คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าว

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / นายกเมืองพัทยาเปิดยิ่งใหญ่! งานเทศกาลดีวาลี 2024 ริมทะเลพัทยา นทท.ภารตะทะลักงาน

แชร์เนื้อหานี้

ค่ำวันที่ 9 พ.ย.67 นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา เป็นประธานเปิดงานทศกาลดีวาลี พัทยา ประจำปี 2567 DIWALI Festival Pattaya 2024 ที่กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-10 พ.ย.67 เทศกาลแห่งแสงสว่างที่พี่น้องชาวอินเดียทั่วโลกจัดเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ ที่บริเวณการจัดงานริมชายหาดพัทยากลาง เมืองพัทยา จ.ชลบุรี โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย และนักท่องเที่ยวเชื้อสายไทยซิกข์ เข้าร่วมงานกันอย่างคึกคัก

ในงานประธานในพิธีได้ร่วมสวดอาตีขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก่อนจะขึ้นเวทีกล่าวเปิดงาน DIWALI Festival Pattaya 2024 อย่างเป็นทางการ โดยมี นายสกล ผลลูกอินทร์ นายนคร ผลลูกอินทร์ สมาชิก อบจ.ชลบุรี นายชัยวัฒน์ ตามไท ผู้อำนวยการ ททท.พัทยา นายสุขราช กาลรา นายกสมาคมนักธุรกิจไทย-อินเดีย (พัทยา) นายดิโอ้ ซิงห์ นายกสมาคมอินเดียชลบุรี และสมาคมอินเดียพัทยา ร่วมจุดเทียนชัยแห่งแสงสว่าง

นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา ได้กล่าวแสดงความยินดีกับการจัดงาน DIWALI Festival Pattaya 2024 ที่จัดขึ้นเป็นปีที่ 3 และเป็นนี้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ กิจกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นได้จากความร่วมมือร่วมใจของ 3 สมาคม ได้แก่ สมาคมนักธุรกิจไทย-อินเดีย สมาคมอินเดียชลบุรี และสมาคมอินเดียพัทยา ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องการเห็นในความร่วมมือที่ดีนี้ให้เกิดในเมืองพัทยา สิ่งสำคัญคืองานดังกล่าวยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ภายใต้แนวนโยบายซอล์ฟเพาเวอร์ของรัฐบาลอีกด้วย

สวนนงนุชพัทยา ให้ความสำคัญด้านการศึกษา ภาคภูมิใจเปิดโรงเรียนนงนุชพัฒนาทักษะอาชีพและกีฬา อาณาจักรแห่งการเรียนรู้ อย่างเป็นทางการ

วันที่ 11 พ.ย.67 ที่สวนนงนุชพัทยา จ.ชลบุรี โดยนายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา ได้จัดพิธีเปิดโรงเรียนนงนุชพัฒนาทักษะอาชีพและกีฬา อย่างเป็นทางการ โดยมีแขกผู้มีเกียรติ รวมทั้งบุคลากรด้านการศึกษาในพื้นที่เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ ในพิธีได้จัดพิธีทางศาสนา พระเถรานุเถระจำนวน 9 รูป ร่วมเจริญภาวนาสงดมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลต่อผู้เข้าร่วทพิธีเปิดโรงเรียนนงนุชพัฒนาทักษะอาชีพและกีฬา ถือเป็นสถานศึกษาอห่งใหม่ในจังหวัดชลบุรีอย่างเป็นทางการ

ทั้งนี้ โรงเรียนนงนุชพัฒนาทักษะอาชีพและกีฬา เปิดการเรียนการสอนรวม 6 หลักสูตร คือ หลักสูตรวิชาอาหารไทย หลักสูตรวิชามวยไทย หลักสูตรภาษาต่างประเทศ หลักสูตรวิชานาฏศิลป์ไทย หลักสูตรพัฒนาแม่บ้านมืออาชีพ และหลักสูตรจัดดอกไม้

“ไพรม์มัส พัทยา” เพิ่มศักยภาพบริการซ่อมสีและตัวถังรถ EV ผงาดสู่มาตรฐานระดับสูงสุด Mercedes-Benz


นายจิระพล รุจิวิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บจก.ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์ เปิดเผยว่า ด้วยนโยบายของ “ไพรม์มัส กรุ๊ป” ที่มุ่งเน้นการให้บริการลูกค้าทั้งด้านการขายและบริการหลังการขายอย่างเต็มประสิทธิภาพและครอบคลุมในทุกมิติ จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรเป็นอันดับแรก ควบคู่กับการคัดสรรเครื่องมือพิเศษที่มีเทคโนโลยีอันสมัย เพื่อยกระดับการบริการและรองรับความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า ให้ได้รับความพึงพอใจสูงสุด

ล่าสุด “ไพรม์มัส พัทยา” ได้ตอกย้ำความเป็นเลิศด้านการซ่อมสีและตัวถังของ Mercedes-Benz ด้วยการเพิ่มศักยภาพ ให้แก่ทีมช่างผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ โดยเข้ารับการอบรมทักษะงานซ่อมสีและตัวถังยานยนต์ไฟฟ้าที่เป็นมาตรฐานระดับสูงสุดของ Mercedes-Benz ด้วยการฝึกทักษะความชำนาญการถอด ตัด เชื่อม ต่อ โครงสร้างตัวถังหลัก ทั้งแบบเหล็ก อลูมิเนียม และโลหะอื่น ทำให้บุคลากรมีความรู้ ความเข้าใจวัสดุ โครงสร้างตัวถัง ระบบการทำงาน และเทคโนโลยีต่างๆ ได้อย่างครบถ้วน 

พร้อมกันนี้ ทาง “ไพรม์มัส พัทยา” ได้เลือกสรรอุปกรณ์เครื่องมือพิเศษมาตรฐานสูงสำหรับงานซ่อมสี-ตัวถัง โดยเฉพาะ อาทิ ชุดเครื่องมือ Car-O-Liner, ชุดตรวจวัดตัวถังระบบคอมพิวเตอร์, ชุดแท่นดึงตัวถัง CELETTE X-ONE, ห้องอบ-พ่นสี NOVA VERTA และระบบอบสีแขนกลอินฟราเรด TECOPOINT  พร้อมใช้ผลิตภัณฑ์สีน้ำที่มีคุณภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญ ทุกชิ้นงานจะผ่านการตรวจสอบมาตรฐาน ด้วยเครื่องมือตรวจวัดค่าสี ภายใต้อุโมงค์ไฟส่องสว่างสูงถึง 1,500 Lux ทำให้ทุกงานซ่อมมีคุณภาพและสมบูรณ์แบบมากสุด ทั้งรองรับงานซ่อมหนัก-เบาของรถยนต์ Mercedes-Benz ครอบคลุมได้ทุกรุ่น ทุกซัพแบรนด์อีกด้ว

ปัจจุบัน ศูนย์บริการรถยนต์ Mercedes-Benz ของ ไพรม์มัส พัทยา” ด้านงานซ่อมสีและตัวถัง ตั้งอยู่ที่พัทยา-นาจอมเทียน มีช่องซ่อมทั้งหมด 17 ช่องซ่อม รองรับรถยนต์เข้ารับบริการได้มากกว่า 200 คันต่อเดือน ด้วยบริการที่หลากหลายและครบวงจรสำหรับรองรับรถยนต์ทั้งแบบเครื่องยนต์ และแบบไฟฟ้า ทุกรุ่น ทุกซัพแบรนด์ และรับงานซ่อมจากบริษัทประกันภัยชั้นนำทุกแห่ง โดยมีทีมฉพาะสำหรับประสานงานและอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าบริษัทประกันภัย เมื่อนำรถยนต์เข้ารับบริการเคลมซ่อมสี-ตัวถัง ที่ ไพรม์มัส พัทยา” ทั้งมีบริการนัดหมายล่วงหน้า และติดตามสถานะการซ่อมในทุกขั้นตอนอีกด้วย

สัปดาห์หน้า! เมืองพัทยารับปากเตรียมปรับภูมิทัศน์พื้นที่สาธารณะ หลังชาวบ้านร้องสัตว์มีพิษชุกชุม

ตามที่มีประชาชนที่พักอาศัยภายในเจ๊ะมะดีแมนชั่น ซอยสุขุมวิท 28 (ตัดโรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา) กับสื่อมวลชน อยากให้เมืองพัทยาส่งเจ้าหน้าที่มาทำการปรับปรุงภูมิทัศน์พื้นที่สาธารณะหลังห้องเช่า ซึ่งรกร้าง และอาจเกิดอันตรายจากสัตว์มีพิษที่ชุกชุมในช่วงที่มีฝนตก ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด นายมาโนช หนองใหญ่ รองนายกเมืองพัทยา ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวต่อกรณีดังกล่าวว่า ด้วยพื้นที่สาธารณะดังกล่าวเป็นพื้นที่ของเอกชนที่มอบให้กับทางเมืองพัทยาเป็นที่สาธารณะมานานแล้ว แต่เนื่องด้วยเป็นซอยตัน เมืองพัทยาจึงพิจารณาว่ายังไม่มีความจำเป็นที่จะดำเนินการทำถนน แต่ในปัจจุบันความเจริญมากขึ้น จึงเห็นควรจะต้องมีการเสนองบประมาณเพื่อดำเนินการตามขั้นตอน

