คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าว

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / รมว.ทส. เปิด “บ้านเขียว” คืนชีวิตอาคาร 120 ปี สู่ศูนย์เรียนรู้การป่าไม้จ.แพร่ / @สถานีตำรวจภูธรปาย อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน

แชร์เนื้อหานี้

💦รัฐมนตรีว่าการกระทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดศูนย์เรียนรู้การป่าไม้ สวนรุกขชาติเชตวัน จังหวัดแพร่ “บ้านเขียว” แหล่งศึกษาเรียนรู้ประวัติศาสตร์การป่าไม้

วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานเปิดศูนย์เรียนรู้การป่าไม้ สวนรุกขชาติเชตวัน จังหวัดแพร่ “บ้านเขียว” อาคารประวัติศาสตร์อายุ 120 ปี ภายใต้ชื่องาน “ฟื้นบ้านเขียว สู่อ้อมกอดชาวแพร่” โดยมีนายคุณากร คชหิรัญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่

นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พร้อมคณะผู้บริหาร หัวหน้าหน่วยงานราชการ และประชาชนร่วมงาน ภายในงานมีการจัดกิจกรรมสำรวจธรรมชาติและเรียนรู้ประวัติศาสตร์การป่าไม้ไทย

สำรวจพรรณไม้หายาก เรียนรู้เรื่องราวป่าไม้ล้านนา และการแสดงดนตรีในสวน นอกจากนี้ยังมี “กาดฮิมยม” ตลาดนัดวินเทจริมน้ำยม ที่รวบรวมงานศิลปะ หัตถกรรม และผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น รวมถึงพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้แก่หน่วยงานที่ร่วมสนับสนุนการบูรณะ

สำหรับ “บ้านเขียว” เป็นอาคารประวัติศาสตร์ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2444 ในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยเป็นที่ทำการป่าไม้ภาคแพร่ของกรมป่าไม้สยาม โดดเด่น

ด้วยสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลผสมภูมิปัญญาท้องถิ่น ตัวอาคารเคยผ่านการใช้งานและพัฒนาในหลายยุค ก่อนจะถูกรื้อถอนในปี 2563 และได้รับการบูรณะอย่างพิถีพิถันโดยกรมศิลปากรและสมาคมสถาปนิกสยามฯ

เป็นเวลากว่า 2 ปี เพื่อคงเอกลักษณ์ดั้งเดิมให้มากที่สุด และเสร็จสมบูรณ์ในเดือนกรกฎาคม 2567 ต่อมาภาคประชาชนได้เสนอให้อาคารหลังนี้เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ประวัติศาสตร์การป่าไม้ ให้แก่นักเรียน นักศึกษา

ตลอดจนประชาชนทั่วไป สร้างจิตสำนึกร่วมกันเป็นพลังในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ ภายใต้ชื่อศูนย์เรียนรู้การป่าไม้ สวนรุกขชาติเชตวัน จังหวัดแพร่…สมจิตรแสงบันลังค์ ทีมข่าวบกรายงาน

วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 13.30 น.นายเอกวิทย์ มีเพียร ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน , พล.ต.ต.ทรงกริช ออนตะไคร้ ผบก.ภ.จว.แม่ฮ่องสอน , นายอุดมศักดิ์ ขาวหนูนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน , นายผะอบ บินสะอาด ปลัดจังหวัดแม่ฮ่องสอน , นายณพล พาหุมันโต นายอำเภอปาย , พ.ต.อ.สำเร็จ สามสีทอง ผกก.สภ.ปาย , พ.ต.ท.วีรภัทร คำลาพิชรอง.ผกก.สภ.ปาย

 ร่วมประชุมติดตามผลการดำเนินงาน การแก้ไขปัญหาการท่องเที่ยวในพื้นที่อำเภอปาย เพื่อให้เกิดสมดุลระหว่างนักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่ ณ ห้องประชุมอำเภอปาย ชั้น 2 หัวข้อที่ประชุมมีดังนี้ 
 1. เรื่องการประกอบอาชีพของชาวต่างชาติ เช่น เปิดร้านสัก เล่นดนตรี ขายของในตลาดถนนคนเดิน
 2. เรื่องการสันทนาการ เช่น ร้านจำหน่ายกัญชา ร้านบริการต่างๆ 
 3. เรื่องการกวดขันวินัยจราจรของชาวต่างชาติ
 4. เรื่องการแต่งกายไม่เหมาะสมของชาวต่างชาติหลังกิจกรรมล่องห่วงยาง
 5. เรื่องสถานประกอบการและสถานบริการต่างๆ
หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมได้มีประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนจากสื่อโซเชียลที่มีการเผยเเพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลที่เกินจริง มารอยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน  ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้รับหนังสือร้องเรียนจากกลุ่มตัวเเทนประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสื่อโซเซียลเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลฯ โดยกลุ่มตัวเเทนประชาชนขอให้หน่วยงานราชการในจังหวัดแม่ฮ่องสอนดำเนินการตรวจสอบ และดำเนินคดีตามกฎหมายกับกลุ่มบุคคลที่นำข้อมูลเป็นเท็จลงสื่อโซเชียลสร้างความเสียหายให้กับอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน .

สมจิตรแสงบันลังค์รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิว์ / ทส. เร่งแก้ไขปัญหาที่ดินป่าไม้ ส่งเสริมอาชีพ ปลูกป่า 3 อย่าง เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวจ.น่าน ป้องกันอุทกภัยดินโคลนถล่ม

แชร์เนื้อหานี้

วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 14.00 น. ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เดินทางไปยังวิทยาลัยสงฆ์น่านนคร อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน เป็นประธานในพิธีมอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติลุ่มน้ำชั้นที่ 1 และ 2 เพื่อช่วยเหลือให้ประชาชนชาวจังหวัดน่านได้อยู่อาศัยทำกินอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยมีนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้บริหารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน นายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ และผู้บริหารกรมป่าไม้ เข้าร่วมงาน

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) กล่าวว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เล็งเห็นปัญหาของพี่น้องประชาชนพร้อมทั้งได้มอบหมายให้หน่วยงานเร่งดำเนินการโดยบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนให้เร็วที่สุด ตามนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของประชาชนในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติทั่วประเทศเพื่อสร้างความมั่นคงในที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินให้กับประชาชน ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิต และ

สนับสนุนการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมวันนี้กรมป่าไม้ได้อนุมัติพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 และ 2 ทั้ง 15 อำเภอ ในจังหวัดน่าน เนื้อที่ 968,344 ไร่ เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน จำนวน 46,558 ราย ให้ได้อยู่อาศัยทำกินอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยมีตัวแทนมารับมอบสมุดประจำตัว จำนวน 1,000 ราย นอกจากพี่น้องประชาชนจะได้อยู่อาศัยทำกินได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้วหน่วยงานต่างๆ ก็สามารถเข้าไปพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานได้ พี่น้องประชาชนจะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น

นายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า ในอดีตที่ผ่านมาจังหวัดน่านมีพื้นที่ป่าลดลงทุกปี จนกระทั่งปี พ.ศ. 2561 รัฐบาลได้มีคำสั่งเรื่องการบริหารพื้นที่รูปแบบพิเศษเพื่อการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนในพื้นที่จังหวัดน่าน หรือ โครงการน่านแซนด์บอกซ์

ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงานพื้นที่จังหวัดน่าน โดยมีนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นประธานภาครัฐ และนายบัณฑูร ล่ำซำ เป็นประธานภาคเอกชน คณะกรรมการน่านแซนด์บอกซ์ได้สนับสนุนการสำรวจแปลงที่ดินของราษฎรในจังหวัดน่านที่ทำกินในเขตป่าทั้งจังหวัด

นอกจากนี้คณะกรรมการน่านแซนบอกซ์โดยนายบัณฑูร ล่ำซำ ยังได้สนับสนุนจัดทำโปรแกรมพิมพ์สมุดประจำตัวมอบให้กรมป่าไม้เพื่อใช้จัดทำสมุดประจำตัวให้แก่ราษฎรทั้งประเทศ โดยจังหวัดน่านมีราษฎรถือครองทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 150,340 ราย เนื้อที่ 1,559,320 ไร่ และกรมป่าไม้ได้ดำเนินการตามนโยบายของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเร่งรัดจัดทำสมุดประจำตัวมอบให้แก่ราษฎรทุกราย นอกจากนี้กรมป่าไม้ยังได้จัดทำระบบ “สมุดประจำตัวดิจิทัล” ในระหว่างรอเล่มสมุดประจำตัว ราษฎรสามารถเข้าไปตรวจสอบรายชื่อและแสดงสมุดประจำตัวผ่านโทรศัพท์มือถือได้

นายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ ยังกล่าวอีกว่า นอกจากมอบสมุดประจำตัวให้ราษฎรในจังหวัดน่านได้อยู่อาศัยทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ยังส่งผลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานได้ โดยในพื้นที่จังหวัดน่านดังกล่าวกรมป่าไม้ได้อนุมัติโครงการพัฒนาสาธารณูปโภคให้มีการปรับปรุงถนน 28 โครงการ พัฒนาระบบไฟฟ้า 4 โครงการ และพัฒนาแหล่งน้ำ 11 โครงการ

เพื่อช่วยเหลือราษฎรให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นอกจากนี้จังหวัดน่านยังได้เข้าไปสนับสนุนส่งเสริมพัฒนาอาชีพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้แก่ราษฎร ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อน โครงการปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ตามพระราชปณิธาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภายใต้แนวทาง “ทำให้ ทำร่วม ทำเอง” “ทำให้” คือการทำแปลงสาธิตตัวอย่างให้ราษฎรได้ศึกษาเรียนรู้ “ทำร่วม” คือมีหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเข้ามาสนับสนุนการดำเนินงานร่วมกับราษฎร และ “ทำเอง” คือการขยายผลให้ราษฎรสามารถทำได้ด้วยตนเอง

“จังหวัดน่านถือเป็นแบบอย่างการทำงานแบบบูรณาการของทุกภาคส่วนเพื่อแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ มีการส่งเสริมพัฒนาอาชีพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว ซึ่งจะช่วยป้องกันอุทกภัยดินโคลนถล่มได้ในอนาคต ราษฎรมีอาชีพที่มั่นคงสามารถอยู่ร่วมกันกับป่าได้อย่างยั่งยืน” นายสุรชัยกล่าว และในวันเดียวกันนี้ที่สนามบินน่านนคร นายสว่างเปรมประสิทธิ์ นายก อบต.สะเนียน นายบุญยงค์ สดสอาด

นายเรืองเดช จอมเมือง นางจรวยพร อินสาคำ อดีตผู้สมัคร ส.ส.น่านพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งสามเขต นายรัฐภูมิ ขันสลี ผู้แทนเกษตร 17 จังหวัดภาคเหนือ นายกอบต.ภูฟ้าและคณะจากอำเภอปัวได้ให้การต้อนรับท่านรัฐมนตรีและมอบกระเช้าเพื่อเป็นการขอบคุณดร.เฉลิม ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ผวจ.ศรีสะเกษ แถลงข่าว.จัดงาน “มหกรรมโคเนื้อดีศรีสะเกษ” เพื่อเชื่อมโยงตลาดโคเนื้อ สร้างแบรนด์เนื้อโคคุณภาพสูง และพัฒนาสู่ตลาดพรี่เมี่ยม

