คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าวสังคม

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / นักท่องเที่ยววอนจัดระเบียบอ่าวไข่ หาดหรูเมืองสุนทรภู่ ครูกวีศรียูเนสโก้

แชร์เนื้อหานี้

ผู้สื่อข่าวได้รับข้อมูลจากนักท่องเที่ยวต่างจังหวัดที่เดินทางไปพักผ่อนยังอ่าวไข่ สถานที่ท่องเที่ยวที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหาดหรูแห่งเมืองระยอง แต่ยังพบว่ามีหลายจุดที่ยังต้องจัดระเบียบปรับปรุงแก้ไขเพื่อความเป็นมาตรฐานของแหล่งท่องเที่ยวที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวนานาชาติจากทุกมุมโลกที่ต้องการมาเยือน

โดยยังพบว่าในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวดังกล่าวยังไม่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยในเรื่องของการไม่มีจุดจอดรถสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชัดเจน, การจัดวางถังขยะใกล้ทางระบายน้ำลงทะเล, การยึดพื้นที่จอดรถสองข้างถนนของผู้ประกอบการเอกชน รวมการความหมิ่นเหม่เรื่องการก่อสร้างอาคารรุกล้ำที่สาธารณะ

อย่างไรก็ตาม อยากให้ทางจังหวัดระยอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการปรับปรุงแก้ไขเพื่อที่จะให้อ่าวไข่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทรงคุณค่าของจังหวัดระยองอย่างแท้จริง และเพื่อภาพลักษณ์ที่ดีด้านการท่องเที่ยวของภาคตะวันออกและประเทศไทย อันจะส่งผลถึงเม็ดเงินด้านการท่องเที่ยวที่จะเข้ามาอีกเป็นจำนวนมากในอนาคต

อนึ่ง อ่าวไข่ จ.ระยอง เป็นอ่าวเล็กๆ ความยาวประมาณ 500 กม. อยู่ใกล้กับหาดแม่พิมพ์ เป็นชายหาดที่มีความสงบ และเป็นที่ถูกใจของผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมทางทะเล และเป็นเป้าหมายของการเดินทางของนักเซิร์ฟจากทั่วโลก ความสวยงาม

ที่เห็นได้ด้วยตาเปล่าคือ เกาะขี้ปลา ที่อยู่ห่างจากชายหาดไม่ไกล ด้วยความโดดเด่นทางธรรมชาติความสมบูรณ์ของธรรมชาติ อ่าวไข่ จึงได้ชื่อว่าเป็นชายหาดหรูแห่งเมืองสุนทรภู่ บรมครูกวีศรีแห่งชาติ ที่ยูเนสโก้ยกย่อง

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ผู้ว่าฯ ดำน้ำเก็บขยะใต้ทะเล ชุมพร และพื้นที่ชายหาด เฉลิมพระเกียรติ

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันนี้ (21 ส.ค. 68) นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร นำจิตอาสาพระราชทาน หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ

ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ และประชาชนจิตอาสา ร่วมกิจกรรมเก็บขยะใต้น้ำและชายหาดจังหวัดชุมพร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2568 ภายใต้โครงการประชารวมใจรักษ์ทะเลไทย

เทิดไท้องค์ราชัน โดยศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) จังหวัดชุมพร

ณ บริเวณลานอเนกประสงค์หน้าเทศบาลตำบลปากน้ำชุมพร อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร โดยจิตอาสาได้ช่วยกันเก็บขยะชายหาด

ณ บริเวณพื้นที่ชายหาดปากน้ำชุมพร ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร และดำน้ำเก็บขยะใต้

ทะเลในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร บริเวณพื้นที่ระดับความลึกของน้ำทะเลไม่เกิน 10 เมตร เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย

สำหรับกิจกรรมเก็บขยะใต้น้ำและชายหาดจังหวัดชุมพร จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2568

ด้วยการลดปริมาณขยะใต้ทะเลและชายฝั่ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว เศรษฐกิจภาคทะเลและสิ่งแวดล้อมของประเทศ รวมถึงให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงความสำคัญและมีส่วน

ร่วมในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมทางทะเลที่มีผลกระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน และระบบเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / จัดแถลงข่าวประจำเดือนสิงหาคม 2568 เน้นย้ำการฟื้นฟูเยียวยา และการจ่ายเงินชดเชยให้ผู้ประสบอุทกภัย จ.น่าน / สพป.น่าน เขต 1โครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ระดับปฐมวัย

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 21 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. ที่ ห้องประชุมเจ้าฟ้าอัตรวรปัญโญ ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดน่าน จังหวัดน่าน นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน มอบหมายนายบรรจง ขุนเพชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน

เป็นประธานในการแถลงข่าวประจำเดือนสิงหาคม 2568 ต่อสื่อมวลชนทุกแขนงเพื่อสื่อสารและประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานตามนโยบายผู้ว่าราชการจังหวัดน่านในแต่ละเดือนพร้อมนำเสนอผลการขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัดทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยว

