คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าว

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ทุเรียนชุมพรยกระดับการส่งออกประทับใจคู่ค้าปลอดสาร Basic Yellow 2 ( BY2 )

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 13 มิถุนายน 2568 เวลา 10.00 น นางสาวปรียานุช ทิพยะวัฒน์ รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร ให้เกียรติมาเป็นประธาน จัดงานบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ทุเรียนภาคใต้ ฤดูผลผลิตปี 2568 ณ บริษัท ศิริมงคล คอร์เปอเรท กรุ๊ป จำกัด กิจ Big cleaning day ในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อร่วมกันทำความสะอาดพื้นที่โรงคัดบรรจุเรียกสั้นสั้นคือล้ม

ให้มีความสะอาดปลอดภัยทั้งยังเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับฤดูทุเรียนภาคใต้ที่จะมาถึงเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของผลผลิตทุเรียนไทยและส่งเสริมสุขภาพอนามัยของผู้บริโภคและผู้ประกอบการการรวมพลังกันในวันนี้เป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความร่วมมือร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐเอกชนและชุมชนซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมทุเรียนไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน

มีนายอภิชาต สารบัญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ให้การต้อนรับพร้อมกับ นางสาวฉันทนาคงนครผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาเกษตรเขตที่เจ็ด นายสุบรรณ์ รักษ์ทอง เกษตร จ ชุมพรพร้อมด้วย นายปรีดา เยี่ยมสวัสดิ ประธานบริหารกรรมการ บริษัท ศิริมงคล คอร์เปอเรท กรุ๊ป จำกัด ผู้ประกอบการ ล้งทุเรียนชุมพร หัวหน้าส่วนราชการ ให้การต้อนรับ

นายอภิชาต สารบรรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรกล่าวต้อนรับรองอธิบดีกรมวิชาการเกษตรนางสาวปรียานุชทิพยวัฒน์ ได้ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม Big cleaning day ของโรงคัดบรรจุทั่วทั้งจังหวัดชุมพรจะ ในวันนี้กระผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจังหวัดชุมพรจะได้รับความร่วมมือกับหน่วยงานกรมวิชาการเกษตรและหน่วยงานอื่นๆที่ผู้ประกอบการโรงรวบรวมและลงคัดบรรจุทั่วทั้งจังหวัดชุมพร

ทำความสะอาดครั้งใหญ่ไปพร้อมพร้อมกัน เป็นกิจกรรมที่ทรงพลังและมีความหมายต่อพวกเราที่เราจะผนึกกำลังกันเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นและประกาศให้ตลาดผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศได้เห็นถึงความจริงใจและความมุ่งมั่นของผู้ประกอบการไทยโดย

วันนี้จัดกิจกรรม Big cleaning day set Zero การใช้สารเคมีในวันนี้จึงเป็นมากกว่าแค่การทำความสะอาด แต่เป็นการชำระล้างสิ่งที่ไม่ถูกต้องและเป็นคำมั่นสัญญาของพวกเราทุกคนว่าต่อจากนี้ทุเรียนทุกลูกที่จะผ่านมือพวกเราไปจะต้องเป็นทุเรียนที่ได้มาตรฐานและปลอดภัยเท่านั้น

นางสาวฉันทนา คงนคร ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาเกษตรเขตที่เจ็ด กล่าวทุเรียนเป็นสินค้าเกษตรที่มูลค่าสูงถือเป็นไม้ผลหลักที่สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรทั้งภาคตะวันออกและภาคใต้และยังเป็นพืชที่มีมูลค่าการส่งออกสูงโดยในปี 2567 มีมูลค่าการส่งออกมากกว่า 157,000 ล้านบาทโดยเฉพาะการส่งออกไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนซึ่งต้องมีเงื่อนไขทางการค้าซึ่งในปัจจุบันจีนได้

เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบมาตรฐานสินค้าเกษตรนำเข้าโดยเฉพาะการปนเปื้อนของสารบีวายทูในทุเรียนผลสดถือเป็นเงื่อนไขใหม่ซึ่งหากปัญหานี้ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนอาจจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการส่งออกทุเรียนของไทย ในภาครวมได้การที่ทุเรียนไทยถูกตรวจพบว่าปนเปื้อนสารบีวายทูจึงส่งผลให้จีนปฏิเสธการนำเข้าสินค้าบางรัฐส่งผลทำให้โรงคัดบรรจุนั้นนั้นถูกระงับการส่งออกและสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของทุเรียนไทยในตลาด

จีนตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2568 ซึ่งเป็นวันแรกที่จีนได้ให้ทุเรียนทุกตู้ที่ส่งออกส่งใบรายงานเท็จรีพอร์ตผลการตรวจสอบไม่พบ ตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2568 ตรวจพบบีวายทูจากจีนแปดลงคัดภาคใต้ 13 ลงคัดตะวันออกเจ็ดโรงคัดรวม 20 ตู้และตรวจพบก่อนส่งออกเฉพาะภาคใต้แจ้งเตือน 30 ลงคัดระงับห้าลงคัด
ในจังหวัดชุมพรมีโรงคัดบรรจุ 487

โรงซึ่งทยอยเปิดดำเนินกิจการแล้ว 50 ลงคาดว่าจะเปิดเพิ่มขึ้นสัมพันธ์กับปริมาณผลผลิตทุเรียนที่มีมากขึ้นในเดือนกรกฎาคมการจัดกิจกรรม Big cleaning day ในโรงคัดบรรจุก่อนเปิดดำเนินการมีวัตถุประสงค์ลดความเสี่ยงการปนเปื้อนของสารบีวายทูที่จะติดไปกับทุเรียนส่งออก และลดความ เสียหายให้กับผู้ประกอบการจะได้สร้างความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ให้กับประเทศคู่ค้า