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 17.00 – 19.30 น. ณ สวนสาธารณะลาดออดหลอด อนุสรณ์ 238 ปี จังหวัดศรีสะเกษอำเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ
วันนี้ เวลา 17.00 น. จังหวัดศรีสะเกษ โดย สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดศรีสะเกษ ร่วมกับหอการค้าจังหวัด ศรีสะเกษและYECศรีสะเกษ จัดงานแถลงข่าวการจัดงานมหกรรมโคเนื้อและเนื้อดีศรีสะเกษ” ระหว่างวันที่ 26 กุมภาพันธ์ – 2 มีนาคม 2568 ณ สวนสาธารณะลานออดหลอด อนุสรณ์ 238 ปี จังหวัดศรีสะเกษ อำเภอเมือง ศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ ในงานแถลงข่าวจัดการเสวนาพูดคุยในหัวข้อ การเชื่อมโยงตลาดและโอกาสของโคเนื้อ ศรีสะเกษ เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่จังหวัดศรีสะเกษกำลังเริ่มต้นสร้างแบรนด์เนื้อโคคณภาพสูง และพัฒนาสู่
ตลาดพรี่เมี่ยม ซึ่งจังหวัดศรีสะเกษมีเกษตรกรผู้เลี้ยงทั้งหมด 139,623 ราย โดยมีการเลี้ยงโคเนื้อมากที่สุด 41.9%ของเกษตรกรทั้งหมด ซึ่งคิดเป็นโคเนื้อทั้งจังหวัดถึง 511,213 ตัว จากเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อทั้งหมด 105,500 ราย

****นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวถึงศักยภาพของศรีสะเกษในอุตสาหกรรม โคเนื้อ ศรีสะเกษเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่เกษตรกรรมขนาดใหญ่ มี เกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อจำนวนมาก และเริ่มมีการ พัฒนาโคขนเพื่อเข้าสู่ตลาดโคเนื้อคุณภาพสูง ปัจจุบันจังหวัดมึนโยบายผลักดันให้ โคเนื้อเป็นหนึ่งในสินค้าเกษตร มูลค่าสูง เรากำลังพัฒนาเครือข่ายเกษตรตรกร ให้สามารถผลิตโคเนื้อคณภาพสูงตรงตามมาตรฐานฟาร์ม ที่มีระบบ การเลี้ยงสัตว์และการป้องกันโรคที่เหมาะสม และฟาร์มปลอดสารเร่งเนื้อแดง ซึ่งเป็นมาตรฐานฟาร์มด้านปศสัตว์ และการรับรองมาตรฐานอื่นๆ เพื่อให้มั่นใจว่า โคเนื้อศรีสะเกษมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภคและสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ในทุกขั้นตอนของการผลิต และสิ่งที่เราต้องเร่งดำเนินการคือ การสร้างอัตลักษณ์ของเนื้อโคศรีสะเกษให้ชัดเจน เช่น สายพันธุ์ที่ใช้ วิธีการเลี้ยง และมาตรฐานการผลิต เพื่อให้ตลาดรับรู้ว่า “เนื้อโคศรีสะเกษ” มีคุณภาพดี และมีจุดเด่นที่แตกต่างจากที่อื่น”ศรีสะเกษ” มีศักยภาพเป็นศูนย์กลางโคเนื้อคุณภาพของภาคอีสาน เราสามารถสร้างโคขุนที่มีคณภาพเพื่อเพิ่มรายได้แก่เกษตรกร และยังมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค หากเราสามารถ สร้างเครือข่ายระหว่างเกษตรกรผู้แปรรูป และผู้ค้าปลึกได้อย่างแข็งแกร่ง เราจะสามามารถสร้างรายได้มหาศาลให้กับชมชน และนี่คือเหตุผลที่เราจัดงาน “มหกรรมโคเนื้อและเนื้อดีศรีสะเกษ 2568” งานนี้ไม่เพียงแต่ เป็นการจัดแสดงสินค้าและผลิตภัณฑ์ แต่เป็นการขยายตลาด เปิดโอกาสให้เกษตรกร ผู้ประกอบการ และนักลงทุน ได้ร่วมกันพัฒนาอุตสาหกรรมโคเนื้อของศรีสะเกษ

*****นายนัทเวโรจน์ บูชาพัฒน์ปศุสัตว์จังหวัดศรีสะเกษ
ปศุสัตว์จังหวัดศรีสะเกษ เรากำลังดำเนินโครงการ “ส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อแบบครบวงจร” ซึ่งมุ่งมัน 3ด้านหลัก ได้แก่

การปรับปรุงสายพันธุ์ – นำโคพันธุ์ดี เช่น วากิวลูกผสม ชาโรเลส์ แองกัส มาปรับปรุงพันธุ์ให้เหมาะ กับสภาพแวดล้อมของศรีสะเกษ แต่มีอัตราการแลกเนื้อที่ดีและมีคุณภาพเนื้อที่ตลาดต้องการ

การพัฒนาระบบการเลี้ยง – ส่งเสริมให้เกษตรกรใช้อาหารสัตว์ลดต้นทุน และอาหารหยาบคุณภาพดี ที่ช่วยเพิ่มคุณภาพของเนื้อ และลดต้นทุนการผลิต

การสร้างมาตรฐานการผลิต – พัฒนาฟาร์มโคขุนให้ได้มาตรฐานฟาร์มที่มีระบบการเลี้ยงสัตว์และ ป้องกันโรคที่เหมาะสม และฟาร์มปลอดสารเร่งเนื้อแดง เพื่อให้เป็นที่ยอมรับในตลาดโคเนื้อคุณภาพสูงปัจจุบัน ตลาดโคเนื้อไทยมีการเติบโตสูง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผู้บริโภคหันมาสนใจ เนื้อโคคุณภาพสูง เช่น โคขุน โคเนื้อพรีเมียม มากขึ้น ขณะเดียวกัน จีน เวียดนาม และประเทศในตะวันออกกลางมีความต้องการ นำเข้าโคเนื้อจำนวนมาก นอกจากนี้ ตลาดเนื้อแปรรูป เช่น เนื้อดรายเอจและเนื้อเกรดพิเศษ ก็กำลังเติบโต สำหรับเกษตรกร ต้องปรับตัวสู่การเลียงโคเนื้อคณภาพสูง ใช้สายพันธ์ที่เหมาะสม มีมาตรฐานการเลียง และให้ ความสำคัญกับการตลาดมากขึ้น

****นายจำนงค์ จังอินทร์ ตัวแทนเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ กล่าวถึงการพัฒนาสายพันธ์ให้ตรงกับความต้องการของตลาด ว่าการเลียงโคแบบเดิมที่เราเคยทำ อาจไม่ตอบโจทย์ตลาดปัจจจุบันแล้ว เพราะผู้บริโภคคต้องการเนื้อที่มี ไขมัน แทรกนุ่ม หอม และคุณภาพสูง ดังนั้น เกษตรกรต้อง พัฒนาโคขุนให้ตรงกับความต้องการของตลาดเช่น การ ใช้โคสายพันธ์ลูกผสมที่ให้เนื้อคุณภาพดี และต้อง เรียนรู้การให้อาหารขุนที่ถูกต้อง เพื่อให้ได้เนื้อที่มีคุณภาพดี ที่สุด ตอนนี้ตลาดต้องการ เนื้อโคที่มีสักษณะเฉพาะ เช่น ไขมันแทรกดี (Marbling) นุ่ม และมีกลิ่นหอมซึ่ง จะต้องมาจากฟาร์มโคขนที่ได้มาตรฐาน ถ้าเราทำให้เนื้อโคศรีสะเกษ มีเอกลักษณ์ชัดเจนและตรงกับความต้องการของตลาด เราก็สามารถตั้งราคาสูงขึ้นได้ เกษตรกรก็จะได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าเดิม โดยต้องควบคูไป กับการพัฒนามาตรฐานการเลี้ยงและมาตรฐานฟาร์มด้วย

*****นายรัฐวิทย์ อังคสกุลเกียรติประธานหอการค้าจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่าการสร้างตลาดและการเชื่อมโยงเครือข่ายธรกิจ ในการตลาดระดับพรีเมียม จังหวัดศรีสะเกษมีโอกาสมีสูงมาก เพราะปัจจุบัน ผู้บริโภคต้องการเนื้อที่มีคุณภาพสูงและปลอดภัย โดยเฉพาะในกลุ่มร้านอาหาร โรงแรม และชูเปอร์มาร์เก็ตระดับพรีเมียมซึ่งเนื้อของศรีสะเกษสามารถตอบโจทย์ได้ แต่สิ่งที่ต้องพัฒนา เพิ่มเติมคือ สร้างแบรนด์เนื้อโคของศรีสะเกษให้เป็นที่รู้จัก ให้เหมือนกับเนื้อโคขนโพนยางคำ หรือเนื้อวากิว เราควรมีตราสินค้าประจำจังหวัด (Provincial Brand)
เพื่อทำให้โคเนื้อของเรามีจดเด่นที่ชัดเจน สิ่งที่สำคัญ คือ เกษตรกรต้องเรียนรู้เรื่องมาตรฐาน เช่น GFM หรือฟาร์ม ปลอดสารเร่งเนื้อแดง เพื่อเพิ่มมูลค่า และควรมี ช่องทางขายที่ชัดเจน เช่น การทำตลาดออนไลน์ หรือส่งตรงถึง
ผู้บริโภค

*****ด้านนายมรุตพงศ์ รจนา ผู้จัดการ สหกรณ์เครือข่ายโคเนื้อ จำกัด (Max Beef) กล่าวถึงแนวทางในการ รับซื้อโคขุน และสถามการณ์ต้าน โคขุนพรีเมือมของจังหวัดศรีสะเกษในปัจจุบัน”มหกรรมโคเนื้อและเนื้อดีศรีสะเกษ” งานนี้จะเป็นเวทีสำคัญที่เกิดจากความร่วมมือขอของทุกภาคส่วน เพื่อประชาสัมพันธ์เนื้อโคศรีสะเกษ สู่ตลาดพรีเมืยมระดับประเทศ เชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจ ผ่านกิจกรรม Business Matchin ยกระดับคุณภาพ โคเนื้อ ด้วยความรู้จากผู้เชียวชาญและ Workshop รวมถึงสร้างความตื่นตัวในตลาดผู้บริโภค ผ่านกิจกรรม Chef’s Table Fine Dining โดยเซฟปอนด์ มาสเตอร์เชพไทยแลนด์ ที่จะมารังสรรค์เมนูสุดพิเศษจาก เนื้อโคศรีสะเกษ ในพิธีเปิดงานวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้นอกจากนี้ยังมีมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินยอดนิยม เน็ค นฤพล กิจกรรมโชว์ทำอาหาร (Show Cooking) เรียนรู้เทคนิค ปรุงเนื้อระดับพรีเมียม เวิร์กช็อปแปรรูปผลิตภัณฑ์เนื้อและเครื่องหนัง

กิจกรรม BusinessMatching & Show Case กิจกรรมที่น่าสนใจอัดแน่นแน่นตลอดทั้ง 3 วัน ซึ่งการจัดงานมหกรรมโคเนื้อและดีเนื้อศรีสะเกษ 2568 เกิดขึ้นจากเราได้เห็นถึงศักยภาพของโคเนื้อศรีสะเกษ ทั้งจากมุมมองของภาครัฐ ภาคเอกชน เกษตรกรและผู้ประกอบการ ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าตลาดโคเนื้อยัง มีโอกาสเติบโตสูง และศรีสะเกษเองมีจุดแข็งที่สามารถผลักดันให้เป็น แหล่งผลิตโคเนื้อคุณภาพระดับ พรีเมียมของประเทศได้ สิ่งสำคัญคือ การสร้างมาตรฐาน การทำตลาด และการสร้างแบรนด์โคเนื้อศรีสะเกษ ให้แข็งแกร่งขึ้นจัดโดย จังหวัดศรีสะเกษ สำนักงานปศสัตว์จังหวัดศรีสะเกษ ร่วมกับหอการค้าจังหวัดศรีสะเกษและYECศรีสะเกษ สามารถติดตามข่าวสารและกิจกรรมต่าง ๆ ได้ที่ Facebook : มกหรรมโคเนื้อและเนื้อดีศรีสะเกษ

ภาพ/ข่าว วนิดา,ชาญฤทธิ์

    สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / เทศบาลเวียงสรวย จัดการแพเปียก แม่สรวย หลังเปิดไฟเขียวใช้พื้นที่หน้าเขื่อน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ล่องแพเปียกคลายร้อน

