คลังเก็บหมวดหมู่: กิจกรรมเพื่อสังคม

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ผู้ใหญ่บ้านแจกฟรีหมวกกันน๊อคให้กับลูกบ้าน รณรงค์การขับขี่ปลอดภัย สวมหมวกนิรภัย100เปอร์เซ็นต์”.

แชร์เนื้อหานี้

สุโขทัย ผู้ใหญ่บ้านแจกฟรีหมวกกันน๊อคให้กับลูกบ้าน รณรงค์การขับขี่ปลอดภัย สวมหมวกนิรภัยเพื่อลดอุบัติเหตุจราจรทางบก สนับสนุนการสวมหมวกนิรภัย100เปอร์เซ็นต์

6 ก.ค.2568 ที่ศาลาประชาคมหมู่ที่ 9 บ้านคุกเหนือ นายธนกฤต ท้าวบุญยืน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 9 ต.สารจิตร อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย เป็นประธานในพิธีมอบหมวกนิรภัยให้กับราษฎรที่เข้าร่วมประชุม การแจกหมวกกันน็อคให้กับราษฎรนี้เป็น”โครงการรณรงค์ขับขี่ปลอดภัยสวมหมวกนิรภัย 100%”

ของชุมชน จุดประสงค์เพื่อสร้างจิตสำนึกให้กับประชาชนได้ปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด ไม่มีวินัยจราจรโดยการสวมหมวกนิรภัยไม่ขับขี่ย้อนศรไม่ครับคีย์ด้วยความเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด และเป็นสังคมต้นแบบในการปฏิบัติตามกฎจราจรสวมหมวกนิรภัย 100% รู้รับผิดชอบต่อสังคมเป็นการป้องกันการสูญเสียอันเกิดจากอุบัติเหตุ

นายธนกฤต ท้าวบุญยืน กล่าวว่าตามที่อำเภอศรีสัชนาลัยมีการขับเคลื่อนคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ(พชอ)โดยมีคณะกรรมการ คณะทำงาน และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม เพื่อกำหนดประเด็น และร่วมจัดทำแผนงานขับเคลื่อนการดำเนินงานพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับพื้นที่ของอำเภอศรีสัชนาลัย

โดยยึดพื้นที่เป็นฐาน ประชาชนเป็นศูนย์กลาง ทุกภาคีเครือข่ายมีส่วนร่วมอย่างจริงจัง ผมจึงจัดประชุมคณะกรรมการหมู่บ้านปรึกษาหารือในการสนองนโยบายของหน่วยงานราชการประกอบกับพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 122 ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถจักรยานยนต์ทุกคนต้องสวมหมวกนิรภัยขณะขับขี่หรือโดยสาร

หากฝ่าฝืนมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท และหากผู้โดยสารไม่สวมหมวกนิรภัย คนขับจะถูกปรับเพิ่มเป็น 2 เท่า เริ่มบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของพี่น้องประชาชนผมและคณะกรรมการหมู่บ้านได้อนุมัติเงินจัดซื้อหมวกกันน๊อคสนับสนุน”โครงการรณรงค์ขับขี่ปลอดภัยสวมหมวกนิรภัย 100%” ของชุมชน นายธนกฤต ท้าวบุญยืน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่9 บ้านคุกเหนือ ต.สารจิตร

รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่คณะกรรมการหมู่บ้านได้เป็นส่วนหนึ่งของการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในการลดค่าใช้จ่ายในการซื้อหมวกกันน็อคและเป็นการสนับสนุนการลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนและการสูญเสียจากอุบัติเหตุของพี่น้องในชุมชน คณะกรรมการหมู่บ้านทุกคนให้ความสำคัญกับปัญหาสุขภาพของคนในชุมชนอยากให้ทุกครอบครัวมีการกินอยู่ที่ดีชีวีปลอดภัยจากอุบัติเหตุ
กิตติ พรดวงจันทร์ สุโขทัย

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ประมูลทะเบียนรถเลขสวย หมวดอักษร กอ” การเงินร่ำรวย อำนวยโชคลาภ ” บรรยากาศเป็นด้วยความคึกคัก ยอดประมูลรวมทะลุ 10 ล้านบาท

แชร์เนื้อหานี้

สำนักงานขนส่งจังหวัดลพบุรี เปิดประมูลทะเบียนรถเลขสวย หมวดอักษร กอ” การเงินร่ำรวย อำนวยโชคลาภ ” บรรยากาศเป็นด้วยความคึกคัก ยอดประมูลรวมทะลุ 10 ล้านบาท โดยรายได้จะนำเข้ากองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนเพื่อสร้างคุณประโยชน์ให้กับสังคมส่วนรวม

เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2568 ที่ โรงแรมโอทู อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี นายประยูร ศิริวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เป็นประธานเปิดประมูลทะเบียนรถเลขสวยจังหวัดลพบุรี ประเภทรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน หมวดอักษร กอ

ครั้งที่ 15 “การเงินร่ำรวย อำนวยโชคลาภ” (301 หมายเลข) และเลขเสริม หมวดอักษร กพ กม กย กล กว (12 หมายเลข) โดยมี นางสาวอารีย์ ธัญญเจริญ ขนส่งจังหวัดลพบุรี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ผู้เข้าร่วมการประมูล เข้าร่วมภายในงานเป็นจำนวนมาก

สำนักงานขนส่งจังหวัดลพบุรี ได้มีการนำหมายเลขทะเบียนรถเลขสวยประเภทรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดคน (รย.1) หมวดอักษร กอ มีความหมายที่ดีคือ ” การเงินร่ำรวย อำนวยโชคลาภ ” จำนวน 301 หมายเลข โดยมีตัวเดียว 1 ถึง 9 , เลขเบิ้ล, เลขตอง, เลข 4 ตัวเหมือนกัน, เลขเรียง โดยในป้ายมีกราฟฟิกเป็นภาพ

ประตูพระนารายณ์นิเวศน์ พระปรางค์สามยอด เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ทุ่งดอกทานตะวัน และลิงลพบุรี ซึ่งจะรวมโบราณสถาน และแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดลพบุรี รวมถึงอัตลักษณ์ที่สำคัญของความเป็นจังหวัดลพบุรีอยู่ภายในป้าย มีการจัดวางตำแหน่งอย่างสวยงาม

สำหรับการประมูลเลขทะเบียนรถสวย ในวันนี้เปิดให้ประมูลได้ 2 ช่องทาง คือ ผ่านระบบออนไลน์ อินเตอร์เน็ต และ ประมูลด้วยวาจาควบคู่กันซึ่งการประมูลใน

ครั้งถือว่าคึกคัก ซึ่งเลขมงคลแต่ละเลขสู้กันอย่างดุเดือดอาทิ เลขทะเบียน กอ 9999 ลพบุรี จบการประมูลที่ 800,000 บาท และ เลขทะเบียน กอ 8888 ลพบุรีจบการประมูลที่ 315,000 บาท สรุปยอดรวมการประมูลในครั้งนี้ 10,271,937 บาท

ซึ่งรายได้จากการประมูลทะเบียนรถเลขสวยจะนำเข้า “กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน” (กปถ.) เพื่อนำไปสนับสนุนและส่งเสริมด้านความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนและให้ความช่วยเหลือผู้พิการอันเนื่องมาจากการ

ประสบภัยที่เกิดจากการใช้รถใช้ถนนเป็นเงินค่าอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการฯ ดังนั้น ผู้ที่ประมูลทะเบียนรถเลขสวย นอกจากจะมีโอกาสได้ครอบครองหมายเลขทะเบียนรถที่ตนเองชื่นชอบแล้วยังมีโอกาสได้ร่วมทำบุญกุศลและสร้างคุณประโยชน์ให้กับสังคมส่วนรวมอีกทาง หนึ่งด้วย

สนอง แท่นสูงเนิน
ผอ.ศูนย์ข่าวฯ ประจำจังหวัดลพบุรี
/ฝ่ายประชาสัมพันธ์จังหวัดลพบุรี ภาพ/ข่าว

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ดร.ธน บุญเกิด บรรยายเกษตรทฤษฎี ใหม่ไม่ใช้ สารเคมีที่เป็นอันตรายต่อพืชและเกษตรกร

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันที่ 5 กรกฎาคม 2568 เวลา 12.00 น.ถึง 16.30 น. ดร.ธน บุญเกิด บรรยายพิเศษ ณ เพื่อนใจรีสอร์ทจังหวัดชุมพร

หัวข้อการสังเคราะห์แสงของพืชทำทุเรียนไม่ใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีป้องกันรักษาวัยท็อปเทอร่าป้องกันรักษาใบร่วงยางตายนึ่งป้องกันรักษาเห็ดปาล์มน้ำมันปาล์มทะลายดกป้องกันรักษามะพร้าวและพืชทุกชนิด

เกษตรทฤษฎีใหม่โดยใช้ยิปซัมผลิตจากแร่ธรรมชาติสามชนิดปลอดสาร 100% ยิปซัม ดีที 1 Dr.Thon มีคุณสมบัติ มีแคลเซียมออกซิเจน

