สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / รองผู้ว่าประจวบฯ เปิดงานเดินแบบผ้าไทยย้อนยุคในงาน “113 ปี / หัวหินถิ่นมนต์ขลัง ต้อนรับขบวนรถโบราณร่วมงาน หัวหิน วินเทจ คาร์ พาเหรด ครั้งที่ 22”

เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 20 ธ.ค.67 ที่สถานีรถไฟหัวหิน (อาคารเก่า) จ.ประจวบฯ นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานเปิดงาน “113 ปี หัวหินถิ่นมนต์ขลัง” มีนายพลกฤต พวงวลัยสิน นายอำเภอหัวหิน นางอุษา พวงวลัยสิน นายกกิ่งกาชาดอำเภอหัวหิน นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน นางสาวกิรดา ลำโครัตน์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดประจวบฯ

นางวาสนา ศรีกาญจนา นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ คณะผู้บริหารเทศบาลฯ แขกผู้มีเกียรติ และประชาชนนักท่องเที่ยวจำนวนมากร่วมชมงานพร้อมถ่ายภาพคู่อุโมงค์ไฟกันอย่างคึกคัก จากนั้น รองผู้ว่าประจวบฯ ได้เดินชมนิทรรศการแต่ละโซน และชมการแสดงแสงสีเสียง ก่อนนำนางแบบและนายแบบกิตติมศักดิ์ จำนวน 90 คน เดินแบบชุดไทยย้อนยุคการกุศลอย่างสวยงามตระการตาชุด “มนต์สมัยแห่งอาภรณ์” ในธีมชุดไทย รัชกาลที่ 7, ชุดแกสบี้ วนิดา และปริศนา ซึ่งเป็น 1 ในกิจกรรมของงาน โดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายมอบให้คลินิกทะเลใจ โรงพยาบาลหัวหิน 

เทศบาลเมืองหัวหิน ร่วมกับ ททท.สำนักงานประจวบฯ สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ บริษัทบุญรอด เทรดดิ้ง จำกัด และหน่วยงานต่างๆ กำหนดจัดงาน “113 ปี หัวหินถิ่นมนต์ขลัง” ขึ้น ระหว่างวันที่ 20-21 ธ.ค.นี้ ที่บริเวณสถานีรถไฟหัวหิน (อาคารเก่า) เพื่อส่งเสริมอัตลักษณ์วิถีชีวิตความเป็นเมืองหัวหินอันเก่าแก่จากอดีตสู่ปัจจุบัน โดยถ่ายทอดเรื่องราวประวัติของหัวหินในอดีต เช่น วังไกลกังวล สถานีรถไฟหัวหิน สนามกอล์ฟหลวงหัวหิน ตลาดฉัตร์ไชย เป็นต้น รวมถึงการประกอบอาชีพ วิถีชีวิตการกินอยู่ของชาวหัวหินที่มีมายาวนานถึง 113 ปี ให้นักท่องเที่ยวและเยาวชนรุ่นหลังได้รับทราบ และเพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้ความสุขแก่ประชาชน

ภายในงานมีการจัดกิจกรรมต่างๆ แบ่งเป็น 6 โซน โซนที่ 1 “มนต์เสน่ห์แห่งเรื่องเล่า” การแสดงแสงสีเสียงและสื่อผสม 113 ปี หัวหินถิ่นมนต์ขลัง ชุด “มนต์เสน่ห์จากสมอเรียงสู่หัวหิน” การแสดงที่จะพาคุณไปพบเรื่องราวแห่งมนต์เสน่ห์และปลุกความสว่างไสวแห่งเรื่องเล่าประวัติศาสตร์อันมีความงดงามจากสถาปัตยกรรมสมัยวิกตอเรียนของสถานีรถไฟหัวหินเป็นฉากหลัง / โซนที่ 2 “มนต์กาลแห่งล้นเกล้า” นิทรรศการที่จะพาคุณย้อนรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและความผูกพันอันลึกซึ้งของ “ในหลวงรัชกาลที่ 9” กับ “หัวหิน” เมืองเล็กๆ ที่มีความหมายยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ไทย / โซน 3 “มนตราแห่งราตรี” นิทรรศการแสงไฟ (Lighting Show) เพลิดเพลินไปกับการประดับประดาดวงไฟที่จะเนรมิตค่ำคืนแห่งลมหนาวให้กลายเป็นค่ำคืนอันอันสุกสกาวท่ามกลางบรรยากาศกลิ่นอายอันอบอวลอดีตวันวานของ “สถานีรถไฟหัวหิน” 

โซน 4 “มนต์วิถีแห่งหัตถศิลป์” กิจกรรมสาธิต Art and Craft Workshop ที่คุณสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนรู้ และสนุกสนานไปกับการประดิษฐ์งานฝีมือระดับภูมิปัญญาจากศิลปินพื้นถิ่นที่พร้อมจะถ่ายทอดเรื่องราวและคุณค่าผ่านงานหัตถศิลป์ อาทิ การสาธิตทำขนมลูกชุบ การสาธิตจากร้านผ้าโขมพัสตร์หัวหิน / โซน 5 “มนต์มหัศจรรย์แห่งแดนดิน” โชว์การเดินแบบย้อนยุคการกุศลชุด “มนต์สมัยแห่งอาภรณ์” ในธีมชุดไทย รัชกาลที่ 7, ชุดแกสบี้ วนิดา และปริศนา จากนางแบบและนายแบบกิตติมศักดิ์

รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายมอบให้คลินิกทะเลใจ โรงพยาบาลหัวหิน และ โซน 6 “มนต์จวักพื้นถิ่นแห่งภูมิปัญญา” การออกบูธอาหารและสินค้าพื้นถิ่นที่จะมาสำแดงรสชาติอันเป็นอัตลักษณ์พื้นถิ่นให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อเลือกชม นอกจากนี้พบกับการประกวดมนต์มหัศจรรย์หนูน้อยหัวหินชิงเงินรางวัล 3 หมื่นบาท วาดลีลาลีลาศไปพบกับวงโฟร์ซิงเกิ้ลและวงค่ายธนะรัชต์ จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวทุกท่านแต่งชุดไทยร่วมชมงานดังกล่าวได้จนถึงวันที่ 21 ธ.ค.นี้.   

