในพื้นที่ อ.ตากใบ 1 ใน 11 อำเภอของ จ.นราธิวาส 150 ชุมชน

ใน จชต. ที่อาคารเอนกประสงค์ องค์การบริหารส่วนตำบลไพรวัน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ลงพื้นที่ร่วมกิจกรรมเวทีประชาจิตอาสา เอาชนะยาเสพติด เพื่อรับฟังเสียงสะท้อนจากประชาชนเกี่ยวกับการบำบัดรักษายาเสพติดในพื้นที่ ต.ไพรวัน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส โดยมีพล.อ.วิชาญ สุขสง ประธานยุทธศาสตร์การแก้ปัญหายาเสพติดภาคประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ พลตำรวจโท พัฒนวุธ อังคะนาวิน ที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม นายวิชาญ ชัยเศรษฐสัมพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายแพทย์เอกวิทย์ จินดาเพ็ชร รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส นายแพทย์ภุชงค์ วงศ์หิรัญรัชต์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตากใบ นายสุรินทร์ จันทร์เทพ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดนราธิวาส ตลอดจนประชาชนในพื้นที่ร่วมเวทีประชาจิตอาสาในครั้งนี้

สำหรับเสียงสะท้อนปัญหาจากประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับการบำบัดรักษายาเสพติดนั้น  1. สถานที่บำบัดรักษาของรัฐไม่เพียงพอ โดยปัจจุบันหอผู้ป่วยมินิธัญญารักษ์บ้านแสงอรุณ ณ โรงพยาบาลตากใบ สามารถรองรับผู้ป่วยยาเสพติดตั้งแต่ระยะ Acute Care จำนวน 5 เตียงและการบำบัดรักษาแบบระยะกลาง Inter-mediate Care (IMC) จำนวน 15 เตียง รวมทั้งสิ้น 20 เตียง ซึ่งครอบคลุมทุกพื้นที่ในจังหวัดนราธิวาส ซึ่งไม่เพียงพอต่อการรักษา  2. สถานบำบัดเอกชนมีค่าใช้จ่าย ทำให้ครอบครัวผู้บำบัดเดือดร้อน หลายครอบครัวไม่มีเงินพอที่จะเข้ารับการบำบัด ทำให้ไม่สามารถส่งผู้ติดยาเสพติดเข้านับบำบัดได้

ทั้งนี้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ร่วมกับ  สส.จ.นราธิวาส โดย รพ.ตากใบได้แจ้งความประสงค์ขอใช้และปรับปรุงพื้นที่ และสถานที่เพื่อการควบคุมตัวและสถานที่เพื่อการตรวจพิสูจน์ เรือนจำชั่วคราวโคกยามู ตำบลไพรวัน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เพื่อเป็นจังหวัดนำร่องเร่งรัดการบำบัดรักษาฟื้นฟูสภาพทางสังคม ป้องกันและปราบปราม ยาเสพติด และเพื่อให้โรงพยาบาลตากใบใช้เป็นอาคารมินิธัญญารักษ์ สำหรับบำบัดรักษาผู้ป่วยยาเสพติด ซึ่งมีเนื้อที่ 9 ไร่ รองรับผู้บำบัดจำนวน 140 เตียง เป็นสถานที่บำบัดรักษา  โดยปัจจุบันได้รับอนุญาตจากราชทัณฑ์ ให้ใช้พื้นที่แล้ว ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเห็นชอบที่ให้มีสถานบำบัดรักษา ซึ่งเป็นสถานที่ปลอดภัยเพื่อรองรับผู้เข้ารับการบำบัด และพร้อมสนับสนุนภาคประชาชนในการเข้ามามีส่วนร่วมในการบำบัดรักษา และจะผลักดันให้มีนโยบายบำบัดรักษาฟรี 

ด้านพันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่าสำหรับปัญหายาเสพติดในพื้นที่ 3 จังหวัด และ 4 อำเภอ ได้มียุทธการที่จะแก้ปัญหาร่วมกันก็คือเป็นเรื่องของพลังของจิตอาสา ตั้งแต่ประชาชน ชุมชน ข้าราชการเพื่อเอาชนะยาเสพติด และที่สำคัญที่สุดพอไปสำรวจจริงๆก็คือสถานที่บำบัด เพราะเรามีทั้งยาเสพติดที่เป็นจากเคมีสังเคราะห์ เช่น ยาบ้า และเรามีทั้งยาเสพติดที่เป็นพืช เช่นพืชกระท่อม และกัญชา ที่พบว่าปริมาณผู้ใช้และผู้เสพเยอะ ซึ่งเรายังขาดศูนย์บำบัด ซึ่งในความเข้าใจเรื่องการบำบัดหรือการฟื้นฟูระหว่างกระทรวงสาธารณสุข ราชการ กับประชาชนหรือคนทั่วไป ซึ่งคนทั่วไปเข้าใจว่าการบำบัดคือการเอาตัวออกจากชุมชนแล้วไปอยู่ที่กักตัวไว้หรืออยู่ในที่ที่ไม่สามารถกลับไปในหมู่บ้านได้ประมาณ 4 เดือน โดยในระบบสาธารณสุขมีเตียงไม่พอ ซึ่งถ้าไม่มีอาการรุนแรง ทางโรงบาลก็ให้กลับไปอยู่บ้าน ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่เราไม่ได้

เตรียมการหมู่บ้านไว้เพราะในหมู่บ้านเองทุกคนก็ต้องไปทำงานเลย แล้วก็ผู้ที่เข้าไปเมื่อต้องการใช้ยาขึ้นมาก็จะเป็นปัญหา ก็เลยอยากจะมีสถานที่ปลอดภัยสำหรับให้คนไปอยู่แล้วก็ได้รับการดูแล ได้รับการถอนยา ได้รับการฟื้นฟู ซึ่งตอนนี้ก็อยากได้สถานที่บำบัด ในที่นี้ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ริเริ่มก็คือพลังของจิตอาสาที่ลุกขึ้นถามว่าที่ดินที่โคกยามูที่เป็นเรือนจำเก่า โครงสร้างถ้ามาบูรณะยังสามารถที่จะเอาเป็นสถานที่บำบัดได้ เลยขอขึ้นมาโดยฝ่ายสาธารณสุขจะได้มีแพทย์ไป ซึ่งตอนทางกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้แล้วก็เลยมาบอกประชาชน เพราะจากการติดตามของจิตอาสา 1 ตำบลมี 10 หมู่บ้าน หมู่บ้านละ 100 คนก็ 1,000 คน อย่างน้อยสถานที่แห่งนี้ก็จะได้เป็นที่พักการรักษาและการฟื้นฟู ซึ่งเป็นไปได้ว่าในเนื้อที่ 9 ไร่ สามารถสร้างอาชีพ สร้างการศึกษาให้กับผู้ติดยาเสพติดได้ ก็เป็นรูปแบบหนึ่งเป็นโมเดลหนึ่ง อยากให้ทำเป็นโมเดล ซึ่งถ้าโมเดลนี้ทำได้ ต่อไปก็อยากได้เป็นโรงเรียนร้าง เป็นเหมือนศูนย์พักคอยระหว่างจะไปหาหมอ และระหว่างที่จะส่งกลับเข้าหมู่บ้าน แล้วถ้าเป็นจิตเวชก็พักไว้ที่นี่ก่อน

จากบริบทของแต่ละพื้นที่ ซึ่งอันนี้ก็เป็นรูปธรรมอันหนึ่งถือว่าเป็นการจับต้องได้ และในพลังจิตอาสาเพื่อเอาชนะยาเสพติดนั้น พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เป็น ประธานมีแนวโน้มที่จะพัฒนาค่อนข้างเยอะ และในเรื่องผู้ที่บำบัดแล้วกลับมาเสพซ้ำนั้น เรามีปริมาณค่อนข้างเยอะในต่างประเทศเกือบ 50 % ส่วนในประเทศไทยนั้นมี 20% ซึ่งถ้าเขาไม่มีอาชีพรองรับ ไม่มีคุณค่าในสังคม ไม่มีการศึกษา ไม่มีมีงานรองรับ เขาก็จะหวนกลับไปอีก โดยรัฐบาลต้องให้เขามีอาชีพมีงานทำ ซึ่งเราต้องมาร่วมกันเพราะว่า การสร้างอาชีพ โดยเฉพาะในพื้นที่ของจังหวัดนราธิวาสเป็นพื้นที่ชายแดน เราต้องพัฒนาเรื่องการท่องเที่ยว ต้องมีการจ้างงานให้เยอะขึ้น ซึ่งผู้บำบัดจะต้องมีการฝึกอาชีพระหว่างบำบัดด้วย ซึ่งเราต้องทำควบคู่กันไปด้วย

