คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าว

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / หอการค้าไทยมอบ “ผู้ว่าสำเภาทอง” กระตุ้นเศรษฐกิจการค้าท่องเที่ยว พร้อมพัฒนาตลาดอินโดจีนที่ถูกแช่แข็งนานนับ 6 ปี

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2567​ ขอแสดงความยินดี​ กับท่านผู้ว่าวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัมุกดาหาร ในโอกาสรับรางวัลผู้ว่าราชการจังหวัด สำเภาทอง ประจำปี 2567จากหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
โดยนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย.เป็นประธานมอบรางวัลสำเภาทอง แด่ผู้ว่าราชการจังหวัดที่ได้รับรางวัลฯ

โดย นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ได้รับรางวัลสำเภาทองครั้งนี้ด้วย พิธีจัดขึ้น ในการสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 42 “สร้างไทยให้เติบโต สู่อนาคตที่ยั่งยืน ระหว่างวันที่ 22-24 พฤศจิกายน พ.ศ.2567 ณ.ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาตินงนุช

นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร และ ดร.กานต์พนธ์ เตชะเดชอภิพัฒน์ ประธานหอการค้าจังหวัดมุกดาหาร พร้อมคณะกรรมการเดินทางไปร่วมงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 42 ระหว่างวันที่ 22 – 24 พฤศจิกายน 567 ณ สวนนงนุช จังหวัดชลบุรี เพื่อร่วมแสดงความยินดีกับนายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารที่ได้รับ

“ผู้ว่าสำเภาทอง” จากการคัดเลือกสุดยอดผู้บริหารระดับจังหวัดของหอการค้าไทยประจำปี 2567 รางวัล “สำเภาทอง” ของหอการค้าไทยสื่อถึงความมุ่งเน้นในการพัฒนาจังหวัด เพื่อสร้างเศรษฐกิจในพื้นที่ให้แก่พี่น้องประชาชนมีอยู่มีกินมีใช้ไม่ขัดสน ทั้งการพัฒนาบ้านเมืองให้สอดคล้องกับระบบเศรษฐกิจพื้นฐานของพื้นที่อีกทางหนึ่ง

รางวัล “สำเภาทอง” นับเป็นรางวัลที่หอการค้าไทย ได้ริเริ่มจัดขึ้นเมื่อปี 2553 เพื่อมอบรางวัลให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้มีผลการดําเนินงานที่ส่งเสริมภาคเอกชน ด้านการค้า การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจ โดยผ่านหอการค้าจังหวัดสู่หอการค้าไทย เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความร่วมมือ ความสัมพันธ์ระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในพื้นที่ เริ่มโดยนายภมร เชาว์ศิริกุล อดีตประธานหอการค้า ปัจจุบันดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดมุกดาหาร (สว.) ส่งต่อมายังนายกานต์พนธ์ เตชะเดชอภิพัฒน์ ประธานหอการค้าคนปัจจุบัน จนบรรลุได้รับรางวัลดังกล่าว

ผลงานที่เกิดขึ้นจากการเข้ามามีบทบาทในการพัฒนาตลาดอินโดจีนที่ค้าเติ่งถูกแช่แข็งมาหลายผู้ว่านานร่วม 5 – 6 ปี เมื่อนายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เดินทางมาถึงก็ศึกษาพร้อมเข้าร่วมโครงการพัฒนาตลาดอินโดจีนทันที ส่งผลให้งบที่ถูกตัดไปหลายปี กลับคืนและมีการพัฒนาต่อยอดแม้ภายหลังงบจะถูกตัดไปอีกครั้ง

แต่ก็ยังสามารถขอกลับคืนเพื่อพัฒนาตลาดอินโดจีน เป็นครั้งที่ 3 ในปี 67 – 68 จังหวัดมุกดาหารได้รับงบประมาณการพัฒนาตลาดอินโดจีนเข้ามาอีก 57 ล้านบาท ผู้รับจ้างอยู่ระหว่างการประกอบชิ้นส่วนการก่อสร้างพัฒนาต่อ แม้จะมีเหตุจากข้อขัดข้องแต่จังหวัดมุกดาหารก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตลาดอินโดจีนให้สำเร็จลงโดยเร็ว คาดว่าโครงการพัฒนาตลาดอินโดจีนจะสำเร็จในห้วง นายวรญาณ บุญณราช ดำรงตำแหน่งอยู่ที่มุกดาหารก่อนจะย้ายไปอย่างแน่นอน

ประชาชนชาวมุกดาหารจึงหวังว่า การพัฒนาตลาดอินโดจีนรอบที่ 3 นี้จะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี คนมุกดาหารจะได้เกิดความภาคภูมิใจความรุดหน้าการพัฒนาตลาดอินโดจีน เพื่อเศรษฐกิจในพื้นที่จะได้ฟื้นตัวกลับมาดังเดิม อย่างไรเสียการเรียกร้องให้มีการพัฒนาตลาดอินโดจีนเกิดขึ้นในหลายผู้ว่าราชการจังหวัดกระทั้งนายวรญาณ บุญณราช ผวจ.คนล่าสุดได้เข้ามาดำเนินการส่งผลให้การพัฒนาตลาดอินโดจีนเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เต็มเปี่ยม มิใช่ปล่อยตลาดอินโดจีนถูกแช่แข็งทิ้งไว้นานกว่า 6 ปี ทำจังหวัดมุกดาหารเสียหายหนัก

การจัดกิจกรรมงานอีเว้นท์ต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างงานสร้างเงินให้กับประชาชนในพื้นที่ สร้างการท่องเที่ยวให้เกิดขึ้นแก่จังหวัดมุกดาหารและคนในท้องถิ่น ทุกภาคส่วนมีรายได้จากการท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามาในพื้นที่ ทั้งการปลุกเศกพระโดยรวมยอดเกจิดังแห่งยุค ณ วัดภูมโนภิรมย์ จังหวัดมุกดาหาร หลายครั้งหลายครานับเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจสายบุญ สายธรรมะ ที่จะมีบรรดาสานุศิษย์ของบรรดาเกจิอาจารย์ดังมาร่วมจำนวนมากนับพันนับหมื่นคน สิ่งเหล่านี้ล้วนมีความเหมาะสมที่ “ผู้ว่าสำเภาทอง” จะอยู่ในมือของนักพัฒนา ดังเช่น นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ท่านนี้ และจากผลงานการพัฒนาที่เฉียบพลันทันที จะส่งผลให้ผู้ว่า “สำเภาทอง” คนใหม่ของมุกดาหารก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในหน้าที่การงานต่อไป​ศูนย์ข่าวมุกดาหาร

เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / กระทรวงการต่างประเทศ กรมอาเซียน ส่งมอบห้องสมุดอาเซียน แห่งที่ 72 โรงเรียนบึงโขงหลงวิทยาคม บึงกาฬ / ร่วมใจจัดงานไหว้สักการะศาลเจ้าแม่สองนางสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง

