คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าวสังคม

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ศาล จ.ชุมพร จัดพิธีทางศาสนาและถวายพวงมาลา เนื่องในวันรพี

แชร์เนื้อหานี้

วันนี้ 7 สิงหาคม 2568 เวลา 08.30 น. ที่ศาลจังหวัดชุมพร ตำบลนาชะอัง อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร ศาลจังหวัดชุมพร ได้จัดกิจกรรม เนื่องในวันรพี “พระบิดาแห่งกฎหมายไทย” ซึ่งตรงกับวันที่ 7 สิงหาคมของทุกปี เพื่อรำลึกถึงคุณงามความดีและคุณูปการของ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์

โดยมีนายมงคล ฌายีเนตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดชุมพร เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมคะเน โพธิ์ศรี ผบก.ภ.จว.ชุมพร พ.อ.สิทธิชัย โกศล รอง เสธ.มทบ.44 พร้อมด้วย พ.ต.อ.นิรันดร์ กันจู รอง ผบก.ภ.จว.ชุมพร และข้าราชการตำรวจในสังกัด นายจรินทร์ ก๋งม้า ประธานสภาทนายความจังหวัดชุมพร และ

หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ศาล อัยการ ทนาย หน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมเป็นเกียรติในพิธี สำหรับกิจกรรม “เนื่องในวันรพี” เริ่มจากพิธีทางศาสนา เสร็จแล้ว พิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะหน้าพระรูปพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์

นายมงคล ฌายีเนตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดชุมพร ได้กล่าวถวายสดุดี และยืนสงบนิ่งเพื่อระลึกถึงคุณงามความดีของพระองค์ท่าน พระผู้มีคุณูปการในการพัฒนาปฏิรูปประเทศไทยยุคเปลี่ยนผ่านในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการพัฒนา ปรับปรุงการเรียนการสอนวิชากฎหมาย ระบบกฎหมาย และระบบ

การศาลยุติธรรมของประเทศไทย ให้เจริญรุดหน้าทัดเทียมอานารยประเทศในยุคล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก เป็นรากฐานให้ระบบการศึกษากฎหมาย และระบบงานศาลไทยมีความเจริญ ก้าวหน้ามั่นคง เป็นที่ศรัทธาเชื่อมั่นของประชาชนในหลักนิติธรรมตราบจนถึงทุกวันนี้

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ประสูติเมื่อวันพุธ ขึ้น 11 ค่ำ เดือน 11 ปีจอ จุลศักราช 1236 ตรงกับวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ.2417 มีพระนามเมื่อแรกประสูติว่า พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 14 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นพระองค์ที่ 2 ในเจ้าจอมมารดาตลับ พระองค์ทรงพัฒนาระบบงานยุติธรรมทั้งระบบ และมีการจัดทำประมวลกฎหมายเป็นลายลักษณ์อักษร

เพื่อให้ศาลสามารถตัดสินคดีได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และมีฝ่ายธุรการคอยให้ความสะดวก และทรงได้วางนโยบายให้ศาลสามารถตัดสินคดีโดยปราศจากการแทรกแซงของฝ่ายปกครอง ซึ่งเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับอารยประเทศ ด้วย

คุณาณุปการอันล้นพ้น เนติบัณฑิตยสภาจึงได้ถวายการยกย่องพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ เป็น “พระบิดาแห่งกฎหมายไทย” เมื่อปี 2497 ทั้งเริ่มต้นเรียกวันที่ 7 สิงหาคมของทุกปี เป็น “วันรพี” เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของพระองค์ท่าน
ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / พื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่) จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นในการประเมินผลสัมฤทธิ์ของพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562

แชร์เนื้อหานี้

วันพุธที่ 6 สิงหาคม 2568 เวลา 9.00 น.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่) โดยส่วนอุทยานแห่งชาติ ร่วมกับกลุ่มงานกฎหมาย จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นในการประเมินผลสัมฤทธิ์ของพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ณ ห้องประชุมโรงแรมแพร่นครา อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่

และผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Zoom Meeting) ณ ห้องประชุมโรงแรมน่านตรึงใจ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน โดยมีนายกรัณย์พล แสงทอง ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 เป็นประธานการประชุม มีวัตถุประสงค์ เพื่อรับฟังความคิดเห็นในการประเมินผลสัมฤทธิ์ของพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ และนำความคิดเห็นมาใช้เป็น

แนวทางการในพัฒนาพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อลดความซ้ำซ้อนและขัดแย้งกันของกฎหมายลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรมในสังคม เพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ ประกอบด้วยผู้เข้าร่วมการประชุมจากหลายภาคส่วน เช่น

ประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียผู้เข้าไปในอุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน และสวนรุกขชาติผู้ขออนุญาต หรือผู้ได้รับอนุญาตให้กระทำการในอุทยานแห่งชาติ

วนอุทยาน และสวนรุกขชาติผู้อยู่อาศัยหรือทำกิน ภายใต้โครงการอนุรักษ์ และดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ภายในอุทยานแห่งชาติ ตามมาตรา ๖๔ แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖

ผู้ได้รับอนุญาตให้เก็บหาหรือใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ ที่สามารถเกิดใหม่ ทดแทนได้ในเขตพื้นที่โครงการอนุรักษ์ และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนในอุทยานแห่งชาติตลอดจนประชาชนทั่วไป

หน่วยงานรัฐ และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง จำนวนรวมทั้งสิ้น 1๕0 คน แบ่งเป็น พื้นที่จังหวัดน่าน 78 คน และพื้นที่จังหวัดแพร่ 72 คน/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / กอ.รมน.มุกดาหาร จัดประชุมเข้มวางแผนคุมเข้มความปลอดภัยพื้นที่สำคัญ พร้อมมาตรการห้ามบินโดรน ฝ่าฝืนเจอโทษหนัก

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 5 สิงหาคม 2568 ที่ห้องประชุมภูสระดอกบัว ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร นายรณรงค์ เทพรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานการประชุมวางแนวทางรักษาความปลอดภัยอาคาร สถานที่ และพื้นที่สำคัญ ของ

จังหวัดมุกดาหาร โดยมี พ.อ.อำนวย ยอดพันธ์ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดมุกดาหาร (ทหาร) เข้าร่วมประชุมพร้อมกับส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

การประชุมครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงภัยที่อาจถูกคุกคาม, วางแผนการปฏิบัติงานอย่างเป็นระบบ และจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว และเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมงในพื้นที่เป้าหมายสำคัญ พร้อมเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่บูรณาการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ในที่ประชุมยังได้เน้นย้ำถึง มาตรการห้ามปล่อยหรือบังคับอากาศยานไร้นักบิน (โดรน) ทุกประเภททั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม – 15 สิงหาคม 2568 หากฝ่าฝืนมีโทษ จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 78 (1) แห่งพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นการใช้งานโดรนในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร หรือบริเวณต้องห้าม สามารถแจ้งข้อมูล วัน เวลา สถานที่ และภาพถ่ายหรือคลิปวิดีโอ (หากมี) ไปยังหน่วยงานรับผิดชอบ ได้แก่ สำนักงานการบินพลเรือนฯ โทร. 02-568-8851ศูนย์ต่อต้านอากาศยานไร้นักบินฯ โทร. 02-126-7846

สถานีตำรวจ หน่วยทหาร หรือหน่วยความมั่นคงใกล้พื้นที่เกิดเหตุกอรมนมุกดาหาร #ห้ามบินโดรน #ข่าวมุกดาหาร #ความมั่นคงแห่งรัฐ #ชุดเคลื่อนที่เร็ว #มุกดาหารปลอดภัย #งดบินโดรนทั่วประเทศ #ความมั่นคง #ศาลากลางมุกดาหาร #ประชุมความปลอดภัย #ข่าวด่วน #ข่าววันนี้​ ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / พิธี “รวมพลังทหารผ่านศึก เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทย” และกล่าวสดุดีนักรบผู้กล้า

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม 2568 เวลา 07.00 น พล.ต.สมคิด ชูเผือก ผบ.มทบ.44 / หัวหน้าสำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตชุมพร ให้เกียรติมาเป็นประธาน กิจกรรม พิธี “รวมพลังทหารผ่านศึก เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทย” และกล่าวสดุดีนักรบผู้กล้า ณ พระอนุสาวรี พล.ร.อ.พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์