ที่ผ่านมาเมืองพัทยาเคยเข้าไปจัดการพื้นที่ครั้งหนึ่งแล้ว แต่ต่อมามีการปิดทางเข้าจึงไม่ได้เข้าไปดำเนินการอย่างต่อเนื่อง แต่ปัจจุบันพบว่าได้เปิดพื้นที่ทางเข้าแล้ว และจะได้ส่งเจ้าหน้าที่กองช่างสุขาภิบาลเข้าไปดำเนินการเคลียร์พื้นที่ในเบื้องต้นก่อนในวันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน 2567 เพื่อแก้ไขปัญหาให้ขาวบ้านในการเบื้องต้น ส่วนของโครงการทำถนนเส้นดังกล่าว เมืองพัทยาจะเสนอตั้งงบประมาณในปี 2568 ต่อไป

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / อบต.อ่างทอง จัดกิจกรรมธนาคารขยะชุมชนตำบล เพื่อนำรายได้ช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียง / กิจกรรมขยะแลกไข่ ครั้งที่ 6 ประจำปี 2567

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 12 พ.ย.67 ที่สนามหน้าโรงเรียนบ้านสีดางาม ตำบลอ่างทอง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายบังเอิญ พึ่งโพธิ์ทอง นายกอบต.อ่างทอง สั่งการให้ นายอุดมทรัพย์ เดชะกุลกำจร เลขานายกฯ นายธานินทร์ บุญนี ปลัดอบต.อ่างทอง น.ส.ภัณฑ์ธิมา รังสิกุล รองปลัดอบต.อ่างทอง น.ส.ทิพวรรณ ปัญญาหาร หัวหน้าสำนักปลัด พร้อม ข้าราชการ พนักงาน ร่วมจัดกิจกรรมธนาคารขยะชุมชนตำบล เพื่อนำรายได้ช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียง กิจกรรมขยะแลกไข่ ครั้งที่ 6 ประจำปี 2567 โดยมี นางวันวิษา ลิ้มไล้ รก.ผอ.โรงเรียนบ้านสีดางาม คณะครู นักเรียน ร่วมกิจกรรม

น.ส.สุดารัตน์ สังข์ฤทธิ์ วิทยากรอิสระบรรยายขยะแนวไร้ถัง กล่าวว่า การจัดการขยะต้นทางก็คือแค่ทำทุกอย่าง ตัด ล้าง ตาก หรือทำอย่างไรก็ได้ให้สะอาด เก็บรวบรวมตากให้แห้ง และนำส่งให้ อบต.หรือหน่วยงาน สำหรับที่นี่โรงเรียน หลายๆโรงเรียน ก็ดำเนินการอยู่โดยเฉพาะที่นี่ อบต.อ่างทอง ได้ดำเนินการอยู่โครงการขับเคลื่อนของกองสาธารณสุข อบต.อ่างทอง ทำตรงนี้คือ ผู้ปกครอง และเด็กๆเริ่มมีการจัดการขยะได้ด้วยตัวเองที่บ้านแล้วนำมารวมโรงเรียน อบต. อ่างทอง ก็มารับซื้อส่วนที่ซื้อก็ซื้อส่วนที่ขายก็ขายส่วนที่บริจาคก็มีเยอะ

โดยบริจาคเข้ากองทุนชมรมผู้สูงอายุ อบต.อ่างทอง ก็อยากให้ อบต.ทุกแห่ง ทำโดยเฉพาะ อบต.อ่างทอง ขับเคลื่อนโครงการ พอช.ของอำเภอทับสะแก โดยอยากให้ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ประกาศเป็นจังหวัดใร้ถังขยะ เพราะฉะนั้นอย่าให้ทำทุกๆ แห่งทุกๆ พื้นที่ โดยเฉพาะสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ดำเนินโครงการขับเคลื่อนโรงเรียนไร้ถังขยะ อยากให้โรงเรียนหลายๆ โรงเรียนมาร่วมมือร่วมใจกันทำตรงนี้เพื่อเป็นการปลูกฝังเด็กให้รู้จักวิธีการจัดการขยะด้วยตัวเองโดยไม่ทิ้งเป็นภาระให้ใคร จัดการให้จบด้วยตัวเอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการจัดการขยะของ อบต.อ่างทอง นอกจากจะดำเนินโครงการธนาคารขยะชุมชน และรับบริจาคขยะเพื่อนำรายได้เข้าช่วยเหลือผู้ป่ายติดเตียงแล้ว ก็ยังมีกิจกรรม ถุงพลาสติกแลกไข่ โดยถุงพลาสติก 1 กิโลกรัม แลกไข่ได้ 3 ฟอง รับซื้อขยะด้วยเงินสด หรือจะนำเข้าฝาก ธนาคารขยะตำบล ครบ 1 ปี มีดอกเบี้ย

////////////////

ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / “มิสแกรนด์อินเดีย” สร้างสีสันประเดิมวันแรก เทศกาลดีวาลีพัทยา 2024

แชร์เนื้อหานี้

ตามที่เมืองพัทยาร่วมกับสมาคมนักธุรกิจไทย-อินเดีย สมาคมอินเดียพัทยา และนายกสมาคมอินเดียชลบุรี กำหนดจัดกิจกรรมพหุวัฒนธรรม งานเทศกาลดีวาลี พัทยา DIWALI Festival Pattaya 2024 ระหว่างวันที่ 8-10 พฤศจิกายน 2567 ที่บริเวณชายหาดพัทยากลาง เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งแสงสว่างของชาวอินเดียนั้น

ล่าสุด วันที่ 8 พ.ย.67 นายกฤษณะ บุญสวัสดิ์ รองนายกเมืองพัทยา นายสุขราช กาลรา นายสมาคมนักธุรกิจไทย-อินเดีย (พัทยา) นายลักษมัน ซิงห์ นายกสมาคมอินเดียพัทยา นายดิโอ้ ซิงห์ นายกสมาคมอินเดียชลบุรี พร้อมคณะจัดงานได้ให้การต้อนรับ ราเชล คุปตา MISS GRAND INTERNATIONAL 2024 INDIA พร้อมคณะนางงาม MISS GRAND INTERNATIONAL 2024 INDIA ที่ได้เดินทางมาร่วมกิจกรรมประชาสัมพันธ์กิจกรรมวัฒนธรรมของชาวอินเดียในครั้งนี้ที่เมืองพัทยา

สำหรับวันแรกของกิจกรรมการจัดงานเทศกาลดีวาลี พัทยา DIWALI Festival Pattaya 2024 ทางคณะผู้จัดงานได้ร่วมพิธีสวดบูชาอาตีขอพรให้มีความสุข โดยในงานมีการออกร้านค้าจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์และสินค้านานาชนิดสำหรับชาวภารตะริมชายหาดพัทยาเป็นระยะทางยาวกว่า 700 เมตร

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์/ ประจวบฯ ปปช.จ่อสอบนายก อบต.ห้วยทราย /คัดค้านการแบ่งเขต เลือกตั้งสมาชิก อบจ.ประจวบฯ / ตะลึง! พบเสือดาว-เสือดำสัตว์ผู้ล่าขนาดใหญ่ผืนป่ากุยบุรี

แชร์เนื้อหานี้

8พ.ย.67 สืบจากข่าวการนำเสนอข่าวออนไลน์ในหลายสำนักข่าวเมื่อเดือน ต.ค.67 ที่ผ่านมา กรณีบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งแอบลักหลับทำการเปิดบ่อขยะโดยไม่มีการทำประชาพิจารณ์ผ่านความเห็นชอบชาวบ้านทั้ง 13 หมู่ ในพื้นที่ ต.ห้วยทราย อ.เมื่องประจวบฯ เนื่องจากยังไม่ชัดเจนในเรื่องเอกสารรับรองจากหลายหน่วยงาน เช่น สำนักงานสิ่งแวดล้อม อุตสาหกรรม และสาธารณสุข หวั่นผลกระทบชุมชนและสิ่งแวดล้อมก่อนจะนำเรื่องราวทั้งหมดเข้าร้องสื่อ  ต่อมามีการนำหลักฐานการประชุมประจำเดือนหมู่บ้าน ยื่นต่อปลัดอำเภอ ให้ตั้งกรรมการสอบทางวินัยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 ต.ห้วยทราย อาจเข้าข่ายหลอกลูกบ้านให้หลงเชื่อ เห็นชอบโครงการก่อสร้างบ่อขยะดังกล่าว จนเป็นเหตุให้อำเภอฯมีคำสั่งหนังสือเร่งด่วนถึง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยทราย ให้ชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีการให้อนุญาตดำเนินกิจการบ่อขยะในพื้นที่หมู่ 10 ต.ห้วยทราย ตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปเมื่อวันที่ 7 ต.ค.67 ของเดือนที่ผ่านมา พร้อมนำเอกสารและหลักฐานที่เกี่ยวกับพฤติกรรมที่อาจส่อไปในทางทุจริตประพฤติมิชอบกรณีสินบน ของนายก อบต.ห้วยทราย ยื่นร้องต่อ ปปช.จังหวัดฯให้สอบขอเท็จจริง ก่อน ปปช.จังหวัดฯจะมีหนังสือที่ ปข.๐๐๔๐(ปข)/๐๘๔๙ ลงวันที่ 28 ต.ค.67 เชิญผู้ร้องเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมที่ สนง.ปปช. หลังมีคลิปวีดีโอระหว่าง นายก อบต.กับสมาชิก(ส.อบต.)รายหนึ่ง ขณะกำลังนั่งสนทนาเจรจาปัญหาเรื่องบ่อขยะระหว่างกัน ก่อนจะมีการยื่นบางสิ่งในมือส่งให้สมาชิก(ส.อบต.)แต่ได้รับการปฏิเสธกลับ(ตามคลิป)

