คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าว

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ทีมฟุตซอล อนุบาลหนองปรือ ขอพรศาลตายาย สู้ศึกกีฬา นร.ท้องถิ่นระดับภาคตะวันออก

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อเวลา 09:00 น. วันนี้ ( 17 ต.ค. ) ทีมฟุตซอลโรงเรียนอนุบาลเทศบาลเมืองหนองปรือ เตรียมตัวออกเดินทางไปสู้ศึกการแข่งขันกีฬานักเรียนองค์กรส่วนปกครองท้องถิ่นระดับภาคตะวันออก ครั้งที่ 39 ที่ อำเภอวังน้ำเย็นน้ำ จังหวัดสระแก้ว ในรายการ “ วังน้ำเย็นเกมส์” โดยก่อนออกเดินทางนักกีฬาฟุตซอลได้จุดธูปเทียน กราบขอพรศาลตายาย ไหว้พระประจำโรงเรียนเพื่อเป็นสิริมงคลในการเดินทางตลอดจนการแข่งขันในครั้งนี้

นอกจากนั้นนายประวิทย์ สอนลา รองผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลเทศบาลเมืองหนองปรือ ได้ให้ โอวาทและ กำลังใจ ให้กับนักกีฬาฟุตซอลทั้งประเภทชายและหญิง รวมถึงนักกีฬาประเภทอื่นๆอีกด้วย โดยเน้นย้ำการแข่งขันต้องมีน้ำใจนักกีฬารู้แพ้รู้ชนะให้อภัย และขอให้ประสบความสำเร็จในการแข่งขันครั้งนี้ เพื่อก้าวต่อไประดับประเทศที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี จะแข่งขันประมาณปลายเดือนมกราคม 2568 

นักกีฬาฟุตซอลที่ส่งเข้าร่วมแข่งขันมีนักกีฬาทั้งสิ้น 46 คน โดยส่งแข่งขันระดับอายุ 12 ปี 14 ปี ทั้งชายและหญิง โดยมีนายวิศรุต เย็นฉ่ำ หรือครูบาส นำทีมไปสู้กันครั้งนี้ นอกจากนั้นยังมีโค้ชจุ๋ม  ครูมานะ และอาจารย์ท่านอื่นร่วมเดินทางไปดูแลตลอดการแข่งขัน

การแข่งขันกีฬานักเรียนองค์กรส่วนปกครองท้องถิ่นท่าดาวออกครั้งที่ 39 วังน้ำเย็นเกมส์ จังหวัดสระแก้ว ทางโรงเรียนอนุบาลเทศบาลเมืองหนองปรือได้ส่งนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันจำนวนกว่า 80ฑา แบตมินตัน และ กีฬาสาธิต

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / สมาคมองค์การคุ้มครองสิทธิมนุษยชน (ภาคประชาชน) พาผู้เสียหาย ร้องเรียนอัยการ!!เปิดประวัติ “ครูปู” ทีมงาน Thitipu รำพื้นบ้าน จ.สระแก้ว

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๗ เวลา ๑๐.๐๐ น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมชาย แก้วสุทธิ นายกสมาคมองค์การคุ้มครองสิทธิมนุษยชน (ภาคประชาชน) นายสมพงษ์ มีน้อย เลขาฯสมาคม ร.ต.ท บรรดิษฐ์ ชมผาสาท รองนายกสมาคมฯ ได้นำตัว นางปราณี เจ้าทุกข์ที่ถูกถอนเงินโอนจากบัญชีถูกลักทรัพย์ เข้าพบอัยการ คุ้มครองสิทธิฯ จ.ปราจีนบุรี สอบถามเพิ่มเติมแจ้งข้อเท็จจริงพร้อมยื่นเอกสารเพิ่มเติมประกอบ

ทั้งนี้ สมาคมฯเพียงเป็นสื่อกลางให้ประชาชนและภาครัฐ เข้าใจตรงกันสังคมจะได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข.

เปิดประวัติ “ครูปู” ทีมงาน Thitipu รำพื้นบ้าน จ.สระแก้ว ที่ใครๆในสระแก้ว ก็รู้จักกัน ขึ้นชื่อว่าที่ 1 ในสระแก้วที่ไม่แพ้ใคร เกี่ยวกับ “รำพื้นบ้าน” ภูมิปัญญาชาวบ้าน ก่อตั้งมาเกือบ 7 ปี เปิดประวัติ “ครูปู” ที่ใครๆในสระแก้ว ก็รู้จักกัน ขึ้นชื่อว่าที่ 1 ในสระแก้วที่ไม่แพ้ใคร เกี่ยวกับ “รำพื้นบ้าน” ภูมิปัญญาชาวบ้านที่สานต่อจาก “ครูแอ้” มาเกือบ 7 ปี ที่แสดงออกถึงวัฒนธรรมของไทยที่มีมาแต่ยาวนาน

โดยครูปู..เล่าว่า การที่มาเปิดสอนเพราะใจรักและอยากสอนชาวบ้าน ได้สานต่อจาก “ครูแอ้” ซึ่งเป็นคนริเริ่มรำอยู่แล้วในพื้นที่ บ้านหนองกะพ้อ ด้วยอายุมากครูแอ้เลยพักผ่อน และ ได้มอบเรื่องการรำพื้นบ้าน ให้กับ “ครูปู” ได้สานต่อเพื่อไว้ออกงานรำเอาบุญแต่ไม่นึกว่าจะรำแบบเป็นมืออาชีพรับงาน จนมีคนรู้จักเยอะและมาติดต่อจนปัจจุบันงานมีตั้งแต่ต้นปี 2567 จนถึงสิ้นปีนี้ คาดว่าผ่านมาแล้วกว่า 100 งาน ปัจจุบันมีทั้ง งานบวงสรวงพิธีต่างๆ งานรำแห่งานมงคลทุกประเภท งานรำหน้าไฟ งานรำงานบวช งานนำงานแต่ง เป็นต้น.