การจัดกิจกรรมครั้งนี้ประกอบด้วยการล้างทำความสะอาดบริเวณภาชนะอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในการผลิตของโรงคัดบรรจุรวมทั้งการทำ Swap Test เพื่อ ควบคุมความเสี่ยงจากการปนเปื้อนของสารบีวายทูให้เป็นไปตามข้อกำหนดของประเทศคู่ค้าเป็นการยกระดับมาตรฐานทุเรียนไทยเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและหน่วยงานตรวจสอบของจีนต่อคุณภาพและความปลอดภัยของทุเรียนจากประเทศไทย

นางสาวปรียานุช ทิพยะวัฒน์ รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตรเปิดเผยว่า รู้สึกเป็นเกลียดอย่างยิ่งที่ได้รับเชิญมาเป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม Big cleaning day ของโรงบรรจุในจังหวัดชุมพรซึ่งเป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตของทุเรียนไทยและจัดขึ้นพร้อมกันในทุก โรงคัดบรรจุทั้งจังหวัดชุมพรจังหวัดชุมพรให้ความสำคัญกับการผลิตทุเรียนคุณภาพเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในตลาด

ต่างประเทศและป้องกันปัญหาทุเรียนอ่อน ด้อยคุณภาพออกสู่ตลาดมีการจัดตั้งคณะทำงานชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาทุเรียนด้อยคุณภาพออกสู่ตลาดและมีการประกาศมาตรการต่างๆที่เข้มงวดเช่นกำหนดประกาศวันเก็บเกี่ยวทุเรียน การดำเนินคดีแก่ผู้จำหน่ายทุเรียนด้อยคุณภาพมีมาตรการตรวจก่อนตัดและการขึ้นทะเบียนนักตัดนักคัดทุเรียนก่อนทำเครื่องหมายผลทุเรียนด้อยคุณภาพในวันนี้

อนาคตและชื่อเสียงของทุเรียนไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งสำคัญนั่นคือปัญหาการปนเปื้อนของ Basic Yellow 2สารบีวายทูรวมทั้งปัญหาการตรวจพบแคดเมียมในทุเรียนมีค่าเกินมาตรฐานที่จีนกำหนดปัญหาดังกล่าวได้สร้างผลกระทบอย่างรุนแรงโดยทางจีนขอให้กรมวิชาการเกษตรระงับการส่งออกชั่วคราวกับโรงคัดบรรจุที่ ถูกแจ้งเตือนเพื่อสอบสวนสาเหตุและกำหนดมาตรการควบคุมทางการจีนพิจารณา

ซึ่งจังหวัดชุมพรกรมวิชาการเกษตรจึงบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานในจังหวัดชุมพรซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีโรงคัดบรรจุตั้งอยู่เป็นจำนวนมากจำนวน 487 โรงคัดบรรจุให้รองคัดบรรจุทำ Big cleaning day Set Zero การใช้สารเคมีและปฏิบัติตามมาตรการสีไม่เพื่อส่งสัญญาณที่ชัดเจนและหนักแน่นไปยังประเทศคู่ค้าเรา

มุ่งมั่นที่จะผลิตคุณภาพที่ปลอดภัยเท่านั้นนอกจากนี้โรงคัดบรรจุต้องใช้ใบรับรองแหล่งผลิตพืช ใบคิวตามผลผลิตที่ได้รับมาเท่านั้นไม่ทำการสวมสิทธิ์ใบรับรองของเกษตรกรหากตรวจพบการกระทำความผิดกรมวิชาการเกษตรพิจารณาดำเนินการระงับหรือเพิกถอนหนังสือสำคัญการขึ้นทะเบียนโรงงานผลิตพืชตามประกาศกรมวิชาการเกษตรเรื่องหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขการขึ้นทะเบียนโรงผลิตสินค้าพืชฉบับที่สองพ.ศ. 2567

จึงหวังว่าขอให้ร่วมมือจากพี่น้องผู้ประกอบการทุกโรงคัดบรรจุร่วมทำความสะอาดหรือเปลี่ยนอุปกรณ์ครั้งใหญ่นี้อย่างจริงจังที่สุดขัดล้างอุปกรณ์ทุกชิ้นพื้นที่ผลิตทุกพื้นที่ซึ่งการทำความสะอาดต้องทำอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีสารบีวายทูตกค้างอยู่และต่อให้การทำความสะอาดครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการยกระดับมาตรฐาน การปฏิบัติงานที่จะดำเนินต่อไปอย่างเข้มแข็งตลอดฤดูกาลนี้

ธนากร โกศลเมธี ภาพ/ข่าว รายงาน 0818923514

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / พัฒนาศักยภาพเครือข่ายประชาสัมพันธ์ก้าวทันสื่อใหม่ ระดับจังหวัด สร้างเครือข่ายใหม่ ต่อยอดเครือข่ายเดิม ทันต่อยุคดิจิทัล

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 13 มิถุนายน 2568 เวลา 09.00 น. นายจุมพฏ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนา โครงการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายประชาสัมพันธ์ก้าวทันสื่อใหม่ ระดับจังหวัด เพื่อสร้างเครือข่ายใหม่และพัฒนาเครือข่ายเดิมทั่วประเทศให้เป็นเครือข่ายที่มีคุณภาพ โดยมี นายนคร ศิริปริญญานันท์ รองผวจ.บึงกาฬ