แชร์เนื้อหานี้

เวลา 11.00 น. เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 โรงเรียนบึงโขงหลงวิทยาคม อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ นางปวรี ชูโต ชัยปฎิยุทธ รองอธิบดีกรมอาเซียน เป็นประธานในพิธี นางสาวลลนา จิตต์ศรัทธานันท์ เลขานุการกรมอาเซียน ร่วมส่งมอบห้องสมุดอาเซียน แห่งที่ 72 ให้กับโรงเรียนบึงโขงหลงวิทยาคม ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศ โดยกรมอาเซียน ได้เห็นความสำคัญของการศึกษาซึ่งห้องสมุด จะเป็นแหล่งเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ และรับรู้เกี่ยวกับอาเซียน อันจะเป็นประโยชน์สำหรับเยาวชน คณาจารย์

ชาวชุมชนในพื้นที่ และพื้นที่ใกล้เคียง โดยมี นายวีระพล ทองน้อย ปลัดอำเภอบึงโขงหลง นายเดชา แสงจันทร์ ผอ.โรงเรียนบึงโขงหลงวิทยาคม นายรวิภาส วันตา ผอ.โรงเรียนบ้านบัวโคก นายสุวัฒน์ อินทวงศ์ ผอ.โรงเรียนโสกก่ามวิทยา นายจักรพงษ์ แสนทวีสุข รองผอ.โรงเรียนบึงโขงหลงวิทยาคม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และคุณครู นักเรียน ประชาชน ร่วมในพิธี สำหรับห้องสมุดอาเซียนมีอุปกรณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ ได้แก่ หนังสือ นิทรรศการประชาคมอาเซียน สื่อการเรียนการสอน จอภาพสำหรับใช้ในการเรียนการสอน คอมพิวเตอร์สำหรับค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับประชาคมอาเซียน

นางปวรี ชูโต ชัยปฎิยุทธ รองอธิบดีกรมอาเซียน กล่าวว่า ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ เพื่อสนับสนุนการศึกษาและสร้างวัฒนธรรม การเรียนรู้สำหรับเยาวชนไทยอย่างยั่งยืน รวมทั้งเป็นศูนย์เรียนรู้เกี่ยวกับอาเซียนสำหรับชุมชนที่ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงและใช้บริการได้ ทั้งนี้ กรมอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศ ได้ดำเนินโครงการห้องสมุดอาเซียน 1 จังหวัด 1 โรงเรียน 1 ห้องสมุดอาเซียน เพื่อประชาชนและเยาวชนไทย มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2557 โดยปัจจุบันได้ส่งมอบห้องสมุดอาเซียนให้แก่โรงเรียนต่างๆแล้ว จำนวน 71 แห่ง

ซึ่งได้พิจารณาคัดเลือกโรงเรียนทั่วทุกภูมิภาค โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลหรือพื้นที่ชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านอาเซียน สำหรับเป็นสถานที่ตั้งของห้องสมุดอาเซียน เพื่อเป็นศูนย์เรียนรู้และจัดกิจกรรมเกี่ยวกับประชาคมอาเซียนให้แก่เด็กและเยาวชนคณาจารย์และชุมชนในพื้นที่ สำหรับปี 2567 กรมอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศ ได้สร้างห้องสมุดอาเซียนให้โรงเรียนอีก 3 แห่ง รวม74 แห่ง ใน 74 จังหวัด โดยตั้งเป้าให้มีห้องสมุดอาเซียนทุกจังหวัดทั่วประเทศ

โรงเรียนบึงโขงหลงวิทยาคม จังหวัดบึงกาฬ เป็นโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 ถึง มัธยมศึกษาปีที่ 6 มีจำนวนนักเรียน 1,197 คน และเป็นโรงเรียนแห่งที่ 72 ที่ได้รับมอบห้องสมุดอาเซียน ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล//บึงกาฬ 0961464326

บึงกาฬ ร่วมใจจัดงานไหว้สักการะศาลเจ้าแม่สองนางสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง
วันที่ 24 พ.ย. เวลา 07.00 น.ที่บริเวณศาลเจ้าแม่สองนาง ต.บึงกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ นายวรพันธุ์ ชำนิยัน ปลัดจังหวัดบึงกาฬ ,นางแว่นฟ้า ทองศรี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ , นายราชันย์ วนาพรหม นายกเทศมนตรีเมืองบึงกาฬ , พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนพร้อมใจกันสวมเสื้อสีแดงตามประเพณี ร่วมกันทำบุญตักบาตร ข้าวสารอาหารแห้งแด่พระสงฆ์ และประกอบพิธีไหว้สักการะศาลเจ้าแม่สองนาง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวจังหวัดบึงกาฬ ประจำปี 2567

จากนั้นได้มีขบวนแห่เครื่องบวงสรวงสักการะ และเชิญองค์จำลองเจ้าแม่สองนาง ปู่ผ้าขาว เจ้าพ่อคำแดง จากบริเวณศาลฯ หน้าโรงพยาบาลบึงกาฬ และพานบายศรีสู่ขวัญ และนางรำ แห่ไปตามถนนสายต่างๆ รอบเขตเทศบาลเมืองบึงกาฬ หลังจากนั้นพ่อพราหมณ์ ได้เริ่มพิธีสวดบวงสรวงสักการะศาลเจ้าแม่สองนาง และการรำบวงสรวงของพี่น้องประชาชนชาวบึงกาฬ โดยภายในงาน มีโรงทาน ให้บริการอาหารเครื่องดื่มมากกว่า 100 โรงทาน บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก

นายจำรัส ติดมา นายกสมาคมศาลเจ้าแม่สองนาง กล่าวว่า ศาลเจ้าแม่สองนางเป็นศาลศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้านคู่เมืองชาวจังหวัดบึงกาฬมาตั้งแต่ก่อตั้งเมืองบึงกาฬ เป็นที่เคารพกราบไหว้สักการะบูชาของคนทั่วไป เพื่อขอพรให้เดินทางปลอดภัย มีโชคลาภ สุขภาพแข็งแรง คุ้มครองปกปักรักษาให้อยู่เย็นเป็นสุข ค้าขายร่ำรวย ศาลเจ้าแม่สองนางตั้งอยู่ในเขตเทศบาลตำบลบึงกาฬ ชาวอำเภอบึงกาฬ จึงได้กำหนดจัดงานวันไหว้สักการะ ในเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ซึ่งในครั้งนี้เป็นปีที่ 18 โดยมีพิธีทำบุญเลี้ยงพระ และจัดเครื่องไหว้สักการะเพื่อบวงสรวงตามความเชื่อ และศรัทธาที่สืบทอดกันมายาวนาน ถือเป็นจารีตประเพณีท้องถิ่นของชาวจังหวัดบึงกาฬ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ของการจัดงาน