    แชร์เนื้อหานี้

    เทศบาลตำบลเวียงสรวย รับลูกชลประทานบริหารจัดการแพเปียกแม่สรวย เทศบัญญัติควบคุม หลังเปิดไฟเขียวใช้พื้นที่หน้าเขื่อน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว หนีอูณหภูมิอากาศร้อน ล่องแพเปียกคลายร้อน ในเทศกาลสงกรานต์ ย้ำเตือนผู้ประกอบการเรื่องความสะอาด ควบคุมราคาอาหารเครื่องดื่มด้วยความเป็นธรรมแก่นักท่องเที่ยว ไม่จำหน่ายเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ในพื้นที่ราชการ ผู้นำอีก4หมู่บ้านขอมีส่วนร่วมมติที่ประชุมฉลุย ผลประโยชน์ลงตัว เอกชนโขกราคาค่าเช่าที่แพงลิ่ว ผู้ประกอบการครวญเสียเงินทุกเม็ด สรรพสามิตพื้นที่เชียงรายเล็งจับปรับผู้จำหน่ายเหล้าเบียร์ นายอำเภอแม่สรวยกำชับจัดระเบียบจราจร และจัดการขยะเพื่อหน้าตาอำเภอแม่สรวย

    เมื่อวันที่17ก.พ 2568 เวลา09.00 น.ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมสำนักงานเทศบาลตำบลเวียงสรวย อ.แม่สรวย จ.เชียงราย นายปฤษฎางค์ สามัคคีนิชย์ นายอำเภอแม่สรวย ได้เข้าร่วมสังเกตุการณ์ประชุมระหว่างผู้บริหารเทศบาลตำบลเวียงสรวย ฝ่ายปกครองตำบลเวียงสรวยและผู้ประกอบการแพเปียก ร้านค้า ร้านอาหาร ในวันดังกล่าวมีนายสมพงษ์ เจาะเสน นายกเทศมนตรีตำบลเวียงสรวย นายสิงขร แสงจันทร์ ปลัดเทศบาลตำบลเวียงสรวย ว่าที่ร้อยตรีสิทธินันท์ รูปวิเชษฐ์ กำนันตำบลเวียงสรวย นายธวัช มะโนธรรม นายช่างไฟฟ้าช.3โครงการส่งน้ำบำรุงรักษาชลประทานแม่ลาว นายนิธิศ ไชยยา ผู้ใหญบ้านหมู่ที่8 บ้านตีนดอย ตำบลเวียงสรวย รวมทั้งผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่14 ต.เวียงสรวย ที่ทำหนังสือขออนุญาตขอใช้พื้นที่บริเวณหน้าเขื่อนแม่สรวย สำหรับประกอบการล่องแพเปียก เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนประจำปี 2568 ซึ่งจะมีพิธีเปิดแพเปียกอย่างเป็นทางการในวันที่22 ก.พ.2568 สิ้นสุดวันที่15 พ.ค 2568

    สำหรับการประชุมรับฟังและชี้แจงเกี่ยวกับโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาชลประทานแม่ลาว ได้อนุญาตและไม่ขัดข้องในการขอใช้พื้นที่ทางผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่8และหมู่ที่13 ได้ทำหนังสือขอใช้พื้นที่ดังกล่าว โดยผ่านทางเทศบาลเวียงสรวยเป็นผู้กำกับดูแลในการขอใช้พื้นที่ ทั้งนี้ต้องอยู่ภายใต้เทศบัญญัติเทศบาลเวียงสรวย ในที่ประชุมตัวแทนผู้ประกอบการแพเปียกได้เรียกร้องการจัดระเบียบการจราจรและเรื่องการจัดเก็บขยะปัญหาเกี่ยวกับการทะเลาะวิวาทความปลอดภัยเกี่ยวกับนักท่องเที่ยว โดยนายสิงขร ปลัดเทศบาลตำบลเวียงสรวย ได้ชี้แจงเกี่ยวกับระเบียบเงื่อนไขการใช้พื้นที่สองข้างลำน้ำสรวยใต้สะพาน ทำซุ้มนั่งรับประทานอาหารบริการนักท่องเที่ยว โดยทางเทศบาลจะดำเนินการจัดเก็บค่าธรรมเนียมในราคาเมตรละ 50บาท สำหรับร้านค้าที่และลานจอดรถ พื้นที่เอกชนเทศบาลฯจะเก็บค่าธรรมเนียมในอัตราทางเทศบาลฯกำหนด ในส่วนของความสะอาดและการจัดเก็บขยะ ที่ประชุมโดยนายนิธิศ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่8 ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่าชุมชนจะบริหารการจัดเก็บกันเอง ส่วนนายสิงขร ปลัดเทศบาลฯได้ขอให้ผู้ประกอบการดำเนินกิจการตามกฎระเบียบที่ทางชุมชนกำหนดขึ้น

    จำนวน14ข้อ และเน้นย้ำถึงราคาอาหารต้องอยู่ในเกณฑ์ราคาที่เหมาะสมและต้องติดราคาให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง นอกจากนี้ยังกล่าวถึงแผนการจัดชุดชรบ.และอปพร.อำนวยสะดวกด้านการจราจรในช่วงเทศกาลปีใหม่ หลังจากกิจการล่องแพเปียกได้เริ่มตั้งแต่วันที่15ก.พ.-15พ.ค 2568 โดยช่วงแรกคนยังไม่หนาแน่นก็จะยังไม่จัดชุดอำนวยความสะดวกอำนวยความสะดวกเนื่องจากกำลังเจ้าหน้าที่อาสาสมัครอยู่ในช่วงประกอบอาชีพอาขีพเลี้ยงครอบครัวเป็นปกติ แต่จะไปจัดชุดในช่วงเทศกาลในช่วงปลายเดือนมีนาคม -เมษายน ช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะมีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากหลั่งไหลมาเที่ยวเป็นจำนวนมาก ส่วนทางด้านว่าที่ร้อยตรีสิทธินันท์ กำนันตำบลเวียงสรวยได้พูดถึงเรื่องการรักษาดูแลด้านความปลอดภัยเน้นย้ำถึงการบริการที่ยิ้มแย้มแจ่มใสแก่นักท่องเที่ยวโดยผู้ประกอบการต้องใช้วาจาสุภาพด้านการบริการ ย้ำผู้ประกอบการต้องดูแลคนงานลูกน้องแพเปียกร้านค้าร้านอาหาร ต้องถ้อยทีถ้อยอาศัย ไม่ทะเลาะวิวาท ให้เสียภาพพจน์ ในเรื่องของการประสานไปยังปกครองตำบลต่างๆให้แจ้งยังลูกบ้านที่เป็นวัยรุ่นที่มาเที่ยวไม่ให้ก่อเหตุและสร้างความความวุ่นวายได้ทั้งนี้ยังย้ำถึงการกวดขันการพกพาอาวุธ การขับขี่รถเสียงดัง ตลอดถึงการเสพน้ำกระท่อมของวัยรุ่น

    ด้านนายปฤษฎางค์ นายอำเภอแม่สรวยได้กำชับและเสนอแนะฝากกิจการการท่องเที่ยวแพเปียก คือเรื่องความสะอาด ขยะและเรื่องการจัดระเบียบจราจรหนาแน่นในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่อำเภอแม่สรวยและขอรักษาภาพพจน์ของอำเภอแม่สรวยในการท่องเที่ยวเชิงประทับใจ
    ทางด้านนายสมพงษ์ นายกเทศบาลตำบลเวียงสรวยได้แจ้งต่อที่ประชุมว่าเทศบาลตำบลเวียงสรวยซึ่งได้รับมอบพื้นที่จากโครงการส่งน้ำบำรุงรักษาชลประทานแม่ลาว ทางเทศบาลฯเน้นย้ำถึงการบริหารจัดการอย่างเท่าเทียมไม่เลือกปฏิบัติให้แก่ผู้ใดผู้หนึ่งกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด โดยใช้มาตรฐานเดียวกัน โดยขอให้ผู้ประกอบการแต่ละโซน ได้ปฏิบัติตามกฎกติกาเพื่อให้กิจการท่องเที่ยวโดยชุมชนดำเนินไปด้วยดี ในที่ประชุมนายสมพงษ์ ได้ขอมติที่ประชุมเห็นชอบตามคำร้องขอเพิ่มพื้นที่อยู่ในเขตปกครอง 6หมู่บ้าน ประกอบด้วย หมู่2,3,8,13,14 ,17 ประกอบกิจการด้านการท่องเที่ยวแพเปียก โดยปีนี้มี 36 รายโดยที่ประชุมให้หมู่บ้านที่เพิ่มขึ้นมาอีก4หมู่บ้าน2,3,13,17 รวมเป็น6หมู่บ้านในปี 2569 ถัดไปเพื่อให้เกิดความเสมอภาคมีรายได้ทั่วถึงกันทั้งนี้ขอให้อยู่ภายใต้กฎและกติกาเดียวกัน และที่ประชุมเห็นพ้องต้องกันยกมือเป็นมติเอกฉันท์ เปิดโอกาสให้6หมู่บ้านได้มีส่วนร่วมและเกิดรายได้

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในที่ประชุมได้ขยายพื้นที่บริเวณเหนือสะพานซึ่งเดิมเป็นพื้นที่หวงห้ามอยู่ในความควบคุมของเขื่อนแม่สรวย ซึ่งทางโครงการได้ห้ามประชาชนเข้าไปบริเวณสันเขื่อนโดยหวั่นถึงความปลอดภัยด้วยปรากฏมีนักท่องเที่ยวขึ้นไปบริเวณสันเขื่อนและถ่ายรูปลงโซเซียล อาจจะได้รับอันตรายโดยปัจจัยหลายเรื่อง อาทิการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เมามายขึ้นไปอาจพลัดตกเสียชีวิต จึงได้หวงห้ามไว้ตั้งแต่ต้น แต่ส่วนด้านล่างสปริงเวย์ ลงมาเหนือสะพานซึ่งเป็นพื้นที่ใหม่ที่ทางชุมชนขอใช้ ทางโครงการส่งน้ำบำรุงรักษาชลประทานแม่ลาวได้มอบพื้นที่ให้กับเทศบาลตำบลเวียงสรวย ที่ทำเรื่องขอใช้พื้นที่จะต้องกำกับดูแลเป็นพิเศษ และบริเวณที่ชุมชนขอใช้ไม่สามารถล่องแพเปียกได้มีเพียง

    ทำซุ้มบริการนักท่องเที่ยวทานอาหาร รองรับประชาชน และเป็นพื้นที่จอดรถแก่นักท่องเที่ยว แต่ห้ามจำหน่ายเหล้าเบียร์เนื่องจากเป็นพื้นที่ของทางราชการห้ามจำหน่ายตามกฎหมาย ส่วนร้านค้าที่อยู่ในพื้นที่เอกชนหากมีการจำหน่ายเหล้าเบียร์ก็เป็นเรื่องของกรมสรรพสามิตรที่จะดำเนินคดี เปรียบเทียบปรับในอัตราทางกรมสรรพสามิตกำหนด ทางเทศบาลสามารถดำเนินตามกรอบอำนาจหน้าที่ได้เพียงเก็บค่าธรรมเนียมซุ้ม แพเปียก ลานจอดรถ ป้ายโฆษณา กำกับดูแลเรื่องระบบสุขาภิบาล จัดการอบรมผู้ประกอบการอาหาร เกี่ยวกับใบสัมผัสอาหาร เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในการประกอบอาหารตามสุขอนามัย และให้ผู้ประกอบการดูแลเกี่ยวกับฝุ่นและความสะอาดของขยะ หากสิ้นระยะเวลาการขออนุญาตให้ผู้ประกอบการรื้อสิ่งปลูกสร้างออกทันทีเพื่อให้กลับเข้าสู่สภาพเดิมเงื่อนไขการขออนุญาต

