คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าว

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ /รอง ผบ.ตร. เปิดปฏิบัติการ“กวาดล้างเครือข่ายคาวบอยบ่อแก้ว” ปิดล้อมตรวจค้น 30 จุด 5 จังหวัด ตรวจยึดทรัพย์สินกว่า 118 ล้านบาท

แชร์เนื้อหานี้

วันนี้ (12 กุมภาพันธ์ 2568) พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า ตำรวจร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น “กวาดล้างเครือข่ายคาวบอยบ่อแก้ว” 30 จุด เพื่อขยายผลจับกุมและยึดอายัดทรัพย์สินผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่ชายแดน ตามนโยบายรัฐบาลที่ตระหนักและให้ความสำคัญในการปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มงวดในทุกมิติ ภายใต้ปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” ภายใต้กรอบแนวคิด Seal พื้นที่ชายแดน Stop หยุดวงจรยาเสพติด อาชญากรรมชายแดน Safe พื้นที่ปลอดภัย โดยมุ่งหวังให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินการดังกล่าว

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้นำนโยบายรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติ โดยได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการ ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศอ.ปส.ตร.) และ พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. ในฐานะประธานอนุกรรมการป้องกัน ปราบปรามการพักคอยยาเสพติดในพื้นที่ตอนใน และการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดลงสู่พื้นที่ภาคใต้ ,ผู้อำนวยการ ศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง และผู้ร้ายสำคัญ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอร.ตร.) และผู้อำนวยการศู นย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปปง.ตร.) และ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอร.ตร. ขับเคลื่อนการปฏิบัติให้บรรลุผลสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ

พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย ผบช.ปส. และ พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว , พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรือง , พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ , พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า รอง ผบช.ปส. , พล.ต.ต.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผบก.ปส.3 ได้บูรณาการกับหน่วยงานในพื้นที่ ได้แก่ พล.ท.กาจน์ กอรี รอง ผบ.นบ.ยส.35 , พล.ต.ต.ธนะรัชต์ ชุ่มสวัสดิ์ รอง ผบช.ภ.5 , พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒน์ชัย รอง ผบช.ภ.5 , พล.ต.ต.วรพัฒน์ บุญมา ผบก.ตชด.ภาค 3 , นายธันวา ผุดผ่อง ผอ.ปปส.ภาค 5 , นายปฤณ เมฆานันท์ ผอ.สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ผู้แทนสำนักงาน ปปง. และ นายศิวะ ธมิกานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น “กวาดล้างเครือข่ายคาวบอยบ่อแก้ว” 30 จุด ในวันนี้ เพื่อขยายผลจับกุมและยึดอายัดทรัพย์สินผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่ชายแดน

พล.ต.อ.ประจวบฯ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2566 บก.ปส.3 ได้จับกุมผู้ต้องหา 4 คน พร้อมไอซ์ 999 กิโลกรัม และคีตามีน 1,200 กิโลกรัม บริเวณท่าเทียบเรือ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา และวันที่ 10 ส.ค.67 จับกุมผู้ต้องหา 10 คน พร้อมไอซ์ 1,500 กิโลกรัม ใน อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี กระทั่งสามารถขยายผลจนทราบถึงกลุ่มที่ลำเลียงยาเสพติดพื้นที่ชายแดน ซึ่งลำเลียงยาเสพติดไปส่งให้กับกลุ่มที่ถูกจับกุม จึงได้เฝ้าระวังพฤติการณ์เรื่อยมา กระทั่งเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2568 ได้จับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ไอซ์ 30 กระสอบ น้ำหนักประมาณ 600 กิโลกรัม จากการสืบสวนขยายผล มีผู้ร่วมลำเลียงยาเสพติดกับผู้ต้องหาและยังไม่ถูกจับกุม โดยกลุ่มบุคคลดังกล่าวทำหน้าที่เป็นกลุ่มผู้สั่งการว่าจ้างและขับรถนำทางคุ้มกันการลำเลียงยาเสพติด และจากการตรวจสอบทรัพย์สินกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมด

พบว่ากลุ่มผู้ต้องหาแทบไม่ถือครองทรัพย์สินเลย โดยจะใช้กลุ่มเครือญาติถือครองทรัพย์สินแทน จากการสืบสวนทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหาได้นำเงินจากการลำเลียงยาเสพติดไปฟอกเงินในธุรกิจประเภทบริษัทอสังหาริมทรัพย์ โดยให้กลุ่มเครือญาติเป็นนอมินี จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติหมายจับ 9 หมายจับ และเปิดปฏิบัติปิดล้อมตรวจค้นฯ จำนวน 30 จุด ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน พะเยา และหนองคาย โดยสามารถขออนุมัติหมายจับ 9 หมาย ผู้ต้องหา 8 คน ตรวจยึดทรัพย์สิน 45 รายการ ได้แก่ บ้านพร้อมที่ดิน 10 รายการ มูลค่าประมาณ 40,000,000 บาท, ที่ดิน 18 แปลง มูลค่าประมาณ 54,000,000 บาท, สวนลำไย 70 ไร่ 1 แปลง มูลค่าประมาณ 17,500,000 บาท, รถยนต์ 11 คัน มูลค่าประมาณ 6,600,000 บาท และรถจักรยานยนต์ 5 คัน มูลค่าประมาณ 200,000 บาท รวมมูลค่าตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิด ประมาณ 118,300,000 บาท

นอกจากนี้ พล.ต.อ.ประจวบฯ กล่าวว่า กองบัญชาการตำรวจปราบปรามเสพติดได้ประสานการปฏิบัติร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายปกครอง ในการ SEAL STOP SAFE อย่างเต็มกำลังความสามารถ ซึ่งมีการทำงานในหลายมิติ ทั้งการลาดตระเวน สกัดกั้นตามแนวชายแดน การเฝ้าระวังบุคคลเฝ้าระวังในพื้นที่ชายแดน ขยายผลกลุ่มเครือข่ายที่อยู่พื้นที่ชั้นใน รวมถึงการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย (ด่านตรวจยานพาหนะ X-RAYS ) เข้ามาช่วยในการทำงาน เพื่อหยุดยั้ง สกัดกั้น ปราบปราม ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด อย่างเด็ดขาด ครบวงจร ตัดต้นตอการผลิตและจำหน่าย ตลอดจนมาตรการยึดทรัพย์ผู้ค้ารายสำคัญและเครือข่ายผู้เกี่ยวข้องให้สิ้นซาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความพร้อมในการปฏิบัติ เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย ต่างทุ่มเทและตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ พร้อมระดมสรรพกำลังป้องกันปราบปรามยาเสพติดในทุกมิติ บังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ สร้างความผาสุกแก่ประเทศชาติและประชาชน