สามารถติดต่อจองคิวรำได้ที่
โทร.089-010-0342 (ครูปู)

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ประเพณีแข่งเรือ ชิงถ้วยพระราชทาน วันออกพรรษา ตานก๋วยสลาก วัดบุญยืน พระอารามหลวง อ.เวียงสา จ.น่าน

แชร์เนื้อหานี้


16/10/2567 จังหวัดน่าน จัดงานประเพณีแข่งเรือวันออกพรรษา ตานก๋วยสลากวัดบุญยืน พระอารามหลวง อำเภอเวียงสา ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี พ.ศ. 2567

วันที่ 16 ตุลาคม 2567 ณ สะพานข้ามแม่น้ำน่าน (ท่าน้ำบ้านป่ากล้วย) อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน นายนิวัฒน์ งามธุระ รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เป็นประธานในพิธีเปิดงานประเพณี แข่งเรือวันออกพรรษา ตานก๋วยสลากวัดบุญยืน พระอารามหลวง อำเภอเวียงสาชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี พ.ศ. 2567

โดยมี นายอำเภอเวียงสา รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดน่าน นายกเทศมนตรีตำบลเวียงสา นายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนันผู้ใหญ่บ้าน นายกสมาคมเรือแข่งจังหวัดน่าน ประธานชมรมเรือแข่งอำเภอเวียงสา คณะกรรมการจัดงาน ประชาชนและนักท่องเที่ยว เข้าร่วมพิธีฯ

งานประเพณีแข่งเรือวันออกพรรษา ตานก๋วยสลากวัดบุญยืน พระอารามหลวง อำเภอเวียงสาชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี พ.ศ. 2567 ถือปฏิบัติสืบทอดกันมาในวันออกพรรษาเป็นระยะเวลายาวนานนับร้อยปี มีเอกลักษณ์เป็นลักษณะเรือขุดจากไม้ท่อนแกะสลักหัวเป็นรูปพญานาค อ้าปาก ชูคอ มีเขี้ยวโง้งอน สง่างาม การแข่งเรือและทานสลากภัตจึงถือเป็นประเพณีท้องถิ่นของชาวจังหวัดน่าน และเป็นความภาคภูมิใจของชาวอำเภอเวียงสา ที่ได้จัดให้มีขึ้นทุกๆ ปี

โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีของท้องถิ่นให้คงอยู่สืบไป และเป็นการเสริมสร้างความรัก ความสามัคคี ความมีวินัย ในหมู่คณะ ส่งเสริมและปลูกจิตสำนึกให้เยาวชนและประชาชนในท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมในการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพพลานามัยที่ดี และมีน้ำใจเป็นนักกีฬา รู้แพ้ รู้ซนะ รู้อภัย อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและเสริมสร้างเอกลักษณ์ของอำเภอเวียงสา ตลอดจนจังหวัดน่าน ให้เป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วไปและชาวต่างชาติ

สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ ซึ่งมีหมู่บ้านในเขตอำเภอเวียงสาและอำเภอใกล้เคียง ได้ส่งเรือยาวเข้าร่วมแข่งขันรวมทั้งสิ้น 18 ลำ โดยแยกประเภทการแข่งขันออกเป็น ประเภทเรือเล็ก 5 ลำ ประเภทเรือกลาง จำนวน 4 ลำ ประเภทเรือใหญ่ จำนวน 5 ลำ และประเภทเรือเอกลักษณ์น่าน จำนวน 4 ลำ นอกจากนี้ ยังมีการโชว์เรือสวยงาม จำนวน 4 ลำ และกองเชียร์ 3 หมู่บ้าน

โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากหน่วยงาน เทศบาลตำบลเวียงสา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย องค์การบริหารส่วนจังหวัดน่าน สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า สสส. และพ่อค้า ประชาชน หน่วยงานอื่นๆ รวมงบประมาณทั้งสิ้น 1,000,000 บาท/บุญยวค์ สดสอาดนายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน/ทีมข่าวรายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / การประชุม สรุปสถานการณ์น้ำ เตรียมพร้อมรับน้ำในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา / โครงการ เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 10 ลพบุรี

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 15 ตุลาคม 2567 เวลา 09.00 น. ที่ ห้องประชุมพระปรางค์สามยอด ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดลพบุรี นายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี นำส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วม การประชุมสรุปสถานการณ์และการเตรียมความพร้อมจังหวัดในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมี นายภูมินทร ปลั่งสมบัติ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม จาก ห้องประชุม 108 ชั้น 1 สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล

โดยจังหวัดลพบุรีได้รับแจ้งจากศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลืออุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) ว่าต้องการทราบข้อมูลอุทกภัยและการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดของลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา 9 จังหวัด ประกอบด้วย ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง ลพบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ และ กรุงเทพฯ เพื่อรวบรวมข้อมูลทั้งหมดรายงานต่อ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการในการประชุมคณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศอส.) ในวันอังคารที่ 15 ตุลาคม 2567 เวลา 14.30 น.

โดยนายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี กล่าวว่า สำหรับในส่วนของจังหวัดลพบุรี มีแม่น้ำสาขาที่แยกออกแม่น้ำเจ้าพระยา อยู่ 2 เส้น ได้แก่ แม่น้ำลพบุรีและคลองชัยนาท – ป่าสัก ซึ่งจากสถานการณ์น้ำภาพรวมของจังหวัดอยู่ในสภาวะปกติ ทั้ง 11 อำเภอไม่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมขังในพื้นที่ ทั้งนี้ก็ยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่เสี่ยงอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง โดยจังหวัดได้บูรณาการทุกภาคส่วนในการร่วมกันกำจัดวัชพืชสิ่งกีดขวางทางน้ำในแม่น้ำลพบุรี เพื่อเปิดทางน้ำให้ไหลผ่านสะดวก โดยกำหนด Kick off พร้อมกัน ในวันที่ 16 ตุลาคม 2567 (พรุ่งนี้) โดยคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในวันที่ 20 ตุลาคม 2567 นี้

สนอง แท่นสูงเนิน
ผอ.ศูนย์ข่าวฯ ประจำจังหวัดลพบุรี รายงาน

ลพบุรี- บรรยากาศการรับเสื้อวันแรก โครงการ เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 10 จังหวัดลพบุรี คึกคักผู้รักสุขภาพรอคิวรับเสื้อหนาแน่น

วันที่ 15 ตุลาคม 2567 บรรยากาศการรับเสื้อวันแรก ในโครงการ เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 10 เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จังหวัดลพบุรี เป็นไปอย่างคึกคักมีประชาชนและส่วนราชการต่าง ๆ ผู้รักสุขภาพรอคิวรับเสื้อกันอย่างหนาแน่น โดยจังหวัดลพบุรีได้กำหนดรับเสื้อในวันที่ 15 และ 16 ตุลาคม 2567 เวลา 09.00- 16.000 น. ณ. เต้นท์บริการด้านหน้าอาคารศาลากลางจังหวัดลพบุรี ฝั่งธนาคารกรุงเทพ โดยนำสำเนาบัตรประชาชน และตั๋วสมัครเดินวิ่ง ปั่น มายื่นให้กับเจ้าหน้าที่ มีข้อสงสัยติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจังหวัดลพบุรี กลุ่มงานอำนวยการ โทร. 0 3677 0150

โดย นายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เปิดเผยว่า ด้วยคณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โดยศูนย์โรคหลอดเลือดสมองศิริราชร่วมกับศิริราชมูลนิธิ ได้จัดโครงการ เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาตครั้งที่ 10 เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเป็นดังแสงนำใจ

และทรงเป็นแบบอย่างแก่ประชาชนชาวไทยในการรักษาสุขภาพ และการออกกำลังกาย รวมทั้งสร้างความตระหนักและให้ความรู้โรคหลอดเลือดสมองแก่ประชาชน ตลอดจนรณรงค์เชิญชวนคนไทยทั้งประเทศให้หันมาออกกำลังกายเพื่อสุขภาพกาย และสุขภาพสมองที่แข็งแรง โดยมีกิจกรรมต่างๆประกอบด้วย 1. กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ 2. กิจกรรมให้ความรู้โลกหลอดเลือดสมอง และ 3. กิจกรรมออกกำลังกำลังกาย เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาตเฉลิมพระเกียรติ

โดยจังหวัดลพบุรี พร้อมกัน ทั้ง 11 อำเภอ กำหนดจัดกิจกรรมในวันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2567 เวลา 05.30 น. สถานที่ประกอบด้วย 1. อำเภอเมืองลพบุรี จัดกิจกรรมที่สนามกระโดดร่มพัชรกิติยาภา 2. อำเภอบ้านหมี่ จัดกิจกรรมที่สนามกีฬาเทศบาลเมืองบ้านหมี่ 3. อำเภอโคกสำโรง จัดกิจกรรมที่สนามกีฬาโรงเรียนโคกสำโรงวิทยา 4. อำเภอพัฒนานิคมจัดกิจกรรมที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ 5. อำเภอชัยบาดาล

จัดกิจกรรมที่ลานอเนกประสงค์หน้าที่ว่าการอำเภอชัยบาดาล 6. อำเภอท่าวุ้งจัดกิจกรรมที่ลานอเนกประสงค์หน้าที่ว่าการอำเภอท่าวุ้ง 7. อำเภอหนองม่วงจัดกิจกรรมที่ สนามที่ว่าการอำเภอหนองม่วง 8. อำเภอสระโบสถ์จัดกิจกรรมที่สนามที่ว่าการอำเภอสระโบสถ์. 9. อำเภอโคกเจริญจากกิจกรรมที่สนามที่ว่าการอำเภอโคกเจริญ 10. อำเภอท่าหลวงจัดกิจกรรมที่สันเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และ11. อำเภอลำสนธิจัดกิจกรรมที่อ่างเก็บน้ำกุตตาเพชร ทั้งนี้ประชาชนผู้สนใจร่วมงานวิ่งในครั้งนี้สามารถสวมเสื้อเหลืองเข้าร่วมกิจกรรมได้โดยพร้อมเพรียงกัน

สนอง แท่นสูงเนิน
ผอ.ศูนย์ข่าวฯ ประจำจังหวัดลพบุรี รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / สโมสรฟุตบอลซีเนียร์ไทยแลนด์ VIP SENIOR THAILAND เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาฟุตบอล เกาหลีโลกครั้งที่ 17 ณ เมืองฮงชอนกุน คังวอนโดเกาหลีใต้

แชร์เนื้อหานี้


วันที่ 1-6 ตุลาคม 2567 นายบุญเลิศ ผลอุดม ผู้จัดการทีมสโมสรฟุตบอลซีเนียร์ Thailand ได้นำคณะนักกีฬาฟุตบอล ไทยเดินทางไปเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาฟุตบอล พร้อมคณะ โดยมี นายยรรยง ทองประยูร อดีตนักบอลทีมชาติไทย เป็นเฮทโค้ช ในรายการ แข่งขันฟุตบอล VIP เกาหลีโลก ครั้งที่ 17