เพื่อส่งเสริมให้คนในท้องถิ่น ได้มีโอกาสร่วมกิจกรรมวันไหว้สักการะศาลเจ้าแม่สองนาง แสดงออกถึงความรักความสามัคคีในชุมชน และสืบทอดจารีตประเพณีท้องถิ่นของชาวจังหวัดบึงกาฬ ส่งเสริมให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวตระหนักในความสำคัญและเห็นคุณค่าของจารีตประเพณีท้องถิ่น และสร้างความรัก ความสามัคคีในหมู่คณะ ประชาชนรักท้องถิ่น ชุมชนเข้มแข็ง สังคมสงบสุข และที่สำคัญชุมชนได้ทำกิจกรรมต่างๆ

ร่วมกันนั่นเองศาลเจ้าแม่สองนาง เป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพศรัทธาและเป็นศูนย์รวมจิตใจของพี่น้องชาวบึงกาฬ มีความสำคัญมาช้านาน ผู้คนที่ผ่านไป-มา ได้กราบไหว้บูชา ขอพร ให้เจริญรุ่งเรือง รวมถึงพี่น้องจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ก็มีความเคารพบูชา จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งการจัดงานไหว้สักการะศาลเจ้าแม่สองนางในปีนี้ ทุกท่านได้แสดงออกถึงความสามัคคี ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มีจุดมุ่งหมายที่

จะร่วมกันแสดงออกถึงความเคารพ ศรัทธา ขอบารมีขององค์เจ้าแม่สองนาง และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านเคารพนับถือ จงดลบันดาลให้ทุกท่าน มีสุขภาพที่แข็งแรงมีสุขภาพจิตที่ดี นอกจากนี้ยังมีโรงทานให้บริการอาหาร เครื่องดื่ม แก่ประชาชนที่มาร่วมในงาน ได้อิ่มท้องอิ่มบุญกันทั่วหน้า ซึ่งบรรยากาศก็เต็มไปด้วยสนุกสนาน คึกคัก เกิดความสามัคคี ที่ได้ร่วมสืบทอดจารีตประเพณีท้องถิ่นของชาวจังหวัดบึงกาฬร่วมกันนั่นเอง.
ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล//บึงกาฬ 0961464326

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / สหกรณ์การเกษตรเมืองน่านประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 ณ ห้องประชุมกระซิบสหกรณ์การเกษตรเมืองน่าน จำกัด

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 ณ ห้องประชุมกระซิบรักสหกรณ์การเกษตรเมืองน่าน จำกัด ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน นายภูรินท์ สูงสว่าง ประธานกรรมการดำเนินการสหกรณ์การเกษตรเมืองน่าน จำกัด กล่าวรายงานต่อนางวจิราพร อมาตยกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน

ประธานในพิธีเปิดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี2567 สหกรณ์การเกษตร เมืองน่าน จำกัดโดยมีประธานกลุ่มผู้แทนสมาชิก เจ้าหน้าที่สหกรณ์จังหวัดน่าน ผู้ตรวจบัญชีสหกรณ์ ภาคีเครือข่ายสหกรณ์การเกษตร เข้าร่วมประชุมและร่วมเป็นเกียรติจำนวนมาก สหกรณ์การเกษตรเมืองน่าน จำกัด ได้ดำเนินธุรกิจเพื่อบริการสมาชิกสหกรณ์และบุคคลทั่วไป

ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 54 ปี ผลการดำเนินงานในรอบปีที่ผ่านมา มีทุนเรือนหุ้น จำนวน100,410,420.00 บาท (หนึ่งร้อยล้านสี่แสนหนึ่งหมื่นสี่ร้อยยี่สิบบาทถ้วน) มีทุนดำเนินงานทั้งสิ้น จำนวน 329,021,559.61 บาท (สามร้อยยี่สิบเก้าล้านสองหมื่นหนึ่งพันห้าร้อยห้าสิบเก้าบาท หกสิบเอ็ดสตางค์)

นอกจากนั้น ในรอบปีบัญชีที่ผ่านมา สหกรณ์ได้ดำเนินธุรกิจด้านการจัดหาสินค้ามาจำหน่าย ให้กับสมาชิก ซึ่งถือว่าสหกรณ์ สามารถเป็นตลาดรองรับการจำหน่ายให้แก่สมาชิกและเกษตรกรใน จังหวัดน่านได้ อันจะเห็นได้ว่า ระบบสหกรณ์เป็นสถาบันที่สามารถช่วยเหลือสมาชิกที่เป็นเกษตรกร ได้อย่างเป็นระบบ ซื่อสัตย์ โปร่งใส ตรวจสอบได้การประชุมใหญ่สามัญประจำปีของสหกรณ์ในวันนี้ สหกรณ์

ได้จัดประชุมโดยใช้ระบบผู้แทน สมาชิกสหกรณ์ทุกกลุ่มเข้าร่วมประชุมใหญ่ เพื่อเป็นตัวแทนของสมาชิกสหกรณ์ทั้งหมดจำนวน 5,119 คน กระจายตามหมู่บ้าน ตำบลต่างๆ ในเขตอำเภอเมืองน่าน และอำเภอภูเพียง/บุญยงค์ สดสอาด รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / สภาอุตสาหกรรม และ สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.อุตรดิตถ์ เปิดบ้านต้อนรับ ททท. ต่อยอดกระแสภาพยนตร์“ธี่หยด2”

แชร์เนื้อหานี้

ททท. ต่อยอดกระแสภาพยนตร์“ธี่หยด2” จัดกิจกรรม CSR “ท่องถิ่นธี่หยด 2 เมืองลับแล @อุตรดิตถ์” พาสัมผัสเสน่ห์เมืองน่าเที่ยวอุตรดิตถ์ ภายใต้คอนเซปต์ “ธี่เที่ยว ธี่กิน ธี่เล่น ธี่แชะ ธี่รักษ์” นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท. กล่าวว่า ททท. เดินหน้ากลยุทธ์ MOVIE Marketing ใช้ภาพยนตร์เป็นเครื่องมือในการเผยแพร่และถ่ายทอดเสน่ห์ไทย นำไปสู่การออกเดินทางจริงในพื้นที่ และครั้งนี้ ททท. ร่วมกับ M Studio และช่อง 3 ต่อยอดกระแสความสำเร็จของภาพยนตร์ “ธี่หยด2” ที่สร้างปรากฏการณ์ทุบสถิติสร้างรายได้ 730 ล้านบาท หลังเข้าฉายได้ 1 เดือน โดยกำหนดจัดกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) “ท่องถิ่นธี่หยด 2 เมืองลับแล @อุตรดิตถ์”

ในวันที่ 21-22 พฤศจิกายน 2567 ณ จังหวัดอุตรดิตถ์ แท็กทีมนักแสดงภาพยนตร์ธี่หยด 2 นำโดย เดนิส เจลีลชา, จูเนียร์ กาจบัณฑิต, เฟรนด์ พีระกฤตย์ และนีน่า ณัฐชา พร้อมผู้โชคดีจำนวน 20 ราย บุกเมืองลับแลตามรอยเส้นเรื่องธี่หยด2 เพื่อสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวจริงในพื้นที่และส่งต่อประสบการณ์การเดินทางเล่าผ่านคอนเทนต์ (Content)

เจาะกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวคุณภาพ ทั้ง Gen Y-Z และกลุ่มผู้ชื่นชอบภาพยนตร์ เกิดเป็นการรับรู้ในวงกว้างผ่านทางโซเชียลมีเดีย อันจะเป็นประโยชน์ต่อการปลุกกระแสการเดินทางท่องเที่ยวตามรอยภาพยนตร์ในจังหวัดอุตรดิตถ์และเชื่อมโยงจังหวัดเมืองน่าเที่ยวอื่น ๆ ในภูมิภาคภาคเหนือ รวมทั้งการท่องเที่ยวข้ามภูมิภาคเพิ่มมากขึ้น

กิจกรรม “ท่องถิ่นธี่หยด 2 เมืองลับแล @อุตรดิตถ์” ได้สอดแทรกแนวคิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainable Tourism) ควบคู่กับการนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวและเสน่ห์แห่งวัฒนธรรมท้องถิ่น ภายใต้แนวคิด “ธี่เที่ยว ธี่กิน ธี่เล่น ธี่แชะ ธี่รักษ์” โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะได้ออกเดินทางท่องเที่ยวผจญภัยบุกถิ่นกำเนิดเรื่องราวสุดลึกลับพร้อมกับครอบครัวตัว ย. ตั้งแต่ “ธี่เที่ยว” สัมผัสแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ จุดกำเนิดของ ประวัติศาสตร์และตำนานเมืองลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ “ธี่กิน” จัดเต็มเมนูอาหารพื้นบ้านลำแต้ ๆ

ในรูปแบบชุดขันโตก ได้แก่ ลาบคั่วหมู น้ำพริกอ่อง แกงฮังเล แก่งอ่อม ไส้อั่ว แคบหมู ของทอดลับแล หมี่พันเฮือนลับแล หมี่ยุ่ม และเมี่ยงคำสมุนไพร “ธี่เล่น” เสิร์ฟประสบการณ์สุดพิเศษกับกิจกรรมรอบกองไฟ Story Sharing n’ Movie time พบกับการแสดงพื้นเมืองดนตรีไทยร่วมสมัย ก่อนจะเติมความหลอนแบบเต็มสตรีม ล้อมวงฟังตำนานสุดลึกลับของเมืองลับแลไปกับ พี่แจ๊ค The Ghost Radio “ธี่แชะ” พาเช็กอินถ่ายภาพตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของลับแล ได้แก่ อนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก พิพิธภัณฑ์ม่อนลับแล

ซุ้มประตูเมืองลับแล ม่อนจำศีล พร้อมจัดกิจกรรมแข่งขันถ่ายภาพอย่างสร้างสรรค์ระหว่างทริป และสุดท้าย “ธี่รักษ์” ชวนท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ ดูแลรักษาป่าและสิ่งแวดล้อมผ่านพิธีบวชป่าที่ม่อนจำศีล และการบริจาคทุนการศึกษา สิ่งของจำเป็นและอนุสารท่องเที่ยว อสท. ของ ททท. ให้แก่ห้องสมุดของโรงเรียนวัดดอนสัก พร้อมเลี้ยงอาหารกลางวัน เพื่อส่งมอบการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ (Experience Based Tourism) ที่มีคุณค่าและความหมายแก่ผู้ร่วมกิจกรรม

การจัดกิจกรรมครั้งนี้ นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท. นายสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร M Studio และนายณฤทธิ์ ยุวบูรณ์ โปรดิวเซอร์ ภาพยนตร์ธี่หยด 2 ได้เดินทางและร่วมกิจกรรมพร้อมกับผู้โชคดี 20 ท่าน โดยได้รับเกียรติจาก นางสาวนิรชา บัณฑิตย์ชาติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ร่วมให้การต้อนรับผู้เข้าร่วมกิจกรรม รวมถึงสื่อมวลชนในพื้นที่รวม 15 ราย เพื่อเผยแพร่และประชาสัมพันธ์กิจกรรมให้เกิดการรับรู้ สร้างกระแสการเดินทางและสร้างโอกาสในการนำเสนอขายสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวแก่ผู้ประกอบการในพื้นที่

จังหวัดอุตรดิตถ์ เป็น 1 ในเมืองน่าเที่ยวของภูมิภาคภาคเหนือที่มีความโดดเด่นด้านวัฒนธรรม พืชเศรษฐกิจและธรรมชาติ โดย 9 เดือนแรกของปี 2567 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวแล้ว 788,744 คน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 1,655 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวที่นิยมเดินทางด้วยพาหนะรถยนต์ส่วนตัว จากภูมิภาคเดียวกัน ได้แก่ สุโขทัย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ น่าน และกำแพงเพชร โดยนิยมท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาว เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์และมีอุทยานแห่งชาติสำคัญ 3 แห่ง

ได้แก่ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว, อุทยานแห่งชาติสักใหญ่ และอุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน ทั้งนี้ ปี 2568 ททท. เตรียมส่งเสริมการท่องเที่ยว จ.อุตรดิตถ์ ชูจุดแข็ง “อุตรดิตถ์เมืองมหัศจรรย์ผลไม้ และเสน่ห์แห่งธรรมชาติ” ผสมผสานเสน่ห์ไทย 3 วัฒนธรรม ส่งมอบประสบการณ์ EAT ALL YEAR ROUND ส่งเสริมอัตลักษณ์เด่น CITY OF FRUITS และ GASTRONOMY เพื่อบรรลุเป้าหมายท่องเที่ยวปี 2568 ทั้งจำนวนนักท่องเที่ยว 1.29 ล้านคน และรายได้จากการท่องเที่ยวกว่า 2,600 ล้านบาท

ทั้งนี้ได้รับการประสานงานและสนับสนุนการจัดกิจกรรมจากนางกัญญาวีร์ ศิริกาญจนารักษ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดอุตรดิตถ์และนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.อุตรดิตถ์ เอื้ออำนวยการจัดกิจกรรมจนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

นาตา คะเลิศรัมย์/รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / มทร.อีสาน จัดใหญ่มหกรรมวิชาการ RMUTI EXPO 2024 : For Future โชว์นวัตกรรมยานยนต์ EV พร้อมเตรียมเปิดรับนักศึกษารอบ Open House

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน โดย รองศาสตราจารย์ ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดี มทร.อีสาน พร้อมคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย ให้การต้อนรับ นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พลโท พรชัย มาหลิน แม่ทัพน้อยที่ 2 Mr.Ma Haiyang President of AION Thailand Mr.Huang Yongjie Chairman of Gold Integrate & Director of Chelove International Education Group นายสมพิศ เพ็งงาน ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดนครราชสีมา และพลโท พรชัย มาหลิน แม่ทัพน้อยที่ 2 ผู้แทนแม่ทัพภาคที่ 2