หัวหินถิ่นมนต์ขลัง ต้อนรับขบวนรถโบราณร่วมงาน หัวหิน วินเทจ คาร์ พาเหรด ครั้งที่ 22”


เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.67 ที่สถานีรถไฟหัวหิน (อาคารเก่า) จ.ประจวบฯ นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน นางสาวบุษบา โชคสุชาติ รองนายกเทศมนตรีฯ พร้อมด้วยนายพรชัย หนูสิทธิ์ อดีตนายสถานีรถไฟหัวหิน และชาวหัวหินร่วมให้การต้อนรับขบวนรถโบราณ รถคลาสสิคหลายสิบคัน นำโดย นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ นายกสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย ในโอกาสที่สมาคมฯ ได้นำสมาชิกขับรถโบราณเดินทางมาร่วมงานหัวหินวินเทจคาร์ ครั้งที่ 22 พร้อมชมชุดการแสดงของนักเรียนในสังกัดเทศบาลเมืองหัวหินและมอบทุนการศึกษาให้ ก่อนร่วมกันถ่ายภาพเช็คอินบริเวณสถานีรถไฟหัวหิน ซึ่งเป็นสถานีรถไฟคลาสสิคสวยที่สุดในประเทศไทย

นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ นายกสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “งานหัวหิน วินเทจ คาร์ พาเหรด จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 22 โดยปีนี้จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 20-22 ธ.ค.67 เส้นทาง กรุงเทพฯ-หัวหิน ตามแนวคิด “มิตรภาพไร้กาลเวลา-Timeless Friendship” เพื่อให้เจ้าของรถได้รำลึกถึงความทรงจำที่คุ้นเคย แม้จะพบกันเพียงครั้ง จะยังจดจำมิรู้ลืม

โดยปล่อยขบวนจากพิพิธภัณฑ์คนรักรถ AUTO RENDEZVOUS MUSEUM-BANGKOK ถนนประชาอุทิศ สู่ โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน เข้าสู่เมืองหัวหิน เพื่อเก็บภาพสถานที่ประทับใจไว้เป็นที่ระลึก โดยประชาชนทั่วไปสามารถชมรถคลาสสิค และรถโบราณอันทรงคุณค่าได้อย่างใกล้ชิดตลอดเส้นทาง.
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / “วิทยา” อำลาตำแหน่ง 4 ปี ผุดโครงการพัฒนาท้องถิ่นกว่า 2,300 โครงการ/4 สมาคมท่องเที่ยวพัทยา-ชลบุรี พร้อมจัดเลี้ยงสังสรรค์ปีใหม่และขอบคุณสื่อมวลชน/มูลนิธิพระมหาไถ่ฯ พัทยา จัดงาน “เลี้ยง สุขสันต์วันคริสต์มาส 2568

ช่วงบ่ายวันที่ 19 ธ.ค.67 ที่ห้องประชุมแก้วเจ้าจอม องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี นายวิทยา คุณปลื้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี เป็นประธานการประชุมคณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการหัวหน้าฝ่ายทุกส่วนราชการ ผู้อำนวยการสถานศึกษาโรงเรียนในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ผู้อำนวยการสถานีอนามันเฉลิมพระเกียรติฯ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ครั้งที่ 12/2567 ซึ่งในวันนี้ถือเป็นวาระครบการทำงานครบ 4 ปี ของผู้บริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรีชุดปัจจุบัน

นายวิทยา คุณปลื้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า ตลอด 4 ปีบริหาร ผู้บริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรีได้นับความร่วมมือที่ดีในการทำงานจากทุกภาคส่วน ต้องขอขอบคุณในความร่วมมือดังกล่าวที่ช่วยผลักดันท้องถิ่นให้มีศักยภาพยิ่งขึ้น และในวันนี้ ซึ่งครบวาระการทำงานของคณะผู้บริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ต้องถือโอกาสนี้ขอบคุณและแถลงผลการทำงานตลอด 4 ปีที่ผ่านมา

โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรีได้ดำเนินการตามที่ได้กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ไว้ 7 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1.ยุทธศาสตร์การพัฒนาคุณภาพชีวิตและสังคม 2.ยุทธศาสตร์การพัฒนาการท่องเที่ยวและกีฬา 3.ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและโครงข่ายคมนาคมขนส่ง 4.ยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 5.ยุทธศาสตร์การป้องกันปราบปรามและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด การรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน 6.ยุทธศาสตร์การจัดการสิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ (Smart environment) และ 7.ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการตามหลักธรรมาภิบาล ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้วรวมกว่า 2,300 โครงการ

มีรายงานด้วยว่า หลังเสร็จสิ้นการประชุมดังกล่าว กลุ่มข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี พนักงานและลูกจ้าง ได้เตรียมดอกกุหลาบนำมามอบเป็นกำลังใจให้คณะผู้บริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรีเพื่อขอบคุณการทำงานตลอด 4 ปีที่ผ่านมา โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างเป็นกันเอง ก่อนนายวิทยา คุณปลื้ม จะลงไปกราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี และเดินทางกลับ

ประชุมใหญ่ 4 สมาคมท่องเที่ยวพัทยา-ชลบุรี พร้อมจัดเลี้ยงสังสรรค์ปีใหม่และขอบคุณสื่อมวลชน

วันที่ 19 ธ.ค.67 ที่โรงแรมราวินทราบีช รีสอร์ท พัทยา จ.ชลบุรี ได้มีการจัดการประชุมใหญ่ประจำปี 2567 ของ 4 สมาคมท่องเที่ยวพัทยาและจังหวัดชลบุรี ประกอบด้วย สมาพันธ์ท่องเที่ยวชลบุรี สมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก สมาคมแหล่งท่องเที่ยวชลบุรี และสมาคมสปาแอนด์เวลเนสภาคตะวันออก