6 พ.ย.67 ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้าน ส.อบต.หมู่ 12 ต.ห้วยทราย เป็นบ้านของเจ้าของคลิปดังกล่าว พบนางสาว ศีรดา  โพธิ์ทอง สมาชิก(ส.อบต.)ต.ห้วยทราย เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตนเป็นส่วนหนึ่งในคณะกรรมการตรวจสอบเพื่อลงมติเห็นชอบการดำเนินการเปิดกิจการบ่อขยะดังกล่าว ขณะที่สมาชิก(ส.อบต.)รวมทั้งหมด 13 หมู่ โดยในส่วนของตนเห็นว่าหากมีการยื่นขอดำเนินกิจการไม่ถูกต้องตามระเบียบก็ไม่สมควร พร้อมเล่าต่อและว่า ขณะที่ตนเดินทางกลับจากธุระ นายกฯมาหาที่บ้าน จากนั้นก็มีการพูดคุยระหว่างกันเกี่ยวกับปัญหาเรื่องบริษัทเอกชนยื่นขอทำกิจการบ่อขยะในพื้นที่หมู่ 10 ขณะพูดคุยระหวางนั้น เขาก็เอี้ยวตัวชักมือลงไปหยิบบางอย่างในกระเป๋ากางเกง พร้อมกับนำขึ้นมายื่นให้ตนรับไปและบอกว่า”เขาฝากมาให้”(ตามคลิป)แต่ตนปฏิเสธไม่รับ หากรับก็จะเป็นการรับสินบนเพื่อให้ตนยกมือเห็นชอบ  ซึ่งตนก็ไม่เห็นด้วยหากไม่มีการรับฟังความคิดเห็นชาวบ้านทั้ง 13 หมู่เสียก่อน และเนื่องจากอีกหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ยังไม่ชัดเจนเรื่องเอกสารในทางกฎหมายและมาตราการป้องกัน หากมีผลกระทบชุมชน ขณะที่ชาวบ้านเป็นกังวลบริษัทผู้ขออาจลักหลับนำขยะสารพิษจากนอกพื้นที่เข้ามาทำการฝังกลบแทน เนื่องจากในเอกสารของบริษัทยื่นต่อ อบต.นั้นเป็นเพียงการขอดำเนินการขุดดินเพื่อการเกษตรเท่านั้น แต่พอดำเนินการจริงกลับกลายเป็นบ่อขยะ นางสาวศีรดา ส.อบต.กล่าว

ทั้งนี้มีรายงานเพิ่มเติมในเรื่องนี้ จากเสียงวิจารณ์ของชาวบ้านในพื้นที่ ต.ห้วยทราย เห็นว่าตั้งแต่โครงการบ่อขยะของบริษัทเอกชนรายนี้เริ่มเข้ามาในชุมชน ทำให้ชุมชนเกิดความไม่สงบ ชาวบ้านไม่สามัคคีกันเหมือนแต่ก่อน รวมถึงผู้นำชุมชนบางรายครองตนไม่สมกับการเป็นที่ผึ้งของประชาชน ทำตัวเป็นนายหน้าขายสัจจะตนเอง นำคนแบ่งพรรคแบ่งพวกเกิดการแตกแยกในชุมชน อีกทั้งหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องก็ไม่เคยลงมาอธิบายสร้างความรับรู้ให้ชาวบ้าน ทั้งที่มีการลงตรวจแบบโครงสร้างในพื้นที่แต่กลับนิ่งเฉย อ้างว่าไม่ได้อยู่ใน พรบ.ควบคุมดูแลของหน่วยงานตนเองบ้าง  หากยังมีการแถ เพื่อต้องการดันให้โครงการบ่อขยะที่ดำเนินการไม้ถูกต้องตั้งแต่ต้นทาง ให้เปิดดำเนินการได้ ชาวบ้านทั้ง13 หมู่ อาจมีมาตรการในขั้นต่อไป เสียวิจารณ์ชาวบ้านในพื้นที่ ต.ห้วยทราย

คัดค้านการแบ่งเขตเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์

เมื่อ เวลา 10.30น.ประชาชน บ.โป่งโก ม.2 ต.ทองมงคล อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ประมาณ 80 คน นำโดยนางจำเนียร บัวผัน กำนัน ต.ทองมงคล นายไพศาล สิวสุเมธ ผู้ใหญ่บ้าน ม.2 นายสุเชต สงค์เสน ผู้ใหญ่บ้าน.ม.8 นางนาตยา ทองนิล สมาชิก อบต.ทองมงคล เดินทางมายื่นหนังสือขอคัดค้านการแบ่งเขตเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถึง ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ ผ่านนายคมกริช เจริญพัฒนสมบัติ รอง ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ ต่อมา เวลา 11.30น. ประชาชนได้รวมตัวที่หน้าศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งนายคมกริช เจริญพัฒนสมบัติ รอง ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้เชิญประชาชน บ.โป่งโก เข้าร่วมประชุมที่ห้องประชุมชั้น 4 พร้อมทั้งเชิญนายศักดิ์ชัย เลิศกิตติวัฒนกุล ผอ.กกต.จ.ประจวบคีรีขันธ์ เข้าร่วมประชุมหารือ โดยประชาชนในพื้นที่ บ.โป่งโก ม.2 ต.ทองมงคล อ.บางสะพาน ได้รับความผลกระทบในการแบ่งเขตการเลือกตั้งใหม่ จากเดิมมีสิทธิเลือกตั้งในพื้นที่ เขต 3 แล้วเปลี่ยนมาเลือกตั้ง เขต 4 ทำให้เกิดความสับสน และความไม่สะดวกต่อประชาชนในพื้นที่ จึงต้องการให้แบ่งเขตการเลือกตั้งตามเดิม ซึ่งทางนายคมกริช รอง ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้แจ้งว่าในเรื่องนี้ทางจังหวัดไม่มีอำนาจในการแก้ไข เป็นเรื่องของ กกต.ส่วนกลาง พร้อมทั้งได้กำชับนายศักดิ์ชัย ผอ.กกต.จ.ประจวบคีรีขันธ์ ให้เร่งดำเนินการก่อนจะประกาศแบ่งเขตเลือกตั้ง โดยให้ส่งเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ และโทรประสานงานกับทางส่วนกลางเพื่อเร่งดำเนินการต่อไป

ประจวบฯนายกฯอบต.ห้วยทราย”โต้”หลังคลิปหลุดสินบนสั่งบ่อขยะระงับการก่อสร้างชั่วคราว

 8 พ.ย. 67 ต่อข่าว/ผู้สื่อข่าวเดินทางเข้าพบกับ นายไชยพงศ์ บัวไสว นายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยทราย อ.เมืองประจวบฯ หลังทราบว่าเป็นผู้อยู่ในคลิปกล้องวงจรปิดที่ติดไว้บริเวณด้านในบ้านของสมาชิก ส.อบต.รายหนึ่ง หลังมีผู้ร้องไปยัง สนง.ปปช. กล่าวหาว่ามีการทุจริตประพฤติมิชอบและให้สินบน ส.อบต.รายดังกล่าว จนเป็นกระแสข่าวร้อนแรงอยู่ในขณะนี้

ด้านนายไชยพงศ์ นายกฯอบต.ห้วยทราย เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า บุคคลในคลิปคือตนเอง ซึ่งจากเหตุการณ์ในขณะนั้นตนได้เข้าไปเยี่ยมญาติๆที่บ้านดังกล่าว พร้อมพูดคุยเรื่องปัญหาการจัดการขยะกับ สมาชิก ส.อบต.รายนี้ ซึ่งก็เป็นคนในบ้าน เนื่องจากเป็นเครือญาติกัน จึงไม่แปลกที่ตนจะเข้าไปสอบถามสารทุกข์สุขดิบต่อกัน ผู้สื่อข่าวสอบถามต่อและว่า หากดูจากคลิปเสียมีการสนทนาเรื่องการจัดการขยะ ระหว่างนั้นมีการยื่นบางอย่างให้สมาชิก ส.อบต.รับไป แต่ได้รับการปฏิเสธกลับ สิ่งนั้นคืออะไร

ทางด้านนายกฯอบต.ตอบกลับและว่า ไม่ทราบว่าในคลิประหว่างนั้นตนพูดว่าอะไร แต่ไม่ได้พูดถึงเรื่องตัวเงินอย่างแน่นอน และสิ่งที่ตนยื่นให้นั้นเป็นเพียงเอกสารที่อยู่ในซอง  แต่จำไม่ได้แล้วว่าเป็นเอกสารเกี่ยวกับอะไรเนื่องจากมันนานมาก และหากตนจะนำเงินจำนวนหนึ่งไปฝากไว้ให้แม่ของเขาไว้ใช้เพราะป่วยอยู่       ก็ไม่แปลก เนื่องจากเราเป็นเครือญาติกัน และตนก็เป็นนายกฯอบต.ในสมัย จะเข้าเยี่ยมลูกบ้านทุกคนก็ไม่ผิดอะไร  ซึ่งในเรื่องนี้หากมองว่าเป็นการส่งสารที่คาดเคลื่อนทำให้เข้าใจผิดคิดไปเองก็เป็นได้ แต่ตนก็เป็นผู้เสียหายไปแล้ว เนื่องจากมีการเสนอข่าวออกไปว่าตนให้สินบน ส.อบต.ดังกล่าว ส่วนที่มีการร้อง ปปช.จังหวัดฯเกี่ยวกับพฤติกรรมของตนนั้น ก็ต้องรอให้ ปปช.จังหวัดฯ เรียกเสียก่อน ซึ่งตนก็พร้อมจะให้ข้อมูลทั้งหมดอยู่แล้ว นายกฯอบต.พูดต่ออีกและว่า ในส่วนเรื่องที่ชาวบ้านเป็นกังวลบริษัทอาจนำขยะสารพิษเข้ามาทิ้งในชุมชน