ภาพ-ข่าว สมจิตร แสงบัลลังศ์ รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / น้องปิยธิดา สาวงามเผ่าถิ่น คว้ามงกุฎธิดาดอย ในงานประจำปีและของดีเมืองน่าน ประจำปี 2568

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 ที่เวทีกลาง งานงานประจำปีและของดีเมืองน่าน ประจำปี 2568 จังหวัดน่าน หน่วยงานในสังกัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในพื้นที่จังหวัดน่าน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดการประกวดธิดาดอย ในงานประจำปีและของดีเมืองน่าน ประจำปี 2568 เพื่อเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรม ประเพณีอันดีงาม คงความเป็นเอกลักษณ์ อัตลักษณ์ วิถีชีวิตชนเผ่าที่อยู่ในจังหวัดน่าน ซึ่งจัดประกวด 4 ชนเผ่า คือ ถิ่น/ลัวะ ม้ง เมี่ยน และขมุ

โดยปีนี้มีสาวงามสมัครเข้าประกวด 22 คน โดยมีนายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน นางเหมือนใจ วงศ์ใหญ่ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดน่าน รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดน่าน และหัวหน้าส่วนราชการ และภาคเอกชน ร่วมมอบรางวัล สำหรับผลการประกวดธิดาดอยในปีนี้ สาวงามชนเผ่าถิ่น หมายเลข 17 นางสาวปิยธิดา จักอะโน สำนักงานอัยการคดีเยาวชนและครอบครัวจังหวัดน่านส่งเข้าประกวด

คว้ามงกุฎธิดาดอยประจำปีนี้ไปครอง ได้รับเงินสด 20,000 บาท พร้อมที่นอนสปริงยางพารา 6 ฟุต มูลค่า 15,900 บาท Gift voucher แชมพูไบโอเวท โล่รางวัล และสายสะพาย รางวัลรองชนะเลิศธิดาดอย อันดับที่ 1 ได้แก่ หมายเลข 15 นางสาวซี แซ่ว่าง อำเภอปัว ส่งเข้าประกวด ได้รับเงินสด12,000 บาท

Gift voucher แชมพูไบโอเวท และสายสะพาย รางวัลรองธิดาดอย อันดับที่ 2 ได้แก่ หมายเลข 22 นางสาวจิตรพร แซ่จ๋าว อำเภอบ้านหลวงส่งเข้าประกวด ได้รับเงินสด 10,000 บาท Gift voucher แชมพูไบโอเวท และสายสะพาย รางวัลรองธิดาดอยอันดับที่ 3 ได้แก่ หมายเลข 3 นางสาวพรรพษา ศรีแอ

โครงการบ้านสันติภาพและ หจก.ชนากานต์พร็อพเพอร์ตี้ส่งเข้าประกวด ได้รับเงินสด 6,000 บาท Gift voucher แชมพูไบโอเวท และสายสะพาย รางวัลขวัญใจชาวน่าน ได้แก่ หมายเลข 17 นางสาวปิยธิดา จักอะโน ได้รับเงินสด 6,000 บาท Gift voucher แชมพูไบโอเวท และสายสะพาย และรางวัลขวัญใจสื่อมวลชน ได้แก่หมายเลข 19 นางสาวศุภักอักษร ตุ้ยศรี ได้รับเงินสด 6,000 บาท Gift voucher แชมพูไบโอเวท และสายสะพาย ส่วนรางวัลธิดาประจำชนเผ่า ธิดาชนเผ่าเมี้ยนได้แก่ หมายเลข 22 นางสาวจิตรพร แซ่จ๋าว

ได้รับเงินสด 6,000 บาท Gift voucher แชมพูไบโอเวท และสายสะพาย ธิดาชนเผ่าม้งได้แก่ หมายเลข 15 นางสาวซี แซ่ว่าง ได้รับเงินสด 6,000 บาท Gift voucher แชมพูไบโอเวท และสายสะพาย ธิดาชนเผ่าถิ่น/ลัวะได้แก่หมายเลข 19 นางสาวศุภักอักษร ตุ้ยศรี ได้รับเงินสด 6,000 บาท Gift voucher แชมพูไบโอเวท และสายสะพาย และธิดาชนเผ่าขมุได้แก่ หมายเลข 3 นางสาวพรรพษา ศรีแอได้รับเงินสด 6,000 บาท Gift voucher แชมพูไบโอเวท และสายสะพาย/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจัวหวัดน่าน/ทีมข่าวสมาคม รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ผงะ! ลอบทิ้งซิมพม่าของค่ายดัง กระจายเกลื่อนเขื่อนตลาดอินโดจีน

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์​ 2568​ ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดมุกดาหารได้รับแจ้งว่ามีผู้นำซิมโทรศัพท์มือถือมาโปรยทิ้งกระจายเกลื่อนเขื่อนริมตลิ่งแม่น้ำโขงหน้าตลาดอินโดจีน เทศบาลเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร จึงได้เดินทางไปตรวจดูและพบว่าที่บริเวณเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง หน้าตลาดอินโดจีนทางด้านทิศใต้ ที่พึ่งสร้างก่อสร้างเสร็จ มีซิมโทรศัพท์มือถือของTrueMove h ด้านหลังเขียนว่า ซิมพม่า(DSP) และซิม dtac

ที่ยังไม่ได้ใช้งานถูกทิ้งกระจายเกลื่อน ทั้งที่บริเวณถนนหน้าเขื่อน และบริเวณหินเรียงหน้าเขื่อนเป็นจำนวนมาก โดยมีซองบุหรี่ TEXAS 5 และ PINE CHANGE ที่มีวางขายอยู่ใน สปป.ลาว ตกอยู่ใกล้กับจุดที่ทิ้งซิมด้วย ทั้งนี้ คาดว่าสาเหตุที่มีการนำซิมพม่ามาทิ้งดังกล่าว อาจเนื่องมาจากการที่รัฐบาลไทยสั่งตัดอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมเครือข่ายสัญญาณในพื้นที่ของพม่า และผู้ที่เป็นเจ้าของอาจจะกลัวว่า ถ้ามีไว้ในครอบครองแล้วจะถูกเจ้าหน้าที่ตรวจสอบจึงได้ลักลอบนำมาทิ้งที่บริเวณดังกล่าว

ลักลอบทิ้งซิมพม่า #เขื่อนหน้าตลาดอินโดจีน #จังหวัดมุกดาหาร

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / KICK OFF 32 อำเภอ รวมพลัง อกม.โคราช ปฏิบัติการหยุดเผาทุกพื้นที่

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2568 ณ ที่ว่าการอำเภอโชคชัย ต.โชคชัย อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา นายกิตติศักดิ์ ธีระวัฒนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานเปิดงาน kic off 32 อำเภอ