ในพิธีเปิดมหกรรมวิชาการ RMUTI EXPO ครั้งที่ 2 (RMUTI EXPO 2024 : For Future) โดยในพิธีเปิดมีการแสดงดนตรีพื้นถิ่นอีสาน จาก องค์การนักศึกษา มทร.อีสาน ซึ่งครองถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในกิจกรรม 9 ราชมงคลร่วมใจ สืบสานวัฒนธรรมไทย ถึง 3 สมัยซ้อน การกล่าวต้อนรับแขกผู้เข้าร่วมโครงการ โดย พลโท พรชัย มาหลิน แม่ทัพน้อยที่ 2 ผู้แทนแม่ทัพภาคที่ 2 การกล่าวแสดงความยินดี จาก Mr.Huang Yongjie ผู้อำนวยการ บริษัท เชเลิฟ อินเตอร์ เนชั่นแนล เอ็ดดูเคชั่น กรุ๊ป จำกัด โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดี มทร.อีสาน กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์การจัดงาน และได้รับเกียรติจาก นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานเปิดงาน ณ เวทีกิจกรรม อาคารอเนกประสงค์หลังคาคลุม (โดมมรกต) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา (พื้นที่สุรนารายณ์)

ด้าน รองศาสตราจารย์ ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดี มทร.อีสาน ได้เปิดเผยถึงวัตถุประสงค์การจัดงานว่า การจัดมหกรรมวิชาการ RMUTI EXPO ครั้งที่ 2 ขึ้นในครั้งนี้ เพื่อที่จะนำเสนอศักยภาพและผลงานความสำเร็จตามการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัย ที่ได้ดำเนินภารกิจตอบรับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ทั้งยังเป็นเวทีนำเสนอความก้าวหน้า ผลงานวิจัย เทคโนโลยี นวัตกรรมและบริการวิชาการ ที่มีศักยภาพพร้อมใช้ประโยชน์ เพื่อเชื่อมประสานบูรณาการ องค์ความรู้ในการพัฒนาประเทศทั้งในมิติเชิงวิชาการ นโยบาย สังคม ชุมชน และ อุตสาหกรรม ตลอดจนหนุนเสริมให้เกิดกลไก

สนับสนุนเชื่อมโยงผู้ผลิตและผู้้ใช้ประโยชน์บูรณาการเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างภาคีเครือข่ายของ มทร.อีสาน จากทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมในการผลิตกำลังคนที่มีความเชี่ยวชาญด้านยานยนต์ไฟฟ้าและยานยนต์สมัยใหม่ ตอบรับนโยบาย 30@30 ของคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติและนโยบาย อว. For EV ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) และเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมยกระดับเป็นศูนย์อบรมและทดสอบด้านยานยนต์ไฟฟ้าที่ได้มาตรฐานสากล มาตรฐานคุณวุฒิวิชาชีพและมาตรฐานกรมฝีมือแรงงาน ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานพร้อมตอบรับนโยบายการขับเคลื่อนประเทศด้วยศักยภาพการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์อันโดดเด่น งดงาม และภาคภูมิ

สำหรับงานมหกรรมวิชาการ RMUTI EXPO ครั้งที่ 2 (RMUTI EXPO 2024 : For Future) มทร.อีสาน ได้คัดสรรกิจกรรมเพื่อนักเรียน นักศึกษา ประชาชนผู้สนใจ ให้ได้รับชมและร่วมกิจกรรมอย่างมากมาย เช่น กิจกรรมการเสริมสร้างผู้ประกอบการ Startup RMUTI, การจัดแสดงผลงานนักศึกษา RMUTI Showcase Startup การการเสวนา Inspiration & Motivation @Startup, mini Camp การจัดทำแผนธุรกิจ New Business, การนําเสนอผลงาน Pitching Business จากการจัดทําแผนธุรกิจ, การแข่งขันทักษะวิชาชีพและประกวด นวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ และงานสร้างสรรค์นักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงและอุดมศึกษา ในระบบนิเวศการศึกษาลุ่มนํ้าโขง ครั้งที่ 2,

การแข่งขันทักษะการออกแบบและเขียนแบบเครื่องกลด้วยคอมพิวเตอร์, การแข่งขันทักษะการตรวจประเมินคุณภาพทางรถไฟ, การประกวดนวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ และงานสร้างสรรค์ การประกวดด้านนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์ สถานประกอบการกับอาจารย์นักศึกษา และเครือข่ายความร่วมมือ (Innovation Entrepreneur Trip Day) , กิจกรรมการเสวนาสมาคมศิษย์เก่า มทร.อีสาน นิทรรศการผลงานการขับเคลื่อนตามจุดเน้นเชิงยุทธศาสตร์ นิทรรศการผลงานความร่วมมือของภาคีเครือข่าย มทร.อีสาน, กิจกรรมสถาปัตย์กลับบ้าน 2567, การออกร้านจําหน่ายสินค้าจากองค์การนักศึกษาและบุคลากร และการออกร้านจําหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค คอนเสิร์ตจากศิลปินมากมาย ตลอด 10 วัน 9 คืน โดยได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ โดย นายจักริน บวรชัย ผู้อำนวยการ โครงการ “หนึ่งใจ…ให้ประชาชน” ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา (พื้นที่สุรนารายณ์)

“และด้วยเกียรติประวัติอันยาวนานของ มทร.อีสาน ล้วนสะท้อนประสิทธิภาพ (Efficiency) ในการผลิตบัณฑิตตามคุณลักษณะอันพึงประสงค์ผลิตบุคลากร ผู้มีคุณูปการแก่วงการศึกษาและประเทศชาติ ตลอดจนศักยภาพอันโดดเด่น ที่กระทบต่อการขับเคลื่อนและผลักดันการพัฒนาในทุกพื้นที่ ขอบเขตความรับผิดชอบของมหาวิทยาลัยฯ โดยกำหนดหัวใจสำคัญ ผ่านยุทธศาสตร์การพัฒนาคุณภาพประชากรในทุกระดับสู่ความยั่งยืน ตามมาด้วยความมั่นคงจากชื่อเสียงและการยอมรับซึ่งมหาวิทยาลัยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจาก บริษัท เชเลิฟ อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเคชั่น กรุ๊ป จำกัด และหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน” รองศาสตราจารย์ ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดี มทร.อีสาน กล่าวเพิ่มเติม

สำหรับในการจัดงานมหกรรมวิชาการ RMUTI EXPO ครั้งที่ 2 (RMUTI EXPO 2024 : For Future) นอกจากจะมีกิจกรรมสร้างเสริมความรู้ การประกวดแข่งขัน และการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคแล้ว ปีนี้ยังมีกิจกรรมพิเศษสุด เพื่อเปิดโอกาสด้านการศึกษาต่อมทร.อีสาน สำหรับนักเรียน นักศึกษา ยังได้มีโครงการ RMUTI Open House 2024 เปิดโลกแห่งการเรียนรู้ สู่บ้าน มทร.อีสาน ครั้งที่ 12 ซึ่งจะมีการเปิดโควตาสำหรับนักเรียน นักศึกษา ที่สนใจศึกาต่อที่ มทร.อีสาน นครราชสีมา กว่า 2,500 ที่นั่ง ระหว่างวันที่ วันที่ 27-28 พฤศจิกายน 2567 ทั้งนี้ ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน ผู้ปกครอง นักเรียน นักศึกษาทั้งในจังหวัดนครราชสีมาและจังหวัด ใกล้เคียง เข้าร่วมกิจกรรมและชมมหกรรมต่าง ๆ ในงาน RMUTI EXPO 2024 : RMUTI For Future ระหว่างวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567-วันที่ 1 ธันวาคม 2567 ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา

กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / กิจกรรมเดินวิ่ง “แคแสดรัน ครั้งที่ 2” ณ​ สะพานมิตรภาพไทย- ลาวแห่งที่ 2

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 เวลา 17.00 น. นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ประธานในงานแถลงข่าวกิจกรรมเดินวิ่ง “แคแสดรัน ครั้งที่ 2” โดยมีนายกิตติกร พันธ์สุวรรณ รองผู้อำนวยการ โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัยมุกดาหาร เภสัชกรอัฐพร กิจนิธิวรวริศ นายกสมาคมผู้ปกครองครู และศิษย์เก่า โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัยมุกดาหาร และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน ณ บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 ตำบลบางทรายใหญ่ อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร

สำหรับกิจกรรมแคแสดรัน ครั้งที่ 2 กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 7 ธันวาคม 2567 เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปีโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัยมุกดาหาร เพื่อนำรายได้สร้างโดมกีฬาอเนกประสงค์ โดยได้รับความร่วมมือจากศิษย์เก่า ผู้ปกครอง และศิษย์ปัจจุบัน ผู้ว่าราชการฯ ได้ให้ความสำคัญกับกิจกรรมสาธารณประโยชน์เพื่อสังคม ผ่านกิจกรรม

การวิ่งเพื่อสุขภาพ และได้ร่วมทำดีเพื่อสังคมด้วย โดยเฉพาะเส้นทางที่วิ่งทำกิจกรรมในครั้งที่เป็นถนนตัดใหม่ ทางหลวงชนบทสาย มห.3019 แยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 212 ถึง บ้านบางทรายใหญ่ อำเภอ เมืองจังหวัดมุกดาหาร​ เป็นเส้นทางสนับสนุน SEZ รองรับการเจริญเติบโตของเมืองมุกดาหารในอนาคตแล้ว ยังเป็นเส้นทางที่ช่วยเพิ่มศักยภาพการขนส่งระหว่างนิคมอุตสาหกรรมกับ

สะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 2 สู่ประเทศลาวรวมทั้งยังช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรที่ติดขัดในตัวเมืองให้ประชาชนเดินทางได้อย่างสะดวก รวดเร็วและปลอดภัยอย่างยั่งยืนอีกด้วย เส้นทางวิ่งที่สวยงามด้วยทิวทัศน์ เหมาะสำหรับวิ่งออกกำลังกายเพื่อสุขภาพเป็นอย่างมาก ในอนาคตจะเป็นอีกหนึ่งเส้นทางในการส่งเสริมกิจกรรมด้านการท่องเที่ยว

สำหรับกิจกรรมดังกล่าวแบ่งการวิ่งเป็น สองระยะ วิ่ง FUN RUN ระยะทาง 5 KM. อัตราค่าสมัคร 399 บาท MINI MARATHON ระยะทาง 10 KM. อัตราค่าสมัคร 499 บาท และ VIP RUN เลือกวิ่งได้ทุกระยะ อัตราค่าสมัคร 999 บาท ทั้งนี้นักวิ่ง 2 ระยะจะได้รับเสื้อเหรียญและถ้วยรางวัล ส่วน VIP RUN จะได้รับเสื้อและเหรียญทั้งนี้ผู้ที่สนใจสามารถ ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เพจ เฟซบุ๊ก แคแสดรัน ครั้งที่ 2#2024

ศูนย์ข่าวมุกดาหาร

เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / สองคู่หู ม.ต้น ลงขันเปิดร้านปรุงปลา/นายกเมืองพัทยาประชุมคณะอนุกรรมการสรรหาข้าราชการส่วนท้องถิ่น ชลบุรี / พิธีเปิด งานชุมนุมผู้บังคับบัญชาลูกเสือแห่งชาติ ครั้งที่ 6 พ.ศ.2567

แชร์เนื้อหานี้

คู่หู ม.ต้น ลงขันเปิด “ร้านปรุงปลา by 12 Garage” แปลงโรงรถบ้านพักเป็นร้านอาหารกลางหมู่บ้านพัทยารุ่งเรือง บรรยากาศแบบมานั่งทานข้าวบ้านเพื่อน ราคาเริ่มต้นเพียง 50 บาท นายวนาสินธุ์ ส่องแก้ว หรือบูม และนายธีรพงศ์ ชิดหรดี หรือแบงค์ สองเพื่อนคู่หูคู่ซี้ตั้งสมัยเป็นนักเรียนโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในเมืองพัทยา ได้ร่วมเปิดร้านอาหารเมนูปลาราคาย่อมเยาว์ ชื่อ “ร้านปรุงปลา by 12 Garage” โดยใช้พื้นที่โรงจอดรถของบ้านพักในหมู่บ้านพัทยารุ่งเรืองเป็นสถานที่เปิดให้บริการ

นายวนาสินธุ์ ส่องแก้ว หรือบูม เล่าได้ว่า เป็นเพื่อนกับนายธีรพงศ์ หรือแบงค์ มาตั้งแต่สมัยเรียน ม.ต้น จึงชักชวนกันเปิดร้านปรุงปลา by 12 Garage ซึ่งใช้โรงจอดรถของบ้านตนเองเป็นสถานที่ เพื่อต้องการให้ลูกค้าได้สัมผัสบรรยากาศการรับประทานอาหารเหมือนมาทานข้าวที่บ้านเพื่อน มีการแบ่งงานกันคือนายแบงค์จะเป็นพ่อครัวประกอบอาหาร ส่วนตนเองจะวิ่งส่งอาหารและดูแลเรื่องของการทำตลาดและการหาลูกค้า

ด้านนายธีรพงศ์ ชิดหรดี หรือแบงค์ เผยด้วยว่า โดยเริ่มต้น ร้านปรุงปลา by 12 Garage จะมีเมนูหลากหลายโดยชูเอาเนื้อปลานิลจากบ่อคัดพิเศษเป็นวัตถุดิบหลัก อาทิ กะเพราะปลา ปลาทอดน้ำปลา ปลาผัดตั้งโอ๋ ปลาผัดเม็ดมะม่วง ผัดพริกแกงปลา ปลาผัดขี้เมา ปลาทอดผัดผักบุ้ง ราคาเริ่มต้นที่เมนูละ 50 บาท ในอนาคตจะเพิ่มเติมปลาชนิดอื่นๆ ทั้งปลาดุกและปลากระพง

ทั้งนี้ หลังจากเปิดร้านมาได้ไม่นานมีลูกค้ามาใช้บริการทั้งกลุ่มเพื่อน ลูกค้าออนไลน์ รวมทั้งลูกค้าฝากซื้อกันอย่างต่อเนื่อง ในอนาคตจะวางแพลตฟอร์มกับแอปพลิเคชั่นส่งสินค้าต่างๆ ทั้งแกร๊ป แพนดาฟู้ด ไลน์แมน และอื่นๆ เพื่อบริการส่งอาหารให้ลูกค้าได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้นด้วย