ในเรื่องนี้หลังจากมีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมปรึกษาขอปฏิบัติ ไปเมื่อวันที่ 29 ต.ค.67 ของเดือนที่ผ่านมา โดยมีการสรุปร่วมกันและแจ้งให้บริษัทผู้ยื่นขออนุญาตดังกล่าว สั่งระงับการก่อสร้างไปแล้ว และให้ดำเนินการยื่นขออนุญาตทำกิจการบ่อขยะใหม่ ให้ถูกต้องเป็นไปตามระเบียบราชการ เนื่องจากแบบเดิมเป็นการยื่นขอขุดบ่อดินเพื่อการเกษตร ซึ่งมีการปรับปรุงสิ่งปรูกสร้างที่ยังไม่เป็นไปตามขั้นตอนปฏิบัติของทางราชการกำหนด  จากนั้นให้บริษัทผู้ขอลงมารับฟังความคิดเห็นกับชาวบ้านทั้ง 13 หมู่ ในพื้นที่ ต.ห้วยทราย เพื่อนำขอกังวลของชาวบ้าน นำกลับไปพิจารณาหากปฏิบัติได้  พร้อมเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวของเช่น อุตสาหกรรม  สิ่งแวดล้อม  สาธารณสุข เข้าร่วมชี้แจงให้ชาวบ้านทั้ง13 หมู่รับทราบ พร้องให้นำมาตรการป้องกันในทางกฎหมาย หากบริษัทดำเนินกิจการผิดระเบียบไม่ถูกต้องไม่เป็นไปตามระเบียบทางราชการกำหนด นายกฯอบต.ห้วยทราย กล่าว

ตะลึง! พบเสือดาว-เสือดำสัตว์ผู้ล่าขนาดใหญ่ผืนป่ากุยบุรี สะท้อนความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศ

เมื่อวันที่ 8 พ.ย.67 อุทยานแห่งชาติกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ประสบความสำเร็จในการอนุรักษ์สัตว์ป่า หลังกล้องดักถ่ายภาพสัตว์ป่า (Camera trap) บันทึกภาพเสือดาวและเสือดำในพื้นที่เดียวกัน โดย นายอรรถพงษ์ เภาอ่อน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี เปิดเผยว่า การพบเสือทั้งสองชนิดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศในผืนป่า และเป็นผลมาจากการทุ่มเทในการคุ้มครองพื้นที่อุทยานฯ อย่างเข้มแข็ง ทั้งการลาดตระเวนเชิงคุณภาพ การป้องกันการบุกรุกทำลายป่า และการศึกษาวิจัยอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังแสดงให้เห็นว่าอุทยานแห่งชาติกุยบุรียังคงเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยที่สำคัญของสัตว์ป่าหายาก โดยเฉพาะสัตว์ผู้ล่าขนาดใหญ่อย่างเสือดาวและเสือดำ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญของความสมบูรณ์ของระบบนิเวศป่าไม้ ทั้งนี้ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ยังคงมุ่งมั่นในการดำเนินงานอนุรักษ์และการศึกษาวิจัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาความหลากหลายทางชีวภาพและถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าให้คงอยู่อย่างยั่งยืนต่อไป
อุทยานแห่งชาติกุยบุรีครอบคลุมพื้นที่กว่า 969 ตารางกิโลเมตร เป็นหนึ่งในกลุ่มป่าแก่งกระจานมรดกโลกทางธรรมชาติ ที่ครอบคลุมพื้นที่รอยต่อ 3 จังหวัด ได้แก่ ประจวบฯ เพชรบุรี และราชบุรี ซึ่งมีความโดดเด่นด้านความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเฉพาะการเป็นแหล่งอาศัยของช้างป่าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และยังพบสัตว์ป่าสงวนหายากหลายชนิด เช่น วัวแดง กระทิง เลียงผา และเสือโคร่ง นอกจากนี้ อุทยานแห่งชาติกุยบุรียังมีความสำคัญในด้านการเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารของแม่น้ำหลายสาย รวมถึงเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่สำคัญของภูมิภาค มีระบบนิเวศที่หลากหลายทั้งป่าดิบชื้น ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง และทุ่งหญ้า ซึ่งเอื้อต่อการดำรงชีวิตของสัตว์ป่านานาชนิด.

นายนิพล ทองเก่า นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 0909944781

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / Eplanet Pte Ltd ประกาศจัดการประกวด Heritage Pageants ครั้งที่ 7 ประจำปี 2567

แชร์เนื้อหานี้

​Eplanet Pte Ltd บริษัทสัญชาติสิงคโปร์ มีความภูมิใจที่จะประกาศการจัดการประกวด Heritage Pageants ครั้งที่ 7 ประจำปี 2567 เวทีการประกวดระดับโลกที่เชิดชูความงดงามของความหลากหลายทางวัฒนธรรมและมรดกทางภูมิปัญญา โดยจะจัดขึ้นในประเทศไทยระหว่างวันที่ 9-18 พฤศจิกายน 2567 และกำหนดพิธีประกาศผลรางวัลในวันที่ 16 พฤศจิกายน การประกวดในปีนี้จะรวบรวมผู้เข้าประกวดจากทั่วโลก เพื่อนำเสนอความสง่างาม ประเพณี และความเป็นหนึ่งเดียวของโลก นับตั้งแต่ก่อตั้ง Heritage Pageants ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการประกวดระดับนานาชาติ ที่เป็นที่รู้จักในด้านการเฉลิมฉลองความหลากหลายทางวัฒนธรรมและการสร้างความเข้าใจระหว่างประเทศ งานอันทรงเกียรตินี้บริหารโดย Eplanet Pte Ltd ภายใต้การนำของประธานบริษัท คุณสันโตษ สัปโกตา ผู้ซึ่งอุทิศตนผลักดันให้ Heritage Pageants ก้าวสู่เวทีระดับโลก

​การประกวดปีนี้ได้รับเกียรติจากนักออกแบบท่าเต้นชื่อดัง คุณโรจิน ชาคยา จากประเทศเนปาล และคุณเวสลีย์ ซอว์ จากประเทศมาเลเซีย ผู้ซึ่งจะสร้างสรรค์การแสดงที่น่าตื่นตาตื่นใจ โดยมีคุณซูซาน แซนเฟอร์นี โกะ เป็นผู้ดูแลการจัดงาน และคุณฝนธิป ศรีวรัญญู ผู้ชนะเลิศ Mrs. Heritage International 2022 เป็นผู้ดำเนินรายการ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบให้กับผู้เข้าร่วมและผู้ชม การเฉลิมฉลองมรดกโลกและความเป็นหนึ่งเดียว Heritage Pageants 2024 จะมีการประกวดหลายประเภท ได้แก่ Mrs. Heritage, Miss Heritage, Mister Heritage, Heritage Gold, Heritage Gems และ Heritage Petite ผู้เข้าประกวดแต่ละคนจะเป็นตัวแทนแสดงเอกลักษณ์ประจำชาติและวัฒนธรรมของตน นำเสนอความสามารถและเชิดชูมรดกทางวัฒนธรรมของบรรพบุรุษ การประกวดนี้เป็นเวทีส่งเสริมไมตรีจิตระหว่างประเทศ เปิดโอกาสให้ผู้เข้าประกวดได้แบ่งปันประเพณีของตนสู่สายตาชาวโลก พร้อมสร้างความซาบซึ้งในความหลากหลายทางวัฒนธรรม

เกี่ยวกับ Eplanet Pte Ltd ก่อตั้งในปี 2542 Eplanet Pte Ltd เติบโตขึ้นเป็นผู้นำระดับโลกด้านการจัดการอีเวนต์ โดยเชี่ยวชาญด้านการประกวดนางงามและงานเฉลิมฉลองทางวัฒนธรรม ตั้งแต่การแสดงดนตรีไปจนถึงงานแสดงสินค้า บริษัทมีประวัติอันยาวนานในการจัดงานระดับโลก Eplanet เป็นที่รู้จักในด้านความเป็นเลิศ และ Heritage Pageants เป็นหนึ่งในโครงการที่ทรงเกียรติที่สุด ผสมผสานความงาม วัฒนธรรม และการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศประวัติ Heritage Pageants จัดขึ้นครั้งแรกที่กาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล ในปี 2557 Heritage Pageants ได้พัฒนาเป็นงานระดับโลก โดยจัดในหลายเมืองสำคัญ เช่น นิวเดลี ศรีลังกา สิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย ตั้งแต่การสวมมงกุฎให้กับ Hla Yin Kyae จากเมียนมาร์ ผู้ชนะ Miss Heritage International คนแรก จนถึงผู้ครองตำแหน่งล่าสุดในปี 2566 Wuandar Jirleyth Casanova จากเวเนซุเอลา และ Erika Hara จากญี่ปุ่น แต่ละการประกวดเป็นประจักษ์พยานถึงความมั่งคั่งทางวัฒนธรรมและความสามารถของผู้เข้าร่วมจากทั่วโลก