กำมะถันช่วยสร้างคลอโรฟิลล์ ช่วยสร้างจุลินทรีย์ ดินและอินทรียวัตถุ ทำให้รากพืชแข็งแรง เร่งการแตก

ยอดของพืช ออกดอกง่าย ติดดอกไว ผลโต ขั้วเหนียว ได้น้ำหนัก บำรุงราก หัว ต้น ใบ ดอก ผล เนื้อหนา รสชาติดี และป้องกันเชื้อราราก

เน่าโคนเน่าไฟท็อปเทอร่า และ ไวรัส พร้อมยังต่อสู้แมลงสตูพืชรบกวน เก็บผลผลิตได้นาน วันนี้มีเกษตรกรเข้าร่วมรับฟัง เกษตรทฤษฎี ใหม่ จำนวนมาก

ดร.ธน บุญเกิดกล่าว่า ในตอนนี้ผมก็ได้มาสอน แนะนำให้ เกษตรกร คือไม่ให้ใช้ปุ๋ยเคมีไม่ต้องฉีดพ่นทางใบในปัจจุบันนี้เกษตรกรจะเข้าใจผิด

ว่าปุ๋ย NPK เป็นอาหารของพืชจริงๆแล้วมันไม่ใช่ในธรรมชาติของพืชจะใช้ใบสังเคราะห์แสงเป็นสารอาหารเราถูกสอนมาห้า 60 ปีแล้วว่าปุ๋ย NPK ที่ใส่สูตรเสมอ มันเป็นอาหารพืชซึ่งเราใส่ใน

ระยะนานนานจะทำให้ทุเรียนป่วยแล้วก็ตายผมก็เลยคิดค้น ยิปซัม เพื่อช่วยให้ต้นทุเรียนหายป่วยโดยจดสิทธิบัตร ยิปซัมเพื่อช่วย การเกษตรแล้วก็ยับยั้งไม่ให้พืชป่วยในวันนี้ได้มาที่จังหวัดชุมพรเป็นบ้านเกิดของ

ผมอยากมาช่วยแนะนำแล้วก็บอกวิธีการปลูกต้นทุเรียนโดยไม่ต้องใช้ปุ๋ยเคมี ไม่ต้องใช้ยาฆ่าแมลงอย่างไร เพระสิ่งเหล่านี้มีแต่โทษไม่มีประโยชนในระยะยาว จึงอย่างให้เกษตรกรรู้เท่าทันผลร้ายของปุ๋ยเคมี

หลังจากจบบรรยาย ผู้ลงทะเบียน เข้ารับฟังก็ได้รับ ยิปซัมเพื่อการเกษตร Dr.Thon เป็นนวัตกรรม ใหม่ เพื่อพี่น้องเกษตร ไปใช้เพื่อให้พืชสังเคราะห์แสง และช่วยการสร้างอาหารของพืช ฟรี 25 กม

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ต้อนรับคาราวาน “แวะ ชิม ช้อป ชม” ชมแหล่งท่องเที่ยวตามลำน้ำโขง สัมผัสวัฒนธรรม ดูวิถีชีวิต ชุมชนริมโขงตลอดเส้นทาง 5 จังหวัดริมโขง

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.30 น. ที่ ดารานาคี (กลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านสะง้อ) ต.หอคำ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ นายสมหวัง อารีย์เอื้อ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ เป็นประธานกล่าวต้อนรับ พร้อมด้วย นายณรงค์ศักดิ์ คุรุพันธ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดบึงกาฬ

นายธนิต รามัญวงศ์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดบึงกาฬ นายอนุชิต บุญชม ผอ.สวท.บึงกาฬ ผู้แทนพัฒนาชุมชนจังหวัดบึงกาฬ ผู้บริหารเทศบาลตำบลหอคำ นายสหรัถ พิศาลเศรษฐพงศ์ ประธานหอการค้าจังหวัดบึงกาฬ ผู้แทนประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดบึงกาฬ และสมาชิกกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านสะง้อ ให้การต้อนรับ

โครงการคาราวานรถยนต์ส่งเสริมการท่องเที่ยวตามเส้นทาง “แวะ ชิม ช็อป ชม” แหล่งท่องเที่ยวและวัฒนธรรมชุมชนในเขตพัฒนาการท่องเที่ยววิถีชีวิตลุ่มแม่น้ำโขง เพื่อขับเคลื่อนรูปแบบการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainable Tourism) และประชาสัมพันธ์เส้นทางท่องเที่ยวให้เป็นที่รู้จักทั้งในประเทศและระดับอาเซียน