นายสมหวัง อารีย์เอื้อ รองผวจ.บึงกาฬ นายพนมวัสส์ วุฒาพาณิชย์ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดบึงกาฬ นายธนิต รามัญวงค์ประชาสัมพันธ์จังหวัดบึงกาฬ, นายอนุชิต บุญชม ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดบึงกาฬ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่กรมประชาสัมพันธ์ ตลอดจนผู้เข้าอบรม เข้าร่วม ที่ โรงแรมเดอะวัน อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ

โครงการนี้จัดโดยสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดบึงกาฬ ภายใต้กรมประชาสัมพันธ์ โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างและพัฒนาเครือข่ายประชาสัมพันธ์ ทั้งเครือข่ายเดิมและเครือข่ายใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน ให้สามารถสื่อสารข้อมูลข่าวสารไปยังประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมในยุคดิจิทัล โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการจำนวน 90 คน ประกอบด้วยเยาวชน สื่อมวลชน หอกระจายข่าว และเจ้าหน้าที่ภาครัฐ

เนื้อหาการอบรมครอบคลุมความรู้ด้านการประชาสัมพันธ์นโยบายรัฐบาล การสื่อสารในภาวะวิกฤติ การรับมือข่าวปลอม กลยุทธ์สร้างการรับรู้ และการผลิตสื่อยุคใหม่ที่ดึงดูดใจ รวมถึงกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ โดยมุ่งเน้นการ Re-skills, Up-skills และ New-skills ให้แก่ผู้เข้าร่วม

โครงการนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของการจัดอบรมใน 37 จังหวัดทั่วประเทศ ตลอดเดือนมิถุนายน 2568 ตามนโยบายของนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ผลักดันให้กรมประชาสัมพันธ์สร้างเครือข่ายการสื่อสารคุณภาพที่สามารถใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้อง และเป็นพลังสำคัญในการสื่อสารเพื่อประเทศต่อไป
ข่าว/ภาพ ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล จ.บึงกาฬ รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / สาขาสมาคมสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทยจังหวัดน่านจัดประชุมสัญจรและเยี่ยมเยียนชมรมผู้สูงอายุโซนกลาง ประจำปี 25688

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 13 มิถุนายน 2568 ณ ห้องประชุมสำนักงานสาธารณสุขอำเภอท่าวังผา อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน สาขาสมาคมสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทยจังหวัดน่านจัดประชุมสัญจรและเยี่ยมเยียนชมรมผู้สูงอายุโซนกลาง ประกอบด้วยตัวแทนจากอำเภอท่าวังผา อำเภอภูเพียง อำเภอสองแคว

อำเภอสันติสุข และเทศบาลเมืองน่าน โดยมีประธานชมรมผู้สูงอายุของแต่ละตำบล ของอำเภอท่าวังผา มีคณะกรรมการจากสาขาสมาคมสภาผู้สูงอายุแห่ง

ประเทศไทยจังหวัดน่าน นำโดย ประนายสวัสดิ์ สิงห์ธนะ ประธานสาขาสมาคมสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทยจังหวัดน่าน นำทีมเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมประชุมจำนวนท 50 คน

โดยได้รับเกียรติจาก นายฐสิษฐ์ บำเพ็ญ ปลัดอาวุโส อำเภอท่าวังผา เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุม พร้อมให้ข้อเสนอแนะแนวทางการขับเคลื่อนกิจกรรมผู้สูงอายุให้มีคุณภาพและยั่งยืนในแต่ละพื้นที่ต่อไป

ในการประชุมครั้งนี้ ประธานชมรมผู้สูงอายุโซนกลาง ได้นำเสนอผลงาน กิจกรรมเด่น และแนวทางการดำเนินงานของชมรมฯ เพื่อให้ที่ประชุมรับทราบ และเป็นการเผยแพร่แนวปฏิบัติที่ดีในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้แทนแต่ละพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน

กิจกรรมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างชมรมผู้สูงอายุในพื้นที่โซนกลาง และเพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวทางการพัฒนาศักยภาพของผู้สูงอายุให้สามารถดำเนินกิจกรรมร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ/ภาพ/วิสุทธิ์ ศรีเมือง/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจะงหวัดน่าน รายงาน

วันที่ 13 มิถุนายน 2568 นางสาวศุภาวดี สุทธิแสน เกษตรอำเภอเฉลิมพระเกียรติ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอเฉลิมพระเกียรติ ร่วมจัดงานโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ครั้งที่ 3/2568

โดยมีว่าที่ร้อยตรี ณฐพล นพณัฐธนากุล นายอำเภอเฉลิมพระเกียรติ กล่าวต้อนรับ และนายประจักร์ ไชยกิจ ปลัดจังหวัดน่าน เป็นประธานในพิธีเปิดงาน ซึ่งงานโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ฯ

มีวัตถุประสงค์จัดงานเพื่อให้บริการแก่เกษตรกรที่มีปัญหาด้านการเกษตรในพื้นที่ห่างไกล ให้บริการในการแก้ไขปัญหาด้านการเกษตรอย่างครบวงจร และสอดคล้องกับความต้องการของเกษตรกร

โดยบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมให้บริการทางการเกษตร เช่น บริการเอกสารวิชาการ พันธุ์พืช เมล็ดพันธุ์ และวัสดุการเกษตรอื่นๆ