เวทีแห่งโอกาสและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม
​นอกเหนือจากการแข่งขัน Heritage Pageants เป็นเวทีพิเศษสำหรับการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ส่งเสริมให้ผู้เข้าร่วมแสดงออกถึงมรดกทางวัฒนธรรมอย่างภาคภูมิ สร้างความสัมพันธ์ระดับโลก และมิตรภาพที่ยั่งยืน ผ่านการประชุมเชิงปฏิบัติการ การแสดง และกิจกรรมร่วมกัน ผู้เข้าประกวดได้แบ่งปันประเพณีและวัฒนธรรม สร้างพื้นที่แห่งความเคารพและชื่นชมซึ่งกันและกัน Heritage Pageants ได้สร้างชื่อเสียงในฐานะที่เป็นมากกว่าการประกวด แต่เป็นการเฉลิมฉลองความหลากหลายทางวัฒนธรรมของโลก ส่งเสริมคุณค่าของความเป็นหนึ่งเดียว การอยู่ร่วมกัน และการเสริมพลัง ผู้เข้าประกวดทุกคนจะจากการประกวดไปพร้อมความทรงจำอันมีค่าและความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรมอันกว้างใหญ่ของโลก

​ในการเตรียมงาน Heritage Pageants 2024 Eplanet Pte Ltd มุ่งหวังที่จะสร้างการประกวดที่ยอดเยี่ยมอีกครั้ง เฉลิมฉลองความเป็นหนึ่งเดียวของโลกผ่านมรดกและวัฒนธรรม การประกวดปีนี้จะสร้างแรงบันดาลใจและรวมผู้ชมจากทุกมุมโลก สืบสานมรดกแห่งการเชิดชูความงามและความสำคัญของมรดกทางวัฒนธรรม อนึ่งจะมีการแถลงข่าวเปิดตัวการประกวดปี 2024
วันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 ณ Tinidee Trendy Khaosan Rd. Bangkok Thailand เวลา 15.00 น เป็นต้นไป สำหรับการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือติดต่อสื่อมวลชน กรุณาติดต่อ:Eplanet Pte Ltdติดตามเราได้ที่: Facebook: www.fb.com/pageantofheritage
Instagram: www.instagram.com/heritagepageants
เว็บไซต์: www.pageantofheritage.com

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ นโยบายการพัฒนาการศึกษา “สพม.น่าน องค์กร คุณภาพ-คุณธรรม/รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ครั้งที่ 6 ปี พ.ศ. 2568 ณ โรงเรียนไตรประชาวิทยา อ.ปัว

แชร์เนื้อหานี้

นางนัฑวิภรณ์ จันต๊ะพรมมา ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาน่าน กล่าวภายหลังเปิดการประชุมผู้อำนวยการสถานศึกษา ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาน่าน ครั้งที่ 5/2567 พ.ศ. 2567 ว่า การประชุมครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการชี้แจงข้อราชการในการดำเนินงาน และติดตามผลการดำเนินงานแล้ว ยังเป็นการมอบนโยบายในการร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาน่าน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 – 2568 โดยใช้สหวิทยาเขตเป็นฐานและเครือข่ายนิเทศ เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายไปสู่การปฏิบัติให้มีประสิทธิภาพเกิดประโยชน์สูงสุดต่อทางราชการ ตั้งเป้า “ปีทองแห่งคุณภาพ
คู่คุณธรรม” สร้างค่านิยมให้ สพม.น่าน เป็น “องค์กรแห่งคุณภาพคู่คุณภาพ ขับเคลื่อนนวัตกรรม สู่อนาคตที่ยั่งยืน” จัดการบริหารแบบมีส่วนร่วม ด้วยกระบวนการ SPARK “เชิงลุก” (LOOK) Model

S = SWOT (Look Over) มองให้ทั่วให้รอบด้านทุกมิติ
P = PLAN & PREVIEW (Look Ahead) มองไปข้างหน้า วางแผนอนาคต
A = ACTION & ACTIVE (Look Into) ลงมือปฏิบัติเชิงรุกอย่างรอบคอบ
R = REVIEW & MONITORING (Look Back) ทบทวน ปรับปรุง กำกับ ติดตาม
K = Knowledge Management (Look Up to) จัดการความรู้เพื่อพัฒนาต่อยอด ชื่นชม ยกย่อง พร้อมมอบ 5 นโยบายภายใต้ธรรมาภิบาล เพื่อให้โรงเรียน “น่าดู น่าอยู่ น่าเรียน” เป็นบ้านแห่งความสุขของครูและนักเรียน
ตามนโยบาย เรียนดี มีความสุข

  1. นโยบายด้านความปลอดภัย (Safety) ที่มี “3 เสาหลัก” ปลอดภัยทุกมิติ คือ ด้านอาคารสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกในโรงเรียน ด้านการบริหารจัดการภัยพิบัติการจัดทำแผนเผชิญเหตุ และ ด้านการศึกษา ลดความเสี่ยง และการรับรู้ปรับตัวจากภัยพิบัติ พร้อมเดินหน้าสถานศึกษาปลอดภัย ด้วยหลัก 3 ป “ป้องกัน” คือ การวางแผน จัดโครงสร้างการบริหารประเมินความเสี่ยงอย่างรอบด้าน “ปลูกฝัง” คือ พัฒนาความรู้ ทักษะ เจตคติสมรรถนะด้านความปลอดภัยให้แก่ นักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา และ “ปราบปราม” คือ ดำเนินการจัดการแก้ไขปัญหา ช่วยเหลือ เยียวยา ฟื้นฟู และดำเนินการ
    ตามขั้นตอนของกฎหมาย
  2. นโยบายด้านคุณธรรม (Morality) พัฒนาคุณธรรม ผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศึกษา และนักเรียนด้วยหลัก
    “พุทธธรรม” เพื่อให้เป็นคนดี มีความสุข เช่น อิทธิบาท 4 สังคหวัตถุ 4 พรหมวิหาร 4 ไตรสิกขา อริยสัจ 4 สัปปุริสธรรม 7 และกัลยาณมิตร 7 เป็นต้น
  3. นโยบายด้านคุณภาพ (Quality) พัฒนานักเรียนทั้งในด้านวิชาการ วิชาชีพ วิชาชีวิตและองค์กรคุณภาพ พัฒนานวัตกรรม สร้างคนดี มีความสุข
  4. นโยบายด้านโอกาส (Opportunity) ส่งเสริมการเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา (Anywhere Anytime), เฟ้นหาและช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่หลุดออกจากระบบการศึกษา (Thailand Zero Dropout), การดูแลช่วยเหลือนักเรียน การแนะแนวการเรียนและเป้าหมายชีวิต และนักเรียนมีรายได้ระหว่างเรียน จบแล้วมีงานทำ (Learn to Earn)
  5. นโยบายด้านประสิทธิภาพ (Efficiency) การบริหารจัดการโดยใช้พื้นที่ (สหวิทยาเขต) เป็นฐาน, การนำเทคโนโลยีดิจิทัล
    มาใช้ในการบริหารจัดการและการจัดการเรียนการสอน, พัฒนาคุณภาพข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา,
    เพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารองค์กรและผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน
    “ทั้งหมดนี้เป็นความตั้งใจ เป็นนโยบายรวมทั้งจุดเน้นที่ตั้งใจจะนำมามอบให้ผู้อำนวยการสถานศึกษา ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ได้รับทราบและจะได้เตรียมการเพื่อร่วมกันดำเนินการขับเคลื่อนยกระดับการศึกษาของ สพม.น่าน
    ให้กลายเป็นองค์กรแห่งคุณภาพคู่คุณธรรม ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม สู่อนาคตที่ยั่งยืน” นางนัฑวิภรณ์ กล่าวปิดท้าย /บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

จัดประเมินสภาพการปฏิบัติงานและการออกเก็บข้อมูลเชิงลึกของครูผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเพื่อเข้ารับการคัดเลือกครูผู้สมควรได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ครั้งที่ 6 ปี พ.ศ. 2568 ณ โรงเรียนไตรประชาวิทยา อำเภอปัว

วันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 เวลา 09.00 น. คณะอนุกรรมการคัดเลือกครูผู้สมควรได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ครั้งที่ 6 ปี พ.ศ. 2568 จังหวัดน่าน ณ โรงเรียนไตรประชาวิทยา อำเภอปัว โดยมีดร.สุวรินทร์ เพ็ญธัญญการ รองศึกษาธิการจังหวัดน่าน เป็นประธานประเมิน และเก็บข้อมูลเชิงลึก
ในครั้งนี้มีบุคคล และหน่วยงานเสนอรายชื่อครู ผู้สมควรได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ครั้งที่ 6 ปี 2568

โดยเป็นครูผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงในชีวิตลูกศิษย์ ครูผู้มีคุณูปการต่อการศึกษา จำนวน 4 ราย ประกอบด้วย นายศุภนิตย์ สิทธิชัย โรงเรียนวรนคร (ลูกศิษย์เสนอชื่อ) นางวิมลรัตน์ ทักษิณ โรงเรียนไตรเขตประชาวิทยา (หน่วยงานเสนอชื่อ) นางวาสนา นันทเสน โรงเรียนสมาคมพยาบาลไทย (หน่วยงานเสนอ) และนางสาวมัญชรี ศรีเวียงฟ้า โรงเรียนตาลชุมพิทยาคม (หน่วยงานเสนอชื่อ) เพื่อเข้ารับการคัดเลือกผู้สมควรได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ระดับจังหวัดต่อไป โดยคณะอนุกรรมการฯ มีกำหนดการออกประเมินสภาพการปฏิบัติงานและการออกเก็บข้อมูลเชิงลึกของครูผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเพื่อเข้ารับการคัดเลือกครูผู้สมควรได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ครั้งที่ 6 ปี พ.ศ. 2568 จังหวัดน่าน ระหว่างวันที่ 4-8 พฤศจิกายน 2567