โดยมีประเด็นแถลงข่าวเรื่องการฟื้นฟูเยียวยา และการจ่ายเงินชดเชยให้ผู้ประสบอุทกภัยจังหวัดน่าน โดยมีหัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดน่าน นายกเทศมนตรีเมืองน่าน พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดน่าน และท้องถิ่นจังหวัดน่านรายงานความคืบหน้าและตอบข้อซักถาม โดยจังหวัดน่าน

ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายดำเนินการอย่างโปร่งใส ถูกต้อง และเป็นธรรม เพื่อให้ความช่วยเหลือถึงมือพี่น้องประชาชนอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะจากประชาชนในพื้นที่เพื่อนำไปปรับปรุงการดำเนินงานในระยะต่อไป/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สพป.น่าน เขต 1 เดินหน้าพัฒนาสมรรถนะการจัดประสบการณ์เรียนรู้ตามแนวทาง โครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ระดับปฐมวัย (ขั้นเฉพาะทาง) เรื่อง “เทคโนโลยี : จากที่นี่ไปที่นั่น” และการจัดทำโครงงานรูปแบบวัฎจักรสืบเสาะ สำหรับครูผู้สอนชั้นปฐมวัย

วันพุธที่ 20 สิงหาคม 2568 เวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุมเวทีวิชาการ ดร.วิเชียร วาพัดไทย ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 เป็นประธานเปิดการอบรมและบรรยายพิเศษการพัฒนาสมรรถนะการจัดประสบการณ์เรียนรู้ตามแนวทาง

โครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ระดับปฐมวัย (ขั้นเฉพาะทาง) เรื่อง “เทคโนโลยี : จากที่นี่ไปที่นั่น” และการจัดทำโครงงานรูปแบบวัฎจักรสืบเสาะ สำหรับครูผู้สอนชั้นปฐมวัย เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในแนวคิดกลักการของโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย

ให้ครูปฐมวัยสามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่เหมาะสมกับวัย ตลอดจนส่งเสริมให้ทักษะการจัดกิจกรรมแบบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry-Based Learnnig) และสร้างเครือข่ายครูปฐมวัยด้านการจัดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ มีครูปฐมวัยในสังกัดเข้ารับการอบรม จำนวน 80 คน และทีมวิทยากรประกอบด้วย

นายนภัทร เครือผดุงสกุล ศึกษานิเทศก์ผู้นำเครือข่ายท้องถิ่น (Local Network : LN) วิทยากรเครือข่าย (Local Trainer : LT) และครูแกนนำระดับปฐมวัย จำนวน 20 คน โดยมี นางศิริรัตน์ แย้มศิลป์ ศึกษานิเทศก์ ชำนาญการพิเศษ กล่าวรายงาน
ในโอกาสนี้ ดร.วิเชียร วาพัดไทย

ได้ชื่นชมครูปฐมวัยทุกคนที่ทำงานด้วยความเสียสละและเอาใจใส่ลูกๆนักเรียน ขอให้คุณครูปฐมวัยทุกท่าน ได้ตั้งใจปฏิบัติงาน และให้สอดแทรกการสอนประวัติศาสตร์ชาติไทย ตามความเหมาะสมกับช่วงวัยของเด็ก

เพื่อปลูกฝังให้นักเรียน มีความจงรักภักดีและมีความภาคภูมิใจชาติ ศาสนา และพระมาหากษัตริย์ มานพ เถรหมื่นไวย ภาพ/ข่าว/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / อบจ.ประจวบฯ จัดโครงการ “เครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชน” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ 2568

แชร์เนื้อหานี้

วันพุธที่ 20 สิงหาคม 2568 ที่โรงแรมประจวบแกรนด์ อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายสราวุธ ลิ้มอรุณรักษ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ “เครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชน ” ขององค์การบริหารส่วนจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568

โดยมี นายไชยณรงค์ เชื้อวงค์สกุลรองนายก อบจ.ประจวบคีรีขันธ์ คนที่หนึ่ง นายยุทธชัย ปริยวาที เลขานุการนายกอบจ.ประจวบคีรีขันธ์ นายทวีสิน พัฒนาภิรัส ประธานสภา อบจ.ประจวบคีรีขันธ์

นายธรรมรัตน์ สิงห์ศรี ปลัดอบจ.ประจวบคีรีขันธ์ นางจันทิสา แดงโชติ รองปลัด อบจ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อม คณะผู้บริหาร สมาชิกสภา อบจ.ประจวบฯ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชน ทั้ง 8 อำเภอ พนักงาน เจ้าหน้าที่ร่วมอบรมกว่า 150 คน

สำหรับกระบวนการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในการดำเนินงานพัฒนา ร่วมคิด ร่วมตัดสินใจแก้ปัญหาและสนับสนุนติดตามผลการปฏิบัติงานขององค์กร การมีส่วนร่วมของประชาชนมีรากฐานมาจากแนวคิดของระบอบประชาธิปไตย

โดยภาครัฐจะต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนมีสิทธิในกระบวนการนโยบายสาธารณะ ทั้งด้านการให้และรับรู้ข้อมูลข่าวสาร การให้ความคิดเห็น หรือข้อเสนอแนะ รวมถึงการร่วมตัดสินใจในชั้นตอนการริเริ่มนโยบาย การจัดทำแผนงาน