กำหนดเดินทาง วันที่ 1 ตุลาคม 2567 นำคณะโดยมิสเตอร์คิม นัดพบรับตั๊วเครื่องบิน เช็คเอกสารพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 21.00 น ขึ้นเครื่อง เวลา 01.20 น สายการบิน.ทีดับเบิลยู ทีเวย์แอร์ ช่อง G ถึงอินชอน เช้า เวลา 08.30 นตามเวลาเกาหลี วันที่ 2 ตุลาคม 2567 ทานอาหารเช้า ขึ้นรถทัวร์ที่มารอรับที่สนามบินอินชอนเดินทางไปยัง ที่พักAlps Motel ในฮงชอน จังหวัดคังวอนโด ทานอาหารเย็นเสร็จ

เข้าร่วมชมการแสดงพิธีเปิดการต้อนรับนักกีฬาทุกประเทศ เช้าวันที่ 3 ตุลาคม ทานอาหารเช้า ขึ้นรถทัวร์เดินทาง เข้าสนามทำการแข่งขันฟุตบอล World Overseas Korean Football Federaation2024 WORLD FOOTBALL FESTIVAL “2024” 전 세계 한민족 축구대회 대회기간 : 2024, 10.3 ~ 10.6 (4일간)장 소 : 강원도 종합운동장 외4개 구장
참가국 : 35 개

주최:사)세계한민족축구협회
후 원 : 문화체육관광부. 국민체육진흥공단.
강원도 홍천군.대한체육회 WKFA2024 ฟุตบอลโลก งานเทศกาล “2024” ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติเกาหลีทั่วโลก ระยะเวลาการแข่งขัน: 2024, 10.3 ~ 10.6 (4 วัน) สถานที่: สนามกีฬาคังวอนโด และสนามกีฬาอื่นอีก 4 สนาม
ประเทศที่เข้าร่วม: 35 ประเทศ เจ้าภาพ : สมาคมฟุตบอลเกาหลีโลก
ผู้สนับสนุน: กระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว มูลนิธิส่งเสริมกีฬาเกาหลี ฮงชอนกุน คังวอนโด สภากีฬาเกาหลี

ทำการแข่งขันทั้งหมด 3 รุ่นอายุ รุ่นประชาชนทั่วไป จำนวน 8 ทีม รุ่นอายุ 40 ปี จำนวน 16 ทีม ขึ้นรุ่นอายุ 50 ปีขึ้น จำนวน 8 ทีม วัตถุประสงค์เพื่อเชื่อมความสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศ ไทยเกาหลี และประเทศสมาชิก ที่เข้าร่วมทำการแข่งขัน ส่งเสริมการท่องเที่ยว ส่งเสริมการออกกำลังกายมีประเทศสมาชิกที่เข้าร่วมทำการแข่งขันทั้งโซนเอเซียและยุโรป ทำการแข่งขันพร้อมกันสี่สนาม ระหว่างวันที่ 3-6 ตุลาคม 2567

สรวัชร สรรเพ็ชร์
รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ทหารเรือ นรข.แถลงตรวจยึดยาบ้ากว่า 3.9 หมื่นเม็ด ริมน้ำโขง / บึงกาฬก้าวสู่ยุคดิจิทัล เสริมระบบป้องกันภัยพิบัติด้วยเทคโนโลยี AI (CCTV-based)

แชร์เนื้อหานี้


เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 11 ต.ค. ที่หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงเขตหนองคาย สถานีเรือบึงกาฬ ต.วิศิษฐ์ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ ตามนโยบายของรัฐบาล และ พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดนั้น พล.ร.ต.ณรงค์ เอมดี ผบ.นรข.มอบหมายให้ น.อ.สุชาติ อุดมนาค รอง ผบ.นรข. เป็นผู้แทนในการแถลงข่าวการตรวจยึดยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวนประมาณ 39,951 เม็ด ภายใต้อำนวยการของ พล.ร.ต.ณรงค์ เอมดี ผบ.นรข และ น.อ.วิศิษฐ์พงศ์ เจริญวิชยเดช ผบ.นรข.เขตหนองคาย โดยว่าที่ น.ท.โอรส พุทธโค หน.สน.เรือบึงกาฬ พร้อมด้วยหัวหน้าหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ประกอบไปด้วย นายธีรพล ขุนพานเพิง นายอำเภอเมืองบึงกาฬ ว่าที่พ.ต.อ.จตุพร เนวะมาตย์ ผกก.ตม.บึงกาฬ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดบึงกาฬ พ.ต.ท.เทอดศักดิ์ โคตรศรีวงษ์ ผบ.ร้อย ตชด.244 พ.ต.ต.ประชานารถ แดงเนียม สว.หน.ตำรวจน้ำบึงกาฬ นายกรณ์ชัย ปัญญาวัฒนพงศ์ นายด่านศุลกากรบึงกาฬ และผู้แทน บก.อส.จ.บึงกาฬ ร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้


ทั้งนี้เมื่อวันที่ 10 ต.ค. เวลา 14.00 น. ที่ผ่านมา ว่าที่ น.ท.โอรส พุทธโค หน.สน.เรือบึงกาฬ แจ้งว่ามีสายรายงานสืบทราบมาว่าจะมีการขนลักลอบยาเสพติดข้ามฝั่งแม่น้ำโขงพื้นที่ บริเวณริมแม่น้ำโขงระหว่างบ้านท่าโพธิ์ หมู่ 6 ต.บึงกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ คาดว่าจะเป็นป่าสวนยาง ได้รายงาน น.อ.วิศิษฐ์พงศ์ เจริญวิชยเดช ผบ.นรข.เขตหนองคาย ได้ทราบ จึงสั่งการให้ ว่าที่ น.ท.โอรส พุทธโค หน.สน.เรือบึงกาฬ ร.ท.เพชรนคร ผิวขำ และ ร.ท.ไชยา เนียมแสง พร้อมเจ้าหน้าที่ นรข.ได้จัดชุดปฏิบัติการซุ่มเฝ้าตรวจ ออกวางกำลังเข้าตรวจในพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง บ้านท่าโพธิ์ ตลอดแนวคาดว่าจะมีการกระทำผิด