โดยมี นายทหารผู้บังคับบัญชา พร้อมกำลังพล มทบ.44 ร่วมกับ ทหารผ่านศึก ในเขตพื้นที่ จังหวัดชุมพร จังหวัดระนอง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เข้าร่วมกิจกรรม โดยจัดให้มีการกระทำพิธีพร้อมกันทั่วประเทศไทย สดุดีและให้กำลังใจแก่ทหาร

หาญที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ชายแดนในขณะนี้ ด้วยการร้องเพลงชาติไทย
พ.ต.พินัย กยุคำ ทหารผ่านศึกอาวุโส กล่าว ในเหตุการณ์พิพาทชายแดนไทย – กัมพูชา ขอสดุดีวีรกรรมอันกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว/ ของทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน/ และอาสาสมัคร ทหารพรานทุกนาย/ แห่งกองทัพไทย

ผู้ซึ่งได้เสียสละเลือดเนื้อ แรงกาย และแม้กระทั่งชีวิต เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทย อธิปไตยแห่งชาติ และเกียรติภูมิของแผ่นดินในการรบ/ ณ ชายแดนไทย – กัมพูชา ที่เต็มไปด้วยสถานการณ์ความ ตึงเครียด อันตราย และภยันตรายจากกระสุนและระเบิด/ โดยเฉพาะทหารหาญผู้กล้า จำนวน 15 นาย ที่ยอมพลีชีพ พลีกาย เสียสละปกป้องแผ่นดินไทย/ พวกเขามิได้ย่อท้อ ต่อภารกิจ

และมิยอมถอยแม้เพียงก้าว/พวกเขาคือผู้ที่ยืนหยัด ต่อหน้าอันตราย/ อย่างองอาจภายใต้ธงไตรรงค์ ด้วยหัวใจเปี่ยมด้วยจงรักภักดี เพื่อรักษาดินแดนที่บรรพบุรุษได้สละเลือด เนื้อไว้ เพื่อปวงชนชาวไทยทั้งชาติ/ และเพื่อสันติสุขของ ประชาชน/ พวกเราอดีตนักรบ ขอยืนยันกับน้อง ๆ นักรบที่ปฏิบัติ หน้าที่แนวชายแดนทุกนายว่า/ พวกเราทุกคนจะช่วยเป็นหู เป็นตา

เป็นยามเฝ้าบ้าน เพื่อสอดส่องดูแลความเคลื่อนไหว ของข้าศึก ความกล้าหาญ ความเสียสละ ความจงรักภักดี และจิตใจที่ รักชาติของท่าน/ จะประทับอยู่ในหัวใจคนไทยตราบนิจนิรันดร์ และจะเป็นแบบอย่างแก่ลูกหลานไทยตราบนาน

เท่านาน ขอคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย โปรดอภิบาล ดวงวิญญาณของเหล่าทหารกล้า ให้สงบสุขในสัมปรายภพ และขอจงปกปักรักษาทหารทุกนาย ที่ยังคงยืนหยัดอยู่แนวหน้า ให้ปลอดภัย และกลับคืนสู่อ้อมอกของครอบครัว ด้วยชัยชนะ ตลอดกาลและตลอดไป

พล.ต.สมคิด ชูเผือก ผบ.มทบ.44 / หัวหน้าสำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตชุมพร ในเหตุการณ์พิพาทชายแดน ไทย – กัมพูชา/ ข้าพเจ้าและ เหล่าทหารหาญ/

พร้อมด้วยพนักงานและลูกจ้างขององค์การ สงเคราะห์ทหารผ่านศึก และ ทหารผ่านศึก ทั้ง ๗๗ จังหวัด ทั่วประเทศ ขอสดุดีวีรกรรมอันกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว ของทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน/ และ อาสาสมัครทหารพรานทุกนาย แห่งกองทัพไทย