    เมื่อวันที่19 ก.พ.68 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้เข้าพบนายทรงพล พงษ์มุกดา ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาชลประทานแม่ลาวเกี่ยวกับการส่งมอบพื้นที่ตามคำขอใช้พื้นที่ในกิจการท่องเที่ยวแพเปียกเขื่อนแม่สรวยตามคำขอเทศบาลตำบลเวียงสรวย นายทรงพลกล่าวว่าทางโครงการฯไม่ขัดข้องแต่ประการใดแต่ขอให้เทศบาลเวียงสรวยได้กำกับดูและตลอดระยะเวลการขออนุญาต ตั้งแต่วันที่15 ก.พ-15 พ.ค.2568 แต่ให้รื้อสิ่งปลูกสร้างออกพ้นลำน้ำเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการขอใช้ และเพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนสร้างรายได้แก่ประชาชนในพื้นที่ อนึ่งการะบายน้ำ4-5 ลบม./วินาที ซึ่งถือเป็นการระบายน้ำตามปกติ เพื่อเป็นการส่งน้ำให้เกษตรกรผู้ใช้น้ำในการเกษตร140,000ไร่เฉพาะช่วงแล้ง70,000ไร่ ในพื้นที่ อำเภอแม่ใจ จ.พะเยา อ.พาน อำเภอแม่ลาว อำเภอเมือง จ. เชียงราย รวมทั้งระบบน้ำประปา การระบายน้ำเป็นรอบปกติของการบริหารจัดการของโครงการ กรณีกิจการล่องแพเปียกแม่สรวย เป็นเพียงแค่ผลพลอยได้ ทางโครงการขอชี้แจงไม่ใช่ผันน้ำเพื่อกิจการแพเปียกโดยเฉพาะ แต่เป็นการต้องการของคณะกรรมการผู้ใช้น้ำ และทางโครงการฯจะต้องบริหารจัดการน้ำตามความประสงค์ทั้งนี้ทางโครงการฯจะต้องประเมินว่าปริมาณน้ำเพียงพอกับความต้องการเกษตรหรือไม่ หากไม่พออาจจะเพิ่มการระบายน้ำเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยจากการระบายในระดับปกติ

    อย่างไรก็ตามก็ขอให้การระบายน้ำออกจากเขื่อนแม่สรวย ได้ประโยชน์สูงสุด ส่วนเรื่องการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น แท้จริงไม่สามารถทำในบริเวณสถานที่ราชการแต่ถ้าหากฝ่าฝืนก็จะถูกดำเนินการตามกฎหมายและในเรื่องดังกล่าวให้เทศบาลตำบลเวียงสรวยกำกับดูแลตามอำนาจหน้าที่
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในส่วนพื้นที่เอกชนขณะนี้ได้โขกราคาสูงเกินผิดปกติทำให้ผู้ประกอบกิจการในส่วนร้านค้าและแพเปียก โอดครวญโดยเฉพาะพื้นที่ต้นน้ำที่ทำซุ้ม ล่องแพเปียก ราคาสูงล๊อคราคาเกือบ200,000 บาทไล่เรียงลงไปสองฝั่งแม่น้ำหลักหมื่นต้นถึงหลักหมื่นๆปลายๆและต้องถูกเก็บค่าธรรมเนียมในส่วนต่างๆอีกและในสภาวะเศรษกิจเช่นนี้ข้าวของและวัตถุดิบในการประกอบอาหารจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยว ตลอดถึงค่าจ้างแรงงานสูง จึงส่งผลให้ผู้ประกอบการทั้งรายเก่าและรายใหม่ต้องกัดฟันสู้แบบเสี่ยงดวงเป็นที่น่าสังเกตว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะเป็นบุคคลนอกพื้นที่แทบทั้งสิ้นส่วนคนในพื้นที่มีไม่มาก.

     นายธนกฤต วรรมณี  ทีมงานข่าวบก. รายงาน

    สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / สุดปัง!! น้องมหาเทพ นายแบบวัยทีน ร่วมเปิดตัวห้องเสื้อแบรนด์ ”มหาเทพ“

    แชร์เนื้อหานี้

    ในกิจกรรม BAF ครั้งที่ 10 เทศกาลศิลปะแห่งกรุงเทพ BANGKOK ART FESTIVAL ที่ไอคอนสยาม กรุงเทพมหานคร สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ( สศร.) กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับ ไอคอนสยาม ชวนยกระดับความคิดสร้างสรรค์ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยวัฒนธรรม ผ่านการจัดเทศกาลศิลปะแห่งกรุงเทพ หรือ Bangkok Art Festival ( BAF ) ครั้งที่ 10 ระหว่างวันที่ 17 – 23 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 16.00 – 22.00 น. ณ ริเวอร์พาร์ค ไอคอนสยาม

    นาง ยุถิกา อิศรางกูร ณ อยุธยา รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า จากแนวคิดในการขับเคลื่อนกระทรวงวัฒนธรรมของนางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้กำหนดนโยบายในการส่งเสริมระบบนิเวศและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจวัฒนธรรม และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยพัฒนาพื้นที่ทางศิลปวัฒนธรรมและเสริมพลังสร้างสรรค์ให้คนเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจวัฒนธรรมและสังคม นำมาสู่การพัฒนาศักยภาพเมืองแห่งศิลปะในจังหวัดต่างๆ

    BAF #BangkokArtFestival #เทศกาลศิลปะกรุงเทพMAHADEPBANDMAHADEP18MAHADAP TANATPATARAKUL มหาเทพ ธเนศภัทรกูล

    สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / Pattaya Roadshow to Muscat ชาวโอมานให้ความสนใจเกินคาด/เมืองพัทยาส่งรถบรรทุก 5 คัน ลุยจัดเก็บสาหร่ายทะเลเกยหาดกระทิง/เปิดงานมหกรรมเกษตรธรรมชาติ ครั้งที่ 24

    แชร์เนื้อหานี้

    วันที่ 12 ก.พ.68 มีรายงานว่า เมืองพัทยาร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี (อบจ.ชลบุรี) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพัทยา กลุ่มผู้ประกอบการพัทยา (Sellers) 16 หน่วยงาน เข้าร่วมงาน Pattaya Roadshow to Muscat (MCT) ณ โรงแรม Sheraton Oman กรุงมัสกัต ประเทศโอมาน

    ทั้งนี้ เพื่อเสนอขายสินค้าทางการท่องเที่ยวให้กับผู้ประกอบการต่างประเทศ (Buyers) จำนวนกว่า 50 หน่วยงาน ด้วยการนำทัพผู้ประกอบการพัทยาโดยนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา นายบรรลือ กุลละวณิชย์ ประธานสภาเมืองพัทยา นางจิดาภา สุวัตถาภรณ์ สมาชิกสภาเมืองพัทยา นายภูมิพิพัฒน์ กมลนาถ เลขานุการนายกเมืองพัทยา

    นายชัยวัฒน์ ตามไท ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สำนักงานพัทยา) นางดารัตน์ สุรักขกะ รองปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี และผู้อำนายการสำนักการท่องเที่ยวเมืองพัทยา สำนักงานพัทยา เข้าร่วมงาน พร้อมได้รับเกียรติจาก นายเอกอรรถ ทิตาราม อุปทูตฯ ณ กรุงมัสกัต ประเทศโอมาน เป็นประธานเปิดงาน

    โดยภายในงาน เมืองพัทยาได้นำการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยไปเผยแพร่ภายในงาน Pattaya Roadshow to Muscat (MCT) พร้อมนำเสนอสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของเมืองพัทยา ซึ่งพบว่าผู้ประกอบการชาวโอมานให้ความสนใจเกินคาด เป็นสัญญาณที่ดีด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยต่อไป

    อธิบดี สกร. เปิดงานมหกรรมเกษตรธรรมชาติ ครั้งที่ 24 “สืบสานพระราชดำริ สู่มิติการพัฒนาอย่างยั่งยืน” ประจำปี 2568

    วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 นายธนากร ดอนเหนือ อธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ เป็นประธานในพิธีเปิดงานมหกรรมเกษตรธรรมชาติ ครั้งที่ 24 “สืบสานพระราชดำริ สู่มิติการพัฒนาอย่างยั่งยืน” ประจำปี 2568 พร้อมกันนี้ได้เยี่ยมชมบูธจัดแสดงนิทรรศการและสินค้าของหน่วยงานต่าง ๆ และ

    ได้ร่วมลงแปลงผักเกษตรธรรมชาติ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ให้ผู้ปฏิบัติงาน รวมทั้งบุคลากร ศฝช.วัดญาณฯ ณ ศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี

    งานมหกรรมเกษตรธรรมชาติ ครั้งที่ 24 “สืบสานพระราชดำริ สู่มิติการพัฒนาอย่างยั่งยืน” ประจำปี 2568 ในครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือ จากสำนักงานคณะกรรมการพิเศษประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) หน่วยงานโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณรอบวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร

    อันเนื่องมาจากพระราชดำริ สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดชลบุรี สกร.ระดับอำเภอ กลุ่มศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพฯ ศูนย์ฝึกทหารใหม่กองยุทธศึกษาทหารเรือกองฝึกหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ทุกแห่ง สื่อมวลชนทุกแขนง หน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ชุมชน และภาคประชาชน รวมถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย

    ทั้งนี้ โดยมีวัตถุประสงค์ คือ 1.เพื่อเผยแพร่พระราชดำริพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่มีต่อปวงชนชาวไทย 2.เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ด้านเกษตรธรรมชาติและเทคโนโลยีทางการเกษตร 3.เพื่อเป็นศูนย์กลางการจำหน่ายผลผลิตเกษตรธรรมชาติสู่ผู้บริโภคโดยตรง

    Nike Pattaya by IAM247 เปิดตัวสาขาแรกในภาคพื้นตะวันออก ตอบโจทย์ลูกค้าสายออกกำลังกายและแฟชั่น

    วันที่ 13 ก.พ.68 นายรัตนชัย สุทธิเดชานัย ผู้ทรงคุณวุฒิเมืองพัทยา ในฐานะผู้แทนนายกเมืองพัทยา ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิด Nike Pattaya by IAM247 สาขาแรกในภาคพื้นตะวันออก ที่บริเวณชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพัทยา จ.ชลบุรี โดยมี นายขวัญชัย บุญอารีย์ ผู้จัดการทั่วไป ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพัทยา นายบุญอนันต์ พัฒนสิน นายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา-ชลบุรี ร่วมพิธี

    นายพยัคฆ์ กิจตั้งไพศาล ผู้จัดการทั่วไป Nike Pattaya by IAM247 เผยว่า ถือเป็นการเปิดตัวสาขาแรกในภาคพื้นตะวันออก เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้า ด้วยการรวบรวมสินค้าตอบโจทย์ครบทุกความต้องการของกลุ่มลูกค้าครอบครัวและกลุ่มลูกค้าสายสปอร์ต โดยอยู่ภายใต้การดำเนินงานของ IAM247 by Valiram ซึ่งเป็น Nike Official Store Partner ในประเทศไทย

    ทั้งนี้ นับเป็นการเปลี่ยนนิยามคำว่า Sports Performance Store ด้วยไลน์อัพสินค้าจัดเต็ม และครั้งแรกกับบริการระดับ Rise store experience ในภาคพื้นตะวันออกครั้งแรกที่เมืองพัทยา บนพื้นที่ให้บริการกว่า 450 ตร.ม. โดยความโดดเด่นของ Nike Pattaya by IAM247 จะมีบริการจำหน่านสินค้าเสื้อผ้าออกกำลังกายคุณภาพสูง รองเท้าในกลุ่มรันนิ่งจะมีไปถึงตัวท็อปสุด และยังมีรองเท้าสนีกเกอร์ ไลฟ์สไตล์ ทั้งจอร์แดน และไนกี้ดั้ง รวมทั้งสปอร์ตแฟชัน เสื้อบราออกกำลังการสำหรับสุภาพสตรี