ในส่วนของผู้ค้านั้นเรามีความเข้มข้น โดยเฉพาะผู้ค้าที่เข้าใจว่าตัวเองไม่รู้เรื่องเพราะว่าเขาไม่ได้เป็นผู้ขนยาเสพติด แต่ว่าเขาเป็นผู้บงการจ้างวาน ซึ่งเราจะมีมาตรการเรื่องการฟอกเงินการติดตามเรื่องทรัพย์สินเพราะเงินหรือทรัพย์สินเป็นเส้นเลือดใหญ่ของการค้ายาเสพติด ถ้าเราตัดเส้นเลือดใหญ่แล้วเขาจะหยุดและโทษก็รุนแรง โทษถึงจำคุกตลอดชีวิตแล้ว ซึางการติดตามเรื่องการฟอกเงินหรือการดำเนินการพวกนี้เราไม่มีการกลั่นแกล้ง เพราะมันเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ แล้วหลายคนก็เปลี่ยนแทนที่จะเอาเงินไปฝากก็เป็นทรัพย์สินอื่นๆ ซึ่งขณะนี้ก็มีการดำเนินการอย่างเข้มข้น แล้วเราเองก็จับมือกับประเทศมาเลเซีย ซึ่งก็น่าจะมีกิจกรรมมีผลงานดำเนินคดีให้เห็น
////////////
ข่าว/กรียา/นราธิวาส

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ชาว LGBTQ+ ร่วมแสดงพลังรณรงค์เฉลิมฉลองความหลากหลายทางเพศ พร้อม ให้กำลังใจแม่ทัพ และเหล่าทหารกล้าที่ปฏิบัติหน้าที่ด้านชายแดนไทย-กัมพูชา

***เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 68 ที่บริเวณหน้าโรงแรมพรหมพิมาณ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ กลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือ LGBTQ+ ในจังหวัดศรีสะเกษ ได้ร่วมกันร่วมเดินขบวนรำลึกและฉลอง จากจุดเริ่มต้น สู่ชัยชนะแห่ง Pride ไปด้วยกัน ศรีสะเกษไพรด์พาเหรด 2025 เพื่อเป็นการร่วมกันแสดงภาคภูมิใจของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ ร่วมกันเฉลิมฉลอง และจะมีการประดับธงสีรุ้ง ที่เป็นสัญลักษณ์ โดยสีทั้งหมดจะมีความหมาย คือ สีแดง ได้แก่ การต่อสู้ หรือ ชีวิต ,สีส้ม คือ การเยียวยา ,สีเหลือง เป็น พระอาทิตย์ ,สีเขียว คือ ธรรมชาติ ,สีฟ้า สีคราม เป็น ศิลปะ ความผสานกลมกลืน และ สีม่วง จะบอกถึง จิตวิญญาณของ LGBTQ

***นายอวิรุทธ์ อรรคบุตร แกนนำเปิดเผยว่า กิจกรรมวันนี้เป็นกิจกรรมที่เปิดพื้นที่ให้คนที่มีความหลากลหายทางเพศได้เข้ามาร่วมรณรงค์ และร่วมเฉลิมฉลองความหลากหลายทางเพศร่วมกัน โดยกิจกรรมในวันนี้จะมีการเดินขบวนพาเหรด ซึ่งเรียกว่า ไพรด์ พาเหรด (Pride Parade) เพื่อสนับสนุนสิทธิเสรีภาพของกลุ่ม LGBTQ+ การเปิดเวทีแสดงความคิดเห็น ฟังเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจจากผู้คนหลากหลาย การแข่งขัน Equality Speech เวทีสำหรับทุกคนที่จะมาแสดงพลังแห่งความเท่าเทียม นอกจากนี้ยังมรการร่วมสนุกสุดเหวี่ยงไปกับดนตรีและความบันเทิงเต็มรูปแบบ ซึ่งทุกๆคนสามารถมาร่วมสร้างประวัติศาสตร์และเฉลิมฉลองความหลากหลายไปด้วยกัน

***ด้าน ชาว LGBTQ+ รายหนึ่งให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว วันนี้ตนมีความภาคภูมิใจมากที่สังคมทุกวันนี้ยอมรับ และสนับสนุนสิทธิเสรีภาพของกลุ่ม LGBTQ+ ซึ่งวันนี้ตนแต่งตัวมาในชุดทหารสาวเพื่อมาร่วมกิจกรรมและขบวนแห่ และให้เข้ากับสถานการณ์ทุกวันนี้ โดยส่วนตัวไม่อยากให้มีความรุนแรง อยากให้สถานการณ์ชายแดนสงบสุข ไม่อยากจะให้มีการปะทะกัน นอกจากนี้ก็อยากจะให้กำลังใจท่านแม่ทัพ ภาค 2 ในการปกป้องอธิปไตยของชาติ และอยากให้ท่านแม่ทัพ ภาค 2 และทหารกล้าทุกท่านที่ปฎิบัติหน้าอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องห่วงข้างหลัง
ภาพ/ข่าว วนิดา,ชาญฤทธิ์

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / การผลิตทุเรียนคุณภาพ ชุมพร มหกรรมทุเรียนคุณภาพชุมพร Chumphon Durian Expo 2025 (Chumphon DE 2025) / จัดกิจกรรม มหาดไทยสีขาว เพื่อเป็นการรณรงค์ให้เกิดจังหวัดสีขาว

จังหวัดชุมพร ร่วม เอกชน และชุมชนท้องถิ่น เดินหน้าจัดงาน “มหกรรมทุเรียนคุณภาพชุมพร 2025” (Chumphon Durian Expo 2025) เพื่อพัฒนาศักยภาพเกษตรกร ผู้ผลิตทุเรียนคุณภาพสูง ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม หวังเพิ่มมูลค่าการผลิต พร้อมตอกย้ำความเป็นศูนย์กลางทุเรียนภาคใต้ ที่มีผลผลิตเป็นอันดับสองของประเทศ ระหว่างวันที่ 26 – 28 มิ.ย. นี้

นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เปิดเผยว่า จังหวัดชุมพรมีนโยบายในการพัฒนาการผลิตทุเรียน และไม้ผลอื่นๆ ที่เป็นพืชเศรษฐกิจหลัก ด้วยการยกระดับคุณภาพการผลิตให้ดียิ่งขึ้น โดยใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ ส่งเสริมการผลิตสินค้ามาตรฐานส่งออก โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาส่ง

เสริม สนับสนุนทุกกลุ่มอย่างเต็มที่ โดยปัจจุบันจังหวัดชุมพร เป็นแหล่งผลิตทุเรียนที่สำคัญของประเทศ โดยมีพื้นที่ปลูกและปริมาณผลผลิตทุเรียนเป็นอันดับสองของไทย โดยมีเนื้อที่ปลูกทุเรียน 327,793 ไร่ ปริมาณผลผลิตทุเรียนออกสู่ตลาดกว่า 236,574 ตัน ถือเป็นตลาดรองรับการส่งออกใหญ่ที่สุดในภาคใต้ ในปีที่ผ่านมามีมูลค่าการส่งออกทุเรียนชุมพรประมาณ 33,257 ล้านบาท ทั้งนี้จังหวัดชุมพร

มีสภาพทางภูมิศาสตร์ที่เหมาะสมในการปลูกทุเรียน เนื่องจากดินน้ำอุดมสมบูรณ์ และสภาพภูมิอากาศขนาบด้วยลมมรสุมทะเล จึงได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ทุเรียนชุมพรสร้างงานให้กับแรงงานในภาคเกษตรกรรมมีรายได้อย่างมั่งคง
“การจัดกิจกรรม “มหกรรมทุเรียนคุณภาพชุมพร 2025” (Chumphon Durian Expo 2025)