ผู้ซึ่งได้เสียสละเลือดเนื้อ แรงกาย และ แม้กระทั่งชีวิต เพื่อปกป้องผืน แผ่นดินไทย อธิปไตยแห่งชาติ และเกียรติภูมิของแผ่นดินในการรบ ณ ชายแดนไทย – กัมพูชา ที่เต็มไปด้วยสถานการณ์ ความตึงเครียด อันตราย และภยันตราย จากกระสุนและระเบิด โดยเฉพาะทหารหาญผู้กล้า จำนวน 15 นาย ที่ยอมพลี ชีพ พลีกาย เสียสละปกป้องแผ่นดินไทย

พวกเขามิได้ย่อท้อต่อภารกิจ และมิยอมถอยแม้เพียงก้าว/ พวกเขาคือผู้ที่ยืนหยัด ต่อหน้าอันตราย อย่างองอาจภายใต้ ธงไตรรงค์ ด้วยหัวใจเปี่ยมด้วยจงรักภักดี เพื่อรักษาดินแดน ที่บรรพบุรุษได้สละเลือดเนื้อไว้/ เพื่อปวงชนชาวไทยทั้งชาติ และเพื่อสันติสุขของประชาชน ความกล้าหาญ ความเสียสละ ความจงรักภักดี และจิตใจที่ รักชาติของท่าน

จะประทับอยู่ในหัวใจคนไทยตราบนิจนิรันดร์ และจะเป็นแบบอย่างแก่ลูกหลานไทยตราบนานเท่านาน ขอคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย โปรดอภิบาล ดวงวิญญาณของเหล่าทหารกล้า ให้สงบสุขในสัมปรายภพ และขอจงปกปักรักษาทหารทุกนาย ที่ยังคงยืนหยัดอยู่แนวหน้า ให้ปลอดภัย/และกลับคืนสู่อ้อมอกของครอบครัว ด้วยชัยชนะ ตลอดกาลและตลอดไป

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / หน่วยงานรัฐจับมือชุมชน ลงนามปฏิญญารวมพลัง “No Drugs No Dealers” พร้อมปล่อยแถวปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด

แชร์เนื้อหานี้

วันนี้ (1 ส.ค.2568) ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองนราธิวาส ตำบลบางนาค อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส นายรุสดี ปูรียา นายอำเภอเมืองนราธิวาส ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ศป.ปส.)

อำเภอเมืองนราธิวาส เป็นประธานในพิธีลงนามปฏิญญารวมพลังยับยั้งปัญหายาเสพติด และบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล “No Drugs No Dealers” เพื่อป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่

โดยการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในครั้งนี้ จัดขึ้นโดยมีพ.ต.อ.ปรัชญา ไบเตะ ผกก.สภ.เมืองนราธิวาส ว่าที่ พ.ต.อ.ธัญ ศิริขันธ์ ผบ.ฉก.ตร.นราธิวาส 93

พ.ต.อ. ภัควัฒน์วันสนุก.ผกก.สภ.ตันหยง พ.ต.อ.นพดล ดิเรกวัฒนสาร ผกก.สอบสวน รรท.ผกก.สภ.โคกเคียน ตลอดจนกำนัน ผู้ใหญ่บ้านทุกหมู่บ้าน และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมแสดงพลังและร่วมลงนาม บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในครั้งนี้อย่างพร้อมเพรียงกัน

สำหรับการลงนามปฏิญญาและบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้ เป็นการผนึกกำลังทุกภาคส่วนเพื่อสร้างหมู่บ้านและชุมชนปลอดยาเสพติดอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ที่มุ่งมั่นผลักดันมาตรการ “No Drugs No Dealers” ให้เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้ชุมชนในพื้นที่ปลอดภัย และห่างไกลยาเสพติด

จากนั้นนายรุสดี ปูรียา นายอำเภอเมืองนราธิวาส ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ศป.ปส.) อำเภอเมืองนราธิวาส เป็นประธานในพิธีปล่อยแถวเปิดปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด ภายใต้นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล “No Drugs No Dealers” มุ่งผนึกกำลังทุกภาคส่วนเพื่อสร้างหมู่บ้านและชุมชนปลอดยาเสพติด

ซึ่งจัดขึ้นตามแผนปฏิบัติการเร่งรัดการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ตามนโยบายของรัฐบาล กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ซึ่งเล็งเห็นความรุนแรงของสถานการณ์ยาเสพติดในปัจจุบัน ที่ยังคงส่งผลกระทบต่อหมู่บ้านและชุมชน โดยรัฐบาลมุ่งสร้างความเชื่อมั่นและความพึงพอใจให้กับประชาชน

พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการกวาดล้างผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดให้หมดสิ้นไปจากสังคม ซึ่งการเปิดปฏิบัติการในครั้งนี้เป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่า ภาครัฐพร้อมเดินหน้ากวาดล้างยาเสพติดอย่างเด็ดขาด เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน ลดปัญหาความรุนแรง และนำพาชุมชนสู่ความยั่งยืน ปลอดภัย ห่างไกลยาเสพติดอย่างแท้จริง
///////////////
ข่าว/กรียา/นราธิวาส

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / จเรตำรวจแห่งชาติประชุมผู้แทน 10 ประเทศ และ UNODC จับมือร่วมปฏิบัติการในวอร์รูม ศูนย์บริหารเหตุการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์นานาชาติ

แชร์เนื้อหานี้

วันนี้ (29 กรกฎาคม 2568) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ ศูนย์บริหารเหตุการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์นานาชาติ (จตช./ผบ.ศกค.) /International Anti-Scam and Human Trafficking Syndicate Command Center (IAC) ประชุมหารือเตรียมความพร้อมในการดำเนินการร่วมกันในวอร์รูม IAC

โดยมี พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว/รอง ผบ.เหตุการณ์ (2) ร่วมกับผู้แทนทูตนานาประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม ได้แก่ ผู้แทนทูตจากประเทศ บังกลาเทศ ญี่ปุ่น ลาว เมียนมา แอฟริกาใต้ เกาหลีใต้ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา เวียดนาม สิงคโปร์ และ UNODC ณ ห้องประชุมวอร์รูม ศูนย์บริหารเหตุการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์นานาชาติ

พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า จากการที่รัฐบาลสั่งการให้เดินหน้าปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้เห็นผลภายใน 3 เดือน โดยให้ร่วมมือกับนานาชาติในการปฏิบัติการ จึงเป็นที่มาของการตั้งวอร์รูมศูนย์บริหารเหตุการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์นานาชาติ (IAC) ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีประเทศต่างๆ รวม 10 ประเทศ รวมทั้ง UNODC

ในการทำงานร่วมกัน เพื่อหารือและแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่สร้างปัญหาให้กับประเทศต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งการทำงานร่วมกันของนานาประเทศในวอร์รูม IAC นี้ จะเป็นประโยชน์อย่างสูงในการแลกเปลี่ยนข้อมูลได้อย่างรวดเร็วในกรณีฉุกเฉินเร่งด่วน ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการปฏิบัติการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศต่างๆ โดยวอร์รูมนี้จะเป็นการยกระดับปฏิบัติการในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในทุกมิติ

ทั้งนี้ เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา พล.ต.อ.ธัชชัยฯ ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (รอง ผบช.สอท.)/รอง ผบ.เหตุการณ์ (1) ประชุมเตรียมความพร้อมผู้ประสานงานวอร์รูม IAC โดยมีผู้แทนหน่วยงานต่างๆ ที่ร่วมปฏิบัติการในวอร์รูมร่วมประชุม อาทิ ผู้แทน บช.สอท. , กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง , สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง , ตำรวจภูธรภาค 2 , ผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ กระทรวงการต่างประเทศ , กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม , ธนาคารแห่งประเทศไทย , สำนักงาน กสทช. , สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ , สำนักงานคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ , สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลบุคคล และ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน

โดยการปฏิบัติการของวอร์รูม IAC จะเป็นการยกระดับการปฏิบัติการให้เข้มข้นและเป็นเอกภาพมากขึ้น ในการเร่งรัดข้อมูลเพื่อวิเคราะห์เส้นทางการเงินและอายัดบัญชีธนาคาร/Wallet/Cryto Wallet ทันที , เร่งรัดข้อมูลเพื่อวิเคราะห์จุด IP หาพิกัดที่ใช้ในการกระทำความผิด ขอข้อมูลการจดทะเบียนทั้งผู้ให้บริการและผู้ขอรับบริการ รวมทั้งระงับการใช้หมายเลขโทรศัพท์ หรือจุดที่จ่ายสัญญาณอินเทอร์เน็ต , วิเคราะห์แผนประทุษกรรม วิเคราะห์ความเชื่อมโยงขบวนการ และนำเสนอแนวทางการป้องกันปราบปราม นอกจากนี้ ยังจะสามารถปิดเพจ ปิดแพลตฟอร์มทันทีเมื่อรับแจ้งคดี และป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล ซึ่งจะทำให้การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์มีประสิทธิภาพและสัมฤทธิ์ผลภายในระยะเวลาที่กำหนดได้