โครงการ หรือกิจกรรมที่มีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความโปร่งใส่และเพิ่มคุณภาพการตัดสินใจของภาครัฐให้ดียิ่งขึ้น และเป็น
ที่ยอมรับร่วมกันของทุกภาคส่วน ดังนั้น องค์การบริหารส่วนจังหวัด

ประจวบคีรีขันธ์ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าว จึงได้จัดทำโครงการ “เครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชน” ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ขึ้น

โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ตระหนักถึงการสร้างจิตสำนึกในการมีส่วนร่วมในการจัดทำบริการสาธารณะในพื้นที่ตนเอง เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในหลักการมีส่วนร่วมของประชาชนเกี่ยวกับการบริหารงาน ภาครัฐ และนำไปถ่ายทอด

ให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบ เพื่อสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ แนวคิด/วิธีการปฏิบัติงานและประสานความร่วมมือกัน ระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับประชาชน สู่การพัฒนาท้องถิ่น
อย่างยั่งยืน

/////////////////////

ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ทหารผ่านศึกมอบทุนการศึกษาบุตรทหารผ่านศึกนอกประจำการ บัตรชั้นที่ 2,3 และ4

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันที่ 18 สิงหาคม 2568 ณ.สโมสรนายทหารสัญญาบัตรค่ายเขตอุดมศักดิ์ พลตรีสมคิด ชูเผือกผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 44 หัวหน้าสำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตชุมพรให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีมอบทุนการศึกษาบุตรทหารผ่านศึกนอกประจำการ บัตรชั้นที่ 2,3 และ4 ร่วมกับผู้แทนโรงเรียนสะอาดประเดิมวิทยาผู้แทนวิทยาลัยเทคนิคชุมพรนายกสมาคมทหารผ่านศึกจังหวัดระนองประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกอำเภอเมืองชุมพรนักเรียนทุนที่จบการศึกษาและผู้มีเกียรติทุกท่าน

พันเอกชาญยุทธ แคล้วปลอดทุกข์ ผู้ช่วยหัวหน้าสำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตชุมพรขออนุญาตเรียนถึงความเป็นมาของการมอบทุนการศึกษาดังนี้ตามที่องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์ได้ดำเนินการให้มีการสอบชิงทุน การศึกษาบุตรทหารผ่านศึกนอกประจำการบัตรชั้นที่สองบัตรชั้นที่สามและบัตรชั้นที่สี่ประจำปีการศึกษา 2568 ในพื้นที่รับผิดชอบของสำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตชุมพร จำนวนสามจังหวัดได้แก่จังหวัดชุมพร จังหวัดระนอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี

เพื่อขอรับทุนการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจนจบการศึกษาระดับปริญญาตรีในประเทศไทย โดยองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกมีทุนการศึกษาจำนวน 900 ทุนทุนละ 10,000 บาทต่อปีการศึกษานั้นสำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตชุมพรได้ทำการสอบชิงทุนการการศึกษาขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกมีบุตรทหารผ่านศึกนอกประจำการ สมัครสอบชิงทุนจำนวน 38 ราย ใน วันที่ 22 มีนาคม 2568 ณ สำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกชุมพร มีผู้เข้าสอบผ่านเกณฑ์ได้รับทุนการศึกษาจำนวน 33 ราย แยกเป็นประเภทดังนี้ หนึ่งทุนการศึกษาประเภทต่อเนื่องเพื่อการศึกษาต่อระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า

จนจบปริญญาตรีในประเทศ เป็นทุนการศึกษา องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกจำนวน 30 ทุน สองทุนการศึกษาประเภทเฉพาะหนึ่งปีการศึกษาเพื่อศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า ซึ่งเป็นทุนการศึกษาของผู้มีจิตศรัทธาบริจาคให้แก่องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกจำนวนสามทุน
ในโอกาสนี้ได้เชิญ นาย เอกวุฒ คงคาภิรมย์นักเรียนทุนที่จบการศึกษาแล้วมาถ่ายทอดประสบการณ์และความภาคภูมิใจเพื่อเป็นแนวทางให้แก่น้องที่ได้รับทุน หลังจากจบการศึกษาได้มาทำงานที่ สำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิ์ช่วยเหลือทางกฎหมาย

จากที่ได้รับทุนการศึกษานี้เป็นเพราะว่าคุณพ่อเคยรับราชการทหารตอนปีพุทธศักราช 2524 ต่อมาท่านได้เข้าไปร่วมรบกับผู้ก่อการไม่สงบในช่วงปีพุทธศักราช 2525 บริเวณช่องช้างบ้านนาสารจังหวัดสุราษฎร์ธานี หลังจากที่คุณพ่อปลดประจำการ ยังผูกพันกับองค์การทหารผ่านศึกจนกระทั่ง ตนเรียนอยู่ชั้นม.สาม คุณพ่อแนะนำให้มาสอบชิงทุนการศึกษาขององค์การทหารผ่านศึกแล้วก็เป็นผู้ที่ได้รับโอกาสให้ได้รับทุนนี้ในสมัยนั้นก็ให้ผู้ที่สอบชิงทุนของมัธยมปลายได้รับปีละ 5000 บาท