จากหน่วยงานที่เข้าร่วมกิจกรรม โดยมีเกษตรกรเข้าร่วมรับบริการ จำนวน 125 ราย ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอเฉลิมพระเกียรติ ตำบลห้วยโก๋น อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ทหารไทย-ลาว ประชุมร่วมกันแก้ไขปัญหายาเสพติด และการกระทำผิดกฎหมายอื่นๆ ตามแนวชายแดน

แชร์เนื้อหานี้

ทหารไทย-ลาว ประชุมร่วมกันแก้ไขปัญหายาเสพติด และการกระทำผิดกฎหมายอื่นๆ ตามแนวชายแดน กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี/ชุดประสานงานประจำพื้นที่ชายแดนไทย – ลาว (จังหวัด​หนองคาย – นครหลวงเวียงจันทน์)

ร่วมกับ กองบัญชาการทหาร นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จัดการประชุมระหว่างชุดประสานงานประจำพื้นที่ชายแดนไทย –

ลาว เพื่อขับเคลื่อนงานด้านการป้องกันและปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติด และการกระทำผิดกฎหมายอื่นๆ ตามบริเวณแนวชายแดนไทย – ลาว

กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี/ชุดประสานงานประจำพื้นที่ชายแดนไทย – ลาว (จังหวัดหนองคาย – นครหลวงเวียงจันทร์) ร่วมกับ กองบัญชาการทหาร นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จัดการประชุมระหว่างชุดประสานงานประจำพื้นที่ชายแดนไทย – ลาว

โดยมี พันเอก จักรพงษ์ โพธิ์นาแค รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี เป็นผู้แทน พลตรี สุคนธรัตน์ ชาวพงษ์ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี/หัวหน้าชุดประสานงานประจำพื้นที่ชายแดนไทย – ลาว (จังหวัดหนองคาย – นครหลวงเวียงจันทน์) เป็นประธาน (ฝ่ายไทย) และ

พันเอก บุนลิด สีสุพอน หัวหน้ากองบัญชาการทหาร นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว/หัวหน้าชุดประสานงานประจำพื้นที่ชายแดนลาว – ไทย (นครหลวงเวียงจันทน์ – จังหวัดหนองคาย)เป็นประธาน (ฝ่ายลาว)

พร้อมด้วย ผู้บังคับหน่วยป้องกันชายแดน กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี และหน่วยความมั่นคงในพื้นที่ (ฝ่ายไทย) และ (ฝ่ายลาว) เข้าร่วมประชุมฯ ณ ห้องเกียรติยศ ด่านสากลสะพานมิตรภาพลาว-ไทย แห่งที่ 1 นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

โดยการประชุมในครั้งนี้เพื่อหารือข้อราชการ และการบูณาการป้องกันการกระทำผิดกฎหมายตามแนวชายแดน แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร การสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย การลักลอบขนส่งยาเสพติดข้ามแดน และป้องปรามการกระทำผิดกฎหมายอื่น ๆ ตามแนวชายแดนไทย – ลาว อีกทั้งยังได้ประสานการจัดตั้งจุดประสานงานชายแดน ระหว่าง อำเภอของไทย กับ เมืองของ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และ การดำเนินการโครงการหมู่บ้านเข้มแข็งคู่ขนานตามแนวชายแดน พร้อมทั้ง

การขยายผลโครงการทหารพันธุ์ดี เพื่อขยายผลความมั่นคงทางอาหารในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน รวมไปถึงการจัดการลาวตระเวนร่วม และการฝึกร่วมในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถประสานงานกันได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ตอบสนองต่อการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ทันเวลา

เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / พาดหัววส.พุทธปัญญาฯ พัฒนาทักษะดิจิทัลนิสิตใหม่ เตรียมพร้อมประกอบอาชีพในอนาคต

แชร์เนื้อหานี้

นายวีรพงศ์ พิชัยเสนาณรงค์ ฝ่ายสื่อสารองค์กรและประชาสัมพันธ์
วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) จ.นครปฐม
กล่าวว่า ได้จัดโครงการเตรียมความพร้อมผู้เข้าศึกษาและปฐมนิเทศนิสิตใหม่ ระหว่างวันที่ 18 พ.ค. -22 มิ.ย. โดยโครงการดังกล่าวมีการแนะนำหลักสูตรจากคณาจารย์หลักสูตรต่างๆ สำหรับนิสิตใหม่ระดับปริญญาตรี

ทั้งภาคปกติ และภาคพิเศษ ขณะเดียวกันนิสิตใหม่ทุกคนยังจะได้เรียนรู้การใช้ Artificial Intelligence ( AI) หรือระบบปัญญาประดิษฐ์ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องในการใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้น รวมไปถึงการสอนการเป็นผู้ประกอบการออนไลน์ และการเป็น Influencer ด้วย

นายวีรพงษ์ กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้การที่วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี ได้จัดอบรมกิจกรรมส่งเสริมแนวคิดด้านการเป็น Influncer ควบคู่กับการเรียนรู้การตลาดออนไลน์ในกระบวนการเตรียมความพร้อมผู้เข้าศึกษาใหม่นั้น เพื่อเป็นกา