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สสอ.สวรรคโลกพร้อมทีมงานลงช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับภัยพิบัติ

แชร์เนื้อหานี้

ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่าเมื่อเวลา 10.00 น.ของวันที่30กค.2568
นายรัชกร คำถาเครือ สาธารณสุขอำเภอสวรรคโลกพร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าที่ อสม.รพ.สต.นาทุ่ง นำเงินช่วยเหลือ อสม.ตำบลนาทุ่ง ที่ได้ความเสียหายจากบ้านไฟไหม้พร้อม

เวลา 10.40น.นายรัชกร คำถาเครือสาธารณสุขอำเภอสวรรคโลกพร้อมด้วย ผอ.รพ.สต.บ้านไผ่ตะล่อม และคณะจนท. มอบเงินช่วยเหลือ อสม.รพ.สต.บ้านไผ่ตะล่อม ที่ได้ความเสียหายจากเหตุวาตภัยจากนั้น

เวลา 11.20 น. นายรัชกร คำถาเครือ สาธารณสุขอำเภอสวรรคโลกพร้อมด้วย ผอ.รพ.สต.ปากน้ำ และคณะจนท. มอบเงินช่วยเหลือ อสม.รพ.สต.ปากน้ำที่ได้ความเสียหายจากเหตุวาตภัยด้วย
กิตติ พรดวงจันทร์

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / จัดพิธีถวายเครื่องราชสักการะและจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2568

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันนี้ (28 ก.ค. 68) นายนพพร อุสิทธ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร พร้อมด้วย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน พ่อค้าประชาชนทุกหมู่เหล่า

ร่วมประกอบพิธีถวายเครื่องราชสักการะวางพานพุ่ม และพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2568

เพื่อแสดงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ณ วัดพรุใหญ่ ตำบลสะพลี อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร

โดยนายนพพร อุสิทธ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร ประธานในพิธีฯ ถวายความเคารพหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้ววางพานพุ่มทอง พานพุ่มเงิน หน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก่อนจะถวายธูปเทียนแพ

เปิดกรวยกระทงดอกไม้ เสร็จแล้วจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล และกล่าวคำกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล ร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี, เพลงสดุดีจอมราชา ตามลำดับ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนับเป็นอเนกประการ ด้วยพระราชวิริยอุตสาหะ เพื่อสืบสาน รักษา และต่อยอด ศาสตร์ของพระราชาแห่งสมเด็จพระบรมชนกนาถ ทรงตั้งพระราชหฤทัยมั่นในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่อาณาประชาราษฎร์อย่างยั่งยืน

ผ่านโครงการในพระราชดำริที่หลากหลายครอบคลุม เช่น ด้านการสาธารณสุข ทรงได้พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อจัดหาเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ทั้งยังทรงรับผู้ป่วยไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์

เพื่อให้ได้รับการดูแลรักษา ด้านการศึกษา ทรงให้จัดตั้ง “มูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทาน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร” เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษา ให้แก่เด็กและเยาวชนที่ประพฤติดี และมีความสามารถในการศึกษา

ทั้งยังพระราชทานความช่วยเหลือแก่ราษฎร ในยามที่ประสบเหตุเภทภัยให้พ้นผ่านความยากลำบากไปได้ น้ำพระราชหฤทัยอันเปี่ยมด้วยพระเมตตาและพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้นำมาซึ่งความปีติซาบซึ้ง ประทับอยู่ในใจของปวงเหล่าพสกนิกรตลอดไป

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / จัดกิจกรรมบรรยายให้ความรู้เรื่องสิทธิประโยชน์ และมอบชุดเยี่ยมให้ทหารผ่านศึก คนพิการ ผู้ยากไร้ กู้ชีพกู้ภัย จำนวน 20 ครอบครัว