ซึ่งในช่วงแรกก็ยอมรับว่าก็ได้ใช้ทุนไปในทางที่ไม่ค่อยถูกต้อง ช่วงแรกได้เงินมาก็เอาไปเอาไปซื้อหนังสือการ์ตูน เอาไปเล่นเกมออนไลน์ ยอมรับว่าใช้ทุนโดยที่ไม่เกิดประโยชน์จนกระทั่งเรียนจบมอปลาย ณ เวลานั้นที่บ้านก็ประสบปัญหาทางการเงินคุณพ่อคุณแม่ก็บอกว่า ไม่สามารถส่งให้เรียนต่อมหาวิทยาลัยทางกรุงเทพได้เพราะว่าทางบ้านขัดสนเรื่องเงินทองก็เหมือนฟ้าผ่าลงมากลางใจว่าเราจะทำยังไงในอนาคตการเรียน

จึงคิดได้ว่ามีเงินจากองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกซึ่งในระดับมหาวิทยาลัยนั้นองค์การสมทบช่วยปีละ 10,000 บาทจึงตัดสินใจเรียนต่อ มหาวิทยาลัยรามคำแหง คณะนิติศาสตร์ เพราะเป็นมหาวิทยาลัยที่มีค่าใช้จ่ายที่ถูกในการเรียนจึงตัดสินใจเรียนต่อโดยเรียนอยู่ที่บ้านเต็มรูปแบบแล้วก็ไปสอบที่โรงเรียนสอาดประเดิมวิทยา สมัยนั้นมหาวิทยาลัยรามคำแหง

ค้าสมัครนักศึกษาต้องใช้เงิน 3000 บาทค่าหน่วยกิตหน่วยกิตละ 50 บาท ตกแล้วปีการศึกษาก็ไม่เกิน 10,000 บาทซึ่งทุนขององค์การทหารผ่านศึก ก็สามารถที่จะเรียนได้และจบการศึกษาปริญญาตรีมาได้โดยไม่ต้องพึ่งเงินจากทางบ้านเลยซึ่งเป็นทุนที่มีประโยชน์มากๆจึงอยากฝากให้น้องน้องที่ได้รับทุนการศึกษาในวันนี้อย่าทำผิดพลาดเหมือน

กับพี่ให้ใช้ทุนนี้ให้เกิดประโยชน์เพื่อพัฒนาตนเองเพื่อพัฒนาครอบครัว ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเมื่อจบแล้วก็สามารถที่จะออกมาพัฒนาสังคมและชาติต่อไปได้สุดท้ายนี้ก็ขอขอขอบคุณแทนตนเองแล้วก็แทนน้องน้องต่อองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกที่มีโครงการทุนนี้ขึ้นมาขอบพระคุณมากๆครับผม

พลตรีสมคิดชูเผือกกล่าว กระผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นประธานในพิธีมอบทุนการศึกษาองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์ให้กับบุตรหลานทหารผ่านศึกนอกประจำการบัตรชั้นที่สองบัตรชั้นที่สามและบัตรชั้นที่สี่ในวันนี้การมอบทุนการศึกษาถือเป็นการตอบแทนคุณงามความดีของทหารผ่านศึกที่ท่านทั้งหลายได้เคยรับใช้ประเทศชาติซึ่งองค์การส่งเสริมทหารผ่านศึกไม่ได้ทอดทิ้งท่านนอกจาก

ให้การสงเคราะห์ตัวท่านแล้วยังช่วยเหลือไปถึงบุตรหลานของท่านที่เรียนดีสามารถสอบจริงทุนเพื่อการศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่าจนจบระดับปริญญาตรีในประเทศ ขอให้นักเรียนนักศึกษาที่ได้รับทุนการศึกษาในวันนี้จงตั้งใจศึกษาเล่าเรียนประพฤติตนเป็นคนดีเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่เป็นสิทธิ์ที่ดีของครูอาจารย์ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดและอบายมุขทั้งหลายประพฤติปฏิบัติตนเป็นคนดีของสังคมเพื่อจะได้เป็นกำลังของชาติในอนาคตต่อไป

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / คณะกรรมการ ประเมินผล โครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา หมู่บ้านรักษาศิล 5 ประจำปี 2568

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 09.00 น. พระครูสุธีวชิรธรรม เจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น (ฝ่ายธรรมยุต)เป็นประธานฝ่ายสงฆ์และ นายคารม คำ

พิทูรย์ ปลัดจังหวัดขอนแก่นให้เกียรติเป็นประธาน โครงการขับเคลื่อนสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยใช้หลักธรรมทางพุทธศาสนา หมู่บ้านรักษาศิล 5(ตามแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี) ประธานขับเคลื่อนระดับหน กล่าวเปิดการลงพื้นที่ เลขา

คณะกรรมกาารขับเคลื่อนระดับหนแนะนำคณะกรรมการประจำหน ประธานฝ่ายสงฆ์จุดธูปเทียนกล่าวนำบูชาพระรัตนตรัยเปิดกรวยถวายหน้าพระพุทธรูป

สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ประธานฝ่ายฆราวาสเปิดกรวยถวายราชสักการะหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

โดยมีพุทธศาสนิกชนร่วมงาน นายสิงหภณ ดีนาง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขต 6 ขอนแก่น นางสาวอ้อยใจ คำบุญเรือง นายอำเภอชุมแพ