รวมพลัง อกม.โคราช ปฏิบัติการหยุดเผาทุกพื้นที่ โดยมีนายมนัส เสียงก้อง เกษตรจังหวัดนครราชสีมา กล่าวรายงาน พร้อมด้วย นายอำเภอโชคชัย สภ.โชคชัย หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ และเกษตรทุกท่าน เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

นายกิตติศักดิ์ ธีระวัฒนารองผู้ว่า ฯ กล่าวว่า จังหวัดนครราชสีมา ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าวที่ทุกภาคส่วน ช่วยกันป้องกัน จึงขอความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐ เอกชน รวมถึงผู้นำชุมชน อาสาสมัคร เกษตรหมู่บ้าน และ เกษตรทุกท่าน

ได้เร่งประชาสัมพันธ์เผยแพร่ความรู้ ที่ได้จากกิจกรรมวันนี้ ให้เกษตรกรหยุดเผา และนำวัสดูเหลือใช้ มาใช้ให้เกิดประโยชน์ ลดต้นทุนการผลิต สร้างรายได้ และเชื่อมโยงเครือข่ายในการบริหารจัดการพื้นที่ และวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ผู้ว่าฯชลบุรี โชว์วิสัยทัศน์ “แนวทางการยกระดับจังหวัดชลบุรีสู่ จังหวัดดิจิทัล”

แชร์เนื้อหานี้
 วันที่ 2 ก.พ.68 ที่ห้องประชุม โรงแรมคริสตัล พาเลส พัทยา ถ.พัทยา-นาเกลือ เมืองพัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ให้เกียรติเดินทางมาบรรยายพิเศษเรื่อง "แนวทางการยกระดับจังหวัดชลบุรีสู่ จังหวัดดิจิทัล" โดยมี รศ.ดร.วลัยพร รัตนเศรษฐ คณบดีคณะรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ คณาจารย์และนักศึกษาคณะรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ร่วมรับฟังบรรยายฯ ด้วยคณะรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ จัดโครงการศึกษาดูงานการเตรียมความพร้อมสู่จังหวัดดิจิทัล ในระหว่างวันที่ 1-2 กุมภาพันธ์ 2568 ที่จังหวัดชลบุรี ให้แก่นักศึกษาในหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต เพื่อให้นักศึกษาได้รับความรู้และประสบการณ์ตรง 

โดยมีกิจกรรม อาทิ เยี่ยมชม EEC Automation Park มหาวิทยาลัยบูรพา จังหวัดชลบุรี รับฟังการบรรยายเรื่อง “การยกระดับปรับความก้าวหน้าประเทศและบุคลากรในเขต EEC” โดย ดร.อภิชาต ทองอยู่ ประธานคณะทำงานประสานงานด้านการพัฒนาบุคลากร ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC HDC) รับฟังบรรยายจากผู้อำนวยการ EEC Autornation Park เรื่อง “การยกระดับอุตสาหกรรมยุค 4.0 และการสร้างบุคลากร + การพัฒนายุคใหม่ พร้อมดูงาน Automation + Smart Factory โดย ดร.ไพบูลย์ ลิ้มปิติพานิชย์ ผู้อำนวยการ EEC Autornation Par

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ประชาสัมพันธ์เขต 3 ประชุมเชิงปฏิบัติการเครือข่าย “นักข่าว” สร้างพลังร่วม / “ทักษิณ”มนต์ไม่ขลัง.ประชาชนไม่เชื่อยังเลือกนายกอบจ.คนเก่า

แชร์เนื้อหานี้

ศูนย์ JIC เชียงใหม่ ร่วมบูรณาการป้องกันแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองPM2.5 ใช้เชียงใหม่โมเดล แก้ปัญหาแบบยั่งยืน ขอแรงเครือข่ายนักประชาสัมพันธ์ ช่วยเป็นสื่อช่วยกระจายข่าวและดึงสื่อ นักประชาสัมพันธ์ทุกระดับชั้น มีส่วนร่วมเผยแพร่ข่าวอย่างแม่นยำ ถึงการป้องกันความเสียหายจากภับพิบัติลดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน เตือนภัยล่วงหน้า เชื่อภัยพิบัติมีแน้วโน้มสูงขึ้นอย่างแน่นอนเตือนให้ประชาชนตื่นตัว โดยมีศูนย์ฐานข้อมูลร่วมแพร่ข่าวสารโดยมีข้อมูลที่แม่นยำในการเตอนภัยล่วงกหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ

เมื่อวันที่3ก.พ2568 เวลา13.00น.ที่โรงแรมเมอเวนพิค สุริยวงศ์ โฮเต็ล เชียงใหม่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นางเหมือนใจ วงศ์ใหญ่ ผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์เขต3 กล่าวรายงานโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการเครือข่ายร่วมบูรณาการและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 โดยมีนายศิวะ ธมิกานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เป็นประธานพิธีเปิดโครงการประชุมสัมนาเชิงปฏิบัติการฯระหว่างวันที่3-4ก.พ.2568

เวลา13.00น.-15.00น.เสวนาอภิปรายในหัวข้อจัดการศูนย์ข้อมูลร่วมโครงการวิกฤต(JIC)โอยใช้กรณีอุทกภัยเชียงใหม่ เชียงใหม่โมเดลสู่JICฝุ่นละอองPM2.5จังหวัดเชียงใหม่ระหว่างนายศิวะ ธมิกานนท์ รองผวจ.เชียงใหม่ รศ.ชูโชค อายุพงศ์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นายเดโช ไชยทัพ มูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ภาคเหนือ โดยมีนางสาวสุชญา มหาอินทร์ ผู้ช่วยประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่เป็นพิธีกร

เวลา15.00น.บรรยายหัวข้อแนวทางป้องกันและดูแลสุขภาพจากฝุ่นบะอองPM 2.5โดยนายแพทย์ปัณณวิช จันทกลาง นายแพทย์ชำนาญการโรงพยาบาลนครพิงค์และในเวลา16.30น.-18.00น.มีการบรรยายหัวข้อเรื่อง “การเฝ้าระวังและเตือนภัยปัญหาฝุ่นละออง PM.2.5” โดยรศ.ดร.เศรษฐ์ สัมภัตตะกุล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ส่วนในวันที่4ก.พ.08.00น.คณะเดินทางไปศึกษาดูงานพื้นที่ต้นแบบปลอดการเผาจ.เชียงใหม่ ณ.วิสาหกิจชุมชนป่าต้นผึ้ง หมู่ที่7ต.แม่โป่ง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ เวลา 13.00 น. นางนวพรรณ ไชยวรรณ์ อุทัยยศ ส่วนข่าวและรายการภูมิภาคสปข.3บรรยายในหัวข้อ เรื่องการสื่อสารเพื่อการประชาสัมพันธ์ แก่คณะที่เข้าร่วมประชุมและในเวลา14.00น. พิธีมอบเกียรติบัตรแก่ผู้เข้าร่วมประชุมฯและพธีปิดการประชุม