กิจกรรมดังกล่าวกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3 – 6 กรกฎาคม 2568 บนเส้นทางเชื่อมโยง 5 จังหวัดริมโขง ได้แก่ เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม และมุกดาหาร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว ทั้งจากต้นทุนธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม และวิถีชีวิตท้องถิ่น มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวในเขตลุ่มแม่น้ำโขง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวให้เกิดราย

ได้หมุนเวียนตลอดทั้งปี เพื่อยกระดับกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์บนฐานทุนวัฒนธรรม เพื่อเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวในเขตลุ่มแม่น้ำโขงให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและเชื่อมโยงกับแนวคิด Soft Power ซึ่งมีนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้แก่ ไทย จีน เวียดนาม และ สปป.ลาว เครือข่ายชุมชนท่องเที่ยว จากพื้นที่ 5 จังหวัดในเขตลุ่มแม่น้ำโขง ร่วมเดินทางกับคณะคาราวานในครั้งนี้

สำหรับ “ดารานาคี” สินค้าผ้าคุณภาพดีที่บึงกาฬ ผ้าหมักโคลนแม่น้ำโขง ย้อมสีจากเปลือกไม้ “กลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านสะง้อ” ตั้งอยู่เลขที่ เลขที่ 91 หมู่ที่ 2 บ้านสะง้อ ตำบลหอคำ อำเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ มีผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายเป็นงานผ้าขาวม้าทอมือที่ย้อมด้วยสีธรรมชาติจากเปลือกไม้ที่มีในชุมชน แล้วนำไปหมักโคลนแม่น้ำโขงช่วยทำให้ผ้านุ่ม สีเข้มสวย มีความทนทาน กลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านสะง้อ

มีแม่สมพรทำหน้าที่ประธานกลุ่ม มีสมาชิกประจำจำนวน 35 คน กับสมาชิกเครือข่ายอีกเป็นจำนวนมากทั่วบึงกาฬ ถ้านับจำนวนทั้งหมดประมาณ 70 กว่ากี่ กลุ่มนี้รวบรวมสาวโรงงานตัดเย็บผ้าที่มีประสบการณ์มายาวนานในโรงงานใหญ่หลายแห่งมาร่วมงานเพื่อต้องการยกระดับการตัดเย็บผ้าให้เป็นมืออาชีพได้มาตรฐาน จนได้รับรางวัลด้านการออกแบบจากกรมพัฒนาชุมชน อีกทั้งยังได้รับมาตรฐาน 5 ดาวทางด้านคุณภาพเนื้อผ้าประจำจังหวัดบึงกาฬ

ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล/บึงกาฬ รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / รองผู้ว่าประจวบฯ ร่วมคัดเลือก ตำบลเข้มแข็งตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตำบลนาหูกวาง

แชร์เนื้อหานี้

ที่องค์การบริหารส่วนตำบลนาหูกวาง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายปรีดา สุขใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานคณะกรรมการคัดสรรพัฒนาชุมชนดีเด่นพร้อมด้วย นางสาวกุลณิศ ศรีวชิรวัฒน์

พัฒนาการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และคณะกรรมการฯ จากส่วนราชการ ได้แก่ ผู้แทนนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด, ท้องถิ่นจังหวัด, ผู้แทนเกษตรจังหวัด และคณะทำงานจากสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ร่วมคัดสรรกิจกรรมพัฒนาชุมชนดีเด่น ประจำปี 2568 ณ องค์การบริหารส่วนตำบลนาหูกวาง

โดยมี นายสิทธิชัย คงหอม นายอำเภอทับสะแก นางรัตนากร ศรวัฒนา พัฒนาการอำเภอทับสะแก นายสายชล ชนะภัย น.ส.ทิฆัมพร ยอดใหญ่ รองนายกอบต.นาหูกวาง นายอรุษ ห้วยหงษ์ทอง กำนันตำบลนาหูกวาง พร้อม เกษตรอำเภอ

ประมงอำเภอ สาธารสุขอำเภอ สัสดีอำเภอ และภาคีเครือข่ายการพัฒนาทั้งภาครัฐ และเอกชน ตลอดจน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ประชาชนตำบลนาหูกวาง ร่วมให้การต้อนรับอย่างพร้อมเพรียง

การนำเสนอผลงานวันนี้ พระครูวินัยธรเสรี อตฺตสาโร เจ้าคณะตำบลอ่างทอง เขต 2 เจ้าอาวาสวัดเขาบ้านกลาง ร่วมรับฟัง นับเป็นการสร้างขวัญกำลังใจและความเป็นสิริมงคลให้แก่ผู้นำเสนอ ซึ่งอำเภอทับสะแก มีกลุ่มเป้าหมาย เข้าร่วมการคัดสรรกิจกรรมพัฒนาชุมชนดีเด่น รวม 5 กลุ่มเป้าหมาย ดังนี้