กระทั่งเวลา 19.00 น.ขณะที่แบ่งกำลังซุ่มอยู่ริมโขงบริเวณพื้นที่ป่าสวนยางบ้านท่าโพธิ์ ชุดปฏิบัติติการได้ใช้กล้องตรวจการณ์กลางคืนตรวจพบเรือกลีบเพลายาวเครื่องยนต์ติดท้ายต้องสงสัยแล่นข้ามน้ำโขงมาจากฝั่ง สปป.ลาว ภายในเรือมีบุคคลนั่งมาด้วย 1 คน ขับเรือมายังฝั่งบริเวณสวนยางริมฝั่งแม่น้ำโขงตามที่สายลับแจ้งมาโดยเมื่อเรือจอดชายคนดังกล่าวได้ยกถังสีขาว จำนวน 1 ถังขึ้นมาจากเรือ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการซุ่มเฝ้าตรวจ จึงเข้าแสดงตัวเข้าตรวจค้นเมื่อชายต้องสงสัยเห็นเป็นเจ้าหน้าที่จึงทิ้งถังสีขาวที่ถือมาแล้วรีบขับเรือกลีบเพลายาวที่จอดไว้กลับไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เจ้าหน้าที่จึงลงไปตรวจดูเปิดดูด้านในถังสีขาวพบว่าเป็นยาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 4 แพ็คๆ รวมเป็นยาบ้าจำนวนประมาณ 39,951 เม็ด จึงได้ทำการตรวจยึดเอาไว้ก่อนจะทำการตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และส่งต่อให้กับพนักงานสอบสวน สภ.เชียงของดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

นายธีระพล ขุนพานเพลิง นอภ.เมืองบึงกาฬ กล่าวว่า ทุกวันนี้ในพื้นที่อำเภอเมืองบึงกาฬ มีการระบาดของยาบ้าอย่างหนัก บางพื้นที่ราคายาบ้า เม็ดละ 20 บาท หรือ 5 เม็ดร้อย ทำให้เยาวชนเข้าถึงได้ง่าย เป็นต้นเหตุของการเกิดอาชญากรรมลักเล็กขโมยน้อย รวมไปถึงการเมายาบ้าอาละวาด สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน ในบทบาทฝ่ายปกครองเองมี 3 ส่วน มาตรการในการป้องกัน มาตรการในการปราบปราบ และมาตรการในการบำบัด ซึ่งฝ่ายปกครองเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับพื้นที่ยังมีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ที่เป็นมือเป็นไม้ในพื้นที่มีโอกาสได้ส่งข้อมูลต่างๆให้กับหน่วยงานมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญในส่วนมาตรการป้องกันที่ได้ดำเนินการคือการป้องกันระดับกลุ่มเสี่ยงไม่ว่าจะเป็นเด็กนักเรียน เยาวชน ให้มีโอกาสห่างใกลจากยาเสพติด

ด้าน น.อ.สุชาติ อุดมนาค รอง ผบ.นรข. กล่าวเพิ่มเติมว่า นรข.ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานบูรณาการร่วมกันในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ ในการแก้ปัญหาอีกส่วนหนึ่งจะนำกำลังพลหน่วย นรข.พบปะประชาชน เยาวชน มากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความเข้าใจปัญหายาเสพติด และขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน และเชื่อว่าพี่น้องประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบคือครอบครัว โดยจะกลับไปให้ข้อมูลที่ดีกับประชาชนให้ความร่วมมือลดละเลิกยาเสพติด
ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล //บึงกาฬ 0645960906

จังหวัดบึงกาฬก้าวสู่ยุคดิจิทัล เสริมระบบป้องกันภัยพิบัติด้วยเทคโนโลยี AI (CCTV-based)
.
วันศุกร์ที่ 11 กันยายน 2567 เวลา 14.00 น. ณ ห้องประชุมสิรินธรวัลลี ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดบึงกาฬ ได้มีการจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการจัดระบบป้องกันและจัดการภัยพิบัติโดยใช้ระบบเทคโนโลยี CCTV-based (AI) ระหว่าง จังหวัดบึงกาฬ บริษัท ลาว พีเพิล จำกัด และบริษัท เอเดน แลป จำกัด

CCTV-based (AI) หรือระบบกล้องวงจรปิดที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ เป็นเทคโนโลยีที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในการนำมาประยุกต์ใช้ในหลากหลายด้าน รวมถึงการจัดการภัยพิบัติ โดยระบบนี้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลภาพจากกล้องวงจรปิดได้แบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถตรวจจับและตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ประโยชน์ของการใช้ระบบ CCTV-based (AI) ในการจัดการภัยพิบัติ การตรวจจับภัยพิบัติล่วงหน้า ตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ เช่น พายุ ฝนตกหนัก หรือระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น ตรวจจับเหตุการณ์ผิดปกติ

ระบบ CCTV-based (AI) เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการช่วยเหลือในการป้องกันและจัดการภัยพิบัติ โดยสามารถตรวจจับภัยพิบัติได้ล่วงหน้า ประเมินความเสียหาย ติดตามสถานการณ์ และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่ การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นสัญญาณที่ดีที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของจังหวัดบึงกาฬในการสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน และเป็นการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดียิ่งขึ

ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล//บึงกาฬ 0961464326

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / คอฟ (RECOFTC) และองค์กรภาคีเครือข่าย ปลุกพลังป่าชุมชน สร้าง “นักจัดการป่าไม้ภาคพลเมือง” เพื่ออนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและรับมือสภาวะโลกรวน

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 10 ต.ค. 67 น.ส.วรางคณา รัตนรัตน์ ผอ.รีคอฟ แห่งประเทศไทย (RECOFTC) องค์กรไม่แสวงผลกำไรที่มุ่งสร้างอนาคตที่คนและป่าอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน จับมือเครือข่ายป่าไม้ภาคพลเมือง สมาคมสัตววิทยาแห่งลอนดอน ประเทศไทย และองค์กรภาคีเครือข่าย อื่นๆ สร้าง “กระบวนการพัฒนาศักยภาพนักจัดการป่าไม้ภาคพลเมือง” (Citizens’ Forest Master หรือ CF Master) โดยมี น.ส.มาเรีย เผ่าประทาน สมาชิกวุฒิสภา จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในฐานะกรรมาธิการด้านการเกษตรและสหกรณ์ฯ วุฒิสภา นายวัชรินทร์ จันทร์เดช ประธานสภาป่าไม้ภาคพลเมืองจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย

นับเป็นก้าวแรกในการยกระดับความสามารถของชุมชนด้านการสำรวจทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพในป่าของตนเองอย่างมีระบบ และนำข้อมูลมาทำแผนการจัดการป่าที่ตอบโจทย์การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน ปัจจุบันโลกกำลังเผชิญวิกฤตการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งมีความเกี่ยวพันกับวิกฤตโลกรวนอย่างไม่อาจแยกออกจากกัน สภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนทำให้ระบบนิเวศเสียสมดุล ทรัพยากรพืชและสัตว์ต่างๆ มีปริมาณลดลงไปมากหรือถึงขั้นเสี่ยงสูญพันธุ์ ส่งผลกระทบต่อผู้คนในวงกว้างโดยเฉพาะชุมชนที่วิถีชีวิตผูกติดกับป่า ไม่ว่าจะเป็นในฐานะแหล่งอาหาร แหล่งน้ำ และแหล่งรายได้

ป่าเป็นหนึ่งในแหล่งทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพที่สำคัญที่สุด แต่แม้ภาคป่าไม้ของไทยจะตื่นตัวในการรับมือวิกฤตระดับโลกเหล่านี้ เช่น มีการตั้งเป้าหมายเพิ่มพื้นที่ป่าให้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของประเทศพร้อมส่งเสริมการอนุรักษ์ มีการพัฒนาแผนปฏิบัติการความหลากหลายทางชีวภาพระดับชาติ ฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2566-2570) ซึ่งบูรณาการความร่วมมือทุกหน่วยงานเพื่อปกป้องความหลากหลายทาง ชีวภาพ แต่ชุมชนที่อยู่ใกล้ชิดกับป่ากลับยังมีบทบาทจำกัดในการดูแลจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ อีกทั้งยังไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างเพียงพอ ทั้งที่ป่าที่ชุมชนร่วมจัดการและใช้ประโยชน์เหล่านี้ล้วนทำหน้าที่เป็นเขตกันชนให้กับพื้นที่ป่าอนุรักษ์และถือเป็นด่านหน้าในการปกป้องถิ่นที่อยู่ของพืชและสัตว์หลากชนิด

และถึงแม้ว่าพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. 2562 จะกำหนดให้ป่าชุมชนทำแผนการจัดการป่าชุมชนเพื่อประกอบการจดทะเบียนป่าชุมชน รวมถึงต้องต่ออายุการขึ้นทะเบียนโดยปรับปรุงแผนการจัดการป่าชุมชนทุก 5 ปีให้สอดคล้องกับสถานการณ์ แต่ชุมชนยังพบความท้าทายในการออกแบบแผนตามบริบทและการนำไปปฏิบัติจริง ตามระเบียบการทำแผนมีการกำหนดให้ชุมชนจัดทำข้อมูลป่าโดยระบุชนิดของพืชและสัตว์ที่พบ ซึ่งป่าชุมชนจำนวนมากยังขาดความรู้และทักษะในการเก็บข้อมูลทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพเหล่านี้อย่างเป็นระบบ เช่น การจำแนกชนิดพันธุ์พืชและสัตว์ที่พบเป็นกลุ่มต่างๆ รวมถึงกลุ่มทรัพยากรที่มี ค่าหรือหายาก การเก็บข้อมูลเชิงปริมาณของทรัพยากรในป่า นอกจากนี้ ชุมชนยังต้องมีทักษะในการประเมินสถานภาพของป่าและทรัพยากรที่มี รวมถึงการวิเคราะห์สถานการณ์ความเสี่ยงต่อการสูญเสียทรัพยากร และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศต่อป่า ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ล้วนเป็นหัวใจสำคัญสู่การทำแผนการจัดการป่าชุมชนให้สอดคล้องกับบริบทของแต่ละป่า

รีคอฟและองค์กรภาคีเครือข่ายเล็งเห็นความจำเป็นในการพัฒนาคนในป่าชุมชนเหล่านี้ให้เป็นผู้นำที่สามารถพาสมาชิกคนอื่นในชุมชนมาร่วมเก็บข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพและสร้างแผนการจัดการป่าที่ตอบโจทย์ทั้งด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรและการใช้ประโยชน์ของชุมชนอย่างยั่งยืน จึงได้ริเริ่มกระบวนการ พัฒนาศักยภาพนักจัดการป่าไม้ภาคพลเมือง เพื่อให้ความรู้ ทักษะ และเครื่องมือที่จำเป็นกับชุมชนสำหรับภารกิจดังกล่าว

กระบวนการพัฒนาศักยภาพนักจัดการป่าไม้ภาคพลเมืองนั้นมุ่งเน้นที่การทำจริงและส่งเสริมการทำงานอย่างมีส่วนร่วมโดยชุมชนเป็นฐาน รีคอฟและสมาคมสัตววิทยาแห่งลอนดอน ประเทศไทย ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาตลอดกระบวนการ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก เริ่มจากการเก็บข้อมูลเศรษฐกิจสังคมของชุมชนเพื่อให้เข้าใจบริบทความต้องการในการใช้ประโยชน์ทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพของชุมชน ต่อด้วยการเก็บข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อให้ชุมชนมีข้อมูลเกี่ยวกับทรัพยากรในป่าและทราบสถานภาพของป่าและทรัพยากรเหล่านี้ และขั้นตอนสุดท้ายคือการทำแผนการจัดการป่าอย่างมีส่วนร่วมทั้งชุมชน โดยอาศัยข้อมูลเกี่ยวทรัพยากรและการใช้ประโยชน์ทรัพยากรของชุมชนมาออกแบบแผนการจัดการป่าที่นำไปใช้ได้จริง