ในการประชุมดังกล่าวได้มุ่งเน้นให้เครือข่ายสื่อมวลชนและอาสาสมัครประชาสัมพันธ์ได้สร้างเสริมความเข้าใจในการใช้สื่อที่มีอยู่ สร้างเครือข่ายทุกระดับเพื่อกระจายข่าวข้อมูลที่ถูกต้องได้ อย่างแม่นยำอาทิเช่นนักข่าวพลเมือง ที่ได้รับข้อมูลและกระจายข่าวเตือนภัยล่วงหน้าลดความเสียหายในชีวิตทรัพย์สินประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างศูนย์JIC หรือ ศูนย์ข้อมูลข่าวสารร่วม

สื่อสารข้อมูล สร้างการรับรู้ บูรณาการทุกภาคส่วน (Joint Information Center .JIC) เชียงใหม่เกิดความเข้มแข็งด้านข้อมูล อันเป็นประโยชน์รวดเร็วฉับไว ทันเหตุการณ์ อันเป็นการเตือนภัยล่วงหน้าอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถนำสื่อสารข้อมูลแก่ประชาชนอย่างรวดเร็วด้วยสื่อเทคโนโลยีสมัยใหม่.

นายธนกฤต วรรมณี ผู้สื่อข่าวเชียงราย รายงาน


“ทักษิณ”มนต์ไม่ขลัง.ประชาชนไม่เชื่อยังเลือกนายกอบจ.คนเก่าทั้งห่างเกือ สองหมื่นคะแนน สนามเลือกตั้งเชียงราย- ลำพูนแพ้ยับ
ล้มแชมป์เก่าไม่ได้ผู้ช่วยหาเสียงเพื่อไทย ยั๊ว!! ขู่ เสื้อแดงกลับใจเชียงราย หักหน้า หยามบ้านใหญ่ ช่วยอดีตนายก”นก” ชนะเลือกตั้งคาดเรื่องยังไม่จบ เพื่อไทยเคลื่อนไหวกดดันกกต.ใบแดง ฝั่ง”นก”อทิตาธร หลังชนะเลือกตั้ง ถือศีลกินเจ แผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรแล้ว

บรรยากาศการละคะแนนเลือกตั้งในส่วนของ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายและสมาชิกภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ในวันที่1ก.พ ที่ผ่านมาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีเหตุผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนฉีกบัตรเลือกตั้ง ที่ 1 บ้านแม่คี หมู่ที่7ต.ป่าซาง อำเภอแม่จัน จ.เชียงราย จำนวน 1 ถูกจับกุมดำเนินคดีที่สภ.แม่จัน จ.เชียงราย ผู้สื่อข่าวเชียงราย รายงานบรรยากาศการส่งหีบบัตรเลือกตั้งณ.ศูนย์ จีเอส เอ็ม เทศบาลนครเชียงราย ตำบลริมกก อ.เมือง จ.เชียงราย ตั้งแต่เวลา 19.00 น. เป็นไปอย่างเรียบร้อย โดย กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง(กปน.)ทุกหน่วยเลือกตั้งในเขตอำเภอเมืองเชียงรายเริ่มทะยอยเดินทางส่วงหีบ บัตรเลือกตั้ง

โดยมีเจ้า หน้าที่ในส่วนอส.และเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองรักษาความสงบเรียบร้อย จัดเจ้าหน้าที่ตรวจรับหีบบัตรและอุปกรณ์ กปน.ทุกหน่วยได้ส่งหีบบัตรเสร็จสิ้นเวล22.00 เศษ สามารถส่งผลคะแนนต่อให้กับศูนย์รวบรวมคะแนน ห้องคชสาร อบจ.เชียงรายที่ทางคณะกรรมการเลือกตั้งท้องถิ่นจังหวัดเชียงรายได้กำหนดไว้และขณะนี้ทีมงานข่าวได้รับการเปิดเผย จากกกต.ว่าสามารถรวบรวมคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ ทั้งในส่วนของนายก.อบจ.และส.อบจ.100,%แล้วโดยหลังจากทาง องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายได้ประกาศผลคะแนนทั้งสองส่วนผู้สมัครที่ได้รับการเลือกตั้งตามลำดับและอยู่ระหว่างระยะการตรวจสอบและข้อร้องเรียนเกี่ยวกับตัวผู้สมัครเบอร์ใด กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ หากไม่พบก็จะทะยอยประกาศการรับรองอย่างเป็นทางการภายใน30 วันถัดจากวันเลือกตั้ง

ในส่วนความเคลื่อนไหวทางการเมืองท้องถิ่น ภายหลังจากผลการนับคะแนนจาก 36 เขตเลือกตั้ง18 อำเภอ ประชากรหญิง-ชายผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 936,351 คน มีผู้มาใช้สิทธิ์จำนวน 605,780 คนไม่มาใช้สิทธิ์รวม 330,581 คน คิดเฉลี่ย จำนวน 64.68%ในแต่ละอำเภอ ส่วนใหญ่นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ เบอร 1 ได้ 249,845 คะแนน นำห่างนางสักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช เบอร์2 ได้230,262 คะแนน ทั้งห่างกันที่ 1 9,592คะแนน และจากการประเมินภาพรวมแล้วคะแนนนิยมในตัวของเบอร์1ซึ่งครองฐานคะแนนเดิมในส่วนทั้ง18 อำเภอ และสามารถพาลูกทีม ส.อบจ.จำนวน 17 คน ส่วนลูกทีมเพื่อไทยเข้าได้จำนวน12 คน
ความเคลื่อนไหวฝั่งของเพื่อไทยขณะนี้เร่งจี้ประเด็นการยึดเงินและทรัพย์สินอื่นๆที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยึดไว้ตรวจสอบแต่ยังไม่แจ้งข้อกล่าวหา ในเรื่องดังกล่าวทางด้านนายสุธีระพงษ์ วันไชยธนวงศ์ ฝ่ายยุทธศาสตร์การหาเสียงได้ออกมาโพสบนเฟสบุ๊คสื่อสังคมออนไลน์ ว่าขณะนี้ได้ร้องเรื่องดังกล่าวไปยังสำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้งประจังหวัดจังหวัดเชียงรายแล้ว

อย่างไรก็ตามทางด้านผู้สื่อข่าวตั้งข้อสังเกตกรณีแกนนำ ผู้ช่วยหาเสียงเสื้อแดงกลับใจ ที่ช่วยหาเสียงเบอร์ 1ที่เข้าหาเสียงในเขตพื้นที่อำเภอหนึ่งของเชียงรายถิ่นเพื่อไทย ได้ถูกผู้ช่วยหาเสียงเบอร์2 คนหนึ่ง ข่มขู่ให้หวาดกลัวเกี่ยวกับการปราศัย บนรถ หาเสียงกลุ่มของเสื้อแดงในเขตพื้นที่อำเภอหนึ่งยามบ้านใหญ่ เป็นเหตุการณ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นเพราะเป็นเรื่องการหาเสียงโดยปกติ
ซึ่งภายหลังการเลือกตั้งครั้งนี้คาดว่าเรื่องจะยังไม่จบเพราะมีข่าวความเคลื่อนไหวของการร้องเรียนในวิธีการหาเสียง การซื้อเสียง ฯลฯโดยทางสำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงรายเริ่มได้รับการร้องเรียนเป็นบางเรื่องๆยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงและยังไม่ได้แข้งข้อกล่าวหาผู้สมัครว่าฝ่าฝืนจงใจกระผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ ซึ่งความคืบหน้าจะเสนอให้ทราบกันต่อไป.