วันนี้เป็นการลงพื้นที่ประเมินสภาพการปฏิบัติงานและการออกเก็บข้อมูลเชิงลึกของครูผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเพื่อเข้ารับการคัดเลือกครูผู้สมควรได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ครั้งที่ 6 ของนางวิมลรัตน์ ทักษิณ ซึ่งมีลูกศิษย์ คณะครู ผู้ปกครองเข้าร่วมให้ข้อมูลเชิงลึกแก่คณะอนุกรรมการเป็นจำนวนมาก

สำหรับ นางวิมลรัตน์ ทักษิณ ครูวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ โรงเรียนไตรประชาวิทยา ปฏิบัติการสอนมาเป็นเวลา 15 ปี ในรายวิชาภาษาไทย คณิตศาสตร์ เป็นครูผู้ได้รับการยกย่องจากทั้งลูกศิษย์ คณะครู และผู้ปกครอง ทั้งด้านเป็นผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงในชีวิตลูกศิษย์ และด้านผู้มีคุณูปการต่อการศึกษา มีความมานะพยายามในการดูแลลูกศิษย์ทั้งในชั้นเรียน และนอกชั้นเรียน นอกจากนี้ครูวิมลรัตน์ ยังได้รับรางวัลต่าง ๆ มากมาย อาทิ ได้รับรางวัลหนึ่งแสนครูดี ประจำปี 2557 สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ได้รับรางวัลเสมา ป.ป.ส. ประเภทผลงานดีเด่น ระดับเพชร โครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข ปีการศึกษา 2565 กระทรวงศึกษาธิการ

ได้รับรางวัลเสมา ป.ป.ส. ประเภทผลงานดีเด่น รักษามาตรฐานระดับเพชรปีที่ 1 โครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข ปีการศึกษา 2566 กระทรวงศึกษาธิการ รางวัลทรงคุณค่า สพฐ. (OBEC AWARDS) ระดับชาติ รางวัลเหรียญทอง ครูผู้สอนยอดเยี่ยมระดับประถมศึกษา ผู้ปฏิบัติงานดูแลช่วยเหลือนักเรียนระดับประถมศึกษา ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน โครงการประกวดหน่วยงานและผู้มีผลงานดีเด่นที่ประสบผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์ ครั้งที่ 11 ประจำปีการศึกษา 2564

รางวัลทรงคุณค่า สพฐ. (OBEC AWARDS) ระดับภาคเหนือ รางวัลเหรียญทอง ครูผู้สอนยอดเยี่ยมระดับประถมศึกษา กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอนโครงการประกวดหน่วยงานและผู้มีผลงานดีเด่นที่ประสบผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์ ครั้งที่ 12 ประจำปีการศึกษา 2565-2566 เป็นต้น/ข่าว/กัมปนาท พอจิต/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / กรมอุทยานฯ สร้างกรงพักเพิ่ม 2 กรงใหญ่ แก้ปัญหาลิงล้นเมืองเพชรฯ- ประจวบฯ/ตม.เพชรบุรี จัดหางานตรวจแรงงานต่างด้าวในพื้นที่

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 4 พ.ย.67 ดร.ยุทธพล อังกินันทน์ ประธานเครือข่ายภาคประชาชนจังหวัดเพชรบุรี นายชาตรี วชิระเผด็จศึก ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเพชรบุรี นายสมเจตน์ จันทนา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (สบอ.3) สาขาเพชรบุรี

นายแมนชาติ บัวทอง ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำที่ 3 เพชรบุรี สำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 7 เดินทางลงพื้นที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยทราย อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เพื่อติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินงานการก่อสร้างกรงพักพิงลิง หลังที่ 2 และ 3 ที่สามารถรองรับลิงในพื้นที่ จ.เพชรบุรี และ จ.ประจวบฯ ได้ ในวงเงินงบประมาณ 5,700,000 บาท ที่มีโครงสร้างที่แข็งแรงทนทาน ร่มรื่น โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และติดตามความก้าวหน้าการก่อสร้างถังกักเก็บน้ำ ขนาด 1 ล้านลิตร

ที่ได้รับการสนับสนุนจากกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อันเป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากโครงการแก้ไขปัญหาลิงล้นเมืองเพชรบุรี ดร.ยุทธพล กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ที่ช่วยผลักดันโครงการนี้ฯ วันนี้ได้ลงพื้นที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยทราย เพื่อติดตามการดำเนินงานตาม

โครงการแก้ไขปัญหาลิงล้นเมืองเพชรบุรี ซึ่งจากการมาดูโครงการในวันนี้ ต้องขอขอบคุณ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน ที่ได้เห็นความสำคัญการแก้ไขปัญหาลิงล้นเมือง พร้อมยังได้มอบหมายให้กรมทรัพยากรน้ำ ดำเนินการวางท่อส่งน้ำและจัดสร้างถังกักเก็บน้ำ ขนาด 1 ล้านลิตร เพื่อร่วมแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำของสัตว์ป่า รวมไปถึงลิงแสมที่เคลื่อนย้ายมาจากจังหวัดเพชรบุรี และการดำเนินการก่อสร้างกรงพักพิงลิงเพิ่มเติมของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

สำหรับการลงพื้นที่ในวันนี้ ก็เพื่อติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างกรงพักพิงลิงอีกสองกรงในโครงการแก้ไขปัญหาลิงล้นเมือง พร้อมติดตามความเป็นอยู่ของลิงที่ย้ายมาจากเขาวัง ซึ่งมีประชาชนให้ความสนใจและสอบถามมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งลิงทุกตัวมีสุขภาพดี แสดงให้เห็นว่าโครงการนี้เป็นโครงการนำร่องและประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก.


ตม.เพชรบุรีนำทีมบูรณาการร่วมกับจัดหางานตรวจแรงงานต่างด้าวในพื้นที่รับผิดชอบ
วันพุธที่ 6 พ.ย.67 ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเพชรบุรีนำโดย พ.ต.ท.หรรถพร
เสวะกะ สว.ตม.จว.เพชรบุรี พร้อมชุดสืบสวน บูรณา การร่วมกับ จัดหางาน จว.เพชรบุรี ตรวจสอบแคมป์ที่พักแรงงานต่างด้าวในพื้นที่รับผิดชอบ ต.ต้นมะม่วง อ.เมือง จ.เพชรบุรี

ผลการปฏิบัติตรวจสอบพบบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา จำนวน 6 ราย กัมพูชา 3 ราย มีเอกสารการเดินทางและอยู่ในราชอาณาจักรถูกต้องตามกฎหมายแต่นายจ้างยังได้แจ้งที่พักอาศัยของคนต่าวด้าวตามาตรา 38ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 จึงดำเนินการจับกุมและเปรียบเทียบปรับพร้อมทั้งได้ประชาสัมพันธ์ให้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามระเบียบ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

พร้อมทำความเข้าใจ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง -พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว-และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องให้ตรงตามเงื่อนไขอย่างเคร่งครัดต่อไป
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ -วางกฎเหล็กจัดระเบียบใหม่ชายหาดพัทยา สร้างความปลอดภัยรีบไฮซีซั่น/นักวิ่งครึ่งหมื่นกระหึ่ม Bikini Run 24 ท้าลมหนาวอ่าวพัทยา/นายกเมืองพัทยาทอดกฐินสามัคคี วัดบุญสัมพันธ์ ยอดกฐินแตะ 3 ล้านบาท

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 2 พ.ย.67 นายมีชัย อินทร์พิทักษ์ ประธานคณะทำงานนายกเมืองพัทยา นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา และนายภูมิพิพัฒน์ กมลนาถ เลขานุการนายกเมืองพัทยา ลงพื้นที่ตรวจสอบแนวชายหาดพัทยาเพื่อเตรียมพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยว หลังจากมีการบูรณาการวางแนวทางจัดระเบียบผู้ประกอบการชายหาดเมืองพัทยาใหม่ทั้งหมด

โดย นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา ได้ให้ข้อมูลว่า ด้วยเข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว หรือไฮซีซั่น ประจำปี 2567 และบรรยากาศการท่องเที่ยวของเมืองพัทยาได้กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง ทำให้มีนักท่องเที่ยวมาพักผ่อนทำกิจกรรมและใช้ประโยชน์ด้านการท่องเที่ยวทั้งทางบกและทางน้ำ โดยที่ผ่านมาเมืองพัทยาได้วางแนวทางจัดระเบียบทางบกไปจนมีผลเป็นรูปธรรมที่ดีขึ้นแล้ว จึงได้ดำเนินการจัดระเบียบทางน้ำต่อ

ทั้งนี้ ชายหาดพัทยาไม่มีท่าเทียบเรือ ทำให้ผู้ประกอบการเรือเร็วหรือเรือสปีดโบ้ทที่มีกว่า 200 ลำ ขึ้นฝั่งได้ตลอดชายหาดพัทยา แล้วช่วงฤดูการท่องเที่ยวที่จำนวนนักท่องเที่ยวมากขึ้นจึงจำเป็นต้องวางกฎระเบียบให้ผู้ประกอบการเพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวที่มาทำกิจกรรมทางน้ำมากขึ้น

เมืองพัทยา กรมเจ้าท่า และป้องกัยภัยพิบัติทางทะเล จัดร่วมกันจัดระเบียบชายหาดเมืองพัทยาครั้งใหม่ เพื่อเปิดพื้นที่มำกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวที่มาชายหาดพัทยามากขึ้น ด้วยการขอความร่วมมือผู้ประกอบการเรือเร็วห้ามขับเรือเข้าชายฝั่ง ให้จอดลอยลำตามแนวทุ่นที่เมืองพัทยาจัดระเบียบการจอดเรือ โดยสามารถรับส่งผู้โดยสารขึ้นลงเรือได้ 2 จุดเท่านั้น คือ