ด้วย ทางสมาคมสมาพันธ์ท่องเที่ยวชลบุรี โดย นายธเนศ ศุภรสหัสรังสี นายกสมาคมฯ ซึ่งเป็นการรวมตัวของหน่วยงานภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยวในจังหวัดชลบุรี โดยมี 8 สมาคม และ 5 ชมรม ด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ สมาคมโรงแรมไทย

ภาคตะวันออก สมาคมแหล่งท่องเที่ยวชลบุรี สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวและบริการศรีราชาและเกาะสีชัง สมาคมผู้บริหารสนามกอล์ฟภาคตะวันออก สมาคมสปาและเวลเนสภาคตะวันออก สมาคมผู้บริหารอาหารและเครื่องดื่มภาคตะวันออก สมาคมเชฟภาคตะวันออก สมาคมอินเดียพัทยา ชมรมสปาเมืองพัทยา ชมรมผู้บริหารอาหาร และเครื่องดื่มเมืองพัทยา ชมรม FOMA PATAYA ชมรมผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมและที่พักเทศบาลเมืองแสนสุข เป็นต้น

โดยได้ประชุมหารือการดำเนินการในรอบปีที่ผ่านมา พร้อมกำหนดแนวทางการดำเนินงานส่งเสริมการท่องเที่ยวเที่ยวท้องถิ่นต่อไปในปี 2568 เพื่อสร้างความยั่งยืนด้านเศรษฐกิจการท่องเที่ยวพัทยาและชลบุรีให้มีศักภาพขึ้นไป ก่อนในช่วงค่ำจะเป็นการจัดเลี้ยงสังสรรค์ปีใหม่และขอบคุณสื่อมวลชนตามลำดับ

มูลนิธิพระมหาไถ่ฯ พัทยา จัดงาน “เลี้ยงขอบคุณ สุขสันต์วันคริสต์มาสและวันปีใหม่ 2568 รวมใจสร้างความดี”

ช่วงบ่ายวันที่ 20 ธ.ค.67 ที่ศูนย์ประชุมมหาไถ่ พัทยา บาทหลวงสุขุม ธนะสิงห์ ประธานมูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ ได้เป็นประธานกล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ ที่ได้ให้เกียรติเข้าร่วมงาน “เลี้ยงขอบคุณ สุขสันต์วันคริสต์มาสและวันปีใหม่ 2568 รวมใจสร้างความดี” โดยมี นางสาวฐิติพันธ์ เพ็ชรตระกูล รองนายกเมืองพัทยา นายรัตนชัย สุทธิเดชานัย ผู้ทรงคุณวุฒิเมืองพัทยา นายบรรจง บัณฑูรประยุกต์ เลขาสภาเมีองพัทยา นายวันชัย แสนงาม รองนายกเทศมนตรีเมืองหนองปรือ นางอัมพร แก้วแสง นายกสมาคมสถานบันเทิงเมีองพัทยา นายนิรันดร์ วัฒนศาสตร์สาธร อดีตนายกเมืองพัทยา ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมงานเลี้ยงอย่างเป็นกันเอง

สำหรับวัตถุประสงค์ในการจัดงาน เพื่อขอบคุณผู้สนับสนุนตลอดปีที่ผ่านมา พร้อมสร้างแรงบันดาลใจในการทำความดีและเสริมสร้างความร่วมมือในสังคม ภายในงานเพื่อนเก่าคุณพ่อเรย์ คุณเปรมปรีชา ทิพยวาน และคุณปีเตอร์ มาโลตรา ได้เล่าถึงคุณพ่อเรย์ผู้ก่อตั้งมูลนิธิฯได้อุทิศชีวิตบุกเบิกเพื่อช่วยเหลือผู้ยากลำบาก โดยเฉพาะคนพิการ เด็กกำพร้า และผู้ด้อยโอกาส เพื่อให้การศึกษา อาชีพ และโอกาสในการดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี

พร้อมทั้งอวยพร “วันปีใหม่ รวมใจสร้างความดี” โดยมี พระศรีปริยัติวรกิจ เลขานุการรองเจ้าคณะจังหวัดชลบุรี ได้ร่วมกันแชร์ประสบการณ์ กล่าวถึงบทบาทของชุมชนความสำคัญการสร้างสังคมที่เกื้อกูล ส่งเสริมให้ทุกคนตระหนักถึงการมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคม โดยเฉพาะคนพิการและผู้ด้อยโอกาส สามารถเข้าถึงโอกาสและบริการอย่างเท่าเทียม โดยเน้นย้ำถึงพลังของความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ตั้งแต่การสนับสนุนด้านการศึกษา การสร้างอาชีพ ไปจนถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ด้อยโอกาส

มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ ดูแลคนพิการ คนตาบอด เด็กพิเศษกว่า 600 ชีวิต ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง เช่น การมอบทุนการศึกษา การจัดหาอุปกรณ์การเรียน การสนับสนุนอาหารกลางวัน หรือการเผยแพร่ข่าวสารของมูลนิธิฯ ผ่านโซเชียลมีเดีย มาร่วมส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ด้วยการส่งมอบความสุขและสร้างแรงบันดาลใจในการทำความดีเพื่อสังคมไปพร้อมกันต่อไปในอนาคต

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / งาน “ OTOP CITY 2024 Happy Market ” มอบความสุข ด้วยของขวัญล้ำค่า จากภูมิปัญญาไทย”

🎈จังหวัดน่าน นำของดีจังหวัดน่านร่วมงาน “ OTOP CITY 2024 Happy Market ” มอบความสุข ด้วยของขวัญล้ำค่า จากภูมิปัญญาไทย” ระหว่างวันที่ 14 – 22 ธันวาคมนี้ ณ ชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพค เมืองทองธานี
🎈กรมการพัฒนาชุมชน จัดงานOTOP CITY 2024 ในระหว่างวันที่ 14 -22 ธันวาคม 2567 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพื่อจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์(OTOP)

เพิ่มช่องทางการตลาด ผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ สร้างรายได้ให้ชุมชน ตลอดจนเป็นการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์โครงการผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ สร้างโอกาสกรเรียนรู้และเพิ่มทักษะในการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าให้กับผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP และ OTOP ชวนชิม ตลอดจนเป็นการประชาสัมพันธ์โครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ และสร้างรายได้ให้ชุมชน และในพื้นที่กรุงเทพมหานครหรือปริมณฑล