ทีมข่าวการเมือง เชียงรายรายงาน..

สิ่งที่น่าสังเกตการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ทำไมบัตรเสียถึงเยอะมาก//#แทบจะไม่เชื่อว่าบัตรพวกนั้นเสียจริงหรือไม่เพราะทำไมถึงมากมายมหาศาลขนาดนี้เกือบจะเป็นแสน.#มีคนออกมาใช้สิทธิ์ 870 564 #จากรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งของจังหวัดเชียงใหม่.1324913 คน.เป็นบัตรดี 772-129 ใบ.บัตรเสีย 41 124 ใบ//และไม่ประสงค์ลงคะแนนมีจำนวน 5753 3 ใบรวม#/กันแล้วทั้งบัตรเสียและไม่ประสงค์จะลงคะแนนมีจำนวนถึง 9 8 6 5 7 คน..#มันเกิดจากอะไรนั่นหรือ.1 #ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของการเลือกตั้งคือ #การนับคะแนน ซึ่งผู้สมัครมักจะมองข้าม

วิธีโกงการเลือกตั้งแบบง่ายๆ คือ การทำให้บัตรดีกลายเป็นบัตรเสีย อาจจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจของกรรมการประจำหน่วยก็สุดแล้วแต่ แต่วิธีนี้ก็ทำให้คู่แข่งที่มีคะแนนสูสีแพ้มาแล้วมากมาย(ทั้งที่จริงต้องชนะ) ดังนั้นผู้สมัครหรือพรรคการเมืองที่เก๋าเกมส์ จะส่งคนของตัวเองไปเป็นผู้สังเกตุการณ์ประจำหน่วยเลือกตั้งทุกหน่วยๆละ 2 คน ผู้สังเกตุการณ์ประจำหน่วยเลือกตั้ง จะทำหน้าที่คอยตรวจสอบการขานคะแนน บัตรดี บัตรเสีย ของกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งว่าถูกต้องเป็นประโยชน์กับผู้สมัครของตัวเองหรือไม่ เช่น ผู้สมัครหมายเลข 1 ส่งผู้สังเกตุการณ์มาเฝ้าตอนนับคะแนน แต่ผู้สมัครหมายเลข 2 ไม่ได้ส่งผู้สังเกตุการณ์มา(อาจจะประหยัดค่าใช้จ่าย)

เวลากรรมการขานคะแนน สมมติถ้ากาเบอร์ 1 แล้วบัตรเสีย ผู้สังเกตุการณ์ที่เป็นตัวแทนของเบอร์ 1 จะขอตรวจสอบทันทีว่าเป็นบัตรเสียได้อย่างไร หลายครั้งที่มีการตรวจสอบสุดท้ายจาก #บัตรเสียกลายเป็นบัตรดี ทำให้เบอร์ 1 ได้คะแนนเต็มเม็ดเต็มหน่วย ส่วนเบอร์ 2 ที่โหมกระหน่ำหาเสียงมาเป็นเดือนแต่ไม่ยอมส่งผู้สังเกตุการณ์มาตรวจสอบตอนนับคะแนน ก็จะทำให้ เวลาขานบัตรเสียที่กาเบอร์ 2 จะไม่มีการคัดค้านหรือขอตรวจสอบแต่อย่างใด บัตรดีจะกลายเป็นบัตรเสียทันที น่าเสียดายครับมาตกม้าตายตอนจะเข้าเส้นชัย จึงอยากฝากเพื่อนๆช่วยกระซิบบอกผู้สมัครที่ท่านรัก พรรคการเมืองที่ท่านชอบ ว่าเรื่องนี้สำคัญ💥

ปล.ในช่องสีแดงคือตัวอย่างบัตรดีที่ขานเป็นบัตรเสียบ่อยมากๆๆๆๆๆๆ กรรมการขานคะแนน จะอ้างว่ามีจุดตัด 2 จุด ในช่องลงคะแนน จึงเป็นบัตรเสีย แต่ความจริงมันคือบัตรดี แค่ชาวบ้านเขากาทับ 2 ครั้งเพราะปากกาไม่ดีเท่านั้นเอง ด้วยเหตุนี้บางหน่วย บางจังหวัด เราจึงได้เห็นบัตรเสียมากกว่าส่วนต่างคะแนนของผู้แพ้กับผู้ชนะเสียอีก…

เก็บเอามาบอกเล่าโดยทีมข่าวกองบก

สมจิตร แสงบัลลังก์ รายงาน.

​สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / น้ำโขงลด ตำรวจน้ำมุกดาหาร พบรถผุดในแม่น้ำ คาดแก๊งค้ารถข้ามชาติทำงานพลาด /เลือกตั้ง อบจ.มุกดาหาร ช่วงเช้าเงียบเหงา ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและผู้พิการออกมาใช้สิทธิ์

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ต.ท.พงษ์พิพัฒน์ บูรณะบัญญัติ สว.ส.รน.3 กก.1 บก.รน. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สว.ส.รน.3 กก.10 บก.รน. ได้ทำการออกตรวจ สืบสวนหาข่าวการกระทำความผิดและอาชญากรรมต่างๆ

ในพื้นที่รับผิดชอบ เมื่อตรวจไปถึงที่บริเวณท่าน้ำริมแม่น้ำโขง ม.4 บ้านหว้านใหญ่ ต.หว้านใหญ่ อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร ได้สังเกตเห็นวัตถุสีเหลี่ยมสีขาวลอยพ้นน้ำลักษณะคล้ายหลังคารถยนต์

จึงได้เข้าทำการเข้าทำการตรวจพิสูจน์เบื้องต้นพบว่าเป็นรถกระบะที่จมน้ำอยู่ และคาดว่าจะป็นรถที่ขบวนการค้ารถยนต์ข้ามชาติลักลอบนำข้ามแม่น้ำโขงเพื่อจะนำส่งไปยังฝั่งแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว

แต่เกิดผิดพลาดและทำให้รถยนต์จมน้ำในระหว่างที่จะนำขึ้นเรือข้ามฝั่ง จึงได้แจ้ง พ.ต.อ.อดิศักดิ์ มีศิลป์ ผกก.10 บก.รน.,พ.ต.ท.อัศรายุทธ ทองลอง รอง ผกก.10 บก.รน.,พ.ต.ท.ดุษฎียากร กองทองพิพัฒน์ รอง ผกก.10 บก.รน. รับทราบและได้นำรถเครนมาทำการยกรถยนต์คันดังกล่าวขึ้นจากแม่น้ำโขง ในเวลาต่อมา

จากการตรวจสอบพบว่าเป็นรถยนต์ยี่ห้อ ISUZU สีขาว รุ่น D-MAX ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หมายเลขตัวถัง MP1TFR87JKG007743 หมายเลขเครื่องยนต์ RZ4ETF0962 สภาพมีดินโคลนปกคลุมไปทั่วตัวรถ สันนิษฐานว่ารถยนต์คันดังกล่าวน่าจะพลัดตกลงไปในแม่น้ำโขงช่วงฤดูฝน

ที่มีระดับน้ำขึ้นสูง กระทั่งต่อมาเมื่อระดับน้ำในแม่น้ำโขงลดลงจึงทำให้หลังคารถยนต์คันดังกล่าวโผล่ขึ้นเหนือน้ำและทำให้ถูกพบเห็นดังกล่าว จากนั้นเจ้าหน้าที่ จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลางและนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ตำรวจน้ำมุกดาหาร #น้ำโขงลดรถยนต์ผุด #แก๊งคารถยนต์ข้ามชาติ #ลักลอบนำรถยนต์ข้ามแม่น้ำโขง #จังหวัดมุกดาหาร

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

มุกดาหาร​ -​เลือกตั้ง อบจ.มุกดาหาร ช่วงเช้าเงียบเหงา ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและผู้พิการออกมาใช้สิทธิ์

เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568​ ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดมุกดาหารว่า บรรยากาศการใช้สิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร ในช่วงเช้าตามหน่วยเลือกตั้งต่างๆ เป็นไปด้วยความเงียบเหงามีประชาชนมาใช้ลงคะแนนเสียงค่อนข้างบางตา โดยผู้มาใช้สิทธิ์ลงคะแนนเสียงส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุและผู้พิการ

โดยเฉพาะหน่วยเลือกตั้งที่ 2 ตำบลบางทรายใหญ่ อำเภอเมืองมุกดาหาร มีผู้สูงอายุเดินทางมาต่อคิวเพื่อใช้สิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งเป็นจำนวนมาก จนต้องจัดเจ้าหน้าที่ไว้คอยให้การช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษทั้งในเรื่องการช่วยพยุงและการอธิบายว่าบัตรสีใดใช้กับการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งนายกหรือสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด

ขณะที่บริเวณหน่วยเลือกตั้งที่ 6 ตำบลบางทรายใหญ่ อำเภอเมืองมุกดาหาร นายวรญาณ บุญณราชผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ได้เดินทางมาใช้สิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในเวลา 9:00 น. จากนั้นได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งที่สามารถดำเนินการจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขณะที่จังหวัดมุกดาหาร

ก็ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าไปให้การสนับสนุนในการจัดการเลือกตั้งอย่างเต็มกำลังความสามารถ และต้องขอบคุณผู้สมัครสมาชิกและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร ที่ได้ให้ความร่วมมือในการสร้างภาพลักษณ์ส่งเสริมการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยในครั้งนี้ ส่วนผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการคาดว่าจะทราบได้ภายในเวลาประมาณ 20:00 น.ของวันนี้

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ หารือร่วมกับทูตนานาประเทศ ปราบอาชญากรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ลักลอบข้ามแดนของต่างชาติ

แชร์เนื้อหานี้

วันนี้ (31 มกราคม 2568) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนต์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศตคม.ตร./ผอ.ศปอส.ตร.) เป็นประธานการประชุมหารือความร่วมมือระหว่างประเทศปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและอาชญากรรมออนไลน์ โดยมีเอกอัครราชทูตและผู้แทนจากนานาประเทศ ได้แก่ ศรีลังกา อินโดนีเซีย ลาว เมียนมา แทนซาเนีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย จีน บราซิล สหรัฐอเมริกา โมร๊อคโค อินเดีย เคนยา ยูเครน บังกลาเทศ รัสเซีย และผู้แทนจากสำนักงานป้องกันยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) , กระทรวงการต่างประเทศ , การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เข้าร่วมประชุมร่วมกับผู้แทนหน่วยงานต่างๆ ในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อาทิ พล.ต.ท.กิติศักดิ์ ดุรงควิบูลน์ ผบช.ภ.6 , พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รอง ผบช.ทท. , พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ รอง ผบช.ก. ณ ห้องศรียานนท์ อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาคนต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย คนต่างด้าวตั้งกลุ่มแก๊งกระทำความผิดหรือประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย และอาชญากรรมข้ามชาติ อย่างเต็มกำลัง เพื่อขจัดปัญหาเหล่านี้ให้หมดไปโดยเร็ว รวมทั้งการช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกหลอกลวง เช่น กรณีที่ตำรวจไทยช่วยเหลือนายหวังซิง นักแสดงชาวจีน ซึ่งการแก้ไขปัญหาดังกล่าว พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ออก 7 มาตรการ อย่างเข้มงวด ได้แก่ มาตรการก่อนคนต่างด้าวเดินทางเข้าประเทศไทย , มาตรการ ณ ท่าอากาศยาน และด่านตรวจคนเข้าเมือง (ชายแดน) , มาตรการตั้งจุดตรวจตามเส้นทาง , มาตรการตรวจสอบที่พัก พื้นที่ท่องเที่ยว และสกัดกั้นพื้นที่ชายแดน , มาตรการเชิงรุกในการตรวจสอบเส้นทางและจุดพักคอย , มาตรการเข้มข้นในพื้นที่ชายแดน และมาตรการประสานงาน ให้ความช่วยเหลือ และสืบสวนขยายผล นอกจากนี้ ยังได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งในระดับประเทศ และหน่วยงานระดับสากล เพื่อร่วมมือในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม

ในการประชุมครั้งนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้เชิญผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตนานาประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือในการประสานความร่วมมือในการป้องกันแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและอาชญากรรมออนไลน์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และเข้าร่วมในการจัดตั้งศูนย์ประสานงานระหว่างประเทศ ซึ่งมี พล.ต.อ.ธัชชัยฯ เป็นหัวหน้าศูนย์ประสานงานดังกล่าว ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตทุกประเทศยินดีอย่างยิ่งในการให้ความร่วมมือกับไทย มีเป้าหมายร่วมกันเพื่อพัฒนามาตรการป้องกันการลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมายของชาวต่างชาติ การบังคับใช้อย่างเข้มงวดต่อการเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ตลอดจนเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพ โดยศูนย์ประสานงานดังกล่าวจะทำให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูล ติดต่อประสานงานกันอย่างรวดเร็ว ได้ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความยินดีที่ได้รับความร่วมมือจากสถานเอกอัครราชทูตนานาประเทศ ในการเข้าร่วมศูนย์ประสานงานระหว่างประเทศ ในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพื่อยุติปัญหาดังกล่าวให้หมดสิ้นไปโดยเร็ว อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการเตรียมการจัดตั้งศูนย์ประสานงานระหว่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมีการประชุมติดตามประเมินสถานการณ์ทุกวัน ในเวลา 08.30 น. โดยเริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นไป
…#สมจิตรแสงบันลังค์รายงาน.