พ.ต.ท.ชาญศักดิ์ สุนทะโรจน์ รองผู้กำกับการ(สอบสวน)สถานีตำรวจภูธรชุมแพ นายนคร สุพรรณ์ ปลัดอาวุโส นางเนตรทิพย์ เจริญวัย

ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดขอนแก่น นายทินกร น้อยตำแย ผู้แทนวัฒนธรรมจังหวัดขอนแก่น ผู้บริหารการศึกษา ผู้บริหารท้องถิ่น คหบดี

กำนัน ผู้ใหญ่บ้านและพุทธศาสนิกชนร่วมประกอบพิธี ณ.วัดแจ้งสว่างนอก เขตเทศบาลตำบลโนนหัน อำเภอชุมแพ ขังหวัดขอนแก่น.

ภาพ/ข่าว กบ ชุมแพ

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / อดีต ผช.ผบช.ทบ. ห่วงใยกำลังพล ประสานเสี่ยตัน และเฮิร์บแลนด์ ‘ส่งหัวใจไปแนวหน้า’ ด้าน ส.นักข่าวพัทยาไม่พลาดส่งทีมนำเสนอข่าวดีๆ สู่สังคม

แชร์เนื้อหานี้

เนื่องด้วยที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน เกิดเหตุการณ์สถานการณ์ความไม่สงบบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา เกี่ยวกับดินแดนและอำนาจอธิปไตย ส่งผลให้เกิดการสู้รบบริเวณชายแดนอย่างตึงเครียด ทหารบริเวณแนวชายแดนจะต้องปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตยและประเทศชาติอย่างเหน็ดเหนื่อยและมีความเสียสละเป็นอย่างมาก ประชาชนคนไทยและทุกฝ่ายหวังว่าเหตุสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่นี้จะดีขึ้นตามลำดับ

ทางบริษัท เฮิร์บแลนด์ โปรดักส์ จำกัด ได้รับความอนุเคราะห์จาก พลเอกวิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก คุณกชพร เวโรจน์ หัวหน้าพรรคก้าวอิสสระ (อดีตพรรครวมแผ่นดิน) และนายตัน ภาสกรนที โดยมอบหมายให้นายณัฐพล ทองคำ และ น.ส.ณัฏฐ์นลิน เชี่ยวชาญธนกิจ เป็นผู้ดำเนินการทำหน้าที่แทน รวมทั้งการสนับสนุนของสมาคมนักข่าวพัทยา โดย นายอัมพร แสงแก้ว นายกสมาคมนักข่าวพัทยา

      ซึ่งได้จัดเตรียมสิ่งของอุปโภค-บริโภคจำนวนหนึ่ง นำไปมอบให้แก่ทหารกล้า เพื่อสนับสนุนและเป็นขวัญกำลังใจที่ดีให้แก่กำลังพล และเจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนบริเวณกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด โดยในกิจกรรมช่วยเหลือพี่น้องทหารในครั้งนี้ ได้รวมน้ำใจจากหลายภาคส่วน และสมาคมนักข่าวพัทยา โดย นายอัมพร แสงแก้ว นายกสมาคมนักข่าวพัทยา ได้จัดส่งทีมงานผู้สื่อข่าวลงพื้นที่รายงานข่าวในกิจกรรมอันเป็นประโยชน์เพื่อให้กำลังใจกำลังพล และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนในครั้งนี้

ซึ่งได้มีการมอบข้าวสารเป็นข้าวหอมมะลิจำนวน 500 กิโลกรัม น้ำดื่มจำนวนกว่า 1,000 ขวด เครื่องยังชีพ และอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ส่วนตัวที่จำเป็นสำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าและอุปกรณ์สื่อสาร รวมทั้งยารักษาโรคเบื้องต้น โดยแพทย์แผนจีนจิตอาสา ที่ได้ลงพื้นที่ให้กำลังใจพี่น้องทหารในครั้งนี้เช่นกัน

ด้าน นาวาเอก ทนงศักดิ์ จันทร์งาม หัวหน้ากองกิจการพลเรือน กองบัญชาการป้องกันขายแดนจันทบุรีและตราด ผู้แทนรับมอบ ได้กล่าวว่า ต้องขอบคุณในน้ำใจของทุกคนที่มีให้ทหารในวันนี้ ไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งของมากมายและยิ่งใหญ่ แค่เป็นสิ่งเล็กน้อยที่ทุกท่านนำมามอบให้ ก็ถือเป็นการแสดงออกถึงน้ำใจที่ดีให้พวกเรามากมายแล้ว

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / บิ๊กวีเตรียม”คุ้มครอง” จนท.ถูกกลั่นแกล้งหลังจับยาเสพติดของผู้มีอิทธิพล และ กฎห้ามขายกระท่อมริมถนน หรือในชุมชน / จัดเสวนา “การวางแผนการผลิตพืชผักให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด”