เตรียมการด้านพัฒนาทักษะชีวิต ทักษะดิจิทัล และการสร้างโอกาสในการประกอบอาชีพในอนาคตให้กับนิสิตใหม่ อีกทั้งยังสอดคล้องกับการส่งเสริมสมรรถนะที่จำเป็นของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 คือ การคิดวิเคราะห์ ความคิดสร้างสรรค์ การสื่อสาร ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / พลังทุนชุมชน! บึงกาฬคัดสุดยอดกองทุนหมู่บ้าน ปี 68 ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากสู่ความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ (12 มิถุนายน 2568) เวลา 13.30 น. จังหวัดบึงกาฬจัดกิจกรรม “ประกวดกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองดีเด่น ระดับจังหวัด ประจำปี 2568” อย่างยิ่งใหญ่ ณ หอประชุมหนองปลาตอง วิทยาลัยเทคนิคบึงกาฬ โดยมี นายจุมพฏ วรรณฉัตรศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ

ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ เครือข่ายกองทุนหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่ภาครัฐ และประชาชนเข้าร่วมงานกว่า 150 คน กิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นโดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดบึงกาฬ ร่วมกับสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ สาขาเขต 6 และเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านจังหวัดบึงกาฬ

การจัดงานในครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของภาครัฐในการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในระดับชุมชน โดยอาศัยกลไกสำคัญอย่าง กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ซึ่งจัดตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2544 ตามนโยบายของรัฐบาลในการกระจายอำนาจและแหล่งทุนสู่ท้องถิ่น เพื่อให้ชุมชนบริหารจัดการตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ สังคม และสร้างการพัฒนาอย่างทั่วถึง

จังหวัดบึงกาฬมีกองทุนหมู่บ้านทั้งหมด 615 กองทุน ครอบคลุมเกือบทุกหมู่บ้านในพื้นที่ มีเงินทุนหมุนเวียนในระบบรวมกว่า 1,300 ล้านบาท โดยกิจกรรมสำคัญในงาน ปนะกอบด้วย นิทรรศการแสดงผลการดำเนินงาน และการประกวดกองทุนหมู่บ้านดีเด่น ระดับจังหวัด จำนวน 8 กองทุน ซึ่งได้นำเสนอแนวทางการบริหารจัดการที่โดดเด่นต่อคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อพิจารณาคัดเลือกเป็นตัวแทนระดับจังหวัดต่อไป

นายเฉลิมเกียรติ แผนกิจเจริญ พัฒนาการจังหวัดบึงกาฬ มอบหมายให้ นายสยัมภู แพงจันทร์ ผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมการพัฒนาชุมชน กล่าวรายงานในพิธีเปิด ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดบึงกาฬ เข้าร่วมสนับสนุนการจัดกิจกรรมอย่างพร้อมเพรียง

ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ ได้กล่าวเปิดงานพร้อมมอบโอวาทตอนหนึ่งว่า“กองทุนหมู่บ้านไม่ใช่เพียงเครื่องมือทางเศรษฐกิจ แต่คือความหวังของประชาชนในการสร้างระบบที่ดูแลกันเองในชุมชน สร้างรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำ และยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน”

ภายในงานยังมีกิจกรรมพบปะ พูดคุย แลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างผู้บริหาร เครือข่ายกองทุน และผู้แทนกองทุนในบรรยากาศอบอุ่น พร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการของแต่ละกองทุนอย่างใกล้ชิด โดยมีการบันทึกภาพหมู่ร่วมกันเพื่อเป็นที่ระลึกแห่งความร่วมมือและแรงบันดาลใจ

การจัดโครงการในครั้งนี้นับเป็นมากกว่าการประกวด แต่เป็นเวทีสำคัญในการ จุดประกายองค์ความรู้ พัฒนาศักยภาพการบริหารจัดการ และเสริมสร้างความพร้อมของกองทุนหมู่บ้านในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยีในอนาคต เพื่อก้าวสู่เป้าหมาย “ชุมชนเข้มแข็ง เศรษฐกิจมั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง” อย่างยั่งยืนต่อไป

📷 ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล จ.บึงกาฬ รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ชาวบ้านนับ 10,000 คนเก็บสัตว์ทะเล ใหญ่เล็ก กับปรากฏการณ์ปลาตายน้ำแดง2 คืน กว่า 50 ตัน

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 9 มิถุนายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงาน ชาวบ้านร่วม 2 พันคนเก็บสัตว์ทะเล ใหญ่เล็ก กับปรากฏการณ์ปลาตายน้ำแดง จังหวัดชุมพรมีฝนตกหนักติดต่อกันมา 3 วันทำให้น้ำจือไหลลงทะเลจำนวนมากจึงทำให้เกิดปรากฏการณ์ปลาตายน้ำแดง


จากกรณี คืนวันที่ 7-9 มิถุนายน 2568 เวลา 21.30 น นายวัชรินทร์ สุวพิศ ปลัด อบต.สะพลี หัวหน้าชุดกู้ภัยทางน้ำจังหวัดชุมพร ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า เกิดปรากฎการณ์แพลงก์ตอนบลูม หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “ปรากฏการณ์ปลาตายน้ำแดง” บริเวณหาดทุ่งวัวแล่น หมู่ที่ 8 ต.สะพลี อ.ปะทิว จ.ชุมพร จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบสัตว์ทะเลเป็นจำนวนมากกำลังว่ายวนเวียนอยู่บริเวณชายฝั่ง มีบางส่วนถูกคลื่นซัดขึ้นมาตายบนชายหาด มีชาวบ้านที่ทราบข่าวเดินทางไปจับมาประกอบอาหารกันเป็นจำนวนมาก