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปในพิธีบายศรีทูลพระขวัญ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

แชร์เนื้อหานี้

วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม 2568 เวลา 17.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปในพิธีบายศรีทูลพระขวัญ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

ณ บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์ พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 พร้อมด้วย นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่, พล.ท.กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ มทภ.3, นายเย็นดี มณฑีรรัตน์ อธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 , น.อ.ปรธร จีนะวัฒน์ ผบ.บน.41 พร้อมข้าราชการ และประชาชนชาวจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียง เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับ-ส่งเสด็จฯ ณ ท่าอากาศยานทหาร บน.41 อ.เมืองเชียงใหม่ จว.เชียงใหม่

การเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับ-ส่งเสด็จฯ และการถวายความปลอดภัยเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เหตุการณ์ปกติ และสมพระเกียรติ เป็นไปตามพระราชประสงค์..
//#สมจิตรแสงบัลลังก์รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ชาวศรีสาคร เดือดรวมตัวต้านความรุนแรงวางบึ้ม 2 ตชด.พ่อลูก ผู้การ ตชด.ปรับแผนหวั่นเกิดเหตุซ้ำรอย ส่วนทหารส่งหน่วยรบพิเศษเปิดยุทธการล่าอับดุลเลาะ

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที 22 ม.ค.68 ที่โรงเรียน ตชด.บ้านตืองอ ช่างกลปทุมวันอนุสรณ์ 13 อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ได้มีพลังมวลชนผู้นำศาสนาผู้นำท้องถิ่น ในพื้นที่ 5 หมู่บ้านของ ต.ศรีบรรพต อ.ศรีสาคร จำนวนกว่า 500 คน ได้พร้อมใจกันรวมตัวภายใต้การนำของ นายสะแปอิง หะมะ โต๊ะอิหม่ามมัสยิดบ้านตืองอ ประกอบพิธีละหมาดฮายัตและดูอาร์ เพื่อให้เกิดความสันติสุขในพื้นที่ และขอพรจากองค์อัลเลาะให้คุ้มครองเจ้าหน้าที่และประชาชน พ้นภัยและห่างไกลความรุนแรง เนื่องจากต้องการให้พื้นที่ทุกตารางนิ้วมีความร่มเย็น

ต่อมาคณะมวลชนได้เดินทางไปยังบริเวณหน้าเสาธงของโรงเรียน เพื่อพร้อมใจและร่วมใจกันแสดงพลังและจุดยืนในการต่อต้านความรุนแรง โดยมีการถือป้ายข้อความ อาทิ ชาวศรีบรรพตต้องการสันติสุข ชาวบ้านศรีบรรพตไม่เอาความรุนแรง ศรีบรรพตหยุดความรุนแรง และข้อความหยุดระเบิด หยุดยิง หยุดความรุนแรง พร้อมทั้งได้มีตัวแทนของครูโรงเรียน ตชด.บ้านตืองอ คือ น.ส.อิสมาร่า จรกา ครูภาษาอังกฤษ ได้กล่าวสดุดีวีระกรรมรำลึกถึงคุณงามความดีของครูสุวิทย์และครูโดม ด้วยเสียงสั่นเครือและร้องไห้ต่อหน้าพลังมวลชน ท่ามกลางความเศร้าสลดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งทีครู 2 พ่อลูก ตชด.มีแต่ให้ รวมทั้งได้มีตัวแทนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ได้สลับสับเปลี่ยนกันขึ้นกล่าวสดุดีความดีงามของครูทั้ง 2 ที่ทุกคนควรนำไปเป็นเยี่ยงอย่างในการดำรงชีวิต และช่วยเหลือพัฒนาสังคม

นอกจากนี้แล้ว ยังมีกิจกรรมของนักเรียนโรงเรียน ตชด.บ้านตืองอ ด้วยการเขียนข้อความรำลึกถึง ครู ตชด.2 พ่อลูก ในแผ่นกระดาษสีขาวที่ตัดเป็นรูปหัวใจ ซึ่งส่วนใหญ่นักเรียนจะเขียนข้อความ ถึงความรู้สึกที่นักเรียนเขียนถึงความรู้สึกต่อครูใหญ่ ครูโดม อาทิ รักครูเราคิดถึงครู ไม่น่าจากเราไปเลย ก่อนที่นักเรียนทุกคนจะนำไปติดที่บอร์ดใต้ถุนอาคารเอนกประสงค์ เพื่อใช้เป็นสานที่รำลึกถึงครูทั้ง 2 เพื่อใช้เป็นอนุสรณ์ต่อครูทั้ง 2 คนตลอดไป

ต่อมาหลังพิธีการและกิจกรรมต่างๆแล้วเสร็จ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจต่อเด็กนักเรียน พ.ต.อ.ณรงค์ ธนานันทกุล รอง ผบก.ตชด.ภาค 1 รักษาราชการแทน ผบก.ตชด.ภาค 4 พ.อ.พัศวีย์ โปชะดา ผบ.ฉก.ทพ.49 พ.ต.ท.ธีระโชตื ปฐมวณิชกะ ผบ.ร้อย ตชด.447 พร้อมด้วย น.ส.ฐปณีย์ เอียดศรีไชย ได้เป็นตัวแทนสื่อมวลชน ได้ร่วมกันนำขนมขบเคี้ยว น้ำดื่มและตุ๊กตาหลากหลายชนิด มอบให้กับเด็กนักรัยนโรงเรียน ตชด.บ้านตืองอ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ จนสร้างรอยยิ้มแทนความเศร้าจากน้ำตาที่เคยไหลออกมา กลายเป็นการสร้างความเบิกบานขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่นักเรียนทั้งหมดจะเข้าห้องเรียนเพื่อทำการเรียนการสอนกันตามปกติวันนี้เป็นวันแรก หลังจากที่โรงเรียนได้ทำการหยุดการเรียนการสอน หลังจากที่ครูสุวิทย์และครูโดม เสียชีวิต จากคนร้ายลอบวางระเบิดแล้วยิงซ้ำเมื่อวันที่ 14 ม.ค.68 ที่ผ่านมา