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 16 ส.ค.68 พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมคณะ ได้เดินทางมายังเรือนจำ จ.นราธิวาส เพื่อติดตามโครงการโปรแกรมการฟื้นฟูผู้ต้องขังคดีความมั่นคงจังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้ “มิติด้านครอบครัว) โดยมีนายวิชาญ ชัยเศรษฐสัมพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส, นายกูเฮง ยาวอหะซัน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม, นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ประธานคณะกรรมาธิการกรรมการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.นราธิวาส เขต 5, นายสุรินทร์ จันทร์เทพ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดนราธิวาส และ พ.ต.อ.พูลศักดิ์ แก้วสีขาว ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนราธิวาส คอยให้การต้อนรับ

ซึ่งภายในงานได้มีการอนุญาตให้พ่อแม่พี่น้องและเครือญาติ เข้าเยี่ยมผู้ต้องขังคดีความมั่นคง จำนวน 44 คน อย่างใกล้ชิด ซึ่ง พ.ต.อ.ทวี รมว.ยุติธรรม ได้กล่าวพบปะญาติและผู้ต้องขังในเรื่องของกำลังใจ ที่ส่วนใหญ่หลงผิดไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ พร้อมทั้งได้อนุญาตให้ผู้ต้องขังสอบถามข้อสงสัยต่างๆด้านกฎหมาย ที่ทางกระทรวงยุติธรรมได้มีการช่วยเหลือผู้ต้องขัง หากได้รับโทษไปแล้วเหลือประมาณ 30 ปี จะพ้นโทษก็จะนำผู้ต้องขังมาควบคุมตัวที่เรือนจำ จ.นราธิวาส เพื่อให้ทางเครือญาติได้เข้าเยี่ยมได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น แทนที่จะต้องเดินทางไปเยี่ยมที่เรือนจำต่างพื้นที่ และต้องเสียเนเสียทอไปโดยเปล่าประโยชน์

ด้าน พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ผมได้กำหนดนโยบายชัดเจนว่า จะต้องทำให้ตากใบและสุไหงโกลกเป็นพื้นที่สีขาวปลอดจากการค้ายาเสพติด ประเทศไทยต้องไม่ถูกมองว่าเป็นแหล่งส่งออกยาเสพติด เพราะจะสร้างความเสียหายต่อประเทศชาติ ซึ่งตัวชี้วัดใหม่ของเราจะไม่ใช่เพียงจำนวนการจับกุม แต่ต้องมุ่งไปถึงผู้บงการและผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญ โดยที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ที่ไปจับกุมขบวนการค้ายามักถูกใส่ร้ายหรือถูกร้องเรียน จนบางครั้งถูกย้ายตำแหน่ง ในขณะที่คนที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายยาเสพติดกลับอยู่ได้นาน เรื่องนี้เราจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก เราจะมีมาตรการปกป้องเจ้าหน้าที่ที่ทำงานตรงไปตรงมา

“สำหรับเรื่องกระท่อม แม้จะถูกปลดออกจากบัญชียาเสพติดแล้ว แต่กลับกลายเป็นปัญหาใหม่ เพราะถูกนำไปใช้ผิดกฎหมาย ทำให้มีผู้เสพติดจำนวนมาก และต้องเสียเงินบำบัด รัฐบาลจึงเตรียมออกกฎกระทรวงห้ามขายกระท่อมในตลาดสด ริมถนน หรือพื้นที่สาธารณะ อนุญาตเฉพาะให้ใช้ภายในครัวเรือน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด และสิ่งที่เราประกาศไว้ใน 120 วัน วันนี้เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงและการตื่นตัวแล้ว แต่ก็ยังมีอุปสรรคที่ต้องแก้ไข ผมหวังว่าเมื่อครบกำหนด 120 วัน หรือเข้าสู่ปีใหม่ เราจะสามารถเฉลิมฉลองร่วมกับประชาชนได้ว่า

ปัญหากระท่อมและยาเสพติดลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และที่สำคัญตัวชี้วัดใหม่ของเราคือการดึงผู้ที่ก้าวพลาดไปใช้ยาเสพติดให้กลับคืนสู่สังคมได้ รัฐบาลควรเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการบำบัด ไม่ปล่อยให้ประชาชนต้องรับภาระเอง นอกจากนี้เรายังต้องยกระดับความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ หากมีการปล่อยปละละเลยจนทำให้ยาเสพติดแพร่ระบาดในชุมชน และนี่คือสิ่งที่เราจะเดินหน้าแก้ไขอย่างจริงจัง เพื่อให้สังคมปลอดจากยาเสพติด” พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าว
/////////////////////////////
ข่าว/กรียา/นราธิวาส

ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ จัดเสวนา “การวางแผนการผลิตพืชผักให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด” น้อมนำแนวพระราชดำริสู่การสร้างรายได้ที่มั่นคง

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 17 สิงหาคม 2568 ที่ห้องประชุม 1 ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ ตำบลกะลุวอเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ด้วยศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ จัดเวทีเสวนา “การวางแผนการผลิตพืชผักให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด” โดยได้รับเกียรติจากผู้แทนหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาตามแนวพระราชดำริ ประกอบด้วย