ถือเป็นการส่งเสริมพัฒนาคุณภาพการผลิตทุเรียนชุมพร นำเสนอองค์ความรู้นวัตกรรม และเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นแนวทางให้เกษตรกรใช้ในการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งสร้างแรงกระตุ้นให้เกษตรกรรักษาคุณภาพมาตรฐานสินค้าของตนเอง และยกระดับคุณภาพของผลผลิตเพื่อให้สอดคล้องกับกระแสความต้องการของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ” นายเธียรชัย กล่าว

นายสุบรรณ์ รักษ์ทอง เกษตรจังหวัดชุมพร กล่าวว่า การจัดงาน “มหกรรมทุเรียนคุณภาพชุมพร-Chumphon Durian Expo 2025” จัดขึ้นเพื่อเป็นการต่อยอดความสำเร็จ พร้อมรักษามาตราฐานคุณภาพทุเรียนชุมพร ด้วยการนำเทคโนโลยี

ความรู้ และนวัตกรรมใหม่ๆ มาปรับใช้ในกระบวนการผลิตของเกษตรกร และเป็นโอกาสอันดีที่จะสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศว่าทุเรียนชุมพรเป็นผลไม้คุณภาพสูงและปลอดภัย
ภายในงานประกอบด้วย 6 กิจกรรม ได้แก่

      ๑.การเสวนาเชิงวิชาการเกี่ยวกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีการผลิต เพื่อให้ทุเรียนผลสดเป็นไปตามมาตราฐานสินค้าเกษตร เพื่อการส่งออกและจำหน่ายในประเทศ ประกอบด้วย การเสวนาหัวข้อ: -การจัดการสวนทุเรียนหลังเก็บผลผลิต โดยคุณกิตติพงษ์ ช่วยเมือง (พงษ์ เกษตรทันใจ) นักวิชาการอิสระ เจ้าของช่องยูทูปเกษตรทันใจ น้ำคือชีวิต
- การเสวนาหัวข้อ: การให้น้ำเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพด้านการเจริญเติบโตของทุเรียน โดยคุณหลุยส์ รัตนราช โพธิ์มณี เจ้าของบริษัทระบบน้ำอินฟินิตี้ วอเตอร์ เทค ซิสเต็ม จำกัด

-.การเสวนาหัวข้อ: การปรับตัวของเกษตรกรจังหวัดชุมพรในการผลิตทุเรียน (สภาพอากาศที่เปลี่ยนไป ราคา และตลาดปลายทาง)สู่การพึ่งพาตนเองแนวใหม่ โดย ดร.ฐิระ ทองเหลือ คณบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้-ชุมพร
-.การเสวนาหัวข้อ: การดูแลเรื่องโรคในทุเรียนและจัดการแมลงในทุเรียน โดยดร.ปฏิมาพร ปลอดภัย อาจารย์ประจำสาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และ คุณวศินี อินศฤงคาร นักศึกษาปริญญาเอก
๒.การจัดประกวดผลผลิตทุเรียนหมอนทอง ทุเรียนเบญจพรรณ และมังคุล ผู้ชนะจะได้รับรางวัลเงินสด พร้อมประกาศนียบัตร  ๓.การแข่งขันกินทุเรียน แข่งขันวิ่งผลัดหาบทุเรียน ชิงรางวัล
๔.กิจกรรม ชิม แชร์ การซื้อสินค้าราคาพิเศษช่วงกิจกรรมนาทีทอง
๕.การแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับทุเรียนตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ โดยมีทั้งหน่วยงานราชการและบริษัท นำความรู้มาร่วมแสดง เช่น ความรู้ในเรื่องการเพิ่มธาตุอาหารให้ดิน ระบบน้ำ เครื่องจักรที่ทันสมัย การส่งออกทุเรียน การเพิ่มมูลค่าผลผลิตทุเรียนด้วยการแช่แข็ง บริษัทส่งออกและรับซื้อผลผลิตทุเรียน การตรวจสารตกค้างในทุเรียน บริษัทตัวแทนรับผลผลิตเพื่อไปตรวจสารตกค้าง
๖.ยามค่ำคืนยังจัดให้มีการแสดงดนตรีจากศิลปินที่มีชื่อเสียงอีกด้วย

นางสาวยุพาพร สวัสดี พาณิชย์จังหวัดชุมพร กล่าวถึงมาตรการด้านการตลาดและการช่วยสนับสนุน และเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้กับเกษตรกรจังหวัดชุมพร โดยได้นำสินค้าไปร่วมจำหน่าย ในห้างสรรพสินค้าโมเดิร์นเทรดต่างๆ ทั้งในกรุงเทพมหานคร และ จังหวัดอื่นๆ

นอกจากนี้ยังมีการจัดเจรจาธุรกิจ ระหว่างผู้ประกอบการกับผู้ซื้อทั้งในประเทศ และต่างประเทศ รวมทั้งสนับสนุนการสร้างแบรนด์สินค้า เพื่อเพิ่มมูลค่าและสนับสนุนบรรจุภัณฑ์ให้กับกลุ่มเกษตรกร และเกษตรกรรายย่อยเพื่อทำการตลาดออนไลน์ นอกจากนี้ยังมีมาตรการในการตรวจสอบคุณภาพสินค้า และเครื่องชั่งให้ตรงตามมาตรฐานเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคอีกด้วย นางสาวยุพาพร กล่าว

ด้านนายจาฏพจน์ ไกรมาก ประธานหอการค้าจังหวัดชุมพร กล่าวว่า “งานในปีนี้จะเป็นเวทีสำคัญในการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงเป็นโอกาสให้ภาคธุรกิจและเกษตรกรได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ ตลอดจนเป็นการประชาสัมพันธ์ความสามารถและจุดแข็งของจังหวัดชุมพรในด้านการเกษตรผลไม้ในระดับภูมิภาคและระดับประเทศ”

นอกจากนี้ นายสุรินทร์ เหล่าพัทรเกษม เจ้าของเพจชุมพรฟ้าใหม่ “ยังได้เชิญชวนนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปเข้าร่วมงานและกิจกรรมเสริมในพื้นที่ว่างาน มหกรรมทุเรียนคุณภาพชุมพร 2025 (Chumphon Durian Expo 2025) เปิด

โอกาสให้ทุกคนได้สัมผัสบรรยากาศงาน ชิมผลไม้สดใหม่ หารายละเอียดเกี่ยวกับการปลูกและการแปรรูปทุเรียน รวมทั้งการเที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดชุมพร ซึ่งมีทั้งธรรมชาติอันงดงาม วัฒนธรรมพื้นบ้าน และอาหารพื้นเมืองที่อร่อยไม่แพ้ใคร”

เชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมชมงาน “มหกรรมทุเรียนคุณภาพชุมพร 2025” (Chumphon Durian Expo 2025) ระหว่างวันที่ ถึง 26- 28 มิถุนายน 2568 เวลา13 .00 -23 .00 น. ที่โครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ ตำบลบางลึก อำเภอเมืองชุพร จังหวัดชุมพร

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514

จัดกิจกรรม มหาดไทยสีขาว เพื่อเป็นการรณรงค์ให้เกิดจังหวัดสีขาวอย่างเป็นรูปธรรม และป้องกันมิให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด

วันที่ 19 มิถุนายน 2568 ตั้งแต่เวลา 09.30 - 15.00 น.   นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร  ว่าที่ร้อยตรี กิตติภพ รอดดอน รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร นายอภิชาติ สาราบรรณ์  รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร นายกัมปนาท กลิ่นเสาวคนธ์  ปลัดจังหวัดชุมพร น.ส.ปานนภา สุภาพรเหมินทร์ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดชุมพร   โดยการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดในร่างกายของบุคลากรในสังกัดกระทรวงมหาดไทยในระดับจังหวัด และส่วนราชการทุกส่วนราชการ      จำนวน 462 ราย ณ ศาลากลางจังหวัดชุมพร  กระทรวงมหาดไทย  ได้มีข้อสั่งการ ให้ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ส่วนราชการทุกส่วนราชการ บุคลากรของหน่วยงานรัฐ ต้องปลอดยาเสพติด 100% ภายใต้โครงการการขับเคลื่อนมหาดไทยสีขาว สร้างพื้นที่ปลอดภัย หยุดยั้งยาเสพติด (Safe Zone No Drugs)   โดยการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดในร่างกายของบุคลากรในสังกัดกระทรวงมหาดไทยในระดับจังหวัด และส่วนราชการทุกส่วนราชการ ณ ศาลากลางจังหวัดชุมพร  กิจกรรมดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการรณรงค์ให้เกิดจังหวัดสีขาวอย่างเป็นรูปธรรม และป้องกันมิให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดในทุกรูปแบบ และเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับประชาชนให้เกิดความเชื่อมั่นและศรัทธา
นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เป็นผู้นำการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด  พร้อมด้วย ว่าที่ร้อยตรี กิตติภพ รอดดอน รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร  นายอภิชาติ สาราบรรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร นายกัมปนาท กลิ่นเสาวคนธ์  ปลัดจังหวัดชุมพร ส่วนราชการสังกัดกระทรวงมหาดไทย และส่วนราชทุกส่วนราชการ เข้ารับการตรวจ  ซึ่งผลตรวจทั้งหมด จำนวน 462 ราย ไม่พบสารเสพติด แต่อย่างใด

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / จุดยืน “ลูกหมี” นำทัพ สส.- ชาวบ้าน ร่วมหมื่น แสดงจุดยืน / จัดการสัมมนา “การพัฒนาและบริหารจัดการด้านที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน”

วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน 2568 ณ โรงเรียนบ้านบางไม้แก้วประชาสามัคคี ตำบลรับร่อ อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร นายสันต์ แซ่ตั้ง รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สี่ ให้เกียรติมาเป็นประธานเปิดการจัดการสัมมนา “การพัฒนาและบริหารจัดการด้านที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน” และร่วมการสัมมนา กับ

นายสุพจน์ ภู่รัตนโอภา รองอธิบดีกรมป่าไม้ นางสาวสายสุด ชุนเชาวฤทธิ์ ผอ. ทสจ.ชุมพร (ผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร) นายธนานันต์ พุทธนวล นักวิชาการป่าไม้ปฏิบัติหัวหน้าเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่า เสด็จในกรมกรมหลวงชุมพร ด้านทิศใต้ นายลิขิต สุขเยาว์ ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง นายสามารถ เจียวยี่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดชุมพร นายกฤษ แก้วรักษ์ รองนายก อบจ.ชุมพร มีประชาชนเข้าร่วม 700คนในวันนี้

นายอวยพร มีเพียร อดีต นายก อบต.รับร่อ กล่าวต้อนรับและรายงานการสัมมนาในนามคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร ขอต้อนรับผู้เข้าร่วมสัมมนาแขกผู้มีเกียรติ และวิทยากรทุกท่านที่มาเข้าร่วมการสัมมนา เรื่อง “การพัฒนาและบริหารจัดการด้านที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน” ณ โรงเรียนบ้านบางไม้แก้วประชาสามัคคี ตำบลรับร่อ อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ในวันนี้

เนื่องจาก คณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับทราบถึงปัญหาด้านที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่จังหวัดชุมพร ที่เกิดขึ้นในหลายประเด็นเป็นเวลายาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาด้านที่ดิน ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการ อยู่อาศัยและการประกอบอาชีพของประชาชนเป็นอย่างมาก จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขปัญหาและการพัฒนาอย่างยั่งยืนและมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริง เพื่อให้สังคมและประเทศชาติเจริญรุ่งเรืองสืบไป คณะกรรมาธิการจึงได้จัดการสัมมนาครั้งนี้ขึ้น

นายสันต์ แซ่ตั้ง รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สี่ ขอขอบคุณผู้เข้าร่วมสัมมนา แขกผู้มีเกียรติ และวิทยากรทุกท่านที่มาเข้าร่วมการสัมมนา เรื่อง “การพัฒนาและบริหารจัดการด้านที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน” ณ โรงเรียนบ้านบางไม้แก้ว ประชาสามัคคี ตำบลรับร่อ อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ในวันนี้ เนื่องจาก คณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ตระหนักและเล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาและบริหารจัดการด้านที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่จังหวัดชุมพร ให้เกิดความยั่งยืนและมีส่วนร่วมของประชาชน โดยเฉพาะ

อย่างยิ่งปัญหาเรื่องที่ดินทำกินและที่ดินอยู่อาศัยของพี่น้องประชาชนที่ประสบปัญหาในหลาย พื้นที่มาอย่างยาวนาน จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังและทันท่วงที ดังนั้น คณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้จัด การสัมมนาในครั้งนี้ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสะท้อนสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ส่งเสริมให้เกิดความรู้และความเข้าใจของภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาและการพัฒนา

ด้านที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน รวมทั้งส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน สามารถแลกเปลี่ยนความรู้และความคิดเห็นร่วมกันเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาและ การพัฒนาด้านที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ทำให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาสามารถเป็นสื่อกลางในการนำองค์ความรู้ไปเผยแพร่ให้กับชุมชนและสังคมต่อไป ซึ่งจะทำให้การแก้ไขปัญหาและการพัฒนาด้านที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ยั่งยืน

และสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาประเทศอย่างแท้จริงกระผมเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า การสัมมนาในวันนี้จะบรรลุผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ และเป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ไขปัญหาและการพัฒนาด้านที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนและมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริงต่อไป

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514

แถลงการณ์จุดยืน “ลูกหมี” นำทัพ สส.- ชาวบ้าน ร่วมหมื่น แสดงจุดยืน รัก ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้กำลังใจแม่ทัพภาค 2 เหล่าทหารกล้าแนวหน้า ลั่น “นายกฯไม่ออกเราออก” ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514

เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 20 มิถุนายน 2568 ที่สนามหน้าพระบรมรูป ร.5 หน้าที่ทำการองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.ชุมพร และว่าที่การอำเภอเมืองชุมพร นายชุมพล จุลใส “ลูกหมี” อดีต สส.ชุมพร หลายสมัย พร้อมด้วย 3 สส.ชุมพร พรรครวมไทยสร้างชาติ นายวิชัย สุดสวาสดิ์ สส.เขต 1 ,นายสันต์ แซ่ตั้ง เขต 2 , นายชุมพล จุลใส เขต 3 ,นายนพพร อุสิทธิ์ นายก อบจ.ชุมพร พร้อมด้วยกลุ่มพลังมวลชนร่วมหมื่นคน ที่นัดหมายกันมาทางช่องทางสื่อออนไลน์ เพื่อมารวมตัวกันแสดงจุดยืน ต่อกรณีที่มีคลิปหลุดการพูดคุยกันระหว่าง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ สมเด็จฮุน เซน ประธานองคณะมนตรี แห่งประเทศกัมพูชา ที่มีการพูดด้อยค่า แม่ทัพภาคที่ 4 และเอาใจผู้นำประเทศกัมพูชา ตามที่เป็นข่าวนั้น

โดย “ลูกหมี” นายชุมพล จุลใส ได้กล่าวกับกลุ่มมวลชนที่ร่วมแสดงจุดยืนว่า ตนมาวันนี้มาในฐานประชาชนผู้รักชาติ ไม่ได้มาปลุกระดมแต่อย่างใด ทุกคนนัดหมายกันทางสื่อ ออนไลน์ เพื่อมาให้กำลังใจแม่ทัพภาคที่ 2 ที่ถูกนายกรัฐมนตรีด้วยค่าและบอกว่าอยู่ฝ่ายตรงข้ามกัน ขณะเดียวกันกลับพูดเอาใจผู้นำประเทศกัมพูชา คนไทยได้ฟังคลิปนี้จะรู้สึกว่า ประเทศไทยเสียเกียรติภูมิอย่างมาก ที่มีผู้นำแบบนี้ จึงเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบโดยการลาออก

ในช่วงท้ายของการปราศรัย “ลูกหมี” กล่าวว่า ถ้าเขาไม่ออก พวกราก็จะออกเอง เพราะพวกเราจะไม่ทรยศต่อคะแนนเสียงที่ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชานชาวชุมพร จากนั้นได้เชิญ พ.อ.โชติ ยิกุสังข์ รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 44 / รองผอ.กอ.รมน.ชุมพร เป็นผู้แทนขึ้นรับช่อดอกไม้ เพื่อเป็นกำลังใจส่งผ่านไปยังแม่ทัพภาคที่ 2

ต่อมา นายนพพร อุสิทธิ์ นายก อบจ.ชุมพร ได้ขึ้นเวทีอ่านแถลงการณ์และจุดยืนถึงกรณีดังกล่าว และมอบแถลงการณ์ให้ สส.ชุมพร ทั้ง 3 คน ผ่านไปถึง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ สส.ชุมพร ทั้ง 3 คนสังกัดอยู่

โดย นายนพพร ได้อ่านแถลงการณ์ ระบุว่า แถลงการณ์ข้อเรียกร้องของประชาชนชาวจังหวัดชุมพร นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์พิพาทบริเวณแนวชายแดนไทย -กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 และพฤติการณ์ของผู้นำรัฐบาลที่แสดงออกถึงการด้อยความสามารถ ขาดวุฒิภาวะผู้นำ ข้าพเจ้าและประชาชนชาวจังหวัดชุมพร ผู้เคารพและเทิดทูนไว้สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเลื่อมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข

จากเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568 เวลา 14.30 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ออกมา แถลงยอมรับว่า คลิปเสียงที่เผยแพร่ออกมานั้น เป็นคลิปเสียงของตนสนทนากับสมเด็จฮุนเซนจริง โดยมีเนื้อหาพาดพิงถึงแม่ทัพภาคที่ 2 พลโท บุญสิน พาดกลาง ว่า “เป็นคนของฝ่ายตรงข้าม” รวมทั้งเป็นการด้อยค่า ไม่ให้เกียรติทหาร และกองทัพ ที่ทำหน้าที่รักษาอธิปไตย

อีกทั้งการสนทนาเป็นลักษณะการยินยอมอ่อนข้อและอ่อนน้อม โดยได้แสดงท่าที ที่พร้อมจะตอบสนองความต้องการ ที่สมเด็จฮุนเซนเรียกร้อง เรารู้สึกผิดหวังและเสียใจกับการกระทำของผู้นำประเทศ ที่ขาดจิตสำนึก การกระทำของผู้นำรัฐบาลเช่นนี้ ทำให้ประเทศชาติเสียหายอย่างใหญ่หลวง และประชาชนคนไทย หมดความเชื่อถือ ศรัทธา

จากพฤติกรรมดังกล่าวของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี บัดนี้ ความอดทนของคนในชาติ ได้สิ้นสุดลงแล้ว
ข้าพเจ้าและประชาชนชาวจังหวัดชุมพร จึงขอส่งกำลังใจให้ แม่ทัพภาคที่ 2 พลโท บุญสิน พาดกลาง พร้อมด้วยทหารทุกนาย ที่ทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติ และความปลอดภัยของประชาชนชาวไทย พวกเราชาวจังหวัดชุมพร จึงมีข้อเรียกร้อง ดังต่อไปนี้

  1. ให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
  2. ขอให้พรรครวมไทยสร้างชาติ ทบทวนการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล

กระผมนายนพพร อุสิทธิ์ และประชาชนชาวจังหวัดชุมพร พร้อมประกาศจุดยืนชัดเจน ผมไม่ได้ออกมาในนามนักการเมือง หรือทีม พลังชุมพร แต่ในฐานะประชาชน ขอแสดงออกเพื่อปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และพวกผมขอย้ำกับทุกคนว่า “เราจะไม่ยอมสูญเสียแผ่นดินไทยแม้แต่ตารางนิ้วเดียวให้กับประเทศใด”

ภายหลังการรวมพลังแสดงจุดยืน นายวิชัย สุดสวาสดิ์ สส.เขต 1 ,นายสันต์ แซ่ตั้ง เขต 2 , นายชุมพล จุลใส เขต 3 ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ทางกรรมการบริหารพรรคและหัวหน้าพรรค ได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจนแล้วว่า ขอให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แสดงความรับผิดชองด้วยการลาออก ต่อกรณีดังกล่าว ซึ่งจุดยืนก็ตรงกับความต้องการของประชาชนชาวชุมพรอยู่แล้ว ซึ่งก็ต้องรอดูกันต่อไป.

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ทีวา เวนเจอร์ จับมือ นิฮอน เอ็มแอนด์เอ.แห่งญี่ปุ่นยกระดับศักยภาพเอสเอ็มอี.(SMEs)ไทยพร้อมแข่งขันในเวทีโลก

บริษัท ทีวา เวนเจอร์ จำกัด (TVA Venture) และบริษัท นิฮอน เอ็มแอนด์เอ เซ็นเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (Nihon M&A Center (Thailand)) ได้ลงนามใน MOU เพื่อร่วมมือกันสนับสนุนผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่มีเป้าหมายในการขยายกิจการ ควบรวม หรือแสวงหาพันธมิตรทางธุรกิจ ทั้งในประเทศและระดับสากล

ทีวา เวนเจอร์ เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการควบรวมกิจการ การระดมทุน การปรับโครงสร้างธุรกิจและการสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ภายใต้แนวคิด “Respect, Trust & Collaboration (RT&C) นาย ชยดิฐ หุตานุวัชร์ ประธานบริษัท ทีวา เวนเจอร์ กล่าวว่า
“ความร่วมมือครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการเชื่อมโยงระหว่างไทยกับญี่ปุ่น แต่คือการสร้างโครงสร้างสนับสนุนให้กับผู้ประกอบการไทยที่ต้องการก้าวข้ามข้อจำกัดทางทุนและโอกาส ความเชี่ยวชาญจากญี่ปุ่น ผสานกับความเข้าใจเชิงลึกของ ทีวา เวนเจอร์ ต่อบริบทธุรกิจไทย จะช่วยผลักดัน SMEs ให้กลายเป็นกิจการที่นักลงทุนต่างชาติพร้อมร่วมมือในระยะยาว”

ในโอกาสนี้ยังมีการเปิดตัวพันธมิตรด้านการลงทุนจากญี่ปุ่น “A to G Capital” ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเข้าลงทุนในกิจการกลุ่มประเทศ ASEAN ที่มีศักยภาพ โดยจะเข้าถือหุ้น ปรับปรุงโครงสร้างองค์กร และสนับสนุนให้ธุรกิจสามารถเติบโตอย่างมีระบบ ก่อนส่งต่อให้กับนักลงทุนรายใหญ่ในระยะต่อไป ซึ่งถือเป็นเครื่องมือเร่งการเติบโตของกิจการไทยให้เข้าสู่ระดับสากลได้เร็วและมั่นคงยิ่งขึ้น

นางสาว รมนต์อร บุญเรือง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีวา เวนเจอร์ เเละเลขาธิการสภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย (สภาเอสเอ็มอีไทย) กล่าวว่า “ผู้ประกอบการ SMEs ไทยจำนวนมากมีสินค้าที่มีคุณภาพ เทคโนโลยีนวัตกรรมที่แข่งขันได้ และทีมผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ แต่ยังขาดโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุนหรือการจับมือกับพันธมิตรระดับสากล ความร่วมมือในครั้งนี้จึงเปรียบเสมือนการเปิดประตูสำคัญให้กับธุรกิจเหล่านี้สามารถเติบโตในระดับภูมิภาคและระดับโลกได้อย่างแท้จริง และจากประสบการณ์ที่คลุกคลีอยู่กับภาคธุรกิจ SME มาโดยตลอด พบว่าหลายกิจการมีศักยภาพอย่างชัดเจน สิ่งที่ต้องการมากที่สุดในวันนี้ คือเครื่องมือที่สามารถแปลงศักยภาพนั้นให้กลายเป็นความสำเร็จที่ยั่งยืน ซึ่งโครงการนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเติมเต็มในจุดนั้นได้อย่างเหมาะสมและเป็นรูปธรรม”