1. ตำบลนาหูกวาง ตำบลเข้มแข็งตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
2. หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงบ้านหนองกลางดง หมู่ที่ 9 ตำบลนาหูกวาง
3. วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผลิตน้ำมันมะพร้าวบ้านประดู่ลาย
4. นายไพรัช ทองมาก ผู้นำอาสาพัฒนาชุมชน ​(ผู้นำ อช.) ชาย
5. นางสาวน้ำฝน คีรีศรี ผู้นำอาสาพัฒนาชุมชน ​(ผู้นำ อช.) หญิง

ภายในบริเวณงานมีการจัดนิทรรศการ ซึ่งมีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ อาทินิทรรศการจากสำนักงานเกษตรอำเภอ ปศุสัตว์อำเภอ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)

พร้อมชมการจัดนิทรรศการแหล่งท่องเที่ยวหาดแหลมกุ่ม ป่าสนเหมืองแร่ การจัดการขยะ การฝึกอาชีพ การทำกระถางปลูกผักใช้น้ำน้อย การทำหมวกเจล การทำไม้กวาด การทำผ้ามัดย้อม และการแสดง ผลิตภัณฑ์ ด้านการ เกษตรจากชาวบ้านเป็นต้น

/////////////////

ข่าว. ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / นร.รร.ศรีสวัสดิ์วิทยาคารน่าน ได้รับรางวัลเหรียญทอง Gold Award ทั้ง 2 ทีม / สามสโมสรโรตารีน่าน ร่วมจัดพิธีสถาปนาคณะกรรมการบริหาร ประจำปี 2568–2569

แชร์เนื้อหานี้

โรงเรียนศรีสวัสดิ์วิทยาคารจังหวัดน่านขอแสดงความยินดีกับครูและนักเรียน ที่ได้รับรางวัลเหรียญทอง Gold Award ทั้ง 2 ทีม จากการนำเสนอโครงงานวิทยาศาสตร์ ในการประชุมวิชาการระดับโลก The 20th Asian Chemical Congress (ACC20) หรือ ASIACHEM2525

วันที่ 23 – 27 มิถุนายน 2568 ที่ Bangkok Thailand จัดโดยสมาคมเคมีแห่งประเทศไทยในพระอุปถัมภ์ของศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ และ The Federation of Asian Chemical Societies (FACS)

ทีมที่ 1 Science Project: Cleaning silver jewelry from everyday Items using the principles of electrochemistry
นักเรียนที่นำเสนอผลงาน คือ

  1. นายชัชชัย กันทะวงค์ ม.6/10
  2. นางสาวราชิดา สุขภิรมย์ ม.6/10
  3. นางสาวณัฐวลัณช์ สารเถื่อนแก้ว ม.6/9
  4. นางสาวธวัลรัตน์ อุตมีมั่ง ม.4/10
    ครูที่ปรึกษา นางรัตนาพรรณ อุตมีมั่ง

ทีมที่ 2 Science Project: Production of rayon fibers from used cotton wool and tissue, compared with cellulose fibers from cotton using a small-scale chemical technique นักเรียนที่นำเสนอผลงาน คือ

  1. นางสาววรดา กุศล ม.6/9
  2. นางสาวจอมสุรางค์ ธีรภาพวิเศษพงษ์ ม.6/10
  3. นางสาวชวัลญา เปี่ยมอริยธน ม.6/10
  4. นางสาวธวัลรัตน์ อุตมีมั่ง ม.4/10
    ครูที่ปรึกษา นางรัตนาพรรณ อุตมีมั่ง

ขอขอบคุณ คณะครู ผู้ปกครองนักเรียนและโรงเรียนศรีสวัสดิ์วิทยาคารจังหวัดน่านที่ให้การสนับสนุนในการนำเสนอโครงงานครั้งนี้/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

น่าน สามสโมสรโรตารีในจังหวัดน่าน ร่วมจัดพิธีสถาปนาคณะกรรมการบริหาร ประจำปี 2568–2569

เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2568 ที่โรงแรมเทวราช อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน สโมสรโรตารีจังหวัดน่าน ประกอบด้วย 3 สโมสร ได้แก่ สโมสรโรตารีน่าน สโมสรโรตารีปัว และสโมสรโรตารีเวียงสา

ได้ร่วมกันจัดงานพิธี สถาปนาคณะกรรมการบริหารสโมสรโรตารีจังหวัดน่าน ประจำปี 2568–2569 อย่างยิ่งใหญ่