แชร์เนื้อหานี้

28 กรกฎาคม 2568 : เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2568 สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์

โดย ร.ต.ท.ดร.มนัส โนนุช ประธานสภาสังคมสงเคราะห์ฯ มอบหมายให้ พ.ต.ศิริชัย ทรัพยศิริ กรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์ฯ/นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

ร่วมกับ พ.ต.อ.สุภสิทธิ์ สุวรรณี ผกก.สภ.หนองสองห้อง จว.ขอนแก่น พร้อมคณะผู้ใต้บังคับบัญชา,กำนันทั้ง 13 ตำบล และสารวัตรกำนัน,เครือข่ายทหารผ่านศึก อ.หนองสองห้อง,

นางฐานิดา อนุอัน นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากลประจำจังหวัดกาฬสินธุ์,ชมรมช่วยเหลือสังคม,นายธวัชชัย จิตต์เจริญ ที่ปรึกษาสมาคมคนพิการฯ,นางเจนจิรา เอี่ยมแจ่ม จิตอาสาสมาคมคนพิการฯ

ร่วมจัดกิจกรรมบรรยายให้ความรู้เรื่องสิทธิประโยชน์ และมอบชุดเยี่ยมให้ทหารผ่านศึก คนพิการ ผู้ยากไร้ กู้ชีพกู้ภัย จำนวน 20 ครอบครัว ซึ่งมี ร.ต.เสถียร สาระสิทธิ์ นายอำเภอหนองสองห้อง เป็นประธานในพิธี ณ ห้องประชุม สภ.หนองสองห้อง อ.หนองสองห้อง จว.ขอนแก่น

*** ขอขอบคุณ ร.ต.ท.ดร.มนัส โนนุช : บริจาคชุดเยี่ยม จำนวน 20 ชุด มา ณ โอกาสนี้เป็นอย่างสูง ***สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก

ในพระบรมราชูปถัมภ์สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากลชมรมช่วยเหลือสังคมสถานีตำรวจภูธรหนองสองห้องทหารผ่านศึกบัตรชั้นที่1ทหารผ่านศึกบัตรชั้นที่3 ทหารผ่านศึกบัตรชั้นที่4

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ชาวบึงกาฬร่วมใจ บริจาคโลหิต ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 29 กรกฏาคม 2568 จังหวัดบึงกาฬ ร่วมกับเหล่ากาชาดจังหวัด หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชนจิตอาสา จัดกิจกรรมบริจาคโลหิต เพื่อสำรองโลหิตช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและผู้ป่วยในสถานการณ์ฉุกเฉิน พร้อมส่งต่อพลังน้ำใจสู่แนวหน้า

โดยกิจกรรมจัดขึ้น ณ หอประชุมจังหวัดบึงกาฬ ศูนย์ราชการจังหวัดบึงกาฬ มีข้าราชการ พนักงานจากหน่วยงานต่างๆ และประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมบริจาคโลหิตอย่างต่อเนื่อง บรรยากาศเป็นไปด้วยความอบอุ่นและเสียสละ

นอกจากการบริจาคโลหิตแล้ว ยังมีการรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพก่อนบริจาค และการเตรียมความพร้อมร่างกาย เพื่อส่งเสริมให้เกิดการบริจาคอย่างสม่ำเสมอและปลอดภัย

กิจกรรมครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งพลังน้ำใจจากชาวบึงกาฬ ที่พร้อมยืนหยัดเคียงข้างแนวหน้า ไม่ว่าจะเป็นทีมแพทย์ พยาบาล หรือผู้ปฏิบัติหน้าที่ในสถานการณ์วิกฤต เพื่อให้ทุกหยดเลือดที่บริจาค เป็นพลังต่อชีวิตผู้อื่นอย่างแท้จริง

🩸ทุกหยดเลือด คือ “ชีวิต” ที่เราช่วยกันได้ ❤️บึงกาฬไม่ทิ้งกันบริจาคโลหิตร่วมใจเพื่อชีวิตจิตอาสาพลังน้ำใจบึงกาฬ

ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล//บึงกาฬ รายงาน