นิฮอน เอ็มแอนด์เอ เซ็นเตอร์ เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการควบรวมและซื้อกิจการจากประเทศญี่ปุ่น ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2534 และมีประสบการณ์ดำเนินธุรกรรม M&A มากกว่า 10,000 รายทั่วญี่ปุ่น โดยในช่วงปี 2564–2567 ยังได้รับการบันทึกใน Guinness World Records ว่าเป็นบริษัทที่ให้บริการที่ปรึกษา M&A สำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากที่สุดในโลก นาย ทากะโนะซุเกะ คิกาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิฮอน เอ็มแอนด์เอ เซ็นเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า
“การทำ M&A ไม่ใช่เพียงการจับคู่ธุรกิจ แต่คือการเตรียมความพร้อมอย่างรอบด้าน ทั้งการเงิน กลยุทธ์ และวัฒนธรรมองค์กร เพื่อให้กิจการสามารถเติบโตได้จริง ความร่วมมือกับทีวา เวนเจอร์ จะทำให้ผู้ประกอบการไทยเข้าถึงความเชี่ยวชาญและเครือข่ายจากนักลงทุนทั้งญี่ปุ่นและยุโรปได้อย่างเป็นระบบ”

ความร่วมมือครั้งนี้ไม่เพียงเป็นจุดเริ่มต้นในการเชื่อมโยงนักลงทุนกับกิจการไทย แต่ยังถือเป็นกลไกสำคัญในการสร้างโอกาสใหม่ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลง และยกระดับศักยภาพของ SMEs ไทยให้พร้อมแข่งขันในเวทีโลกอย่างยั่งยืน”

นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายยังมีแผนจัดกิจกรรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ การอบรมเชิงลึก และกิจกรรมสร้างเครือข่ายธุรกิจอย่างต่อเนื่องในปี 2568 เพื่อร่วมยกระดับศักยภาพของ SMEs ไทยให้เตรียมความพร้อมสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล

ทีวาเวนเจอร์ #รมนต์อร #MA&P #ที่ปรึกษาการลงทุน #เอสเอ็มอี #สภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย #นิฮอนเอ็มแอนด์เอ #NihonM&A

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สมาคมชาวอีสานพัทยา จัดงาน “ตุ้มโฮม ฮักแพง กินข้าวแลง หมู่เฮาชาวอีสาน” สร้างความกลมเกลียวพี่น้องที่ราบสูง

ค่ำวันที่ 21 มิ.ย.68 สมาคมชาวอีสานพัทยา โดย นายสุครีพ กระจาย นายกสมาคมชาวอีสานพัทยา พร้อมคณะกรรมการบริหารสมาคมชุดปัจจุบัน ได้จัดงาน “ตุ้มโฮม ฮักแพง กินข้าวแลง หมู่เฮาชาวอีสาน” ที่ลานปิติ THE BAY ชายหาดเมืองพัทยา จ.ชลบุรี

ด้วยสมาคมชาวอีสานพัทยา ซึ่งเป็นสมาคมที่ดำเนินกิจกรรมทางด้านการกุศลและวัฒนธรรมท้องถิ่นมาโดยตลอด ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่เป็นคนอีสานที่มาประกอบกิจการหรือมาทำงานในเขตเมืองพัทยาและสมาชิกทั่วไป

กิจกรรมดังกล่าวจึงเกิดความร่วมมือกันจัดขึ้นเพื่อเป็นการ เปิดโอกาสให้สมาชิก คณะกรรมการ ที่ปรึกษา และแขกผู้มีเกียรติ ได้มีโอกาสพบปะสังสรรค์ ภายใต้ชื่องาน “ตุ้มโฮม ฮักแพง กินข้าวแลง หมู่เฮาชาวอีสาน” ขึ้น โดยพบว่าบรรยากาศของกิจกรรมเป็นไปอย่างคึกคักและสนุกสนาน

ช่างสักกว่า 27 ประเทศ เตรียมกระหึ่มร่วมงานประกวดรอยสักนานาชาติ “TATTOO AMAZING FEST PATTAYA 2025”

มีรายงานว่า นายพัชรพัชร์ ศรีธัญญนนท์ นายอำเภอบางละมุง นายปรมศวร์ งามพิเชษฐ์  นายกเมืองพัทยา, นางสาวสุนิสา ลี ผู้จัดงานฯ, พล.ต.ต.เมฒาวิศ ประดิษฐ์ผล​ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายรัตนชัย สุทธิเดชานัย ผู้แทนภาคกลางและภาคตะวันออก สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) TCEB และ นายนิติกร นิลศักดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ศูนย์การค้า รอยัล การ์เด้น พลาซ่า พัทยา ร่วมแถลงข่าว “International Tattoo Amazing Fest Pattaya 2025“ ครั้งที่ 2  ภายใต้แนวคิดใหม่ "THE RISE OF EASTERN"  โดยมี กลุ่มช่างสักลายในพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมงานอย่างคับคั่งที่บริเวณลานน้ำพุ ชั้น G ศูนย์การค้า รอยัลการ์เด้น พลาซ่า พัทยา จ.ชลบุรี  เมืองพัทยา ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ศูนย์การค้ารอยัลการ์เด้นพลาช่า พัทยา และ กลุ่มช่างสักลายในพื้นที่เมืองพัทยา เตรียม จัดงานประกวดรอยสัก Tattoo Amazing Fest Pattaya 2025 ภายใต้แนวคิดใหม่ "THE RISE OF EASTERN" เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้กับชุมชนในท้องถิ่น พร้อมทั้งกระตุ้นเศรษฐกิจในเมืองพัทยาให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง อีกทั้งเพื่อเป็นเวทีสำคัญในการผลักดัน Soft Power ไทยสู่เวทีนานาชาติ และเป็นการพัฒนาทักษะการ สักลาย ให้เป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น

ซึ่งการจัดงานประกวดรอยสัก “International Tattoo Amazing Fest Pattaya 2025“ ครั้งที่ 2 ภายใต้แนวคิดใหม่ “THE RISE OF EASTERN” ระหว่างวันที่ 12-13 กันยายน 2568 ณ ศูนย์การค้า รอยัลการ์เด้น พลาซ่า พัทยา จะเป็นการรวบรวมช่างสักที่มีฝีมือระดับนานาชาติ มากกว่า 27 ประเทศ ซึ่งภายในงานจะ มีกิจกรรมประกอบด้วย การประกวดรอยสัก การออกบูธกิจกรรม การแลกเปลี่ยนเทคนิคความรู้เกี่ยวกับรอยสัก นับว่าเป็นการสร้างกระแสของกลุ่ม Tattoo ต่อไป

มวลมิตรร่วมงานสุขสันต์วันคล้ายวันเกิด “ลิซ่า” นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจกลางคืนเมืองพัทยา อบอุ่นและครื้นเครง

คุณลิซ่า แฮมิลตัน นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจกลางคืนเมืองพัทยา ได้จัดเลี้ยงสังสรรค์เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดครบ 50 ปีบริบูรณ์ ที่ร้านกาฬเวลา ถนนเฉลิมพระเกียรติ พัทยาสายสาม

โดยภายในงานมีแขกเหรื่อยร่วมแสดงความยินดีและอวยพรเนื่องในวันคล้ายวันเกิดของคุณลิซ่ากันอย่างคับคั่ง ทั้งตัวแทนภาครัฐ ภาคเอกชน นักธุรกิจ นักการเมือง ตลอดจนข้าราชการ และมิตรสหาย เข้าร่วมสังสรรค์กันอย่างอบอุ่นและครื้นเครง

คุณลิซ่า แฮมิลตัน นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจกลางคืนเมืองพัทยา ถือเป็นอีกบุคคลหนึ่งที่ทำงานอย่างหนักเพื่อปากเสียงของพี่น้องธุรกิจท่องเที่ยว มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการแสดงจุดยืนเพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวเมืองพัทยามาโดยตลอด อีกทั้งยังเป็นคนใจบุญที่จัดกิจกรรมเพื่อสังคมบ่อยครั้งจนเป็นที่รู้จักอย่างดีในเมืองพัทยา