นายอภิศักดิ์ สรวิสูตร ผู้อำนวยการกองประสานงานโครงการพื้นที่ 4 (ภาคใต้) พร้อมด้วย นางสายหยุด เพ็ชรสุข ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ นายสุชาติ ใจดี หัวหน้าแผนกระดับ 8 โครงการส่วนพระองค์ 902 ผู้ประสานงานฟาร์มตัวอย่างฯภาคใต้ และนายซูไฮดี บาซอ หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัตนาการผลิต โดยมีเจ้าหน้าที่ภายในศูนย์ศึกษาพัฒนาพิกุลทองฯที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร เกษตรกร คณะครู อาจารย์ นักศึกษา ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมรับฟังการเสวนาในครั้งนี้

ด้วยศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จัดเวทีเสวนา “การวางแผนการผลิตพืชผักให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด” ทั้งนี้เพื่อเผยแพร่ผลสำเร็จจากการดำเนินงานของศูนย์ฯ และสร้างความรู้ความเข้าใจแก่เกษตรกร รวมถึงประชาชนทั่วไป ให้สามารถน้อมนำแนวพระราชดำริไปประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพด้านการเกษตร อันจะนำไปสู่ความมั่นคงและยั่งยืนของรายได้

สำหรับเวทีเสวนาแบ่งการพูดคุยออกเป็น 2 รอบหลัก ได้แก่ รอบที่ 1 ผู้แทนแต่ละหน่วยงานได้สะท้อนบทบาทและแนวคิดในการขับเคลื่อนการผลิตพืชผักให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ซึ่งสำนักงาน กปร. เน้นสนับสนุนการวางแผนและงบประมาณเพื่อให้ศูนย์ฯ ถ่ายทอดองค์ความรู้สู่เกษตรกร ขณะที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ มุ่งส่งเสริมการวิจัย ทดลอง และถ่ายทอดวิธีการปลูกที่เหมาะสมกับพื้นที่ ฟาร์มตัวอย่างฯ ภาคใต้ถูกยกให้เป็นต้นแบบและแหล่งเรียนรู้ตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ส่วนสำนักงานเกษตรจังหวัดชี้ให้เห็นศักยภาพของเกษตรกรในพื้นที่ควบคู่กับข้อจำกัดด้านข้อมูลตลาด และเสนอให้เพิ่มการสนับสนุนเชิงระบบ

รอบที่ 2 ผู้แทนหน่วยงานได้แลกเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติจริงและข้อเสนอแนะ โดยสำนักงาน กปร. ระบุข้อท้าทายสำคัญในการเชื่อมโยงผลผลิตกับตลาด เช่น ข้อมูลที่ยังไม่ทั่วถึงและการผลิตที่ไม่สม่ำเสมอ พร้อมเสนอให้พัฒนาระบบข้อมูลตลาดที่เข้าถึงง่าย ขณะที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ ยกตัวอย่างเกษตรกรต้นแบบที่ประสบความสำเร็จจากการวางแผนการผลิตพืชผักปลอดสารเพื่อตลาดท้องถิ่น โดยมีองค์ประกอบสำคัญคือการเลือกชนิดพืช การบริหารจัดการแปลง และการเข้าถึงข้อมูลตลาด ฟาร์มตัวอย่างฯ ภาคใต้มีบทบาทเชื่อมโยงเกษตรกรกับข้อมูลและองค์ความรู้ใหม่ ๆ ส่วนสำนักงานเกษตรจังหวัดและผู้ดำเนินรายการเสนอการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น แอปพลิเคชันด้านการตลาด และการสร้างเครือข่ายเกษตรกรเพื่อเสริมอำนาจการต่อรองด้านราคาและการจำหน่าย

สำหรับการเสวนาครั้งนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญของศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ ในการเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และเผยแพร่องค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริ ซึ่งการผลิตพืชผักให้สอดคล้องกับตลาดต้องอาศัยการทำงานบูรณาการระหว่างนโยบายส่วนกลาง องค์ความรู้จากศูนย์ศึกษาและฟาร์มต้นแบบ รวมทั้งกลไกสนับสนุนจากหน่วยงานส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรและประชาชนในพื้นที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตและการประกอบอาชีพอย่างมั่นคงและยั่งยืน อันจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในจังหวัดนราธิวาสและภาคใต้อย่างยั่งยืน
//////////////
ข่าว/กรียา/นราธิวาส

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ฝึกซ้อมแผนการจัดการอุบัติเหตุและการกู้ภัยทางทะเล เตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติทางทะเล

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันนี้(13 ส.ค. 68) นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร พร้อมด้วย พล.ต.สมคิด ชูเผือก ผบ.มทบ.44, น.อ.ชำนาญ สอนแพง รอง ผอ.ศรชล.จว. ชพ.

ร่วมในพิธีเปิดการฝึกซ้อมแผนการจัดการอุบัติเหตุและการกู้ภัยทางทะเลจังหวัดชุมพร โดยศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดชุมพร จัดขึ้น ระหว่าง วันที่ 13 – 15 สิงหาคม 2568 ณ โรงแรมมรกตทวิน อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือภัยพิบัติหรืออุบัติเหตุทางทะเลในพื้นที่

เรือโท ณัฐพล สนธิโพธิ์ เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน ศรชล. จังหวัดชุมพร เปิดเผยว่า ศรชล.จังหวัดชุมพร จัดการฝึกซ้อมแผนการจัดการอุบัติเหตุและการกู้ภัยทางทะเลจังหวัดชุมพร มีวัตถุประสงค์เพื่อทำการฝึกซ้อมทบทวนแผนการปฏิบัติของแต่ละหน่วยงาน