    ร้านดอกไม้พัทยาคึกคักรับวันวาเลนไทน์

    วันที่ 14 ก.พ.68 ซึ่งตรงกับเทศกาลแห่งความรัก หรือวันวาเลนไทน์ บรรยากาศการซื้อขายดอกไม้ และสินค้าที่ระลึกในเมืองพัทยาเป็นไปอย่างมีสีสัน ผู้ประกอบการพากันนำสินค้าออกมาจำหน่ายเพื่อเรียกลูกค้ากันอย่างคึกคัก

    ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ร้านจำหน่ายดอกไม้และขอฃที่ระลึกที่ตลาดลานโพธิ์นาเกลือ พบผู้ประกอบการตกแต่งร้านด้วยการนำช่อดอกไม้และตุ๊กตามาจัดวางอย่างสวยงาม โดยมีลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติทยอยมาเลือกซื้ออย่างต่อเนื่อง

    สอบถามผู้ประกอบการ ทราบว่า ดอกกุหลาบในปีนี้ราคาพอๆ กับปีที่แล้ว ถ้าจัดช่อก็จะเพิ่มค่าบริการตกแต่งและดอกไม้ประดับ ด้วยมีฐานลูกค้าเดิมทำให้ลูกค้าไม่ลดลง และทางร้านยังมีบริการจำหน่ายดอกไม้เทียมและตุ๊กตาเนื่องในวันวาเลนไทน์ด้วย

    คลินิกทำฟันพัทยา ทำเก๋! ตกแต่งร้านเป็นถ้ำขาวบริสุทธิ์ พร้อมเฟอร์นิเจอร์อลังการรับผู้มาใช้บริการ

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คลินิกทันตกรรม Land of Smile Dental Clinic สาขา 2 (สาขาพัทยา) ตั้งอยู่ริมถนนพรประภานิมิต 17 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ได้มีการตกแต่งร้านอย่างแปลกตาและไม่เหมือนใคร ด้วยการเนรมิตจัดสร้างพื้นที่รอใช้บริการทำฟันเป็นถ้ำสีขาว พร้อมตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สวยงามอลังการ

    ทันตแพทย์ ชลวิตต์ เนื่องโคตะ ผู้บริหาร คลินิกทันตกรรม Land of Smile Dental Clinic เปิดเผยว่า ด้วยตนเองชอบเดินทางท่องเที่ยวถ้ำและภูเขาหลากหลายจังหวัด โดนเฉพาะถ้ำที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับพญานาค ซึ่งตนเองให้ความสนใจ จึงเกิดไอเตียตกแต่งร้านทันตกรรมสาขานี้ ให้เป็น Pure Cave หรือถ้าขาวบริสุทธิ์ ด้านบนมีเท้าเวสสุวรรณโณองค์ยืนจัดวางไว้อย่างสง่างาม

    ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นที่นั่งพักรอคิวใช้บริการทำฟันกับทางคลินิก ซึ่งผู้ที่มาใช้บริการบริการต่างเอ่ยปากชมว่างมีความแปลกและสวยงาม โดยคลินิกทันตกรรม Land of Smile Dental Clinic สาขา 2 เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00 น.- 20.00 น. สอบถามเพิ่มเติมโทร.088-225-6296, 091-737-9942

    โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยาจัดกิจกรรม “รวมมิตร พิชิตมะเร็ง” เนื่องในเดือนแห่งเทศกาลวันมะเร็งโลก

    มีรายงานว่า โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยาได้จัดกิจกรรม “รวมมิตร พิชิตมะเร็ง” พร้อมเสวนาจากแพทย์เฉพาะทางด้านโรคมะเร็งร่วมเสวนาหัวข้อ “มะเร็งร้าย ที่รักเธอ ” เพื่อวิธีดูแลตัวเองให้ห่างไกลโรคมะเร็ง พร้อมกิจกรรมคัดกรองโรคมะเร็งเบื้องต้น ให้กับผู้ร่วมกิจกรรม เนื่องในโอกาสเดือนแห่งวันมะเร็งโลก โดยมีแพทย์หญิงชนิศา อินณชิต ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา กล่าวต้อนรับและกล่าวเปิดงาน

    หลังจากนั้นมีการเสวนาเรื่อง “มะเร็งร้าย ที่รักเธอ” โดย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสหสาขา โรคมะเร็ง รพ.กรุงเทพพัทยา ได้แก่ นพ. ฐาปนัสม์ ลิขิตมาศกุล ศัลยแพทย์เต้านม นพ. สิทธิ สุขอวยชัย อายุรแพทย์โรคมะเร็ง นพ. ณรงค์ฤทธิ์ ขุนภักดี อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินอาหาร และพญ. พันธลี ชื่นสัมพันธ์ แพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัย ด้านโภชนาการและเมตาบอลิสม มาร่วมพูดคุยให้ความรู้การดูแลตัวเองและคนในครอบครัวให้ห่างไกลโรคมะเร็ง

       จากข้อมูลล่าสุดของสถาบันมะเร็งแห่งชาติในปี 2565 พบว่า ประเทศไทยมีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ประมาณ 140,000 คนต่อปี หรือเฉลี่ยวันละ 400 คน และมีผู้เสียชีวิตจากมะเร็งประมาณ 83,000 คนต่อปี หรือเฉลี่ยวันละ 227 คน สำหรับมะเร็งที่พบมากที่สุดในประเทศไทย ได้แก่ มะเร็งตับและท่อน้ำดี มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก มะเร็งปากมดลูก  แพทย์ได้เปิดเผยว่า สาเหตุหลักของการเกิดโรคมะเร็งมาจากปัจจัยภายนอกร่างกาย เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนสารก่อมะเร็ง และการได้รับสารก่อมะเร็งจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม  การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิตโดยหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ สามารถลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งได้ถึงร้อยละ 40 นอกจากนี้ มะเร็งบางชนิดสามารถตรวจคัดกรองได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก การตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญในการลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการรักษาโรคมะเร็งให้หายได้  ภายในกิจกรรม มีการออกบูธคัดกรองโรคมะเร็งเบื้องต้นให้กับผู้ร่วมกิจกรรม ประเมินความเสี่ยงมะเร็งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น แบบประเมินความเสี่ยงมะเร็งเต้านม, แบบประเมินคัดกรองความเสี่ยงมะเร็งลำไส้, แบบประเมินคัดกรองความเสี่ยงมะเร็งต่อมลูกหมาก และอื่นๆ อีกมากมาย

    เตรียมเนรมิตหาดบ้านอำเภอจัดงานเดินกินถิ่นนาจอมเทียน (ถนนคนเดิน) ครั้งที่ 3 ทต.นาจอมเทียนจัดยิ่งใหญ่ปลุกสีสันการท่องเที่ยวชลบุรี

    นางสาวรพีพรรณ รัตนเหลี่ยม นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลนาจอมเทียน เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์-2 มีนาคม 2568 เทศบาลตำบลนาจอมเทียนได้กำหนดจัดงานมหกรรมอาหาร “เดินกินถิ่นนาจอมเทียน” (ถนนคนเดิน) ครั้งที่ 3 ณ บริเวณริมชายหาดบ้านเภอ

    กิจกรรมดังกล่าวเป็นกิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวท้องถิ่นให้มีสีสัน ส่งเสริมการท่องเที่ยวควบคู่ไปกับวัฒนธรรมอันดี และยังเป็นการเปิดพื้นที่ให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นจากกิจกรรมการท่องเที่ยวด้วยการชูเอาเอกลักษณ์ความโดดเด่นของอาหาร ทั้งอาหารพื้นฐิ่นรสชาติอร่อย และอาหารทะเลแบบสดๆ มานำเสนอให้บริการผ่านร้านค้าต่างๆ ด้วยบรรยากาศริมทะเลของชายหาดบ้านอำเภอ จึงอยากเชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวมาร่วมงานมหกรรมอาหาร “เดินกินถิ่นนาจอมเทียน” (ถนนคนเดิน) ครั้งที่ 3

    อย่างไรก็ดี ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 จะมีพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการ โดยได้รับเกียรติจากนายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี มาเป็นประธาน และไฮไลต์ของงานมหกรรมอาหาร “เดินกินถิ่นนาจอมเทียน” (ถนนคนเดิน) ครั้งที่ 3 จะมีการแสดงดนตรีจากศิลปินชื่อดัง “ตั๊กแตน-ชลดา” ที่จะมาสสร้างความสนุกสนานให้ผู้ร่วมงานในวันที่ 2 มีนาคม 2568 ด้วย

    ธุรกิจทันตกรรมพัทยาเดือด! ฟัดกันมันส์ใน “Red Zone”

    ทันตแพทย์ ชลวิตต์ เนื่องโคตะ ผู้บริหารคลินิกทันกรรม Land of Smile Dental Clinic เปิดเผยว่า ธุรกิจทันตกรรมในพัทยากำลังกลายเป็นสนามแข่งขันที่ร้อนแรง หรือที่เรียกว่า “Red Zone” ด้วยจำนวนคลินิกที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นคลินิกท้องถิ่น คลินิกระดับไฮเอนด์ หรือศูนย์ทันตกรรมในโรงพยาบาลเอกชน ทุกแห่งต่างแข่งขันกันทั้งด้าน ราคา คุณภาพ และเทคโนโลยี เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ

    พัทยาเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติที่ต้องการบริการทางทันตกรรมคุณภาพสูง ส่งผลให้ตลาดนี้ดึงดูดผู้เล่นรายใหญ่จำนวนมาก แต่ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง Land of Smile โดดเด่นขึ้นมาเป็นทางเลือกใหม่ สำหรับผู้ที่ต้องการบริการระดับพรีเมียมในราคาที่เข้าถึงคลินิกทันตกรรมทางเลือกใหม่ที่แตกต่างได้ ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง Land of Smile เลือกที่จะไม่แข่งด้านราคาเพียงอย่างเดียว แต่แข่งด้วยคุณภาพและบริการที่เหนือระดับ โดยจุดเด่นของ Land of Smile คือการบริการทันตกรรมครบวงจร ตั้งแต่การดูแลสุขภาพฟันขั้นพื้นฐานไปจนถึงบริการระดับสูง เช่น รากฟันเทียม วีเนียร์ จัดฟันใส Invisalign

    ประกอบกับเครื่องไม้เครื่องมือและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ใช้ระบบดิจิทัล เช่น สแกน 3 มิติ และระบบนำร่องรากฟันเทียม เพื่อความแม่นยำและปลอดภัย และมีทันตแพทย์เฉพาะทางมากประสบการณ์ให้คำปรึกษาอย่างละเอียดและวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล อีกทั้ง บรรยากาศของคลินิกเป็นไประดับพรีเมียม สะอาด ปลอดภัย ให้ความรู้สึกเหมือนสปาทันตกรรม ในราคาสมเหตุสมผล คุณภาพระดับไฮเอนด์แต่ราคาเข้าถึงได้กว่าศูนย์ทันตกรรมในโรงพยาบาล

    ในส่วนของ อนาคตของธุรกิจทันตกรรมในพัทยานั้น แม้ว่าตลาดจะเต็มไปด้วยการแข่งขัน แต่แนวโน้มของลูกค้ากำลังเปลี่ยนไป เพราะไม่ได้มองหาเพียง ราคาถูกที่สุด อีกต่อไป แต่ให้ความสำคัญกับ คุณภาพ ความปลอดภัย และความสะดวกสบาย ซึ่งเป็นจุดแข็งที่ Land of Smile มุ่งเน้น ทันตแพทย์ ชลวิตต์ เนื่องโคตะ ผู้บริหารคลินิกทันกรรม Land of Smile Dental Clinic ระบุ

    สม.พัทยาจับมือศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งชลบุรี และ สภ.เมืองพัทยา เดินหน้าจัดระเบียบคนเร่ร่อน รวบโฮมเลส 7 ราย พบ 5 รายมีสารเสพติด