 จากการตรวจสอบน้ำทะเล พบว่ามีสีค่อนข้าง ดำและมีตะกอนจำนวนมาก ปรากฏว่ามีการเกิดและแพร่ขยายของแพลงก์ตอน ส่วนน้ำทะเลมีรสชาติเค็มเล็กน้อยสันนิษฐานเบื้องต้นว่า อาจมีน้ำจืดบนฝั่งไหลลงสู่ทะเลค่อนข้างมากในช่วงนี้ จึงทำให้น้ำทะเลขาดจึงทำให้น้ำทะเลบริเวณอ่าวไทยขาดออกซิเจนปลาที่อาศัยอยู่ในท้องทะเลไม่สามารถที่จะอยู่ในน้ำได้จึงได้พยายามเข้าปเป็นจำนวนมากจากการตรวจสอบและคาดคะเนสัตว์น้ำที่เกยตื้นขึ้นมาภายในสองคืนคิดว่าน่าจะมากกว่า 50 ตันเพราะชาวบ้านเป็นจำนวนมากที่เดินทางมาจับและนำไปประกอบอาหารกันอย่างมากมาย
นายวัชรินทร์ สุวพิศ กล่าวว่า "ปรากฎการณ์นี้อาจส่งผลให้เกิดแพลงก์ตอนบลูมตามมาในภายหลัง ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบการเปลี่ยนสีของน้ำทะเลแต่อย่างใด หากมีการเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อตรวจหาค่าออกซิเจน หรือหาความเค็มของน้ำ น่าจะได้ข้อมูลที่ถูกต้อง" เมื่อคืนประมาณสามทุ่มได้รับแจ้งจากเครือข่ายพี่น้องประชาชนบริเวณหาดทุ่งวาแลนด์มีปรากฏการณ์ปลาใต้น้ำแดงหรือภาษาราชการเค้าเรียกว่าแพลงก์ตอนบลูม เนื่องจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงสถานการณ์ที่มีฝนตกมากน้ำจืดก็จะไหลลงทะเลแล้วก็พาตะกอนไปด้วยจะเกิดแพลงก์ตอนบลูมเป็นสัตว์น้ำประเภทหนึ่ง เป็นแพลงก์ตอนบลูม สีน้ำเงินถ้ามีเยอะเยอะจะทำให้ระบบหายใจของสัตว์น้ำเสียแพลงก์ตอนบลูม พวกนี้จะมีอายุไม่กี่วันหลังจากตายออกซิเจนในน้ำก็จะหมดไปจากการตรวจสอบวันนี้น่าจะเป็นความเข้มของน้ำทะเลมีความเค็มลดน้อยลงไปมากคิดว่าคงจะยังไม่เป็นแพลงก์ตอนบลูมจากการชิมน้ำทะเล คล้ายๆเป็นน้ำกร่อยปรากฏการณ์นี้น่าจะเป็นปลา น็อคน้ำจืดมากกว่าเพราะว่าน้ำทะเลยังไม่เปลี่ยนสียังไม่มีปรากฏการณ์น้ำทะเลสีเขียวยังไม่มีแต่หลังจากนี้คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นเพราะจะเกิดขึ้นเป็นประจำของจังหวัดที่อยู่ติดชายฝั่งทะเลในกรณีที่หน้าฝนกลางวันจะมีแดดค่อนข้างแรงก็จะเกิดปรากฏการณ์แพลงก์ตอนบลูม ในครั้งนี้ปรากฏการณ์ก็มีปลาตายไม่มากส่วนใหญ่ก็ยังมีแรงว่ายน้ำอยู่ส่วนชาวบ้านที่ทราบข่าวก็ใช้อุปกรณ์มาจับปาซึ่งปลาที่ตายไม่น่าจะเป็นอันตรายซึ่งยังไม่เกิดปรากฏการณ์แพลงก์ตอนบลูม เมื่อคืนนี้ประชาชนเข้ามาที่ทะเลจำนวนมากแต่ปลาค่อนข้างที่จะน้อยกว่าปีที่แล้วในปีก่อนมีเยอะมากกว่านี้ และจะตายทั้งหมดเพราะเป็นแพลงก์ตอนบลูม ส่วนครั้งนี้ปาลก็ยังมีชีวิตเข้ามาว่ายในน้ำตื้นช่วงนี้มันเป็น ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ชายฝั่งตะวันออกด้านอ่าวไทยชาวประมงจะเรียกลมในคือลมที่พัดออกจากฝั่งสู่ทะเลทำให้คลื่นฝั่งทะเลตะวันออกเป็นคลื่นเรียบ ไม่มีคลื่นเพราะฉะนั้นการแลกเปลี่ยนของน้ำกับออกซิเจนในอากาศที่มันเกิดจากเป็นคลื่นซัดเป็นฝอยปะทะในอากาศก็จะน้อยลงออกซิเจนที่เข้ามาช่วยเติมในน้ำแทบจะไม่มีจึงทำให้ปลาอาจจะน็อคน้ำเพราะขาดออกซิเจนปริมาณออกซิเจนของปลาใช้ไม่เพียงพอเพราะในช่วงนี้ก็จะเป็นช่วงฤดูฝนจังหวัดชุมพรก็มีฝนตกหนักมาสองสามวันแล้ว จึงได้ประสานกรมทรัพยากรทะเลและชายฝั่งนำน้ำไปไปตรวจสอบในจุดดังกล่าวในเมื่อคืนนี้เกิดขึ้นในสองพื้นที่ในหาดทุ่งวอแลนด์แล้วก็หาดสะพีลมีน้ำจืดที่เกิดจากฝนตกหนักลงทะเลจำนวนมาก เป็นเหตุให้ปลาน็อคน้ำได้เพราะน้ำปกติจะเป็นน้ำเค็ม