กระบวนการพัฒนาศักยภาพนักจัดการป่าไม้ภาคพลเมืองนี้เริ่มขึ้นในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2566 และเสร็จสิ้นในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 ประสบความสำเร็จในการสร้างนักจัดการป่าไม้ภาคพลเมืองรุ่นแรก 53 รายจากป่านำร่อง 28 แห่งใน 10 จังหวัดทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย รวมถึงป่าชุมชนบ้านม้าร้อง ป่าชายเลนบ้านฝ่ายท่า และป่าพรุบ้านแม่รำพึง อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นพื้นที่จัดเวทีสมัชชาป่าไม้ภาคพลเมือง เพื่อนำเสนอกระบวนการและความสำเร็จในการพัฒนาศักยภาพนักจัดการป่าไม้ภาคพลเมืองเมื่อวันที่ 9-10 ตุลาคม 2567

การขยายผลความสำเร็จจาก 28 ป่านำร่องสู่ป่าชุมชนกว่า 12,000 แห่งและป่าอื่นๆ ที่มีชุมชนร่วมบริหารจัดการทั่วประเทศเป็นภารกิจที่เต็มไปด้วยความท้าทายแต่มีความสำคัญอย่างยิ่งในห้วงเวลาที่วิกฤตสิ่งแวดล้อมกำลังทวีความรุนแรง รีคอฟและสมาคมสัตววิทยาแห่งลอนดอน ประเทศไทย จึงร่วมกันพัฒนาคู่มือการจัดทำแผนการจัดการป่าชุมชน ซึ่งรวมถึงแบบฟอร์มสำหรับการเก็บข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพและการจัดทำแผนตามกรอบแนวทางของกรมป่าไม้ ภายใต้ความมุ่งหวังว่าคู่มือนี้จะเป็นเครื่องมือที่ง่าย

สำหรับการใช้งานของชุมชน และเป็นแนวทางการทำงานที่ได้รับการยอมรับทั้งจากชุมชนและภาคส่วนต่างๆ สามารถนำไปเรียนรู้และทำงานร่วมกันต่อไป โดยได้เชิญตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมป่าไม้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และองค์กรภาคประชาสังคม มาเข้าร่วมหารือแลกเปลี่ยนบทเรียนจากกระบวนการพัฒนาศักยภาพนักจัดการป่าไม้ภาคพลเมือง พร้อมให้ความเห็นสำหรับพัฒนาเครื่องมือและต่อยอดความสำเร็จในวงกว้างขึ้นต่อไป เพื่อยกระดับบทบาทและศักยภาพของชุมชนในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ ควบคู่กับการใช้ประโยชน์ทรัพยากรอย่างยั่งยืนและสามารถตั้งรับปรับตัวต่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศ

ข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาศักยภาพนักจัดการป่าไม้ภาคพลเมือง เป็นส่วนหนึ่งของโครงการเสริมสร้างศักยภาพในการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพในป่าชุมชนไทยและเครือข่ายป่าไม้ภาคพลเมือง โครงการเสริมสร้างศักยภาพในการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพในป่าชุมชนไทย ได้รับทุนสนับสนุนจาก Darwin Initiative โดยรัฐบาลสหราชอาณาจักร ได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายป่าไม้ภาคพลเมืองและสมาคมสัตววิทยาแห่งลอนดอน ประเทศไทย ในฐานะองค์กรภาคีเครือข่าย ป่าไม้ภาคพลเมือง ได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนรวมธรรมาภิบาลไทย โดย HAND Social Enterprise


////////////////////////////////////////
สกุ๊ปพิเศษโดย… ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์/รพ.กรุงเทพพัทยา จัดเสวนารับวันมะเร็งเต้านมสากล/มูลนิธิ เอช เอช เอ็น เพื่อเด็กไทย/จะจัดงานระดมทุนสนับสนุนสังคมสงเคราะห์/เมืองพัทยาวางแนวทางดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงระยะยาว

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 10 ต.ค.67 ที่บริเวณ Lobby อาคาร E โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา จ.ชลบุรี โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา ได้จัดเสวนาเรื่อง หลากหลายความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับมะเร็งเต้านม เนื่องในวันมะเร็งเต้านมสากล โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญการดูแลเต้านม เนื่องในวันมะเร็งเต้านมสากล (World Breast Cancer Day) “มะเร็งเต้านม” ภัยเงียบอันดับ 1 ของผู้หญิงทั่วโลก ป้องกันได้ด้วยการหมั่นตรวจเต้านมด้วยตนเอง และพบแพทย์เพื่อตรวจเต้านมอย่างน้อยปีละครั้ง โดยมี คุณภารดี อาจสมิติ ผู้อำนวยการฝ่ายการพยาบาล รพ.กรุงเทพพัทยา เป็นประธานกล่าวเปิดงาน

หลังจากนั้นมีการเสวนาเรื่อง หลากหลายความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับมะเร็งเต้านม โดย นายแพทย์ฐาปนัสม์ ลิขิตมาศกุล ศัลยแพทย์เต้านม ศูนย์เต้านม และแพทย์หญิงสิริจัยกรณ์ ศิววงศ์ศรี อายุรแพทย์โรคมะเร็งและโรคเลือด รพ.กรุงเทพพัทยา มาร่วมให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมะเร็งเต้านม พร้อมตอบคำถามข้อสงสัยจากผู้เข้าร่วมฟังเสวนา