สำหรับร้านปรุงปลา by 12 Garage ตั้งอยู่ในบ้านเลขที่ 50/377 ม.5 ซ.12 หมู่บ้านพัทยารุ่งเรือง เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10.00-17.00 น. จะปิดทุกวันที่ 1 และ 16 ของเดือน โดยนอกจากบริการรับประทานที่ร้านแล้วยังมีบริการรับทำข้าวกล่อง และบริการเดลิเวอรี่ โดยค่าบริการส่งอาหารเริ่มที่ 10 บาท โทรศัพท์สอบถามเพิ่มเติมที่หมายเลข 094-915 1999 บูม, 093-003 7545 แบงค์

ระดมสมอง! นายกเมืองพัทยาร่วมประชุมคณะอนุกรรมการสรรหาข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นจังหวัดชลบุรี

มีรายงานว่าเวลา 13.30 น. วันที่ 21 พ.ย.67 นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา นายภูมิพิพัฒน์ กมลนาถ เลขานุการนายกเมืองพัทยา นายรัตนชัย สุทธิเดชานัย ผู้ทรงคุณวุฒิเมืองพัทยา และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมคณะอนุกรรมการสรรหาข้าราชการหรือ

พนักงานส่วนท้องถิ่นจังหวัดชลบุรี ที่มีนายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานการประชุม และ น.ส.สุดินา แก้วดี ท้องถิ่นจังหวัดชลบุรี ในฐานะอนุกรรมการและเลขานุการฯ หัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในฐานะอนุกรรมการฯ ร่วมประชุมฯ ที่ห้องประชุมสำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดชลบุรี ศาลากลางจังหวัดชลบุรี

 โดยการประชุมคณะอนุกรรมการสรรหาข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นจังหวัดชลบุรี เป็นการประชุมร่วมกันของคณะอนุกรรมการสรรหาข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัด จังหวัดชลบุรี ครั้งที่ 6/2567 คณะอนุกรรมการสรรหาพนักงานเทศบาล จังหวัดชลบุรี ครั้งที่ 6/2567 คณะอนุกรรมการสรรหาพนักงานส่วนตำบล จังหวัดชลบุรี ครั้งที่ 6/2567 และคณะอนุกรรมการสรรหาพนักงานเมืองพัทยา ครั้งที่ 8/2567 

ซึ่งการประชุมในครั้งนี้ มีระเบียบวาระที่สำคัญ อาทิ รับทราบรายงานผลการปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายเลขานุการคณะอนุกรรมการสรรหาข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นจังหวัดชลบุรี พิจารณาร่างประกาศคณะอนุกรรมการสรรหาฯ เกี่ยวกับการขึ้นบัญชีและยกเลิกบัญชีข้าราชการผู้ผ่านการสรรหาให้ดำรงตำแหน่งตามกำหนด

พิธีเปิดยิ่งใหญ่! งานชุมนุมผู้บังคับบัญชาลูกเสือแห่งชาติ ครั้งที่ 6 พ.ศ.2567 (6th INDABA THALAND, 2024) เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติ

วันที่ 21 พ.ย.67 นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรองประธานกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ มอบหมายให้นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดงานชุมนุมผู้บังคับบัญชาลูกเสือแห่งชาติ ครั้งที่ 6 พ.ศ.2567 (6th INDABA THALAND, 2024)

เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมี พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธานพิธีฯ ณ สนามศรีมหาราชา ค่ายลูกเสือวชิราวุธ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี

 ทั้งนี้ ด้วยสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ กำหนดจัดงานชุมนุมผู้บังคับบัญชาลูกเสือแห่งชาติ ครั้งที่ 6 พ.ศ.2567 (6th INDABA THAILAND, 2024) เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยกำหนดจัดกิจกรรมระหว่างวันที่ 21-25 พฤศจิกายน 2567  ณ สำนักงานลูกเสือแห่งชาติ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี และค่ายลูกเสือวชิราวุธ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระผู้พระราชทานกำเนิดลูกเสือไทย และเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

รวมทั้งให้ผู้บังคับบัญชาลูกเสือได้มีโอกาสทบทวนเนื้อหาสาระวิชาการ และทักษะทางลูกเสือ เพื่อพัฒนาสติปัญญา ความรู้ ความสามารถและแลกเปลี่ยนประสบการณ์อย่างกว้างขวาง และเพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การดำเนินงานของคณะลูกเสือแห่งชาติประเทศไทยให้เป็นที่แพร่หลาย โดยมีผู้เข้าร่วมงานชุมนุมเป็นผู้บังคับบัญชาลูกเสือ บุคลากรทางการลูกเสือ กรรมการลูกเสืออาสาสมัครลูกเสือจากทั่วประเทศ และต่างประเทศ รวมทั้งสิ้นกว่า 2,516 คน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ร่วมจังหวัดนครราชสีมา จัดงาน Colorful Korat

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ร่วมกับ จ.นครราชสีมา จัดงาน Colorful Korat ระหว่างวันที่ 20 – 24 พฤศจิกายน 2567 โดยมี นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และ นายณัฐ ครุฑสูตร ผู้อำนวยกานฝ่ายกิจกรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมเป็นประธานเปิดงาน ณ สวนรัก อ.เมือง จ.นครราชสีมา

นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ททท. ขานรับนโยบาย IGNITE THAILAND’s TOURISM : Soft Power & Sustainability โดยนำเสนอควบคู่กับ อัตลักษณ์ความเป็นไทย การผ่านกิจกรรมและเทศกาล Events & Festivals เปิดท่องเที่ยวได้ตลอดปี

เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยใช้วัฒนธรรมไทย เปฺนจุดแข็ง ผ่านการร้อยเรียงเรื่องเราวในมุมมองใหม่ ที่ทันสมัยของภาคอิสาน อันเป็นการกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวใน จ.นครราชสีมา และพื้นที่ใกล้เคียงสามารถสร้างรายได้และ กระจายสู่ท้องถิ่น ตลอดจนระยะเวลาจัดงาน

นักท่องเที่ยวสามารถสำผัสสีสันในแบบอีสานที่ไม่ควรพลาด ระหว่างวันที่ 20-24 พฤศจิกายน 2567 เวลา 17.00 – 22.30น ณ สวนรัก จังหวัดนครราชสีมา ภายในงานพบกับไฮไลต์สุดพิเศษ สัมผัสเอกลักษณ์ชองภาคอิสานในทุกมิติ

กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ก.ธ.จ.น่าน ติดตามแผนงานปี 2567 พร้อมพิจารณาคัดเลือกแผนงาน/โครงการเพื่อสอดส่อง ประจำปี 2568