ต้นหาดพัทยาเหนือและสุดหาดพัทยาใต้ ไม่ให้มารับผู้โดยสารระหว่างหาดพัทยากลางโดยเด็ดขาด โดยได้เริ่มดำเนินการในวันที่ 1 พ.ย.67 เป็นวันแรก ซึ่งพบว่าผู้ประกอบการต่างให้ความร่วมมือดีเพื่อประโยชน์สูงสุดของนักท่องเที่ยว และจะไม่กระทบโครงการถมทรายชายหาดเมืองพัทยา แต่หากเรือยังเข้าหน้าหาดอยู่ จะส่งผลต่อสภาพธรรมชาติทางทะเลแน่นอน

นักวิ่งครึ่งหมื่นกระหึ่ม Bikini Run 24 ท้าลมหนาวอ่าวพัทยา

วันที่ 2 พ.ย.67 ที่บริเวณชายหาดพัทยา จ.ชลบุรี นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา เป็นประธานกล่าวเปิดงานส่งเสริมการท่องเที่ยวในกิจกรรมการจัดงาน Pattaya International Bikini Beach Race 2024

ด้วยเมืองพัทยา ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพัทยา และศูนย์การค้าเซ็นทรัล พัทยา จัดงาน Pattaya International Bikini Beach Race 2024 กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวให้ชาวไทยและชาวต่างชาติได้เข้าร่วม ผ่านกิจกรรมวิ่งชายหาดระยะทาง 5 กิโลเมตร

ซึ่งเป็นกิจกรรมงานวิ่งที่มีผู้เข้าร่วมมากติดอันดับโลก ถือเป็นการสร้างภาพลักษณ์ของเมืองพัทยาในด้านการเป็น Sports City และ Sports Tourism โดยในปีนี้พบว่ามีนักวิ่งตอบรับเข้าร่วมงานกว่า 5,000 คน สร้างความคึกคักให้กับเมืองพัทยาเป็นอย่างมาก

ประธานคณะทำงานนายกเมืองพัทยาเป็นเจ้าภาพจัดทอดกฐินสามัคคีวัดบุญสัมพันธ์ สมทบทุนสร้างวิหารหลวงปู่อาด “เทพยดาแห่งท้องทะเลพัทยา” เกจิดังภาคตะวันออก ยอดกฐินแตะ 3 ล้านบาท

วันที่ 3 พ.ย.67 ที่วัดบุญสัมพันธ์ จ.ชลบุรี นายมีชัย อินทร์พิทักษ์ ประธานคณะทำงานนายกเมืองพัทยา และครอบครัว เป็นเจ้าภาพฝ่ายฆราวาส ในงานทอดกฐินสามัคคีวัดบุญสัมพันธ์ ประจำปี 2567 โดยภายในงานบุญดังกล่าวมีประชาชนและพุทธศาสนิกชนนับหมื่นเข้าร่วม

และแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมกันเป็นจำนวนมาก อาทิ นายชาญยุทธ เฮงตระกูล อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายรัฐกิจ เฮงตระกูล อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายวินัย อินทร์พิทักษ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองหนองปรือ และนายศักดิ์สิทธิ์ ธีระพรสถานนท์ นักธุรกิจชื่อดังเมืองพัทยา

ทั้งนี้ การจัดงานทอดกฐินสามัคคีวัดบุญสัมพันธ์ ประจำปี 2567 นี้ มียอดทำบุญกฐินรวมล่าสุดจำนวน 2,924,440 บาท ซึ่งคาดว่าจะมีเพิ่มขึ้น โดยจะได้สมทบทุนในการสร้างวิหารหลวงปู่อาด ปิยธัมโม อดีตเจ้าอาวาสวัดบุญสัมพันธ์ เกจิดังภาคตะวันออก เพื่อให้ประชาชนและสาธุชนได้กราบสักการะต่อไป

อนึ่ง หลวงปู่อาด ปิยธัมโม หรือ “พระครูวิสุทธิ์ปิยากร” อดีตเจ้าอาวาสวัดบุญสัมพันธ์ ถือเป็นพระเกจิที่ชาวบ้านต่างห้ความเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างมาก ถือเป็นพระอีกรูปหนึ่งที่มีวัตรปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเสมอต้นเสมอปลาย และมีเมตตาธรรมอย่างสูง

นอกจากนี้ ยังเป็นพระเกจิผู้สืบทอดพุทธาคมสายกรุงเก่าพระนครศรีอยุธยา เป็นศิษย์สายตรงหลวงพ่อยิ้ม วัดเจ้าเจ็ด ผู้เป็นเพื่อนกับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค และหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก สามเสือกรุงเก่า (ยิ้ม-ปาน-จง) และกับเกจิอีกหลายท่าน ตลอดวิทยาคมสายภาคตะวันออกจนชาวบ้านเรียกขานว่า “เทพยดาแห่งท้องทะเลพัทยา”

ดร.ฉวีวรรณ คำพา นำผ้าพระกฐินพระราชทาน ร.10 ทอดถวาย ณ วัดใหญ่อินทาราม อ.เมือง จ.ชลบุรี

แชร์เนื้อหานี้

นำผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวายพระสงฆ์ จำพรรษาถ้วนไตรมาส ณ วัดใหญ่อินทาราม เป็นอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ สังกัดมหานิกาย โดยมีพระราชวัชรสิทธิสุนทร เจ้าอาวาส เป็นประธานสงฆ์รับผ้าพระกฐินพระราชทานในครั้งนี้ด้วย

โดยมีนางสาวฐิติลักษณ์ คำพา รอง ผวจ.ชลบุรี ร่วมเชิญผ้าไตรพระราชทานในครั้งนี้ด้วย ทั้งนี้ โดยเสด็จเป็นพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐินพระราชทานในครั้งนี้ มีผู้จิตศรัทธาและพุทธศาสนิกชนชาวพุทธ ร่วมทำบุญสมทบ เป็นจำนวนเงิน 5 ล้าน กว่าบาท

ซึ่งการนำผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวาย ซึ่งผู้ที่จะขอพระอนุญาตไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นหน่วยงานราชการ ขอให้เป็นผู้ที่ตั้งมั่นในบวรพระพุทธศาสนาและเป็นสุจริตชน ไม่ทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติพระองค์ท่านก็จะพระราชทานให้นำผ้ากฐินพระราชทาน

ไปทอดถวายพระสงฆ์ตามวัดต่างๆ ได้ ซึ่งได้มีข้าราชการ พนักงาน และลูกจ้าง ของ สมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่ในพระบรมราชูปถัมป์ และ พนักงาน บริษัท ฉวีวรรณกรุ๊ป ตลอดจนประชาชนทั่วไปจำนวนมาก ได้มาร่วมกันทอดผ้ากฐินพระราชทานเพื่อเป็นการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา

การทอดกฐิน คือ การถวายผ้ากฐินแก่พระสงฆ์ผู้จำพรรษาอยู่วัดใดวัดหนึ่งหรือสถานที่ใดที่หนึ่งครบ 3 เดือน เพื่อให้พระได้มีผ้าเปลี่ยนใหม่ โดยใน 1 ปี แต่ละวัดจะมีการรับกฐินเพียง 1 ครั้ง และจะต้องทำภายในเวลา 1 เดือน นับตั้งแต่วันออกพรรษา

ผู้ทอดกฐินมีความเชื่อว่า การทอดกฐินเป็นพิธีบุญที่อานิสงส์แรง ได้บุญมาก เชื่อ่วาจะทำให้เกิดความมั่งคั่ง มั่นคงในโภคทรัพย์สมบัติและหน้าที่การงาน เป็นคนรูปงาม ผิวพรรณงาม เป็นที่ยอมรับของบุคคลทั่วไป และเป็นผู้มีจิตใจบริสุทธิ์ผ่องใส

สำหรับ กฐินพระราชทาน เป็นผ้าพระกฐินพระราชทานที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานผ้าพระกฐิน และเครื่องกฐินแก่พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชบริพาร ส่วนราชการ หน่วยงาน สมาคม หรือเอกชน ให้ไปทอดยังพระอารามหลวงต่าง ๆ ทั่วราชอาณาจักร ซึ่งในปัจจุบันกรมการศาสนารับผิดชอบจัดผ้าพระกฐินและเครื่องกฐินถวาย

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / รองนายกฯ พิชัย ประชุมบอร์ดกองทุนฯ อนุมัติ งบปี 68 กว่า 1,579 ลบ. ช่วยเหลือเกษตรกร ฟื้นฟู อาชีพหนี้เร่งด่วน

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2567 เวลา 16.00 น. ที่ห้องประชุมชั้น 20 ตึก 150 ปี กระทรวงการคลัง นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ครั้งที่ 3/2567 พร้อมด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ศ. ดร. นฤมล ภิญโญสินวัตน์ รองประธานกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เข้าร่วมประชุม โดยนายสไกร พิมพ์บึง เลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ได้นำเสนอวาระที่สำคัญต่อที่ประชุม ดังนี้

วาระเพื่อพิจารณา ที่ประชุมเห็นชอบและอนุมัติให้ใช้จ่ายงบประมาณตามกรอบและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2568 วงเงินรวม 1,579,968,000 บาท เพื่อใช้จ่ายในการบริหารสำนักงาน การฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร การจัดการหนี้ของเกษตรกร การซื้อทรัพย์ NPA คืนตามมติคณะรัฐมนตรี การใช้จ่ายเพื่อภารกิจฉุกเฉินของ กฟก. หรือตามคำพิพากษาถึงที่สุด รายจ่ายที่มีภาระผูกพันและเงินคงเหลือเพื่อดำเนินการอื่น ๆ