🎈จังหวัดน่าน มีผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP เข้าร่วมจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าในงานจำนวน 24 ราย 24 บูท สรุปยอดจำหน่ายงาน “ OTOP CITY 2024 ”
ประจำวันที่ 18 ธันวาคม 2567 ดังนี้

  1. บูท OTOP 3-5 ดาว จำนวน 12 ราย ยอดจำหน่าย จำนวน 169,263 บาท
  2. บูท OTOP ชวนชิม จำนวน 3 ราย ยอดจำหน่าย จำนวน 47,000 บาท
  3. บูทอื่นๆ จำนวน 9 รายได้แก่ OTOP Premium First Lady กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี Rest Area OTOP ขึ้นเครื่อง ผู้ประสบภัยน้ำท่วม ศิลปิน OTOP กระทรวงอุดมศึกษาฯ และแพทย์แผนไทย ยอดจำหน่าย จำนวน 391,400 บาท
    รวมยอดจำหน่ายประจำวันที่ 18 ธ.ค. 67 👍 รวมทั้งสิ้น จำนวน 607,663 บาท
    ผู้มียอดจำหน่ายสูงสุดประจำวัน 3 อันดับแรก ได้แก่
  4. บริษัท ดอยซิลเวอร์แฟคตอรี จำกัด (บูทศิลปิน OTOP ) ยอดจำหน่ายจำนวน 190,000 บาท
  5. กลุ่มสตรีอนุรักษ์ผ้าน่าน (บูทFirst Lady) ยอดจำหน่ายจำนวน 77,000 บาท
  6. กลุ่มสัมมาชีพบ้านนาทะนุง (บูทกระทรวงอุดมศึกษาฯ) ยอดจำหน่ายจำนวน 30,000 บาท

“OTOP City 2024 Happy Market ” มอบความสุข ด้วยของขวัญล้ำค่าจากภูมิปัญญาไทยOTOPCity2024 #OTOP #OTOPCity2024Happy Marketกรมการพัฒนาชุมชน #CDDกระทรวงมหาดไทย #MOI#CDDNAN #Promotion Group

/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ด่วน! กราดยิงดับแล้ว 2 ศพ เจ็บอื้อ เร่งไล่ล่าปิดล้อมคนร้าย ล่าสุดคนร้ายใช้ปืนปลิดชีพตัวเอง/ทช.เปิดเวทีฟังความคิดเห็น ครั้งที่ 2 ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมถนนเลี่ยงเมือง ทล.212-222

เมื่อเวลา 12.50 น. วันที่ 19 ธ.ค.2567 ศูนย์วิทยุ 191 จ.บึงกาฬ ได้รับแจ้งเหตุชายคลุ้มคลั่ง ใช้อาวุธปืนยิงเพื่อนบ้าน จนทำให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บ เหตุเกิดในพื้นที่ ต.หนองหัวช้าง อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ หลังรับแจ้งจึงวิทยุด่วนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ดอนหญ้านาง ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ให้รีบเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ชุดปราบปราม และเจ้าหน้าที่กู้ภัย

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบผู้เสียชีวิต จำนวน 2 ราย และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 3 ราย โดย 1 ในนั้นเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัย อบต.หนองหัวช้าง ส่วนคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนก่อเหตุในครั้งนี้ ทราบชื่อต่อมาคือ นายศักรินทร์ สิงโต อายุ 30 ปี หลังจากก่อเหตุได้หลบหนีไป ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ระดมกำลังตำรวจชุดปราบปราม กว่า 30 นาย ทำการปิดล้อมพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อทำการไล่ล่าตัวคนร้าย

กระทั่งล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น. มีรายงานข่าวแจ้งว่า คนร้ายผู้ก่อเหตุ ได้ใช้อาวุธปืนยิงตัวเองเสียชีวิต ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ
ทั้งนี้ ขณะที่ตำรวจได้ทำการปิดล้อมจุดเกิดเหตุนั้น เบื้องต้นพบว่า คนร้ายได้ทำการหลบอยู่ภายในบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุไม่ไกลมากนัก ขณะเข้าทำการปิดล้อม

ได้มีเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะๆ เบื้องต้นคาดว่าคนร้ายที่ก่อเหตุ น่าจะใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่ที่เข้าปิดล้อม อย่างไรก็ตาม ภายหลังเสียงปืนสงบ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เข้าเคลียร์พื้นที่ ปรากฏว่า พบศพผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนปลิดชีพตัวเองเสียชีวิตแล้ว

บึงกาฬ ทช.เปิดเวทีฟังความคิดเห็น ครั้งที่ 2 ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมถนนเลี่ยงเมือง ทล.212-222
กรมทางหลวงชนบท เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 2 โครงการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสำรวจออกแบบส่วนต่อขยายถนนเลี่ยงเมืองแนวใหม่ด่านศุลกากรบึงกาฬ – ทล.212-222 ระบายรถออกจากเมืองสร้างเส้นทางโลจิสติกส์และเดินทางสู่แหล่งท่องเที่ยวสะดวกรวดเร็วขึ้น

วันที่ 21 ธ.ค. ที่หอประชุมอำเภอเมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ แขวงทางหลวงชนบท เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนครั้งที่ 2 โครงการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสำรวจออกแบบส่วนต่อขยายถนนเลี่ยงเมืองแนวใหม่ด่านศุลกากรบึงกาฬ – ทล.212-222 อ.เมือง จ.บึงกาฬ โดยนายจุมพฏ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ มอบหมายให้ นายธีระพล ขุนพานเพิง นายอำเภอเมืองบึงกาฬ เป็นประธานเปิดการประชุมฯ มี พร้อมด้วยผู้แทนกรมทางหลวงชนบท หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ผู้แทนปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชนกำนันผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนเข้าร่วมงานกว่า 200 คน