แชร์เนื้อหานี้


เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 เวลา 10.00 น. ที่ ห้องประชุมเจ้ามหาพรหมสุรธาดา ชั้น 6 ศาลากลางจังหวัดน่าน นายอิทธิพล ช่างกลึงดี ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 16 ในฐานะประธานคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดน่าน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดน่าน ครั้งที่ 3/2567 เพื่อติดตามการดำเนินงานและพิจารณาแนวทางสอดส่องแผนงาน/โครงการ รวมถึงการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี 2567

ของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดน่าน (ก.ธ.จ.) พร้อมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางในการสอดส่องโครงการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 พร้อมทั้งคัดเลือกแผนงาน/โครงการเพื่อสอดส่องประจำปี 2568 โดยในเบื้องต้นในปีงบประมาณ พ.ศ.2568 คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดน่าน ได้คัดเลือกโครงการ/กิจกรรมจำนวน 10 กิจกรรม/โครงการ จาก 9 หน่วยงานในการติดตามสอดส่องการปฏิบัติภารกิจของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐในจังหวัด

สำหรับปีงบประมาณ 2568 จังหวัดน่านได้รับการจัดสรรงบประมาณ แบ่งเป็นงบประมาณจากแผนปฏิบัติราชการประจำปีของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 จำนวน 3 โครงการ วงเงิน 8,070,460 บาท และจากแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดน่าน จำนวน 7 โครงการ วงเงิน 230,521,900 บาท

นายอิทธิพลกล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการต่างๆ ในขณะนี้ยังอยู่ในระยะเตรียมการรอการอนุมัติดำเนินการ แต่เมื่อเริ่มขับเคลื่อนโครงการแล้ว คณะกรรมการควรเข้าไปสังเกตการณ์และสอดส่องอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการสร้างหลักธรรมาภิบาลและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เพื่อสร้างความมั่นใจในแผนงานของภาครัฐ เพื่อให้การบริหารงานเป็นไปอย่างโปร่งใสและตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง

/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / อุบัติเหตุทางน้ำวันลอยกระทงเป็น”ศูนย์” สร้างภาพลักษณ์ “เมืองไทยปลอดภัย” ให้นักท่องเที่ยว

แชร์เนื้อหานี้

นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า (ด้านความปลอดภัย) เปิดเผยถึงอุบัติเหตุทางน้ำวันลอยกระทงเป็นศูนย์ว่า จากศูนย์ปฏิบัติการควบคุมความปลอดภัยและการจราจรทางน้ำ กรมเจ้าท่า (ศปก.จท.) สรุปรายงานสถิติอุบัติเหตุทางน้ำ วันลอยกระทง วันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ไม่พบมีอุบัติเหตุทางน้ำ เหตุการณ์โดยรวมปกติ

จากการตรวจสอบข้อมูลการเดินทางทางน้ำ “เทศกาลวันลอยกระทง” โดยแบ่งเป็นส่วนกลาง แม่น้ำเจ้าพระยา เรือด่วนเจ้าพระยา ให้บริการ 46 เที่ยว ผู้โดยสาร 5,547 คน เรือทัวริสต์โบ๊ทให้บริการ 60 เที่ยว ผู้โดยสาร 3,126 คน เรือไฟฟ้าเจ้าพระยา ให้บริการ 82 เที่ยว ผู้โดยสาร 3,620 คน เรือโดยสารข้ามฟาก ให้บริการ 924 เที่ยว ผู้โดยสาร 24,351 คน เรือภัตตาคาร ให้บริการ 36 เที่ยว ผู้โดยสาร 7,100 คน คลองแสนแสบ เรือโดยสารคลองแสนแสบ ให้บริการ 87 เที่ยว ผู้โดยสาร 7,141 คน ส่วนภูมิภาค เรือโดยสาร ให้บริการ 3,503 เที่ยว ผู้โดยสาร 162,811 คน รวมเรือโดยสารทั้งประเทศ ให้บริการ 4,738 เที่ยว ผู้โดยสาร 213,696 คน

ทั้งนี้ จากมาตรการด้านความปลอดภัยทางน้ำ กรมเจ้าท่า ในช่วงวันลอยกระทง ได้จัดเรือตรวจการณ์พร้อมเจ้าหน้าที่ออกตรวจตราความปลอดภัย ทั้งในแม่น้ำเจ้าพระยา และคลองแสนแสบ พบว่ามีผู้ใช้บริการเรือด่วนเจ้าพระยา เรือไฟฟ้า MINE Smart Ferry เรือโดยสารข้ามฟาก มีปริมาณบางเบา เรือโดยสารให้บริการตามรอบการเดินเรือ สามารถระบายผู้โดยสารได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมจัดเรือตรวจการณ์และเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนตามท่าเรือต่างๆ ตรวจสอบความพร้อมของเรือโดยสาร ท่าเรือโดยสาร และคนประจำเรือ รวมทั้งอุปกรณ์ช่วยชีวิตต่างๆ ก่อนออกเดินเรือ ตามมาตรการความปลอดภัยที่กรมเจ้าท่ากำหนด

ในส่วนภูมิภาคเขต 1–7 มีการจัดตั้งจุดอำนวยความสะดวก พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ในการให้บริการแก่นักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการตามท่าเรือต่างๆ ตรวจสอบความพร้อมของเรือโดยสาร ท่าเรือโดยสาร และคนประจำเรือ รวมทั้งอุปกรณ์ช่วยชีวิตต่างๆ ก่อนออกเดินเรือ ตามมาตรการความปลอดภัย รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ควบคุมเรือคอยติดตามรายงานสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด

ด้าน พล.ต.ต.อังกูร คล้ายคลึง ประธานอนุกรรมาธิการความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวและการกีฬา กล่าวถึงอุบัติเหตุทางน้ำช่วงวันลอยกระทงปีนี้เป็นศูนย์ เกิดจากหลักการที่ทุกองค์กรให้ความสำคัญ นำไปปฏิบัติใช้ เพื่อให้ทุกกิจกรรมความปลอดภัยไร้ซึ่งอุบัติเหตุ หรือทำอย่างไรก็ได้ไม่ให้เกิดอุบัติเหตุเลย เพราะหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้วย่อมส่งผลกระทบตามมาหลายอย่าง ตั้งแต่บาดเจ็บไปจนถึงการสูญเสียชีวิต แล้วยังส่งผลกระทบต่อรายได้ของประเทศที่พึ่งพิงภาคการท่องเที่ยว ทั้งนี้ ขอขอบคุณ ทุกภาคส่วน ทุกหน่วยงาน ที่มุ่งมั่นป้องกันภาพลักษณ์ของประเทศ ผ่านการวางแผนและบริหารจัดการความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวช่วงเทศกาลสงกรานต์เป็นศูนย์ โดยเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การกำกับดูแลของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์์เพ็ชร ผบ.ตร. ที่ท่านสั่งการให้ตำรวจน้ำ ตำรวจท้องที่ รวมทั้งกรมเจ้าท่า ช่วยเฝ้าระวังป้องกันเหตุไม่ให้เกิดกับนักท่องเที่ยว