ด้าน พ.ต.อ.ณรงค์ ธนานันทกุล รอง ผบก.ตชด.ภาค 1 รักษาราชการแทน ผบก.ตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 4 กล่าวว่า โรงเรียนตำรวจชายแดนในพื้นที่ 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้มี 12 โรงเรียน กระจายกันอยู่ แล้วเราก็ได้เพิ่มชุดรักษ์ความปลอดภัยเพิ่มเติมทั้ง 12 โรงเรียน โดยเฉพาะพื้นที่ของโรงเรียนตำรวจชายแดนบ้านละโอ บ้านตืองอ เราได้มีการเพิ่มเติมกำลังปฎิบัติการด้านมวลชน พัฒนาสัมพันธ์สร้างความมั่นใจ ให้กับพี่น้องประชาชนและครูผู้สอน โดยเฉพาะในช่วงนี้ประชาชนและครูต่างขวัญเสียกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่วันนี้ยังเรายังมีการเปิดการเรียนการสอนเพราะกำลังเราเพิ่มเติมเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชนและครูผู้สอน

นอกจากนี้ พ.ต.อ.ณรงค์ ธนานันทกุล รอง ผบก.ตชด.ภาค 1 รักษาราชการแทน ผบก.ตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 4 ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกด้วยว่า ในส่วนบุคลากรที่จะมาทดแทนหลังจากที่ครูสุวิทย์โดยได้เอาอดีตที่เป็นครูที่นี่ซึ่งสอนอยู่ที่โรงเรียน ตชด.อยู่แล้วมาสอนแทนและทำหน้าที่ครูต่อ แล้วเราก็จะมีตำรวจตระเวนชายแดน ซึ่งมีความรู้ทางด้านการศึกษามาเพิ่มเติม ในการที่จะพัฒนาและทำกิจกรรมของโรงเรียนต่อไป

ขณะที่ พ.อ.พัศวีร์ โปชะดา ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 49 กล่าวว่า ในการบูรณาการของกำลังในพื้นที่นั้น ในก่อนเกิดเหตุการณ์ได้ร่วมพูดคุยกับทางตำรวจ ทหารในพื้นที่ และในส่วนของปกครอง โดยเฉพาะกำนันผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ที่รับผิดชอบอยู่ในพื้นที่ตำบลศรีบรรพต ได้มีการแบ่งมอบการรับผิดชอบการทำงานร่วมกันทำงานทั้ง 3 ฝ่ายมากขึ้น โดยในห้วงที่ผ่านมาหลังจากเกิดเหตุ ทางผู้บังคับบัญชาได้เน้นย้ำในการเพิ่มความระมัดระวังในการทำงานในพื้นที่ ซึ่งในปัจจุบันในการสืบหาข้อมูลเพื่อที่จะจับกุมผู้ก่อเหตุ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากผู้นำในพื้นที่ และได้ข้อมูลขั้นต้นมาค่อนข้างเยอะพอสมควร แล้วจะนำไปสู่การจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องได้ในเร็ววัน โดยได้รับความร่วมมือจากผู้นำในพื้นที่ไม่ว่าจะเป็น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต.ตลอดจนชาวบ้านที่รักครูสุวิทย์ ซึ่งบางคนก็เคยเป็นลูกศิษย์ครูสุวิทย์ และเพื่อนร่วมงานของครูสุวิทย์ ซึ่งเสียใจกับการสูญเสียในครั้งนี้ โดยพยายามให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับเจ้าหน้าที่ รวมถึงไม่อยากให้เกิดความรุนแรงในพื้นที่ของตำบลศรีบรรพต ซึ่งบางครั้งความรุนแรงแค่ครั้งเดียว ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่เสียโอกาส ทั้งทางด้านการศึกษาและการพัฒนาในพื้นที่ และในส่วนหมายจับ 2 คน ที่ออกมานั้นก็ได้มาจากพยานหลักฐานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาเก็บพยานหลักฐานในพื้นที่ โดยมี DNA ในพื้นที่ และพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ โดนขั้นต้นก็คือบุคคลที่ก่อการหลักทั้ง 2 คน ที่สามารถออกหมายจับได้ แต่ในส่วนที่เหลือกำลังเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อดำเนินการติดตามและจับกุมในโอกาสต่อไป

ส่วนด้านความคืบหน้ากรณีผลการตรวจสอบอาวุธปืนของคนร้ายที่ใช้ยิงจ่อศรีษะของ ครูสุวิทย์และครูโดม หลังจากจุดชนวนระเบิดแล้วเสร็จนั้น เจ้าหน้าที่พบคนร้ายใช้อาวุธปืน จำนวน 4 กระบอก เป็นอาวุธปืนพก ขนาด 9 ม.ม.จำนวน 3 กระบอก และอาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 1 กระบะ ซึ่งผลการตรวจสอบวิถีกระสุนปืนพบว่ามีอาวุธปืนพก ขนาด 9 ม.ม.และอาวุธปืนเอ็ม.16 รวม 2 กระบอก จาก 4 กระบอก นายอับดุลเลาะ บูละ เคยใช้บุกยิง อส.ทพ.หญิง นูรีซัน พรหมศรี สังกัด ร้อย ทพ.49 ขณะขายอาหารในช่วงเดือนรอมฎอน ที่ตลาดนัดดุซงญอ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 26 เม.ย.67 ที่ผ่านมา

นอกจากนี้หลังกิจกรรมแล้วเสร็จ พ.ต.อ.ณรงค์ ธนานันทกุล รอง ผบก.ตชด.ภาค 1 รักษาราชการแทน ผบก.ตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 4 พ.อ.พัศวีร์ โปชะดา ผบ.ฉก.ทพ.49 พ.ต.ท.ธีระโชต ปฐมวณิชกะ ผบ.ร้อย ตชด.447 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ถือโอกาสพูดคุยในวงอาหารกลางวัน ที่ ฐานปฏิบัติการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49 ซึ่งตั้งอยู่ในวัดศรีสาคร เพื่อวางแผนส่งกำลังเปิดยุทธการณ์ปลิดชีพโจรใต้ ด้วยการส่งกำลังชุดรบพิเศษและชุดป่าภูเขา ในการติดตามไล่ล่านายอับดุลเลาะ บูละ และพวก ที่หลบหนีกบดานอยู่บนเทือกเขาเมาะแต ในพื้นที่เขตรอยต่อ อ.จะนะกับ อ.ศรีสาคร ซึ่งภารกิจยุทธการในครั้งนี้ มีกำหนดการไล่ล่ากดดันการใช้บังคับกฎหมายเป็นเวลา 1 เดือน หรือ จนกว่าจะสามารถจับกุมบุคคลดังกล่าวได้ /////////////////////////////
ข่าว/กรียา/นราธิวาส