งานพิธีในครั้งนี้จัดขึ้นตามธรรมเนียมปฏิบัติของโรตารี เพื่อเป็นการส่งมอบตำแหน่งนายกสโมสรและคณะกรรมการบริหารจากชุดเดิมไปยังคณะกรรมการ

ชุดใหม่ ซึ่งจะรับหน้าที่ดำเนินกิจกรรมด้านจิตอาสาและบำเพ็ญประโยชน์ในชุมชนต่อไป

ในโอกาสอันสำคัญนี้ ได้รับเกียรติจาก นายบรรจง ขุนเพชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เป็นประธานในพิธีและกล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ พร้อมทั้งสมาชิก

โรตารีจากต่างจังหวัดที่เดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ของสโมสรโรตารีน่าน

บรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างอบอุ่นและเปี่ยมด้วยมิตรภาพ โดยมีการพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างสมาชิกโรตารีจากหลากหลายพื้นที่ ตอกย้ำ

เจตนารมณ์ของโรตารีในการ “บำเพ็ญประโยชน์เหนือความมุ่งหมายส่วนตน
/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน/วิสุทธิ์ ศรีเมือง ร.ต.อ.สถิตย์ ศรีประสม รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สมโภชและบวงสรวง ศาลหลักเมืองจังหวัดชุมพร สืบสานประเพณี เสริมขวัญกำลังใจประชาชน

แชร์เนื้อหานี้


ธนากร โกศลเมธี รายงาน 0818923514
วันนี้ (27 มิ.ย.68) เวลา 09.30 น. นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เป็นประธานในพิธีบวงสรวงและสมโภชศาลหลักเมืองจังหวัดชุมพร ประจำปี 2568 พร้อมด้วย นางพณณกร ชูกิตติวิบูลย์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดชุมพร

ว่าที่ร้อยตรีกิตติภพ รอดดอน รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร นายศรีชัย วีระนรพานิช นายกเทศมนตรีเมืองชุมพร โดยมี ข้าราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนชาวจังหวัดชุมพร เข้าร่วมประกอบพิธีทางพระพุทธศาสนา และพิธีทางศาสนาพราหมณ์ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชาวชุมพร ณ บริเวณศาลหลักเมืองชุมพร อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร

สำหรับศาลหลักเมืองจังหวัดชุมพร ตั้งอยู่บริเวณหน้าอาคารสำนักงานเทศบาลเมืองชุมพร เป็นอาคารทรงปราสาท หลังคาจัตุรมุข ยอดปรางค์ ภายในประดิษฐานเสาหลักเมือง ซึ่งทำจากไม้ราชพฤกษ์อายุกว่า 100 ปี ที่ขึ้นอยู่บริเวณวัดถ้ำรับร่อ อำเภอท่าแซะ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นที่ตั้งของเมืองชุมพรในอดีต ทั้งนี้ เสาหลักเมืองชุมพรได้ประกอบพิธีตัดไม้เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2535

และได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จฯ วางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2535 อีกทั้งได้รับพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงสรงน้ำ ทรงเจิม และทรงบรรจุแผ่นยันต์ยอดเสา ก่อนที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ จะเสด็จฯ เป็นองค์ประธานในพิธีเปิดศาลหลักเมืองอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2535

โดยภายในงานมีการประกอบพิธีทางพระพุทธศาสนาและพิธีพราหมณ์ รับชมชุดการแสดงรำบวงสรวง ศาลหลักเมืองชุมพร โดยกลุ่มพัฒนาสตรีเทศบาลเมืองชุมพร ชมการบรรเลงเพลงดนตรีไทย“วงอังศุสิงห์” จากนักเรียนโรงเรียนสะอาดเผดิมวิทยา

เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่จังหวัดและประชาชนชาวชุมพร ศาลหลักเมืองชุมพรถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชน อีกทั้งเป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่นคงของบ้านเมือง ซึ่งการจัดพิธีในครั้งนี้ สะท้อนถึงความศรัทธาและการแสดงความกตัญญูต่อแผ่นดิน อีกทั้งเป็นการสืบสานขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของท้องถิ่น อันเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวชุมพรตลอดมา

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / งานประเพณีแห่เทียนพรรษา ประจำปี 2568 วันเข้าพรรษาเชิญชวนพุทธศาสนิกชน ร่วมทำบุญหล่อเทียนพรรษา ณ มณฑลพิธีข่วงเมืองน่าน