ภายในงานมีการรับชมวิดีทัศน์โครงการ ซึ่งนำเสนอรายละเอียดข้อมูลโครงการ ความเป็นมา วัตถุประสงค์ ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการ การดำเนินงานด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน การรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อโครงการ รวมถึงการสรุปประเด็นจากการรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อโครงการ โดยมีวิทยากรที่ปรึกษาโครงการอาทิ นายปรมินทร์ อรุณรัตน์ วิศวกรโครงการ นางสาวลัดดาวรรณ ศิลาชัย ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม ผศ.ดร.อนุชา เพียรชนะ ผู้เชี่ยวชาญด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน มาร่วมให้ข้อมูลข้อเสนอแนะแก้ไขผลกระทบของโครงการ

นายธีระพล ขุนพานเพิง นอภ. กล่าวว่า วันนี้นับเป็นโอกาสอันดีที่ได้มีเวทีในการแสดงความคิดเห็น ให้ชาวบึงกาฬได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ หรือปัญหาต่างๆ เพื่อให้ผู้รับผิดชอบโครงการได้นำข้อมูลไปปรับปรุงพัฒนาโครงการต่อไป เพราะท้ายที่สุดแล้ว ผู้ที่จะได้ประโยชน์มากที่สุดจากโครงการนี้คือชาวบึงกาฬทุกคน และสิ่งนี้คืออนาคตของจังหวัดบึงกาฬที่จะได้รับความเจริญรุ่งเรืองเพิ่มมากขึ้นในวันข้างหน้า ประกอบกับการมีสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 บึงกาฬ -บอลิคำไซ ที่ใกล้จะเสร็จในต้นปีหน้า รวมถึงถนนทางหลวง 4 ช่องจราจร จ.อุดรธานี – จ.บึงกาฬ และสนามบินบึงกาฬ ในอนาคต ความเจริญและเชื่อมโยงต่อเติมโครงข่ายการคมนาคมและการขนส่ง เป็นการแก้ไขปัญหาการคมนาคมในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ จะนำมาซึ่งธุรกิจการท่องเที่ยว สร้างเศรษฐกิจที่ดีขึ้น สร้างรายได้ที่มากขึ้นของพ่อแม่พี่น้องชาวบึงกาฬทุกคน

สำหรับการประชุมในวันนี้เป็นการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนครั้งที่ 2 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของโครงการ ความเป็นมา วัตถุประสงค์ของการศึกษา ขอบเขตการศึกษาการตรวจสอบข้อจำกัดและเงื่อนไขด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ เพื่อนำเสนอความก้าวหน้าและรับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มเป้าหมายของการศึกษาในด้านต่างๆ โดยเฉพาะรูปแบบพัฒนาโครงการ รวมทั้งร่างมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม เพื่อนำไปพิจารณาประกอบการศึกษาให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่
ซึ่งจากการศึกษาพบว่าแนวสายทางโครงการอยู่ใกล้กับพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญ ระหว่างประเทศในระยะ 2 กิโลเมตร

เพื่อเชื่อมโยงต่อเติมโครงข่ายการคมนาคมและการขนส่ง เป็นการแก้ไขปัญหาจราจรด้วยการสร้างทางเชื่อมหรือ Missing Link ให้สมบูรณ์ ยิ่งขึ้น และยังสามารถพัฒนาเป็น ทางลัดทางเลี่ยง เพื่อเป็นทางเลือกในการเดินทาง ท่องเที่ยว ขนส่งสินค้า ช่วยส่งเสริมการพัฒนาเมือง และเศรษฐกิจของจังหวัดบึงกาฬ ได้อีกทางหนึ่ง กรมทางหลวงชนบท โดยสำนักสำรวจและออกแบบ จึงได้ว่าจ้างกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา ประกอบด้วย บริษัท เอพซิลอน จำกัด บริษัท อาร์มมี่เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เอ็นไวโรนเมนท์ จำกัด และบริษัท เอเซีย แล็ป แอนด์คอนซัลแตนท์ จำกัด ให้ดำเนินการศึกษาโครงการดังกล่าว ด้านนายสุนทร วังสะพันธ์ เสนอแนะว่าอยากให้สร้างถนนไปตามขอบหนองกุดทิง ซึ่งเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำโลก ส่วนจุดตัดถนนต่างๆ ขอให้เป็นสี่แยกไฟแดงหรือ วงเวียน และจุดยูเทิร์นตามถนนหลวง 222 ขออย่าให้ห่างมากนักเหมือนทุกวันนี้ จะทำให้คนขี่รถจักรยานยนต์ขับย้อนศรจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

ส่วนนายเชิดชัย เจริญดี รองปลัดเทศบาลเมืองบึงกาฬ ก่อนอื่นต้องขอบคุณที่ได้นำความเจริญมาสู่จังหวัดบึงกาฬ เราพยายามจะทำถนนเส้นนี้มานานเหลือเกิน เป็นการดีมากที่ กรมทางหลวงชนบทได้ออกแบบและรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้ เส้นนี้จะเชื่อมริมโขงจากด่านศุลกากรบึงกาฬ ตอนนี้ได้คุยกับบริษัทที่ปรึกษาถ้าทำถนนเชื่อมได้หรือเวนคืนได้ก็จะเป็นการดี ถ้าทำได้ถึงสุดริมโขงได้ก็จะดี เรื่องระดับเนื่องจากว่าโซนจากน้ำโขงถึงถนน212 ถ้าระดับบวก14 ระดับน้ำบ้านพันลำเมื่อกี้น้ำท่วมตรงถนนเส้นนี้ที่จะตัดถึงด่านศุลกากรบึงกาฬ ทำให้สูงกว่าระดับบวก14 เมตร จากตลิ่งป้องกันน้ำท่วมในอนาคตได้ อีกเรื่องคือระบบระบายน้ำ เนื่องจากเป็นพื้นที่ต่ำควรมีท่อระบายน้ำสู่หนองหรือคลองส่งน้ำ จะส่งผลกระทบน้ำท่วมขังได้