ให้มีความสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน รวมทั้งตรวจสอบ อุปกรณ์เครื่องมือและเครื่องใช้ต่าง ๆ ในการให้ความช่วยเหลือกรณีเกิดเหตุในทะเล เพื่อนำข้อมูลมาใช้เป็นแนวทางในการจัดทำแผนเผชิญเหตุของจังหวัดชุมพร รวมทั้งจัดให้มีการฝึกการปฏิบัติการในทะเล

โดยแบ่งการฝึกออกเป็น 2 ช่วง ประกอบด้วย การอบรมให้ความรู้จากวิทยากรผู้มีความรู้ความสามารถของสำนักงาน ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และ ศรชล.ภาค 1 และช่วงที่ 2 เป็นการฝึกภาคสนาม ภาคทะเล เป็นการฝึกจำลองจากสถานการณ์จริง ที่เคยเกิดเหตุ

ในทะเลพื้นที่จังหวัดชุมพร เพื่อให้หน่วยงานและผู้เข้าร่วมการฝึก ได้ทบทวนแผนเผชิญเหตุการบัญชาการเหตุการณ์ รวมทั้งการประสานสอดคล้อง ระหว่าง หน่วยปฏิบัติภาคทะเลกับภาคพื้น ตลอดจนเสริมสร้างประสิทธิภาพ การทำงาน แบบบูรณาการ ณ บริเวณพื้นที่ทางทะเลหน้าหาดปากน้ำชุมพร ต.ปากน้ำชุมพรฯ

นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร กล่าวว่า จังหวัดชุมพรมีพื้นที่ติดชายฝั่งทะเลความยาว กว่า 200 กิโลเมตร ที่ผ่านมามีภัยพิบัติหรืออุบัติเหตุทางทะเล เกิดขึ้นบ่อยครั้ง มีเหตุการณ์ที่สำคัญอาทิ พายุเกย์ หรือเรือขนส่งสินค้าอับปาง รวมทั้งเรือประมงของพี่น้องประชาชนในพื้นที่

ในการฝึกครั้งนี้ มีทั้งการอบรมให้ความรู้ การฝึกเชิงปฏิบัติการ และการฝึกภาคสนาม การทบทวนแผนปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน รวมทั้งตรวจสอบเครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ เพื่อนำมาเป็นข้อมูล จัดทำเป็นแผนเผชิญเหตุของจังหวัด เตรียมความพร้อมในการรับมือกับอุบัติภัยหรือภัยพิบัติทางทะเลของจังหวัดชุมพรต่อไป

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สภ.โคกสำโรง ร่วมมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียง ตรวจค้นหาผู้เสพยาเสพติด

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 13 สิงหาคม 2568 เวลา 14.00 น. พ.ต.อ. จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต ผกก. สภ. โคกสำโรง พร้อมข้าราชการตำรวจ และคณะกรรมการ กต.ตร.สภ.โคกสำโรง ภจ.ว.ลพบุรี คณะกรรมการหมู่บ้าน คณะกรรมการคุ้ม ทุกคุ้ม ร่วมดำเนินโครงการดำเนินงานตำบลยั่งยืนเพื่อ “แก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจร ตามยุทธศาสตร์ชาติ ด้วยการบำบัด”

ด้วยสถานีตำรวจภูธรโคกสำโรง ได้ดำเนินการโครงการดำเนินงานตำบลยั่งยืนเพื่อแก้ไข ปัญหายาเสพติด แบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ ประจำปีงบประมาณ 2568 เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม ถึง 10 สิงหาคม 2568 ณ หมู่บ้านท่าม่วง หมู่ที่ 1 และบ้านใหม่พัฒนา

หมู่ที่ 2 ตำบลหนองแขม อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี และได้ทำการสำรวจกลุ่มเปราะบาง (ผู้ป่วป่วยติดเตียง) ปรากฏว่า มีจำนวน 4 ราย และจะมีการมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียงดังกล่าวให้ผู้ป่วย จึงเดินทางพร้อมคณะฯ เพื่อมอบสิ่งของหลายรายการให้กับทางผู้ป่วยในพื้นที่ดังนี้

  1. พื้นที่ บ้านท่าม่วง หมู่ที่ 1 จำนวน 2 ราย
  2. พื้นที่บ้านใหม่พัฒนา หมู่ที่ 2 จำนวน 2 ราย. และหวังว่าคงจะเป็นประโยชน์สุข แก่ผู้ป่วยบ้างไม่มากก็น้อย ผลการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดไม่พบสารเสพติดในจำนวน 21 คน และได้นำผู้บำบัดส่งต่อความยั่งยืนสู่ศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคม อบต.หนองแขม โดยมี นางพิมพ์พรรณี มีสุดเพียร นายก อบต.หนองแขม พร้อมคณะผู้บริหาร รับมอบไว้ดูแล และนัดหมายการร่วมทำกิจกรรมต่างๆหลังจากนี้ไปอีกให้ครบ 1 เดือน

สนอง แท่นสูงเนิน
ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวฯ /คณะกรรมการสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ จังหวัดลพบุรี. ภาพ/ข่าว