ธนากร โกศลเมธี ภาพ/ข่าว รายงาน 0818923514


สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สำราญ ศรีภา อบต.ชุมแพ เป็นประธานในพิธีงานฌาปนกิจศพแม่เวช พิมโยยง ณ วัดป่าโศกก่อง

แชร์เนื้อหานี้

วันจันทร์ ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ 2568 เวลา 13.00 น.นายสำราญ ศรีภา สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น เขต3 อำเภอชุมแพ ได้รับเกียรติจากเจ้าภาพเป็นประธานในพิธีงานฌาปนกิจศพแม่เวช พิมโยยง ณ วัดป่าโศกก่อง
บ้านโสกก่อง หมู่ 6 ตำบลวังหินลาด อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น มีแขกร่วมงานจำนวนมาก เช่น นายสมพร ทะเยียม ผู้อำนวยการโรงเรียนก้องอุดมวิทยาคาร นายยุทธนา ชินทะนาม ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลวังหินลาด นายทองปาน อักษรณูู รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลวังหินลาด นายธงชัย ศรีดาวงศ์ ผู้ใหญ่บ้านหนองทอง ผู้นำท้องที่และท้องถิ่น และญาติๆ

วินสื่อรัฐทีวี/ สื่อรัฐนิวส์

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ปศุสัตว์ชุมพร ตรวจสอบ โรงเชือดเนื่องในวันอีฎิ้ลอัฎฮา (วันเชือดพลีทาน)

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 8 มิถุนายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงาน จากนายสัตวแพทย์พิชัย โพธิ์กระสังข์ นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มพัฒนาสุขภาพสัตว์ซึ่งเป็นพนักงานตรวจโรคประจำโรงงานฯ ใน วันที่ 7 มิถุนายน 2568 เวลา 08.30 – 16.30 น. ณ โรงฆ่าสัตว์เพื่อการส่งออก

ของ บริษัท ดี แอนด์ แซด คอนซัลแตนท์ จำกัด ( D and Z Consultant )จำกัด เลขที่ 262 หมู่ 7 ตำบลสลุย อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดชุมพร

ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบการเคลื่อนย้ายสัตว์เข้าสู่โรงฆ่าสัตว์เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางศาสนาอิสลาม “วันอีฎิ้ลอัฎฮา” หรือที่เรียกอีกชื่อว่า “วันเชือดพลีทาน” ซึ่งตรงกับวันปีใหม่ของอิสลามปีนี้

โดยนายสัตวแพทย์เดชา จิตรภิรมย์ ปศุสัตว์จังหวัดชุมพร ได้มอบหมายให้นายสัตวแพทย์พิชัย โพธิ์กระสังข์ นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มพัฒนาสุขภาพสัตว์ซึ่งเป็นพนักงานตรวจโรคประจำโรงงานฯเป็นพนักงานเจ้า

หน้าที่ตามพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ 2559 และเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ ปีพ.ศ 2558 เป็นผู้แทนเข้าตรวจสอบการเคลื่อนย้ายและสุขภาพสัตว์ประเภทโคเนื้อที่ถูกส่งเข้ามายังโรงฆ่าสัตว์ดังกล่าว ซึ่งมีจำนวนมากเพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนาอิสลาม

จากการตรวจสอบพบว่า สัตว์ทั้งหมดได้ถูกเคลื่อนย้ายเข้ามาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีเอกสารครบถ้วน สุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่มีอาการเจ็บป่วยหรือเข้าข่ายโรคระบาด สอดคล้องกับหลักสุขอนามัยและมาตรฐานของกรมปศุสัตว์

การเชือดสัตว์ในวันนี้เป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรม “กุรบาน” ซึ่งเป็นการระลึกถึงความศรัทธาและความเสียสละของท่านศาสดาอิบรอฮีม (อับราฮัม) ที่ยอมทำ

ตามพระบัญชาของพระผู้เป็นเจ้าโดยการเชือดบูชายัญสัตว์แทนบุตรชาย ซึ่งเป็นเรื่องราวที่มีความสำคัญสูงสุดเรื่องหนึ่งในศาสนาอิสลาม

พิธีการเชือดพลีทานนี้จะดำเนินการในช่วงวันที่ 7 – 9 มิถุนายน 2568 ซึ่งตรงกับช่วงเวลาสำคัญหลังจากเทศกาลฮารีรายอ (อีฎิ้ลฟิฏริ) ไปแล้ว 3 เดือน โดยเนื้อสัตว์ที่เชือดจะถูกแบ่งออกเป็น 7 ส่วนเท่า ๆ กัน เพื่อนำไปแจกจ่ายให้แก่ผู้ร่วมพิธี คนยากจน และผู้ที่ขาดแคลน เป็นการแสดงถึงความเมตตา ความมีน้ำใจ และความยุติธรรมต่อสังคม ตามหลักคำสอนของศาสนาอิสลาม

สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดชุมพร ขอยืนยันถึงความพร้อมในการสนับสนุนให้การดำเนินกิจกรรมทางศาสนาในพื้นที่เป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ มีมาตรฐานด้านสุขภาพสัตว์ และเป็นไปตามหลักศาสนบัญญัติอย่างเคร่งครัด เพื่อประโยชน์ต่อประชาชนและสังคมโดยรวม

ธนากร โกศลเมธี ภาพ/ข่าว รายงาน 08189235141

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / กลุ่มพลังมวลชนศรีสะเกษ แสดงพลังรักชาติไทย ทวงคืนปราสาทเขาพระวิหาร สนับสนุนทหารตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดระบบสื่อสารทุกชนิด และไล่แรงงานกลับ