ส่วนตัวแทนจากหมู่ 11 บ้านแสนสุข เท่าที่ดูเห็นว่าโครงการสร้างเสร็จประมาณสัก 10 ปี ช่วงเวลาตรงนี้พอสมควรเลย หากเสร็จแล้วเศรษฐกิจและสังคม อีก 10 ปีข้างหน้าน่าจะขยายตัวเพิ่มมากขึ้น อยากให้สร้างสะพานข้ามแยกยกระดับเลยเป็นการออกแบบไว้อนาคต แล้วก็ในส่วนของสร้างถนนมีเส้นทางที่น้ำผ่านช่วงที่เป็นหนองน้ำท่วมมากทำคันกั้นน้ำหรือท่อระบายน้ำ 10 ปีข้างหน้าเดี๋ยวพอเปิดใช้น้ำจะได้ไม่ท่วม
ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล//บึงกาฬ 0961464326

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์/สนง.พื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 เชียงราย ร่วมกันตรวจสอบพื้นที่ป่า การบุกรุกผืนป่าของนายทุนในพื้นที่บ้านดอยสะโง้

19 ธันวาคม 2567 เวลา 10.30 น. คณะเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษพิทักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า ประจำ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 (เชียงราย) นำโดยนายปาวิณ ไวว่อง หัวหน้าสายตรวจปราบปรามฯ พร้อมด้วยนายพิพัฒน์ ใจปิน หัวหน้าสวนป่าแม่มะ-สบรวก , ปลัดและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเชียงแสน , กำนันตำบลศรีดอนมูล , ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน บ้านดอยสะโง้ หมู่ที่ 7 และคณะทำงานตรวจสอบการแก้ไขปัญหาที่ดิน

กรณีนายเศกสันติ์ กองศรี กำนันตำบลศรีดอนมูล ทูลเกล้าถวายฎีกาขอพระราชทานความช่วยเหลือการบุกรุกผืนป่าของนายทุนในพื้นที่บ้านดอยสะโง้ เข้าร่วมกันตรวจสอบพื้นที่ป่า ท้องที่บ้านดอยสะโง้ หมู่ที่ 7 ต.ศรีดอนมูล อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ผลการตรวจสอบ พบว่า มีการกระทำผิด 1 คดี แต่ไม่พบตัวผู้กระทำความผิด และได้ตรวจยึดพื้นที่ป่า

ในแปลงปลูกป่าสวนป่าแม่มะ-สบรวก ปี พ.ศ.2530 พื้นที่ถูกยึดถือครอบครอง จำนวน 1 แปลง รวมเนื้อที่บุกรุกทั้งหมด 48-2-52 ไร่ โดยกล่าวหาว่า มีความผิด ตาม พ.ร.บ. ป่าไม้พุทธศักราช 2484 มาตรา 54 ฐาน ”ก่อสร้าง แผ้วถางหรือเผาป่าหรือกระทำการด้วยประการใดอันเป็นการทำลายป่าหรือเข้ายึดถือหรือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต”

สำหรับค่าเสียหายทางสิ่งแวดล้อมบางประการหลังการทำลายป่า (ค่าเสียหายของรัฐ) จะจัดส่งให้ภายหลัง ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ นายพิพัฒน์ ใจปิน หัวหน้าสวนป่าแม่มะ-สบรวก เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ และนายบุญส่ง ยอดบุญศรี เป็นพยาน ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เชียงแสน ดำเนินการตามระเบียบต่อไป…
..#ทีมข่าวบกรายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์/ชมรมผู้สูงอายุ เทศบาล ต.โคกสำโรง อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี พุดไอเดีย พาผู้สูงอายุ สูดอากาศยามหนาวที่คิริตาคาเฟ Kirita Lopburi

วันที่ 20 ธันวาคม 2568 เวลา 14:00 น. ชมรมผู้สูงอายุ เทศบาลตำบลโคกสำโรง อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ได้นัดรวมตัวกันเป็นประจำของทุกเดือน เพื่อตรวจสุขภาพทางช่องปากและฟัน รวมถึงการแนะนำปฏิบัติตัวของผู้สูงอายุจากคณะแพทย์พยาบาล มาคอยให้ความรู้ประจำทุกเดือน กับโครงการส่งเสริมกิจกรรมผูู้สูงอายุ มีนางนิสา ร่มจำปา ประธานชมรมผู้สูงอายุอำเภอโคกสำโรง

ในวันนี้มีประชาชนผู้สูงอายุเข้าร่วม ประมาณ 80 คน ประกอบด้วย
ชุมชน 1= 9 คน ชุมชน 2=7 คน ชุมชน 3 =16 คน ชุมชน 4= 10 คน ชุมชน 5= 12คน ชุมชน 6= 15 คน ชุมชน 7= 11 คน หลังจากตรวจสุขภาพปากและฟันแล้ว ทุกคนต่างมีความคิดพุดไอเดียขึ้นมาว่าเพื่อสุขภาพของผู้สูงอายุ มองหาทำเลที่เหมาะและบรรยากาศดีๆใกล้ๆบ้าน และส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุอีกด้วย จึงพากันคิดถึงสถานที่ใกล้อำเภอโคกสำโรง

พากันมายังสถานที่เหมาะและสวยงามบรรยากาศที่ดี รายล้อมไปด้วยขุนเขา บรรยากาศธรรมชาติ ทัศนียภาพที่สวยงาม อยู่ไม่ไกลจากตัวอำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี จึงมารับอากาศหน้าหนาวบรรยากาศดีๆที่ควรแก่การพักผ่อนท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ คิริตาคาเฟ ตำบลวังเพลิงอำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี

โดยปัจจุบันนี้เมืองไทยมีผู้สูงอายุมากขึ้น รัฐบาลใส่ใจคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ และให้มีกิจกรรม ในกลุ่มผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตจิตใจรวมถึงพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์ โดยกลุ่มผู้สูงอายุเทศบาลตำบลโคกสำโรง จะจัดกิจกรรมเป็นประจำทุกเดือน อย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ทางชมรมผู้สูงอายุจะเชิญเข้ากลุ่มผู้สูงอายุเทศบาลตำบลโคกสำโรง เพื่อพบปะสังสรรค์แรกเปลี่ยนพูดคุยจะได้ไม่เงียบเหงา ในทุกวันเช้าๆ เย็นๆ