แชร์เนื้อหานี้

วันนี้ (27 มิ.ย.2568) เวลา 8.30 น. ณ ข่วงเมืองน่าน นายบรรจง ขุนเพชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เป็นประธานในพิธีดังกล่าว โดยมีพระสุนทรมุนี รองเจ้าคณะจังหวัดน่านเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ด้านนายสุรพล เธียรสูตร นายกเทศมนตรีเมืองน่าน กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานประเพณีแห่เทียนพรรษา ประจำปี 2568

พร้อมด้วยคณะผู้บริหารเทศบาลเมืองน่าน นายวิสุทธิ์ ไชยวงศ์ ประธานสภาเทศบาลเมืองน่าน นายชลิน วิชาญ ประธานชมรมประธานกรรมการชุมชนและผู้ใหญ่บ้าน หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองน่าน พุทธศาสนิกชน ชุมชน นักท่องเที่ยว ตลอดจนคณะครูและนักเรียนโรงเรียนในสังกัดเทศบาลเมืองน่านร่วมพิธี

ซึ่งเทศบาลเมืองน่าน ได้กำหนดจัดงานประเพณีแห่เทียนพรรษา ประจำปี 2568 ในระหว่างวันที่ 27 มิถุนายน – 9 กรกฎาคม 2568 ณ มณฑลพิธีข่วงเมืองน่าน และวัดต่าง ๆ ในเขตเทศบาลเมืองน่าน โดยกำหนดให้มีการประกอบพิธีหล่อเทียนพรรษา ในวันศุกร์ ที่ 27 มิถุนายน 2568 ตั้งแต่เวลา 8.30 น.เป็นต้นไป ณ ข่วงเมืองน่าน จากนั้นเทศบาลเมืองน่านจัดสถานที่อำนวยความสะดวกให้พุทธศาสนิกชนและนักท่องเที่ยวได้ร่วมกิจกรรมทำบุญหล่อเทียนพรรษา ตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน – 6 กรกฎาคม 2568

ณ ข่วงเมืองน่าน พุทธศาสนิกชนร่วมบูชาแผ่นเทียนและเครื่องอัฐบริขารตามจิตศรัทธา และกำหนดการถวายเทียนพรรษาไปยังวัดต่าง ๆ จำนวน 26 วัด ในเขตเทศบาลเมืองน่าน ระหว่างวันที่ 7-9 กรกฎาคม 2568 เพื่อให้พุทธศาสนิกชนและนักท่องเที่ยวได้ทำบุญร่วมกัน มีส่วนร่วมสืบสานอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมอันดี

งามของท้องถิ่นให้คงอยู่ถาวรสืบไป รวมถึงเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดน่านอานิสงค์ของการหล่อเทียนและถวายเทียนพรรษาเปรียบเสมือนแสงสว่างแห่งปัญญา เจริญด้วยสติ ปัญญา อายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ ทุกประการ เทอญ

งานประชาสัมพันธ์ ฝ่ายอำนวยการ
สำนักปลัดเทศบาล เทศบาลเมืองน่าน โทร 0 54710 234 ต่อ 119
facebook เทศบาลเมืองน่าน www.nancity.go.th/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “ประชุม” ผลักดันการดำเนินงาน เพื่อขับเคลื่อนประเด็นการต่อต้านทุจริตและประพฤติมิชอบสร้างวัฒนธรรมจังหวัดแพร่

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 26 มิถุนายน 2568 ห้องประชุม จดหมายเหตุ ศาลากลางจังหวัดแพร่ นายสมชัย เลิศประสิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ เป็นประธานการ ประชุมคณะกรรมการผลักดันการดำเนินงานตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นการต่อต้านทุจริตและประพฤติมิชอบ จังหวัดแพร่ โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการ ทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) จังหวัดแพร่ จัดขึ้น เพื่อรายงานผลการขับเคลื่อนแผน ปฏิบัติกาฯ และผลการดำเนินงานโครงการเฝ้าระวังการทุจริตเชิงรุกในหน่วยงานภาครัฐประจำปี 2568

น ายศรัณ อภิสิทธิเวช ผูู้อำนวยการสำนักงางานป.ป.ช.แพร่ รายงานข้อมูลผลการดำเนินงานในปี 2568 จังหวัดแพร่มีเรื่องกล่าวหาร้องเรียน 52 เรื่อง ร้องเรียน
หน่วยงานราชการส่วนภูมิภาค 27 เรื่อง องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น 21 เรื่อง สถานศึกษา 3 เรื่อง และโรงพยาบาล 1 เรื่อง ซึ่งข้อกล่าวหาทีถูกต้องเรียนมากสุดคือ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจ ในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบหรือสุจริต 36 เรื่อง การจัดซื้อจัดจ้าง 10 เรื่อง ร่ำรวยผิดปกติ 3 เรื่อง การ ขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วน รวม 2 เรื่อง และเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ 1 เรื่อง