เห็นชอบปรับปรุงแนวทางการดำเนินงานตามโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ลูกหนี้ธนาคารของรัฐ 4 แห่ง และมอบหมายให้สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร รายงานผลการดำเนินงานและขอปรับปรุงแนวทางการดำเนินงานตามโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ลูกหนี้ธนาคารของรัฐ 4 แห่ง ต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบและมีมติต่อไปโดยเร็ว

เห็นชอบให้คณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกร ดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้ตามอำนาจหน้าที่ให้กับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนหนี้ ระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม – 30 กันยายน 2567 จำนวน 6,014 ราย 16,586 บัญชี มูลหนี้ 4,660,819,477.14 บาทเห็นชอบรายชื่อเกษตรกรที่เป็นหนี้ NPA (เพิ่มเติม) และอนุมัติซื้อทรัพย์ NPA คืนให้เกษตรกรจำนวน 24 ราย จำนวนทรัพย์สิน 33 แปลง ยอดเงินรวม 37,025,000 บาท

เห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้โครงการส่งเสริมของรัฐ โดยให้เกษตรกรสมาชิกที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ประเภทหนี้โครงการปรับโครงสร้างและระบบการผลิตการเกษตร (คปร.) และโครงการแผนฟื้นฟูการเกษตร (ผกก.) เข้าสู่กระบวนการแก้ไขปัญหาหนี้ตามแนวทางที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอดำเนินการ และให้สำนักงานแจ้งเกษตรกรกลุ่มดังกล่าวได้รับทราบและเตรียมเข้าสู่กระบวนการแก้ไขปัญหาหนี้กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต่อไป/บุญยงค์ สดสอาด รายงาน

กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 โดยสำนักงานอุตสาหกรรมกลุ่มจังหวัด จัดแสดงผลงานการออกแบบผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับ จากนักออกแบบรุ่นใหม่ พร้อมทดสอบตลาด ภายใต้ชื่องาน Meet The Designer : Eastern Lanna Fashion Show 2024 หวังสร้างและพัฒนานักออกแบบป้อนวงการแฟชั่นล้านนาตะวันออก เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคยุคปัจจุบัน


เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 เวลา 19.00 น. ณ บริเวณลานข่วงน้อย ต.ในเวียง อ.เมืองน่าน จ.น่าน นางจิราพร อมาตยกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เป็นประธานเปิดงานจัดแสดงผลงานการออกแบบผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับ จากนักออกแบบรุ่นใหม่ พร้อมทดสอบตลาด ภายใต้ชื่องาน Meet The Designer : Eastern Lanna Fashion Show 2024 จัดโดยกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2

ซึ่งประกอบไปด้วย จังหวัดน่าน แพร่ พะเยา และเชียงราย หรือเรียกว่ากลุ่มจังหวัดล้านนาตะวันออก มีกลุ่มผู้ผลิตและผู้ประกอบการ ซึ่งมีศักยภาพในการผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องประดับ และผลิตภัณฑ์สิ่งทอจากผ้าท้องถิ่นอันเป็นอัตลักษณ์ของแต่ละจังหวัด ซึ่งจำเป็นจะต้องพัฒนายกระดับการผลิตดังกล่าวในกลุ่มล้านนาตะวันออกให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิต นักออกแบบ นักการตลาด สถาบันการศึกษา ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้าด้วยกันไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมแฟชั่นล้านนาตะวันออก โดยการสร้างขีดความสามารถให้กับผู้ประกอบการ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ที่มีความหลากหลาย ให้เกิดความเข้มแข็ง มีศักยภาพในการผลิตและส่งออกสู่ตลาดสากล ทั้งในรูปแบบ Online และ Offline

การที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 โดยสำนักงานอุตสาหกรรมทั้ง 4 จังหวัด ได้แก่ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดน่าน แพร่ พะเยา และเชียงราย ได้ร่วมกันทำโครงการยกระดับการพัฒนาอุตสาหกรรมแฟชั่นล้านนาตะวันออกสู่ตลาดสากล กิจกรรมการสร้างนักออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมแฟชั่นล้านนาตะวันออก จึงเป็นการเสริมสร้างความเข็มแข็งและขีดความสามารถให้กับอุตสาหกรรมแฟชั่นล้านนาตะวันออก ทั้งทางด้านผลิตภัณฑ์เครื่องประดับ และผลิตภัณฑ์สิ่งทอจากผ้าท้องถิ่น ซึ่งสอดคล้องกับแผนพัฒนาภาคเหนือ พ.ศ. 2566-2570
ด้านนางสาวนิลเนตร โลหะพจน์พิลาศ อุตสาหกรรมจังหวัดน่าน กล่าวว่า กิจกรรมการสร้างนักออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมแฟชั่นล้านนาตะวันออก มี

วัตถุประสงค์เพื่อพัฒนานักออกแบบสำหรับผู้ประกอบการวิสาหกิจ ให้สามารถผลิตผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพ มาตรฐานสู่ตลาดสากล ปรับปรุงกระบวนการทำงานเพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ให้มีประสิทธิภาพ มากยิ่งขึ้น ตลอดจนเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ใหม่ตามความต้องการของตลาด ซึ่งมีกิจกรรมของโครงการ ได้แก่ 1) การสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่องการพัฒนาองค์ความรู้และออกแบบผลิตภัณฑ์แฟชั่นล้านนาตะวันออก และกิจกรรมเข้าค่ายพัฒนาสร้างนักออกแบบ 2) กิจกรรมออกแบบ และพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมแฟชั่นล้านนาตะวันออก โดยการลงพื้นที่ให้คำปรึกษาด้านการออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญ และจัดทำผลิตภัณฑ์ต้นแบบ 3) จัดแสดงผลงานการออกแบบผลิตภัณฑ์ และจัดประกวดผลงานการออกแบบผลิตภัณฑ์ต้นแบบ พร้อมทดสอบตลาด ซึ่งได้แก่การจัดงานในครั้งนี้


สำหรับการจัดกิจกรรมแสดงผลงานการออกแบบผลิตภัณฑ์ พร้อมทดสอบตลาดในครั้งนี้ เป็นกิจกรรมสุดท้ายของโครงการ กำหนดจัดในระหว่างวันที่ 1 – 3 พฤศจิกายน 2567 ณ บริเวณลานข่วงเมืองน่าน ทั้งนี้เพื่อนำผลิตภัณฑ์ต้นแบบแฟชั่นล้านนาตะวันออก ทั้งเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับ จากนักออกแบบจังหวัดน่าน แพร่ พะเยา และเชียงราย ที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 41 ราย/ผลงาน มาจัดแสดงเพื่อทำการทดสอบตลาด ภายใต้ชื่องาน Meet The Designer : Eastern Lanna Fashion Show 2024 โดยการจัดทำแบบสอบถามผู้เข้าร่วมชมงานเป็นรายผลิตภัณฑ์ และนำข้อมูลที่ได้มาประมวลวิเคราะห์ในเชิงสถิติ และสรุปผลนำเสนอแก่เจ้าของผลิตภัณฑ์ เพื่อเป็นข้อมูลในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการของตลาดต่อไป

นอกจากนี้ยังกิจกรรมในงาน ได้แก่ การจัดประกวดผลงานการออกแบบผลิตภัณฑ์จากผู้เข้าร่วมโครงการ/ การจัดแสดงแฟชั่นโชว์ผลงานที่ได้รับการพัฒนา โดยนายแบบนางแบบมืออาชีพ / กิจกรรม Business Matching ซึ่งจะเป็นการพบปะเจรจาระหว่างนักออกแบบของโครงการ กับผู้ประกอบการที่ต้องการหานักออกแบบสินค้าแฟชั่น เพื่อร่วมมือสร้างสรรค์งานแฟชั่นล้านนาในอนาคต ซึ่งได้แก่กิจกรรม Meet the Designer /การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของนักออกแบบ และผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 20 บูธ / และการแสดง ดนตรีเพื่อความบันเทิงเป็นประจำทุกวันนางจิราพร อมาตยกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้จึงเป็นกิจกรรมที่สำคัญเพราะจะเป็นการพบปะระหว่างนักออกแบบรุ่นใหม่ กับกลุ่มผู้ประกอบการ Meet The Designer นักออกแบบจะได้มีโอกาสนำเสนอผลงาน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นสอบถามถึงผลงานที่ตัวเองได้สร้างสรรค์ จากองค์ความรู้ที่ได้รับจากการเข้าร่วมโครงการ ซึ่งเมื่อนำผลงานมาทำการทดสอบตลาดจาก ผู้ประกอบการ และผู้บริโภคที่มาร่วมชมงาน

จะทำให้ทราบว่าาผลิตภัณฑ์ที่พัฒนามา ตรงกับความต้องการหรือไม่ และ/หรือจะมีข้อเสนอแนะในการพัฒนาอย่างไรหรือไม่ ซึ่งข้อมูลจากการทดสอบตลาดที่ได้ สามารถนำไปประกอบการพัฒนาการออกแบบและพัฒนาแฟชั่นของตนเองต่อไป นอกจากนี้การจัดแสดงผลงานและทดสอบตลาดในครั้งนี้ ยังจะเป็นการประชาสัมพันธ์แฟชั่นล้านนาให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย และขยายช่องทางการตลาดให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายต่อไปอีกด้วย/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน ร.ต.อ.สถิตย์ ศรีประสม รายงาน