จะมีผู้สูงอายุบางคนออกร่วมกันเดินออกกำลังกาย บ้างท่านก็จะออกวิ่งเช้าๆ เย็นๆร่วมกัน สถานที่สนามอำเภอโคกสำโรง และแยกบายพาสโคกสำโรง – บ้านหมี่ สนอง แท่นสูงเนิน ผอ.ศูนย์ข่าวฯ ประจำจังหวัดลพบุรี อนุกรรมการสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์จังหวัดลพบุรี รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์/ผบ.ทหารพรานที่ 23 มอบผ้าห่มกันหนาว ให้กำลังพลที่ปฏิบัติภารกิจป้องกันชายแดน ไทย – กัมพูชา”

พันเอก กัญญณัต ไชยโอชะ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญกำลังพลในพื้นที่ชายแดน จ.ศรีสะเกษ และ จ.อุบลราชธานี โดยได้นำผ้าห่มกันหนาว จำนวน 200 ผืน พร้อมกับสิ่งของอุปโภคบริโภค มอบให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติภารกิจในการป้องกันชายแดน ซึ่งปัจจุบันมีสภาพอากาศหนาวเย็น

โดยได้รับมอบผ้าห่มกันหนาวจาก พระอาจารย์ไพรวัลย์ ทนฺตวีโร เจ้าอาวาสวัดบ้านเหมือดแอ่ อ.ยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ ที่ได้แสดงความห่วงใยและเห็นความสำคัญของทหารพรานที่ปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาอธิปไตยของชาติตลอดแนวชายแดน ไทย – กัมพูชา ให้สามารถปฏิบัติงานช่วงฤดูหนาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23

ได้ให้โอวาทการปฏิบัติงานโดยเน้นย้ำความปลอดภัยในการลาดตระเวน ตามพื้นที่อันตรายต่างๆ ซึ่งอาจมีการลักลอบกระทำผิดกฎหมายตามแนวชายแดนในห้วงเทศกาลปีใหม่นี้

ฉก.ทพ.23 ภาพ/ข่าว
เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / รมช.เกษตรฯ ติดตาม ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ฝนหลวงหัวหิน

เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.67 นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจติดตามภารกิจการบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ประจำปี 2568 ของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ที่ศูนย์ฝนหลวงหัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ โดยมี นายราเชน ศิลปะรายะ รองอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ด้านปฏิบัติการ นายสินาทร โอ่เอี่ยม รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ ให้การต้อนรับ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสื่อมวลชน

ร่วมรับฟังการรายงานสถานการณ์และผลการทำงานตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค.67 – ปัจจุบัน ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มอบหมายให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตรตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง เพื่อปฏิบัติการฝนหลวงและการดัดแปรสภาพอากาศบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) โดยได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค.67 ประกอบด้วย ตั้งหน่วยปฏิบัติการที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ จ.ระยอง และ จ.กาญจนบุรี วางแผนปฏิบัติการบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) พื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล

ใช้เครื่องบินรวมจำนวน 10 ลำ ตั้งหน่วยปฏิบัติการที่ จ.เชียงใหม่ จ.แพร่ และ จ.ตาก วางแผนปฏิบัติการบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) พื้นที่ภาคเหนือ ใช้เครื่องบินรวมจำนวน 5 ลำ โดยมีการวางแผนการทำงานร่วมกับบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด เพื่อกำหนดขอบเขตพื้นที่การบินระดับความสูง และช่วงเวลาการบินตามกฎการบินสากล สำหรับการดำเนินงานที่ผ่านมา พบว่าการปฏิบัติการด้วยเทคนิคลดอุณหภูมิชั้นบรรยากาศผกผันโดยการโปรยน้ำแข็งแห้งหรือการสเปรย์น้ำ เพื่อทำให้เกิดช่องระบายฝุ่นละอองขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศด้านบนในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลและพื้นที่ภาคเหนือ ทำให้ค่าดัชนีคุณภาพอากาศลดลงได้ และส่งผลให้คุณภาพอากาศอยู่ในระดับปานกลางและระดับดีตามลำดับ

มช.อิทธิ ศิริลัทธยากร กล่าวว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่าขณะนี้ปัญหาฝุ่นละอองเป็นวาระแห่งชาติ โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันบูรณาการแก้ไขปัญหาดังกล่าว อีกทั้ง ภายใต้นโยบายของ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีมาตรการป้องกันไม่ให้ส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน โดยเน้นย้ำว่า การปฏิบัติการเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 มุ่งดูแลสุขภาพของประชาชนให้ดีขึ้น และยังเป็นการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนือและพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศอีกด้วย

ซึ่งตนในฐานะกำกับดูแลกรมฝนหลวงและการบินเกษตร จึงได้สั่งการให้ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง เพื่อบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ภาคเหนือ และพื้นที่เป้าหมายอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากPM 2.5 โดยให้ความเชื่อมั่นว่ากรมฝนหลวง และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะเน้นปฏิบัติการเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง และจะสามารถแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ให้ลดลงได้.
นายนิพล ทองเก่า นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวสยามโฟกัสไทม์/4เหล่าทัพ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าฯจ.ชลบุรี ส่งเสริมอาชีพทำนาในท้องถิ่น อ.บางละมุง