“ในปี 2567 ผลการประเมินคะแนนความโปร่งใสและการทุจริตในภาพรวมของทั้งประเทศ โดยองค์กรระหว่างประเทศที่น่าเชื่อถือ พบว่า ประเทศไทยได้คะแนนต่ำสุดในรอบ 10 ปี แสดงให้เห็นว่า ในสายตาของต่างชาติมองประเทศไทยเรื่องการทุจริตในด้านลบค่อนข้างมากได้คะแนน 34 คะแนน อยู่ในอันดับ 107 จาก 180 ประเทศ”

ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ กล่าวว่า ปัจจุบันมีหน่วยงานภาคประชาชน ตั้งองค์กรอิสระเข้ามาตรวจสอบการทำงานของนักการเมือง และส่วนราชการ
จำนวนมาก ดังนั้น ขอให้ทุกภาคส่วนในจังหวัดแพร่ได้
ยึดมั่น ทำงานในอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ด้วยความ
ชื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใสและเป็นธรรม สร้างวัฒนธรรมค่า
นิยมสุจริต มีทัศนคติและพฤติกรรมในการต่อต้านการ
ทุจริตและประพฤติมิชอบ ตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อน
ระดับจังหวัดให้บรรลุเป้าหมายต่อไป

ธีรพงษ์ ธงออน/แพร่
061-595-5297

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / พัทยาปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ เพิ่มความสมดุลทางธรรมชาติชายหาดจอมเทียน ส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 24 มิ.ย.68 นายกฤษณะ บุญสวัสดิ์ รองนายกเมืองพัทยา เป็นประธานในกิจกรรมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ ร่วมกับกรมประมง โดยศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งระยอง และกลุ่มประมงพื้นบ้านหาดจอมเทียน โดยมี นายปรีชา ค้าขาย ที่ปรึกษานายกเมืองพัทยา ดร.พิทยา ภิรมย์อ้น ผู้ช่วยเลขานุการ

นายกเมืองพัทยา นายไพรวัลย์ อารมณ์ชื่น รองประธานสภาเมืองพัทยา พร้อมสมาชิกสภาเมืองพัทยา และผู้ช่วยเลขานุการประธานสภาเมืองพัทยา เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งระยอง ประธานกลุ่มประมงพื้นบ้านหาดจอมเทียน ประธานชุมชนชัยพฤกษ์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งนักท่องเที่ยว เข้าร่วมกิจกรรม ที่บริเวณกลุ่มประมงพื้นบ้านหาดจอมเทียน เมืองพัทยา จ.ชลบุรี

นายกฤษณะ บุญสวัสดิ์ รองนายกเมืองพัทยา กล่าวถึงกิจกรรมในครั้งนี้ว่า เป็นความร่วมมือระหว่างเมืองพัทยา กรมประมง โดยศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งระยอง และกลุ่มประมงพื้นบ้านหาดจอมเทียน จัดกิจกรรมปล่อยพันธุ์อนุบาลสัตว์น้ำ ประกอบด้วยกุ้งแชบ๊วย จำนวน 100,000 ตัว และหอย

หวาน จำนวน 1,000 ตัว เพื่อเป็นการอนุรักษ์และเพิ่มพันธุ์สัตว์น้ำ โดยเฉพาะหอยหวานนั้นเพาะพันธุ์ได้ยากกว่าสัตว์น้ำอื่นๆ เนื่องจากปัจจัยหลายอย่างที่ต้องควบคุม เช่น คุณภาพน้ำทะเล ความสะอาดของน้ำ ซึ่งคุณภาพน้ำทะเลที่มีความเค็มไม่คงที่ และการเกิดปรากฏการณ์แพลงก์ตอนบูมอาจส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตและอัตราการรอดของหอย 

ซึ่งในวันนี้ทางเจ้าหน้าที่จะร่วมกันนั่งเรือเล็กของกลุ่มประมงพื้นบ้านหาดจอมเทียนนำไปปล่อยที่แนวปะการังกลางทะเล ทั้งนี้เมืองพัทยานอกจากจะมีการท่องเที่ยวแล้ว ยังมีเรื่องของอาหารซีฟู้ดด้วย ดังนั้นเรื่องของการอนุบาลสัตว์น้ำก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องตระหนัก เพื่อเป็นการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำ เพิ่มปริมาณสัตว์น้ำให้มีปริมาณมากขึ้น และรักษาความสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เพื่อการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนต่อไป