    วันที่ 18 ก.พ.68 นายวุฒิธร แสงอุไร สมาชิกสภาเมืองพัทยา พร้อมเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมเมืองพัทยา เจ้าหน้าที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งชลบุรีจังหวัดชลบุรี เจ้าหน้าที่เทศกิจเขตจอมเทียน เจ้าหน้าที่กิจการพิเศษเมืองพัทยา และตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบเพื่อจัดระเบียบกลุ่มคนเตร็ดเตร่เร่ร่อนในเขตพัทยาและหาดจอมเทียน

    ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่ดังกล่าวสามารถควบคุมตัวบุคคลเตร็ดเตร่เร่ร่อนได้จำนวน 7 ราย ซึ่งไม่มีที่พักเป็นหลักแหล่ง จะอาศัยอยู่ตามที่สาธารณะทั่วไป เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา จึงคัดแยกตรวจสอบพบมีสารเสพติดในร่างกายจำนวน 5 ราย จึงควบคุมดำเนินคดีตามกระบวนการ

    และไม่พบสารเสพติดอีก 2 ราย โดย 1 รายมีอาการวิตกจริตและหวาดกลัวจึงนำตัวส่งโรงพยาบาลพัทยาปัทมคุณ และอีกรายประสงค์จะเดินทางกลับภูมิลำเนาด้วยตนเอง เจ้าหน้าที่จึงทำการว่ากล่าวตักเตือนก่อนปล่อยตัวไปในที่สุด

    เมืองพัทยาส่งรถบรรทุก 5 คัน ลุยจัดเก็บสาหร่ายทะเลเกยหาดกระทิงราย เผยปีนี้เยอะเป็นประวัติการณ์ คาดทะลักหลายสิบตัน

    หลังจากเกิดปรากฏการณ์สาหร่ายทะเลพัดเข้าฝั่งชายหาดกระทิงราย อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จนเกิดการเน่าเสียส่งกลิ่นเหม็นสร้างผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยละแวกดังกล่าวจนได้รับความเดือดร้อน

    ล่าสุด วันที่ 19 ก.พ.68 มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายควบคุมการรักษาความสะอาด ส่วนควบคุมมลพิษ สำนักทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมืองพัทยา ได้รับคำสั่งจากผู้บริหารเมืองพัทยา โดย นายมาโนช หนองใหญ่ รองนายกเมืองพัทยา ให้จัดกำลังลงพื้นจัดเก็บสาหร่ายทะเลอย่างต่อเนื่อง

    ในวันนี้ ฝ่ายควบคุมการรักษาความสะอาด ส่วนควบคุมมลพิษ สำนักทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมืองพัทยา ได้นำรถบรรทุกหกล้อจำนวน 5 คันมาทำการขนถ่ายสิ่งปฏิกูลทางทะเลดังกล่าว โดยใช้เจ้าหน้าที่จาก 3 เขต ร่วมกันปฏิบัติงานกว่า 35 คน

    เจ้าหน้าที่เมืองพัทยา บอกว่า สาหร่ายทะเลปกติจะลอยมาทุกปีแต่ไม่มาก ตั้งแต่ช่วงโควิดมาก็ไม่พบอีกเลยจนมาปีนี้พบมากเป็นประวัติการณ์ คาดว่ามีจำนวนหลายสิบตัน เจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่จัดเก็บอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าอีกไม่กี่วันนี้คงจะหมด

    สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ทับสะแกวุ่นซ้ำซาก ! ชาวบ้านฮือขับไล่รอบ 2 รักษาการเจ้าอาวาสองค์ใหม่มาพร้อมตราตั้งเจ้าคณะอำเภอ แต่วืดเข้าดูแลวัดโบสถ์เหรียญบาท

    แชร์เนื้อหานี้

    เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 18 ก.พ.2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดบ้านทุ่งเคล็ด หรือ วัดโบสถ์เหรียญบาท หมู่ 3 ต.นาหูกวาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีความขัดแย้งระหว่างชาวบ้านกับพระภิกษุอีกครั้งหลังจากเมื่อวันที่ 15 ก.พ. ที่ผ่านมามีการรวมตัวขับไล่เจ้าอาวาสองค์ใหม่ จากกรณีมี คำสั่งเจ้าอาวาสวัดบ้านทุ่งเคล็ด ที่ ๐๐๕/๒๕๖๘ อนุญาตให้พระประสิทธิ์ สัญจร เข้าอยู่วัดบ้านทุ่งเคล็ด โดยมีบทบัญญัติแห่งกฎมหาเถรสมาคม

    ฉบับที่ ๑๙ (พ.ศ. ๒๕๓๖) ว่าด้วยการผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส ออกตามความในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ ในมาตรา ๓๘ ในกรณีที่ไม่มีเจ้าอาวาสหรือเจ้าอาวาสไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ให้แต่งตั้งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส ให้ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส มีอำนาจและหน้าที่เช่นเดียวกับเจ้าอาวาส

    ล่าสุด เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา พระครูผาสุกวิหารการ เจ้าคณะอำเภอทับสะแก พร้อมคณะสงฆ์อำเภอทับสะแก เดินทางไปวัดบ้านทุ่งเคล็ด กรณีที่เจ้าอาวาสองค์ใหม่ไม่สามารถเข้าปฏิบัติหน้าที่ได้เนื่องจากโดนชาวบ้านขับไล่ โดยวันนี้คณะสงฆ์อำเภอทับสะแกได้อ่านเอกสารแสดงเหตุผล ข้อกฎหมาย

    เพื่อสั่งปลดเจ้าอาวาสองค์เก่าและหนังสือแต่งตั้งเจ้าอาวาสองค์ใหม่ มีชาวบ้านกว่า 200 คนร่วมรับฟัง ขณะที่ทนายความของวัดพยายามแสดงเหตุผลโต้แย้งการแต่งตั้งโดยอ้างว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้มีชาวบ้านแสดงความคิดเห็นคัดค้านเจ้าอาวาสองค์ใหม่ ท่ามกลางการรักษาความสงบเรียบร้อยจากกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ และ เจ้าหน้าที่ อส.

    ในขณะที่มีการถกเถียง เจ้าคณะอำเภอทับสะแกได้มอบตราตั้งเพื่อแต่งตั้งเจ้าอาวาสให้กับพระประสิทธิ์ แต่ชาวบ้านได้ตะโกนขับไล่และด่าทอ ทำให้บรรยากาศในศาลาการเปรียญตึงเครียด ต่อมาคณะสงฆ์ได้เดินทางออกจากศาลาการเปรียญดังกล่าว โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่คุ้มกันพร้อมดูแลความสงบแต่ชาวบ้านได้เดินตามขับไล่เจ้าวัดองค์ใหม่เสียงดังไปทั่วบริเวณวัด

    นายวัฒนา ฉั่วเจริญ อายุ 51 ปี ไวยาวัจกร วัดบ้านทุ่งเคล็ด กล่าวว่า ชาวบ้านบ้านทุ่งเคล็ด ต้องการพระมีคุณสมบัติที่ดีมีความพร้อม หรือต้องเข้ากับชาวบ้านให้ได้ ต้องมีมุทิตา อุเบกขา ซึ่งตนเองไม่ต้องการให้วัดเสียหายมากไปกว่านี้ จึงขอให้ทุกฝ่ายตรวจสอบคุณสมบัติของเจ้าอาวาสองค์ใหม่ว่าที่ผ่านมาเคยถูกดำเนินคดีทางอาญามาก่อนหรือไม่ ขอให้ตรวจสอบให้เสร็จภายใน 1 เดือน

    จากนั้นจะต้องมีการเจรจากับญาติโยมที่บ้านทุ่งเคล็ด หากพบว่ามีปัญหาชาวบ้านก็ยอมรับไม่ได้ เนื่องจากวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา พระประสิทธิ์ ได้รับการแต่งตั้งให้มีอำนาจดูแลวัดบ้านทุ่งเคล็ด พร้อมถือหนังสือสั่งการมาแสดง แต่ขณะเดินทางไปวัดบ้านทุ่งเคล็ด ชาวบ้านได้โห่ขับไล่ให้ออกจากวัดจนมีเรื่องวุ่นวายมาแล้ว

    /////////////////

    ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

    สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ฝ่ายปกครอง บุกทลายร้านบังท็อป ขายน้ำกระท่อม กัญชา บุหรี่เถื่อน และ บุหรี่ไฟฟ้า บาท / ร่วมงานบุญข้าวจี่ มหัศจรรย์ของดีโพธิ์ศรีสุวรรณ 21-27 กพ.68

    แชร์เนื้อหานี้


    ***เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 68 นายกันวลินทร์ เมืองแก้ว นายอำเภอเมืองศรีสะเกษ ได้สั่งการให้ น.ส. อมร นามบุตร ปลัดอาวุโสอำเภอเมืองศรีสะเกษ พร้อม นายศรายุธ สีละออง ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ อส.

    ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่กองสาธารสุขเทศบาลเมืองศรีสะเกษ บุกตรวจค้นร้านบังท็อป ซึ่งเป็นร้านขายน้ำกระท่อม ยาแก้ไอ กัญชา บุหรี่เถื่อน บุหรี่ไฟฟ้า อุปกรณ์การเสพ ให้กับกลุ่มวันรุ่นในตัวเมืองศรีสะเกษ เพื่อเป็นการป้องปรามการขายน้ำกระท่อมในพื้นที่ศรีสะเกษที่กำลังแพร่หลายในหลายพื้นที่ของจังหวัดศรีสะเกษ ทั้งใกล้สถานศึกษา และใกล้กับสถานที่ราชการ

    ***โดย ร้านบังท็อป เป็นร้านขายน้ำกระท่อม ยาแก้ไอ กัญชา บุหรี่เถื่อน บุหรี่ไฟฟ้า อุปกรณ์การเสพ 24 ชั่วโมง ซึ่งถือเป็นร้านใหญ่ในเขตตัวเมืองศรีสะเกษ ตั้งอยู่ในแหล่งชุมชน มีหอพักของนักศึกษา มากมาย และตั้งห่างจากมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ เพียง 500 เมตร

    ***นายเอ (นามสมมุติ) หนึ่งในผู้ต้องหา เปิดเผยว่า ตนเป็นเพียงคนเฝ้าร้านซึ่งเจ้าของร้านจะให้ค้าจ้างเป็นชั่วโมง ซึ่งตนจะได้ชั่วโมงละ 35 บาท โดยที่มาทำงานเฝ้าร้านนี้เพราะไม่ได้เรียนหนังสือ และไม่มีงานทำ พอมีคนมาชวนให้มาทำงานตนเลยมาทำงานเฝ้าร้านให้ ซึ่งไม่รู้ว่าที่ทำไปนั้นมันผิดกฎหมาย

    ***ขณะที่ นายบี (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นอีกคนที่เป็นมือต้มน้ำกระท่อม เปิดเผยว่า ตนมีหน้าที่ต้มน้ำท่อมให้กับทางร้านเพื่อเอาไปขายให้กับลูกค้าที่มาซื้อ โดยได้ค้าจ้างในการต้ม หม้อละ 80 บาท ซึ่งต้มหม้อหนึ่งทางร้านจะสามารถนำไปกรอดใส่ขวด 1.5 ลิตรได้ประมาณ 70-80 ขวด

    และเอาไปขายขวดละ 45-50 บาท ซึ่งวันๆหนึ่งจะต้มน้ำกระท่อมให้กับทางร้านวันละ 7-10 หม้อ ส่วนน้ำกระท่อมที่ทางร้านขายจะมีอยู่ 7-8 รสชาติ เช่น ต้มแบบรสดั้งเดิม, รสองุ่น, รสแอปเปิ้ล, รสลิ้นจี่, รสบลูฮาวาย, รสแตงโม และรสแคนตาลูป โดยรสชาติที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ รสดั้งเดิม และแต่ละรสชาติจะใส่ยาแก้ไอ้ ยาแก้แพ้ ลงไปด้วย