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “ดร.เฉลิมชัย” นำทัพ ทช. ขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมของชุมชนชายฝั่งและอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล สู่การอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืน

วันที่ 20 มิถุนายน 2568 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) จัดประชุมความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของชุมชนชายฝั่ง และอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล ในการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ครั้งที่ 3 โดยได้รับเกียรติจาก ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) เป็นประธานการประชุม พร้อมมอบเข็ม “รักษ์ทะเลยิ่งชีพ” ให้แก่ผู้ที่ประกอบคุณงามความดีที่เป็นประโยชน์ต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง มอบเงินอุดหนุน และอุปกรณ์จัดเก็บขยะให้กับผู้แทนชุมชนชายฝั่งที่เข้าร่วม

โครงการกับกรม ทช. และมอบบัตรประจำตัวให้แก่สมาชิกอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล (อสทล.) ในการนี้มี นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ รองปลัดกระทรวง ทส. นายเผด็จ ลายทอง รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พร้อมด้วย นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ และเจ้าหน้าที่ในสังกัด

กรม ทช. ตลอดจนผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ชุมชนชายฝั่ง อาสาสมัครพิทักษ์ทะเลที่ทำงานร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และประชาชนในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสามร้อยยอด อำเภอกุยบุรี และอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จำนวนกว่า 200 คน เข้าร่วมประชุม ณ โรงเรียนประจวบวิทยาลัย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทส. กล่าวว่า “ชุมชนชายฝั่ง และอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล นับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดูแลจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เนื่องจากเป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิด และได้รับผลกระทบโดยตรง สามารถให้ข้อมูล ติดตาม ตรวจสอบ หรือแจ้งเหตุผิดปกติได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ

ทรัพยากรของประเทศร่วมกับหน่วยงานของภาครัฐในพื้นที่ให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ การสร้างความเข้าใจร่วมกันในบทบาทหน้าที่ของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล จึงถือเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อร่วมกันอนุรักษ์ ฟื้นฟู ป้องกัน ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งให้เกิดความยั่งยืนในระยะยาว ในวันนี้ต้องขอขอบคุณทุกความร่วมมือในการทำงานของพี่น้องเครือข่ายทุกท่าน ที่ประสานการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ส่งผลให้เกิดประโยชน์ต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งของประเทศต่อไป“

ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรม ทช. กล่าวว่า “กรมฯ ได้ดำเนินการตามนโยบายของ รมว.ทส. ด้วยการสร้างความรู้ความเข้าใจให้พี่น้องเครือข่ายฯ ในการดูแลอนุรักษ์และป้องกันการทำลายทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งมาอย่างต่อเนื่อง โดยการประชุมในวันนี้ เป็นอีกหนึ่งกลไกในการขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมของชุมชนในการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมถึงเป็นช่องทางในการติดต่อ

ประสานงาน สร้างความเข้าใจ รวบรวมความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ แก้ไขปัญหา ทำให้เกิดความร่วมมือเป็นเครือข่าย อสทล. จนเกิดเป็นความเข้มแข็ง มีการทำงานอย่างเป็นรูปแบบและรูปธรรมอย่างต่อเนื่องตลอดมา ซึ่งปัจจุบันจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีชุมชนที่ขึ้นทะเบียนจดแจ้งกลุ่มกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจำนวน 17 กลุ่ม และมีอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล จำนวน 954 คน

ที่เข้ามาร่วมอนุรักษ์ ฟื้นฟู ดูแลทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งร่วมกับสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในพื้นที่ ทั้งนี้ กรม ทช. ยังเปิดช่องทางสายด่วนพิทักษ์ป่าและรักษาทะเล โทร. 1362 สำหรับรับแจ้งเหตุเกี่ยวกับสัตว์ทะเลหายากหรือการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรทางทะเล เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าตรวจสอบและให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที“

//////////////////////

ข่าว ณีฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 064964644

นักวิ่งกันดุ๊ กว่า 3,500 คน ลงสนาม “RUN KHAN DO #2/6 ที่ สนามบางสะพาน

ช่วงเย็นวันที่ 18 พ.ค.68 ที่ชายหาดบ้านกรูด อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายปรีดา สุขใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรมวิ่งประจวบคีรีขันธ์ Run Khan Do II “วิ่งกันดุ๊ 2” Track 2 (สนามที่ 6 ) อำเภอบางสะพาน โดยมี นายสินาทร โอ่เอี่ยม รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ นายสมเจตน์ จันทนา ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดประจวบฯ

นายสราวุธ ลิ้มอรุณรักษ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายสุทิน ประเสริฐศักดิ์ นายอำเภอบางสะพาน นายอิศรา กาญจนรัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลบ้านกรูด นายพงษ์พันธ์ เผ่าประทาน นายกเทศมนตรีตำบลทับสะแก นายสมหมาย ปานทอง อุปนายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านแห่งประเทศไทย นายผดุงศักดิ์ อิ่มทั่ว ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอทับสะแก พร้อม ผู้บริหารท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นักวิ่งและนักท่องเที่ยวกว่า 3,500 คน เข้าร่วมกิจกรรม

ตามที่ จ.ประจวบฯ ได้กำหนดกิจกรรมวิ่ง Run Khan Do II “วิ่งกันดุ๊ 2” ในพื้นที่ทั้ง 8 อำเภอ และระดับจังหวัด รวม 9 ครั้ง โดยได้กำหนดให้อำเภอปราณบุรีจัดกิจกรรม Run Khan Do II “วิ่งกันดุ๊ 2” เป็นที่แรก และในวันนี้เป็นสนามที่ 6 ของอำเภอบางสะพาน เพื่อขับเคลื่อนนโยบายจังหวัดประจวบฯ รักษ์สุขภาพ ให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดี มีร่างกายแข็งแรง และเพื่อส่งเสริม เศรษฐกิจสุขภาพ ( Economy) ในระดับอำเภอ ภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด “Next Move Prachuap ประจวบต้องไปต่อ” รวมทั้งจังหวัดรักษ์สุขภาพที่จะนำไปสู่การสร้าง ”สุขภาพที่ดี วิถีคนประจวบ” โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนสร้าง

สุขภาพโดยการออกกำลังกายอย่างถูกต้อง เพื่อสร้างเครือข่ายสุขภาพในระดับชุมชน อำเภอ และจังหวัด และส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดประจวบฯ ในระดับอำเภอ ในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมวิ่ง ระยะทาง 5 กิโลเมตร มีการออกร้านขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้ง 9 แห่ง ร่วมทั้งชมรมกำนัน

ผู้ใหญ่บ้านอำเภอบางสะพาน และร้านค้าชุมชน บริษัทและเครือข่ายต่างๆ นำของกิน อาหาร เครื่องดื่มมาบริการ กว่า 30 ร้าน หลังจากจบการแข่งขันได้มีการมอบรางวัล และมอบธงกิจกรรมวิ่งประจวบคีรีขันธ์ Run Khan Do II “วิ่งกันดุ๊ 3” ให้กับอำเภอกุยบุรี มี นายอร่าม ญาณแก้ว นายอำเภอกุยบุรี พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ และนักวิ่งชาวกุยบุรี มาร่วมรับธง ซึ่งจะเป็นเจ้าภาพในการจัดกิจกรรมในสนามต่อไป

ทั้งนี้กิจกรรมวิ่งประจวบคีรีขันธ์ Run Khan Do II “วิ่ง กัน ดุ๊ 2” จะจัดขึ้นทุกวันพุธของสัปดาห์ ทั้งหมด 9 ครั้ง แบ่งออกเป็นระดับอำเภอ 8 ครั้ง และวิ่งระดับจังหวัด 1 ครั้ง สนามแรกที่ อ.ปราณบุรี วันที่ 14 พ.ค.68 / สนาม 2 อ.ทับสะแก วันที่ 21 พ.ค.68 / สนาม 3 อ.หัวหิน วันที่ 28 พ.ค.68 / สนาม 4 อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ วันที่ 4 มิ.ย.68 / สนาม 5 อ.สามร้อยยอด วันที่ 11 มิ.ย.68 / สนาม 6 อ.บางสะพาน วันที่ 18 มิ.ย.68 / สนาม 7 อ.กุยบุรี วันที่ 25 มิ.ย.68 / สนาม 8 อ.บางสะพานน้อย วันที่ 2 ก.ค.68 และสนามระดับจังหวัดฯ อ.เมืองประจวบฯ วันที่ 9 ก.ค.68