แชร์เนื้อหานี้


ค่ำของวันที่ 8 มิถุนายน 2568 ที่ ลานเอนกประสงค์ วงกลมเสาธงหน้าสถานีรถไฟศรีสะเกษ ได้มีกลุ่มพลังมวลชน ผู้รักชาติ สวมเสื้อสีขาว ออกมาแสดงพลังรักชาติ รักแผ่นดิน นำโดย นายทิวา รุ้งแก้ว ประธานชมรมคนรักในหลวงจังหวัดศรีสะเกษ, นายวีระ สุดสังข์ ศิลปินนักเขียนภาคอีสาน และสมาชิกกลุ่มพลังมวลชนกว่า 100 คน ได้มาถือป้าย อ่านแถลงการณ์ ร่วมกันออกความเห็นในความเป็นประเทศไทย ในความเป็นคนศรีสะเกษ ที่ถูกผู้นำของประเทศกัมพูชา อ้างตนว่าเป็นประเทศที่อ่อนแอกว่าไทย อ้างว่าเป็นประเทศที่ด้อยพัฒนา

ยังต้องอาศัยความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่การดูแลจากต่างชาติ โดยเฉพาะประเทศไทย ที่มีพื้นที่ดินแดนอยู่ติดกัน แต่ความประพฤตินั้นสุดแสบ ขี้โกง ไม่มีความซื่อสัตย์ ไม่มีความกตัญญูต่อประเทศที่ดูแล พร้อมที่จะหักหลังได้ตลอดเวลา อย่างเช่นที่ผ่านๆ มา จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย ได้ยินยอมโอนอ่อนผ่อนตาม ในการมาบุกมายึดดินแดน นับตั้งแต่ปราสาทเขาพระวหาร ต่อมาตรงดินแดนด้านล่าง ลานขายสินค้า จนมาถึงประตูเหล็ก บันไดขั้นแรก และไม่นานมานี้ก็นำข้อพิพากษาชายแดนเข้าสู่ศาลโลก จนทำให้ปราสาทเขาพระวิหาร และพื้นที่ตามแนวชายแดน

ให้ศาลโลก มีคำตัดสินให้ 2 ประเทศช่วยกันดูแล พัฒนาร่วมกัน แต่วันนี้ยังมาบุกช่องบก รุกพื้นที่ชายแดน จนทำให้เกิดการปะทะกัน พร้อมการใส่ร้ายป้ายสี ว่าทหารไทย เป็นผู้ที่ยิงก่อน ก่อนที่จะออกแถลงการณ์ จะใช้ความพยายามลากไทยขึ้นศาลโลกอีกครั้ง กับ 4 จุดชายแดน ว่าเป็นของตนอีก
ทั้ง นายทิวา รุ้งแก้ว ประธานชมรมคนรักในหลวงจังหวัดศรีสะเกษ และนายวีระ สุดสังข์ ศิลปินนักเขียนภาคอีสาน ได้ร่วมกับทุกท่าน ได้ร่วมกันร้องเพลงชาติไทย ต่อหน้าประชาชน ที่มาให้กำลังใจ ในการแสดงออกถึงจุดยืนของจังหวัดศรีสะเกษ ใน 3 เรื่อง 3 ประเด็นใหญ่ๆ คือ

1.การให้กำลังใจทหารของไทย ด้วยคำว่า ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด เอกราชจะไม่ยอมให้ใครข่มขี่ ขอเป็นกำลังสำหรับทหาร ตำรวจ อาสาสมัครทหารพราน และเจ้าหน้าที่ที่อยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา 2.เครือข่ายชุมชนคนศรีสะเกษ ขอแสดงพลัง ให้กำลังใจ แพทย์สภาฯ 3.เขาพระวิหาร เป็นของไทย เขมรจัญไร เอาคืนมา จากเครือข่ายชุมชน คนศรีสะเกษ ต้องการให้ศาลโลก ลงมาดูพื้นที่จริง ทบทวนการพิจารณาครั้งก่อน ว่าแท้จริงแล้ว ปราสาทพระวิหาร ทางขึ้นอยู่ฝั่งไทย หากขึ้นฝั่งกัมพูชา ต้องใช้บันไดลิง พร้อมกันนี้อยากขอเรียกร้องให้คนไทยทุกจังหวัด ทั่วประเทศ

แสดงพลังในการรักชาติ ขับไล่แรงงานเขมรออกจากประเทศไทย และเห็นด้วยกับ แม่ทัพภาคที่ 2 ที่จะตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดอินเตอร์เน็ต ที่ข้ามไปฝั่งกัมพูชา เพราะวันนี้กัมพูชา ไม่ซื่อสัตย์กับไทย ไม่ใช่เพื่อนบ้านที่ดีอีกต่อไป
จากนั้น กลุ่มพลังมวลชน เครือข่ายคนศรีสะเกษ ได้ร่วมกัน ร้องแพลงชาติไทย ให้ดังกึกก้องไปทั่วทั้งแผ่นดิน ดังไกลลงไปยังผืนแผ่นดินกัมพูชา ให้รับรู้ว่า คนไทยจะไม่ยอมให้ใครมารุกรานได้อีกต่อไป จะไม่ยอมให้ใครมาโกงเอาแผ่นดินไทยไป แม้แต่เสี้ยวตารางผงทุลีเดียว
////////////////////////
ภาพ/ข่าว วนิดา,ชาญฤทธิ์