    ***นอกจากนี้ชุดจับกุมยังได้บุกไปทลายห้องพักแห่งหนึ่ง เลขที่ 111 ที่อยู่ใกล้ๆกับมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ ซึ่งเช่าห้องเปิดเป็นโกดังเก็บทั้งยาแก้ไอ บุหรี่เถื่อน บุหรี่ไฟฟ้า โดยภายในห้องจะมีกล้องวงจรติดไว้เพื่อเอาไว้ดูความเคลื่อนไว้อีกด้วย โดยจาการสอบถามคนดูแลห้องเช่า เปิดเผยว่า มีใครก็ไม่รู้เปิดขอเช่าห้องไว้ในราคาห้องวละ 1,500 บาท ต่อเดือน ไม่รวมค่าน้ำค่าไฟ ซึ่งมาขอเช่านานแล้ว ซึ่งตนก็ไม่ได้ไม่สนใจว่าห้องดังกล่าวจะมีคนมาพักหรือไม่ รู้แต่เพียงว่าห้องดังกล่าวจะมีคนมาเปิดเข้าออกอยู่เป็นประจำ

    ***ด้าน น้องๆนักศึกษา ที่เช่าอยู่ห้องข้างๆ เล่าให้ฟังว่า เมื่อไม่นานมานี้ ตนเคยไปบอกเจ้าของหอพักแล้วว่าห้องข้างๆมีกลิ่งเหม็นคล้ายกลิ่นกัญชา แต่ไม่ได้รับการแก้ไข ซึ่งตนก็ไม่กล้าที่ไปบอกคนที่เข้าออกห้องนี้ เพราะแต่ละครั้งที่มีคนเข้าออกห้องนี้ก็มีแต่ผู้ชายทั้งนั้น เลยต้องทนกลิ่นเหม็นแบบนี้มาตลอด

    ***ทั้งนี้การบุกจับกุมในครั้งนี้เนื่องจากชาวบ้านร้องเรียนเข้ามากับทางอำเภอเมืองศรีสะเกษ จึงได้มีการตรวจสอบ และเข้าจับกุมในครั้งนี้ ซึ่งร้านบังท็อป ร้านนี้ถือจับกุมมาแล้ว 3 ครั้ง และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 แต่ละครั้งที่ถูกจับกุมก็จะถูกแค่ปรับ รอลงอาญา จึงทำให้เจ้าของร้านกล้าที่จะกลับมาขายอีกครั้ง นอกจากนี้บุหรี่เถื่อนที่จับกุมได้ สังเกตได้ว่าจะขนส่งมาโดยใช้ ไปรษณีย์ไทย เขต 9 ส่งมายังหอพักที่เข้าจับกุมดังกล่าว

    ***เบื้องต้นของกลางที่ตรวจยึดได้ มี น้ำกระท่อม, ยาแก้ไอ ยาแก้แพ้, บุหรี่ไฟฟ้า, บุหรี่เถื่อน, กัญชา และเงินสด 8,178 บาท มูลค่าของกลางกล่าว 1 แสนบาท เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจะได้รวบรวมหลังฐานและขอกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองศรีสะเกษ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
    //////////////////////////////////////
    ภาพ/ข่าว วนิดา,ชาญฤทธิ์

    ชาวบ้านอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ จังหวัดศรีสะเกษ ร่วมกันนึ่งข้าวเหนียว ติดแปะกับโครงไม้ไผ่ขนาดใหญ่ เพื่อทำเป็นข้าวจี่ยักข์ เตรียมย่างจริง สุกจริง กินได้จริง ร่วมงานบุญข้าวจี่ มหัศจรรย์ของดีโพธิ์ศรีสุวรรณ 21-27 กพ.68

    วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ วัดบ้านหนองม้า ตำบลหนองม้า อำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ จังหวักศรีสะเกษ ชาวบ้าน ชาย – หญิง ผู้สูงวัย ผู้นำชุมชนหมู่บ้าน กำนัน – ผู้ใหญ่บ้าน นายก อบต.หนองม้า ได้ออกมาร่วมกันทำข้าวจี่ยักข์ พร้อมกับการจัดตบแต่งรถที่บรรทุกข้าวยักข์ ข้าวจี่ใหญ่ ซึ่งเป็น 1 แห่งใน 5 จุด 5 ตำบล และ 1 เทศบาล ของอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ ที่ชาวบ้านกำลังร่วมแรง ร่วมใจรัก ออกมานึ่งข้าวเหนียวให้สุก นำมาติดเข้ากับโครงไม้ไผ่ที่ทำขึ้นขนาดขนาดใหญ่ เตรียมการในการที่จะนำมาย่าง หรือจี่ ข้าวจี่ยักษ์ เตรียมตบแต่งรถ ที่จะบรรทุกเข้าจี่ยักษ์ ร่วมขบวนนางรำ เพื่อเข้าร่วมกิจกรรม 1 อำเภอ 1 กิจกรรมสร้างสรรค์

    ในงาน ประเพณีบุญเข้าจี่ มหัศจรรย์ ของดีโพธิ์ศรีสุวรรณ ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 นี้ ณ.หน้าที่ว่าการอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ โดยในวันเปิดงานวันแรก วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 ทุกตำบลจะจัดขบวนแห่เข้าจี่ยักข์ และของดีประจำตำบลตนเอง พร้อมด้วยสาวสวยนางรำ จำนวน 60 ถึง 100 คนต่อขบวน ที่มีทั้งหมด 7 ขบวน เดินทางแห่ข้าวจี่ยักษ์ เข้าสู่บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอ

    ซึ่งได้มีการจัดนิทรรศการ ผลผลิตทางการเกษตร ผ้าไหมโพธิ์ศรีสุวรรณ สินค้าหัตถกรรม และอื่นๆ ที่เป็นของดี ที่สร้างรายได้ให้กับชาวอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ จะได้นำมาแสดง นำมาออกร้าน มาจัดนิทรรศการ โชว์และจำหน่าย ให้แก่นักท่องเที่ยว ที่จะมาร่วมงาน ซึ่งงานบุญประเพณีเข้าจี่โพธิ์ศรีสุวรรณ ได้จัดมาเป็นประจำทุกปี ตลอดระยะเวลากว่า 28 ปีต่อเนื่องกันมาแล้ว
    ซึ่งวันนี้ได้มี นายเทิดไท แสงผล นายอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ และนางขวัญตา คิดดี ปลัดอวุโส อำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ

    พร้อมด้วยนายก อบต.หนองม้า กำนัน, ผู้ใหญ่บ้าน, ชาวบ้านส่วนหนึ่ง ที่ได้ร่วมกันออกมานึ่งข้าว เพื่อนำไปติดแปะกับโครงไม้ไผ่ ทำข้าวจี่ยักษ์ ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง กว่า 1 เมตร ความยาวราว 2.50 เมตร โดยหลังจากนี้เมื่อทำการติดแปะข้าวเหนียว ที่นึ่งสุกเสร็จแล้ว ให้รอบทำข้าวจี่ยักษ์เสร็จ จะได้ทำการก่อไฟถ่านไว้ด้านล่าง ใต้ก้อนข้าวจี่ยักข์ เพื่อย่าง หรือจี่ข้าวจี่ยักษ์นี้ ให้สุกเหมือนการทำข้าวจี่ปกติ ที่สามารถรับประทานได้เมื่อสุกแล้ว พร้อมจะนำไข่ไก่มาชุบ ทา ขณะย่างไปด้วย จะทำให้เข้าจี่ค่อยๆ สุก และจะส่งกลิ่นหอมเหมือนข้าวจี่ ที่จี่เป็นก้อนเล็กๆ ตามปกติเช่นกัน

    โดย นายเทิดไท แสงผล นายอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ และนางขวัญตา คิดดี ปลัดอวุโส อำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ พร้อมด้วยนายก อบต.หนองม้า กำนัน และผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้านที่มาทำข้าวจี่ยักข์ร่วมกัน ได้ร่วมกันเปิดแถลงข่าวแก่สื่อมวลชน ว่า งานประเพณีบุญข้าวจี่ มหัศจรรย์ ของดีโพธิ์ศรีสุวรรณ ในปีนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21 – 27 กุมภาพันธ์ 2568 ณ.สนามหน้าที่ว่าการอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ โดยในงานจะมีการจัดขบวนแห่ข้าวจี่ยักข์ เพื่อการทำบุญ เพราะหลังจากร่วมขบวนแห่เสร็จ จะนำข้าวจี่ไปถวายพระ ซึ่งจะมีทั้งข้าวจี่แบบธรรมดาปกติของชาวบ้านที่จะจี่ไปถวายพระคุณเจ้า และข้าวจี่ยักษ์ ที่ทำขึ้นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว เพราะอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ

    จะมีงานบุญประเพณีข้าวจี่นี้ เป็นงานประจำปีของชาวบ้าน ชุมชน ทุกหมู่บ้าน ตำบล นอกจากนั้นในงานจะมีการ ออกร้าน นิทรรศการของชุมชน ตลาดนักโบราณ การแข่งขันการตำข้าวซ้อมมือ, การแข่งขันการทำข้าวจี่หรรษา, การปิดตาป้อนข้าวจี่ แต่งหน้าสวย, การแข่งขันตำส้มตำลีลาปลาร้าสุก, การประกวดธิดาข้าวจี่ ที่มีเงินรางวัล กว่า 1 แสนบาท, การประกวดไก่บ้านสวยงาม, การประกวดผลผลิต ทางการเกษตร, การแข่งขันชกมวยไทย ทั้งชาย – หญิง, การแล่น หรือ วิ่งเอาบุญ เที่ยววัดไตรสามัคคี เกาะนาค วังบาดาล เป็นต้น จึงอยากเรียนเชิญนักท่องเที่ยว ทุกท่าน ทั่วโลก มาเที่ยวงาน งานประเพณีบุญข้าวจี่ มหัศจรรย์ ของดีโพธิ์ศรีสุวรรณ ในปีนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21 – 27 กุมภาพันธ์ 2568 ทุกอย่างเที่ยวชมฟรี
    ////////////////////////////ภาพ/ข่าว วนิดา,ชาญฤทธิ์

    สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ผู้ว่าเพชรบุรี ชวนเที่ยวงาน “พระนครคีรี-เมืองเพชร ครั้งที่ 38” ตระการตากับพลุหลากสีบนยอดเขาวัง

    แชร์เนื้อหานี้

    เมื่อวันที่ 12 ก.พ.68 ที่บริเวณอุทยานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (พระนครคีรี) อ.เมือง จ.เพชรบุรี ร้อยตำรวจโท ภพชนก ชลานุเคราะห์ ผู้ว่าราชการ จ.เพชรบุรี เป็นประธานแถลงข่าวการจัดงานพระนครคีรี–เมืองเพชร ครั้งที่ 38 ประจำปี 2568 ภายใต้ชื่องาน “วิมานฟ้าพระนครคีรี อัญมณีแห่งสยาม” พร้อมด้วย จ่าสิบเอก ประภาส อินทนู รองนายกเทศมนตรีเมืองเพชรบุรี นายพันธุ์ธัช หิรัญจิรวงศ์ ประธานหอการค้าจังหวัดเพชรบุรี ร่วมแถลงข่าว โดยมี นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเพชรบุรี หัวหน้าส่วนราชการ คณะกรรมการ YEC หอการค้าจังหวัดเพชรบุรี ผู้ประกอบการท่องเที่ยว หน่วยงานต่างๆ ในชุดไทยอย่างสวยงามร่วมรับฟัง

    ร้อยตำรวจโท ภพชนก ชลานุเคราะห์ กล่าวว่า งาน “พระนครคีรี–เมืองเพชร” เป็นงานประจำปีของจังหวัดเพชรบุรี ที่จัดติดต่อกันมาอย่างยาวนานซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 38 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 21 ก.พ. – 2 มี.ค.68 ณ บริเวณพระนครคีรี(เขาวัง) บริเวณอุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ และบริเวณโดยรอบ เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า รัชกาลที่ 4 รัชกาลที่ 5 รัชกาลที่ 6 รัชกาลที่ 9