///////////////////

ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / พัทลุงรับไม้ต่อ “โคราชเกมส์” เตรียมจัด “โนราห์เกมส์” เจ้าภาพการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 18 ปีหน้า

เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2568 ณ ห้องประชุมนกยูง 1–2 ชั้น 4 โรงแรมเซนเตอร์ พอยต์ เทอร์มินอล 21 อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมานายรัฐศาสตร์ ชิดชู ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง พร้อมด้วยนายมงคล วิมลรัตน์ อธิบดีกรมพลศึกษา ดร.พัฒพงศ์ พงษ์สกุล รองอธิบดีกรมพลศึกษา และคณะผู้แทนจากจังหวัดพัทลุง ร่วมแถลงข่าวรับมอบเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 18 ประจำปี 2569 ภายใต้ชื่อ “โนราห์เกมส์” ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน ปีหน้า ณ จังหวัดพัทลุง


หลังจากการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 “โคราชเกมส์” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17–21 มิถุนายน 2568 สิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์ จังหวัดพัทลุงก็ได้รับการประกาศเป็นเจ้าภาพอย่างเป็นทางการสำหรับการจัดการแข่งขันครั้งต่อไป นายรัฐศาสตร์ ชิดชู ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า จังหวัดพัทลุงแม้จะเป็นจังหวัดขนาดเล็ก แต่มีศักยภาพและความพร้อมในทุกด้าน ทั้งประสบการณ์การจัดการแข่งขันกีฬาใหญ่ระดับชาติ สนามกีฬามาตรฐาน ที่พักสะดวกเพียงพอ ระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน และที่สำคัญคือความร่วมมือของภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนที่พร้อมผลักดันให้การแข่งขันในปีหน้าเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและประทับใจ


“พัทลุงคือเมืองแห่ง ‘เขาป่านาเล’ ที่เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติอันงดงาม ทั้งป่า เขา น้ำตก ทะเลน้อย และวิถีชีวิตชุมชนที่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นไทยอย่างลึกซึ้ง เราพร้อมแล้วที่จะเป็นเจ้าบ้านที่ดี และขอเชิญชวนนักกีฬาทุกจังหวัด รวมถึงนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศ มาเยือนพัทลุงทั้งเพื่อร่วมแข่งขัน ร่วมเชียร์ และท่องเที่ยวไปพร้อมกัน” ผู้ว่าฯ พัทลุงกล่าว


นอกจากนี้ พัทลุงยังมีจุดแข็งด้านการท่องเที่ยวที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ล่องแก่งชมคลอง ขับรถ ATV ผจญภัยในธรรมชาติ ล่องเรือทะเลน้อยชมดอกบัวและนกนานาชนิด เที่ยวตลาดชุมชน พร้อมทั้งกราบไหว้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์และเกจิดังในพื้นที่ ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนความงดงามของพัทลุงในทุกมิติ


การแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 18 “โนราห์เกมส์” จึงไม่เพียงเป็นเวทีแห่งพลังของผู้สูงอายุจากทั่วประเทศ แต่ยังเป็นโอกาสทองในการสัมผัสเสน่ห์เมืองพัทลุงอย่างแท้จริง

กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

กลุ่ม บ.น้ำตาลครบุรี จำกัด (มหาชน) จัดกิจกรรมฉลองวาระครบรอบ 60 ปี

เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2568 กลุ่มบริษัท น้ำตาลครบุรี จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินการจัดกิจกรรมร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการฉลองวาระครบรอบ 60 ปี แห่งการก่อตั้งบริษัทฯ โดยให้การสนับสนุนเป็นเจ้าภาพหลักในการจัดงานคอนเสิร์ตหมอลำมหาชนระดับประเทศจากคณะระเบียบวาทะศิลป์ ณ ลานจอดรถบรรทุกอ้อย โรงงานน้ำตาลครบุรี ตำบลจระเข้หิน อำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา

โดยรายได้ทั้งหมดหลังหักค่าใช้จ่ายจะบริจาคเข้าสมทบกองผ้าป่าสามัคคีเพื่อพัฒนาการศึกษาของโรงเรียนบ้านคลองยาง (มูลบนอุปถัมภ์) ตำบลจระเข้หิน อำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งในการจัดงานคอนเสิร์ตการกุศลในครั้งนี้ได้

รับการสนับสนุนจากคณะผู้นำชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้บริหารโรงเรียน และพี่น้องประชาชนจำนวนมากทั้งในพื้นที่อำเภอครบุรีและต่างพื้นที่เข้าร่วมงานและร่วมบริจาคเงินสมทบเข้ากองผ้าป่าสามัคคีเพื่อพัฒนาการศึกษา

ของโรงเรียนบ้านคลองยาง (มูลบนอุปถัมภ์) ประสบความสำเร็จบรรลุวัตถุประสงค์ของการจัดงานที่ตั้งไว้ นับเป็นประวัติการณ์งานกุศลที่ยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นในพื้นที่อำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา

กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ยกระดับความปลอดภัยตู้ทำน้ำดื่มในโรงเรียน สังกัด สพฐ.

การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ตรวจสอบและปรับปรุงระบบไฟฟ้า ตู้ทำน้ำดื่ม ให้กับโรงเรียนในสังกัด สพฐ. จังหวัดนครปฐม ภายใต้โครงการชุมชนปลอดภัยใช้ไฟ PEA ประจำปี 2568

วันพฤหัสบดี ที่ 19 มิถุนายน 2568 เวลา 09.30 น. นายพานุวัฒณ์ สะสมทรัพย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครปฐม เขต 3 ร่วมเป็นเกียรติในพิธีการส่งมอบโครงการตรวจสอบและปรับปรุงตู้น้ำดื่มโรงเรียนในสังกัดคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ภายใต้โครงการ "ชุมชนปลอดภัยใช้ไฟ PEA"  ณ โรงเรียนอนุบาลกำแพงแสน ตำบลกำแพงแสน  อำเภอกำแพงแสน  จังหวัดนครปฐม พร้อมด้วย นายรณภพ เวียงสิมมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม นางพัชรี เรือนอินทร์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม นางสาวฉันทนา ภุมมา ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลกำแพงแสน ผู้บริหาร กฝก.3 และคณะทำงาน ในการนี้ นายนรวีร์ ขันธหิรัญ นายอำเภอกำแพงแสน   พร้อมด้วยปลัดอำเภอกำแพงแสน ผู้แทนส่วนราชการ นางสมพิศ ยืนนาน นายกเทศมนตรีตำบลกำแพงแสน  นายสมเกียรติ  อ.สงวน  ผู้จัดการไฟฟ้าสวนภูมิภาค  อำเภอกำแพงแสน

ได้เป็นเกียรติร่วมพิธีการส่งมอบโครงการดังกล่าว และติดสติกเกอร์ “ผ่านการตรวจสอบโดย PEA” บริเวณตู้น้ำดื่มและร่วมกดน้ำเพื่อประชาสัมพันธ์ถึงความเชื่อมั่นในการใช้ตู้น้ำดื่มที่มีความปลอดภัย กิจกรรมบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้งานระบบไฟฟ้า,การทำ CPR การใช้งานตู้น้ำดื่ม และข้อควรระวัง (สำหรับนักเรียน) และสอนวิธีการตรวจสอบ RCBO เบื้องต้น (สำหรับครู/เจ้าหน้าที่โรงเรียน)
สมคิด พรมมี ผู้สื่อข่าว นครปฐม

สือรัฐ ทีวี บก.เอกสิทธ์ หมวดทอง