เวลา 16.30 น.วันที่ 17 ธ.ค.67 นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานกิจกรรมปลูกข้าววันแม่ เก็บเกี่ยววันพ่อ อนุรักษ์ภูมิปัญญา อาชีพทำนาในท้องถิ่น อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี โดยมี จ่าเอก พิทยาภรณ์ ก่อแก้ว ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครองอำเภอบางละมุง 
พ.ต.อ.พาติกรณ์ ศรชัย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี หัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ และประชาชน ในพื้นที่อำเภอบางละมุง ร่วมกิจกรรมฯ ที่แปลงนาบ้านหนองเกตุใหญ่ หมู่ที่ 1 ตำบลหนองปลาไหล อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
โครงการปลูกข้าววันแม่ เก็บเกี่ยววันพ่อ อนุรักษ์ภูมิปัญญา อาชีพทำนาในท้องถิ่น อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เป็นโครงการที่สำคัญซึ่งดำเนินงานในพื้นที่แปลงนาบ้านหนองเกตุใหญ่ หมู่ที่ 1 ตำบลหนองปลาไหล อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี โดยการดำเนินงานเป็นการส่งเสริมและอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นให้แก่คนรุ่นหลังได้มีโอกาสศึกษาเรียนรู้ และร่วมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2567 
ตลอดจนเป็นการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 5 ธันวาคม 2567 ตลอดจนร่วมเทิดพระเกียรติและแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยกิจกรรมดังกล่าว ได้ดำเนินกิจกรรมปลูกข้าวเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2567 และมีกำหนดเก็บเกี่ยวในห้วงเดือนธันวาคม 2567 ซึ่งกำหนดดำเนินกิจกรรมในวันนี้

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / อปน. จัดกิจกรรม “สร้างความสัมพันธ์เครือข่ายสื่อมวลชนภาคเหนือ” ณ เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์

เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 ฝ่ายปฏิบัติการภาคเหนือ (อปน.) จัดกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์กับเครือข่ายสื่อมวลขนภาคเหนือ โดยเชิญประชาสัมพันธ์ จังหวัดหรือผู้แทน และสื่อมวลชนในพื้นที่ภาคเหนือทั้ง 17 จังหวัดภาคเหนือเข้าร่วมกิจกรรม เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่าง กฟผ. และองค์กรสื่อมวลชนในพื้นที่ภาคเหนือ

พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้แลกเปลี่ยนข้อมูลชาวสาวสาร และวิธีการสื่อสารไปยังประชาชนใต้อย่างมีประสิทธิผล ระหว่าง วันที่ 12 – 14 ธันวาคม 2567 ณ ห้องประชุมมณีน่าน เชื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ โดยมีนายสุทธิพงษ์ วงค์สารภี ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขียนสิริกิติ์ที่ 1 (ชอสข-1) ให้เกียรติมากล่าวต้อนผู้เข้าร่วมกิจกรรม นายพิสิฐ กัยวิกัยโกศล หัวหน้ากองบริหาร (กบหน-ส.) เป็นประธานกล่าวเปิดงาน นายรัฏชรพงษ์ เมืองแก่น หัวหน้าแผนกประชาสัมพันธ์และชุมชนสัมพันธ์ระบบบส่งภาคเหนือ (หชสน-ย) เป็นผู้กล่าวรานงาน พร้อมกับผู้ปฏิบัติงาน อปน.

นอกจากนี้ ในวันที่ 13 ธันวาคม 2567 คณะผู้บริหาร อปน. นำโดย นายวัชร์วีร์ พืชพันธ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายปฏิบัติการภาคเหนือ-1 (ช.อปน-1) และ นายคมกริช วงศ์ชนะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการภาคเหนือ -2 (ช.อปน-2) นำคณะ คบ.อปน. พร้อมทั้ง น.ส.ณิชชนันทน์ สวัสดิ์พานิช หัวหน้ากองประชาสัมพันธ์และชุมชสัมพันธ์ระบบส่ง (กชส-ย.) เข้าร่วมในกิจกรรมครั้งนี้ด้วยภายในกิจกรรม มีการบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับภารกิจของ อปน. และ กฟผ. ในเรื่องการผลิตไฟฟ้าสู่ระบบส่งจ่ายไฟฟ้าต่อไปยังประชาชม

โดย นายกนกพล อินถนอม วิทยากรระดับ 7 ประชาสัมพันธ์และชุมชนสัมพันธ์เขื่อนสิริกิติ์ (ทชส-ย.) เรื่องความมั่นคงของระบบส่งจ่ายไฟฟ้า ในภาคเหนือ โดย นายวสันต์ สิงหเดช วิศวกรระดับ 7 แผนกปฏิบัติการระบบ 1 (หปน1-ส) เรื่องการดูแล และบำรุงรักษาสายส่งไฟฟ้าแรงสูง เพื่อรักษาความมั่นคงของระบบส่งไฟฟ้าในภาคเหนือ

โดย นายถิรวุฒิ เจียมเกตุ ช่างระดับ 8 แผนกบำบำรุงรักษาสายส่ง 1 (หสน1-ส.) และเรื่องเรื่องาน CSR ในพื้นที่ภาคเหนือ โดย นายชัชวาลย์ กุลสุวรรณ์ ช่างระดับ 8 แผนกประชาสัมพันธ์และชุมชนสัมพันธ์ระบบส่งภาคเหนือ (หชสน –ย.) และได้มีการชี้แจง และแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ข้อเท็จริงของ กฟผ. ที่เป็นประเด็นและให้ความสนใจในภาคประชนในในรอบปีที่ผ่านมา และมีกิจกลุ่ม Workshop ในเรื่องของแนวกลยุทธการสื่อสารถึงมวลชนอย่างมีประสิทธิภาพ

รวมถึงถึงมีกิจกรรมสานสัมพันธ์ร่วมกันตอดการดำเนินกิจกรรม นอกจากนี้ ยังได้นำคณะผู้เข้าร่วมกิจกรรมเยี่ยมชมวิสาหกิจชุมชนบ้านหาดไก่ต้อย ต ท่าปลา อ.ทำปลา จ.อุตรติตถ์ ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ OTOP ของชุมชนที่มีชื่อเสียงคือ ผลิตภัณฑ์จากเม็ดมะม่วงทิมพานต์ ที่มีหลากหลายรูปแบบสินค้า มีการพัฒนาตนเองจนสร้างรายได้ให้แก่สมาชิกและ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

จากนั้นได้นำคณะผู้เช้าร่วมกิจกรรมเข้าเยี่ยมชมการดำเนินงานของศูนย์ศึกษาและพัฒนาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง กฟผ. เขื่อนสิริกิติ์ “โคก หนอง นา โมเดล” อีกด้วย/บุญยงค์ สดสะอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน/ทีมข่าวสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สือรัฐ ทีวี บก.เอกสิทธ์ หมวดทอง