    และเฉลิมพระเกียรติในหลวงรัชกาลปัจจุบัน ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่อย่างหาที่สุดมิได้ต่อ จ.เพชรบุรี ตลอดจนเพื่อสืบสานศิลปะวัฒนธรรม กระตุ้นเศรษฐกิจ และส่งเสริมการท่องเที่ยว ภายใต้การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในจังหวัดเพชรบุรี โดยจะมีพิธีเปิดในวันศุกร์ที่ 21 ก.พ.68 เวลา 17.00 น. ณ บริเวณด้านหน้าอุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยมี นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดงาน พร้อมชมขบวนแห่เทิดพระเกียรติ และขบวนแห่ศิลปวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวที่สวยงามหลากหลายจากทุกภาคส่วน

    สำหรับกิจกรรมในปีนี้ มีการสาธิตงานสกุลช่างเมืองเพชร 14 งานช่าง ทั้งงานปูนปั้น งานจำหลักหนังใหญ่ งานฉลุยฝังลายไม้มูก งานแกะสลักไม้ งานตอกกระดาษ งานประดับกระจก งานเขียนลายรดน้ำ งานแทงหยวก ฯลฯ นิทรรศการจัดแสดงและสาธิตวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์ 8 ชาติพันธุ์ กิจกรรม DIY งานหัตถกรรมพื้นบ้านหรือผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย(CPOT) นิทรรศการและสาธิตงานศิลปะร่วมสมัย การแสดงศิลปะวัฒนธรรมการแสดงพื้นบ้านที่เวทีโรงโขนบนเขาวัง การแสดงเทิดพระเกียรติ พิพิธภัณฑ์ชีวิตเสียงสะท้อนแห่งความทรงจำ “ร่วมย้อนจิรกาล…สู่วิมานพระนครคีรี” ทุกคืน ชมฟรี 200 ที่นั่งต่อวันเท่านั้น พร้อมทั้งได้ตื่นตาตื่นใจกับกิจกรรมสาธิต ภายใต้แนวคิด “เพชรบุรีเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหารของ UNESCO (Phetchaburi City of Gastronomy)”

    มีทั้งอาหารชาติพันธุ์ อาหารพื้นบ้าน – พื้นถิ่น ของชุมชน 8 อำเภอ อาหารเชิงสร้างสรรค์ และกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวัฒนธรรมอื่นๆ พร้อมทั้งตระการตากับการประดับไฟสีและไฟย้อมแสงโบราณสถานบนพระนครคีรี มีการจุดพลุหลากสีอย่างสวยงามทุกคืน มากกว่า 3,000 ลูก ภายใต้มาตรการป้องกันผลกระทบจากการจุดพลุบนพระนครคีรี

    ตามมาตรฐานของกรมควบคุมมลพิษนอกจากอิ่มอร่อยกับอาหารหลากหลายเมนู และได้สัมผัสบรรยากาศแห่งความสุขทุกรสชาติทั่วบริเวณบนพระนครคีรีหรือเขาวัง และรอบอุทยานฯ ร.4 แล้ว ยังได้มาร่วมทำบุญกับสำนักงานกาชาดจังหวัดเพชรบุรี สลากกาชาดใบละ 100 บาท ลุ้นรางวัลใหญ่มากมาย และอย่าพลาด มากดชัตเตอร์ เช็คอิน ชมไฟสีสัน แสง สี เสียง ชมความอลังการจากการจุดพลุ ทุกค่ำคืน พร้อมทั้งเลือกซื้อสินค้า OTOP ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและอาหารแปรรูป และกิจกรรมมากมายจากทุกภาคส่วน

    นอกจากนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเพชรบุรี ได้ร่วมกับสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเพชรบุรี ชมรมถ่ายภาพจังหวัดเพชรบุรี จัดนิทรรศการภาพถ่าย และนิทรรศการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน Sustainable Tourism และพิเศษสุดกับกิจกรรม Studio ถ่ายภาพกับชุดไทยในคอนเซปต์ “แต่งไทยสไตล์พริบพรี” และจัดทำจุดเช็คอินถ่ายภาพให้กับนักท่องเที่ยวและผู้มาร่วมงาน

    โดยเน้นทัศนียภาพของสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์เป็นแบ็คกราวน์ รวมไปถึงการจัดหาร้านชุดไทยในพื้นที่เพชรบุรีมาร่วมกิจกรรมให้เช่าชุดไทยในราคาพิเศษ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและผู้เข้าร่วมชมงานได้มีประสบการณ์แต่งไทยสไตล์พริบพรี เที่ยวงานพระนครคีรียามค่ำคืนอีกด้วย จึงขอเชิญชวนประชาชนชาวเพชรบุรีและนักท่องเที่ยว มาเที่ยวงานพระนครคีรี -เมืองเพชร ครั้งที่ 38 “วิมานฟ้าพระนครคีรี อัญมณีแห่งสยาม”ได้ตามวันดังกล่าว.


    สลด! สาวทับสะแกผูกคอดับใต้ต้นมะม่วง เหตุเครียดติดหนี้ปั่นสล็อตออนไลน์        วันที่ 13  ก.พ. 2568 พ.ต.ท. สุชาติ รุ่งเรือง รอง ผกก. สส. สภ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์รับแจ้งว่า มีเหตุคนผูกคอตายใต้ต้นมะม่วง หมู่ 2 ต.นาหูกวาง  จึงเดินทางไปที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงพบศพ น.ส.ณัฐพร ยอดอิน อายุ 22 ปี ที่อยู่ 22/3 หมู่ที่ 10 ต.นาหูกวาง  ในที่เกิดเหตุมีนายสุกิจ เผ่าพัฒน์ สามีแจ้งว่าผู้ตายเครียดจากการเล่นการพนันสล็อตอนไลน์ในโทรศัพท์มือถือ  ทราบว่ามีการยืมเงินผู้อื่นมาเล่น โดยออกจากบ้านตั้งแต่เวลาประมาณ 12:00 ของวันนี้ แต่พบผู้เสียชีวิตประมาณ 17:15 น. สอบถาม นายจตุรงณ์ ยอดอิน บิดาและ นายสุกิจฯ สามี ไม่ติดใจใจสาเหตุการเสียชีวิต จากนั้นได้ร่วมกับแพทย์โรงพยาบาลทับสะแกทำการชันสูตรพลิกศพ ไม่พบร่องรอยถูกทำร้ายหรือบาดแผลแต่อย่างใด จึงมอบร่างให้ญาติไปดำเนินการตามประเพณี  สำหรับปัญหาจากการปั่นสล็อตออนไลน์ พบว่าที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิตแล้วหลายรายจากหลายท้องที่จากการผูกคอตาย เนื่องจากมีความเครียดเรื่องหนี้สิน บางรายนำเงิน 10,000 บาทที่ได้รับโอนจากรัฐบาลไปเติมเงินเพื่อเล่นการพนันออนไลน์จนหมดภายในวันเดียว
    นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

    สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ชื่นมื่น!! คู่รัก15 คู่ จดทะเบียนสมรสสร้างตำนานรักบนหินสามวาฬ มีคู๋สมรส LGBTQ 2 คู่

    แชร์เนื้อหานี้

    วันที่ 14 ก.พ.68 ที่บริเวณภูสิงห์หินสามวาฬ จังหวัดบึงกาฬ ร่วมกับ อำเภอเมืองบึงกาฬ เทศบาลตำบลโคกก่อง สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดบึงกาฬ อุทยานป่าภูสิงห์หินสามวาฬจังหวัดบึงกาฬ ท้องถิ่นจังหวัดบึงกาฬ ประชาสัมพันธ์จังหวัดบึงกาฬ โดยมี นายจุมพฎ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ ประธานเปิดงาน พร้อมด้วยนายสมหวัง อารีย์เอื้อ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ นายวรพันธ์ ชำนิยันต์ ปลัดจังหวัดบึงกาฬ

    นายบัวพันธ์ วงศ์จันทร์ นายกเทศมนตรีโคกก่อง นายณรงค์ศักดิ์ คุรุพันธ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดบึงกาฬ นายกริชชัย ศิลปะรายะ ท้องถิ่นจังหวัดบึงกาฬ นายประชุม จตุเทน ประชาสัมพันธ์จังหวัดบึงกาฬ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำชุมชน ประชาชน มาร่วมนำขบวนบ่าวสาว เข้าสู่พิธีจดทะเบียน ซึ่งมีนายธีระพล ขุนพาลเพิง นายอำเภอเมืองบึงกาฬ มาเป็นนายทะเบียนผู้ลงนามในใบสำคัญการสมรสของคู่บ่าวสาว

    กิจกรรมจดทะเบียนสมรสในวันแห่งความรักวันวาเลนไทน์เพื่อส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดบึงกาฬให้นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติได้มาเยี่ยมชมและประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวอุทยานภูสิงห์หินสามวาฬให้เป็นที่รู้จักและมาเที่ยวชม มากขึ้นและส่งเสริมกระแสการท่องเที่ยวจากเทศกาลวันแห่งความรัก ให้คู่รักหรือคู่สมรสที่มีวัตถุประสงค์ได้มาจดทะเบียนสมรสในวันแห่งความรัก “14 ก.พ.วันวาเลนไทน์” โดยมีคอนเซบป์ส่งเสริมให้ครอบครัวมีความอบอุ่นมั่นคงดังครอบครัวของปลาวาฬทั้ง 3 พ่อแม่ลูก และอยู่กันรักมั่นคงดังหินสามวาฬ โดยมีคู่รัก 15 คู่ มาจดทะเบียนสมรสในวันวาเลนไทน์

    ผู้ว่า จุมพฏ กล่าวอีกว่า จังหวัดบึงกาฬ มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามหลายแห่ง ดังนั้น การจัดงานในครั้งนี้จึงเป็นการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดบึงกาฬ ให้เป็นที่รู้จักแก่ นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติได้มาเที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดบึงกาฬ มากขึ้น อีกทั้งร่วมแสดงความยินดีแก่คู่สมรส

    ที่มาจดทะเบียนสมรสในวันแห่งความรักหรือวันวาเลนไทน์ การจดทะเบียนสมรสนับเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีแก่สถาบันครอบครัว อันเป็นรากฐานที่มั่นคง และสำคัญของสังคมไทย คู่สมรสที่มาร่วมจดทะเบียนสมรสในวันนี้ ซึ่งเป็นวันแห่งความรักหรือวันวาเลนไทน์ นับว่าเป็นนิมิตหมายอันดียิ่ง เป็นการเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่ ร่วมแรงร่วมใจกันสร้างความรัก สร้างฐานะให้เป็นปีกแผ่นมั่นคง

    ที่ทำการปกครองอำเภอเมืองบึงกาฬ ได้ตระหนักถึงการส่งเสริมสถาบันครอบครัวให้มีความมั่นคงและเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีของบุคคลในครอบครัวอย่างสมบูรณ์ อีกทั้งยังเป็นการให้บริการประชาชนทางการลงทะเบียนจึงได้จัดโครงการจดทะเบียนสมรสในวันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์ “รักดั่งขุนเขา ของเราสองคน”

    วัตถุประสงค์ของการจัดงานเพื่อส่งเสริมสถาบันครอบครัว พร้อมส่งเสริมสนับสนุนการให้ความสำคัญในวันแห่งความรัก และเพื่อเป็นการส่งเสริมประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในพื้นที่ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น

    นอกจากนี้ภายในงานยังมีกิจกรรม “วิ่งขึ้นภู ดูหินสามวาฬ” ชวนนักวิ่ง นักท่องเที่ยวมาร่วมกิจกรรมในวันที่แสนจะพิเศษ บรรยากาศภายในงานนอกจากจะอบอวลไปด้วยความรักของหนุ่มสาวแล้ว ยังครื้นเครงไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเหล่านักวิ่งทั้งหลาย ทำให้ในวันนี้ออกมาอบอุ่นและสมบูรณ์แบบมากที่สุด
    ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล //บึงกาฬ 0961464326