นอกจากนี้ มีการออกบูทเรียนรู้วิธีประเมินความเสี่ยงโรคมะเร็งจากผู้เชี่ยวชาญ และตรวจเต้านมฟรี จำนวน 100 ท่าน โดยพยาบาลวิชาชีพ ตลอดเดือนตุลาคมนี้ และยังมีกิจกรรมสุดพิเศษมากมาย อาทิ กิจกรรมส่งข้อความให้กำลังใจผู้ป่วยมะเร็งเต้านมผ่าน Interactive Booth เกมหมุนวงล้อเสี่ยงโชคและกิจกรรมสนุก ๆ พร้อมลุ้นรับส่วนลดสุดพิเศษ รับกล่องของขวัญ คูปองส่วนลด และโปรโมชั่นสุดพิเศษ

ทั้งนี้ ศูนย์เต้านม รพ.กรุงเทพพัทยา มีความห่วงใยสตรีไทยที่ต้องตกเป็นเหยื่อโรคมะเร็งเต้านม เพราะเป็นโรคมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดในหญิงไทยและทั่วโลก ในประเทศไทยมีอุบัติการณ์เกิดในผู้ป่วยใหม่ ปีละประมาณ 12% โดยในปี 2566 พบผู้ป่วยรายใหม่ 17,742 คน หรือวันละ 49 คน และพบการกลับมาเป็นซ้ำของมะเร็งเต้านมหรือการแพร่กระจายของโรคค่อนข้างสูงกว่ามะเร็งชนิดอื่น ทำให้ผู้ป่วยหลายรายหมดกำลังใจในการรักษา อย่างไรก็ตาม มะเร็งเต้านม หากตรวจพบเร็ว เข้ารับการรักษาเร็ว และดูแลตนเองอย่างถูกวิธี จะทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและสามารถใช้ชีวิตอยู่กับคนที่รักได้อีกนาน จึงขอเชิญให้มาร่วมตรวจคัดกรองเพื่อป้องกันการเกิดโรคในอนาคต

โดยศูนย์เต้านม รพ.กรุงเทพพัทยา มีความพร้อมในเรื่องการดูแลรักษาสุขภาพเต้านมรอบด้าน ด้วยทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลเต้านมโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมเบื้องต้น การเจาะดูดชิ้นเนื้อในเต้านมระบบสุญญากาศ (VABB: Vacuum Assisted Breast Biopsy) เพื่อการตรวจวินิจฉัยและรักษาในคราวเดียว โดยไม่ต้องผ่าตัดขนาดแผลเล็กเท่ารูเข็ม การตรวจยีนพันธุกรรม (BRCA) เพื่อค้นหาความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งเต้านม และการรักษาโรคมะเร็งเต้านมโดยอายุรแพทย์โรคมะเร็ง รวมถึงการศัลยกรรมตกแต่งและเสริมสร้างเต้านมขึ้นใหม่หลังจากผ่าตัดรักษามะเร็งเต้านม เพราะเรื่องมะเร็งเต้านม หากรู้เร็ว รักษาไว ก็สามารถหายขาดได้

มูลนิธิ เอช เอช เอ็น เพื่อเด็กไทย พบนายกเมืองพัทยา หารือจัดงานระดมทุนสนับสนุนสังคมสงเคราะห์

บ่ายวันที่ 10 ต.ค.67 นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา เป็นประธานในการประชุมหารือแนวทางการจัดกิจกรรมระดมทุนสนับสนุนงานสังคมสงเคราะห์ของมูลนิธิ เอช เอช เอ็น เพื่อเด็กไทย โดยมีนายภูมิพิพัฒน์ กมลนาถ เลขานุการนายกเมืองพัทยา นายเอกประภู เอกะสิงห์ ผู้ช่วยเลขานุการประธานสภาเมืองพัทยา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารมูลนิธิ เอช เอช เอ็น เพื่อเด็กไทย นำโดยนางรัชฎา ชมจินดา ผู้อำนวยการมูลนิธิฯ เข้าร่วมในการประชุม ณ ห้องประชุม 131 ศาลาว่าการเมืองพัทยา

ทั้งนี้ มูลนิธิ เอช เอช เอ็น เพื่อเด็กไทย เป็นองค์กรพัฒนาเอกชน ที่ทำงานด้านการพัฒนาเด็กและเยาวชนในเมืองพัทยามายาวนานกว่า 15 ปี โดยได้ดำเนินโครงการ 2 โครงการ คือ 1. สถานคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก บ้านเอื้ออารี เพื่อให้การช่วยเหลือ คุ้มครองเด็กที่ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว และเด็กที่ถูกแสวงหาประโยชน์โดยไม่เป็นธรรมในรูปแบบต่างๆ เช่น แสวงหาประโยชน์ทางเพศ แสวงหาประโยชน์ในรูปแบบการค้ามนุษย์ และ 2. ศูนย์พักพิงเด็ก/ศูนย์การเรียนรู้อาเซียน ซึ่งเป็นศูนย์แรกรับเพื่อให้การช่วยเหลือเด็กในกรณีฉุกเฉิน เพื่อพิจารณารูปแบบที่เหมาะสมในการให้ความช่วยเหลือโดยทีมสหวิชาชีพ และศูนย์การเรียนรู้อาเซียน เป็นศูนย์ขยายโอกาสทางการศึกษา

ให้บุตรหลานแรงงานข้ามชาติที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เมืองพัทยา นอกจากนี้มูลนิธิ เอช เอช เอ็น เพื่อเด็กไทยยังดำเนินงานโครงการอื่นๆ อาทิ โครงการรถโมบายเคลื่อนที่ เพื่อส่งเสริมความรู้เรื่องสิทธิเด็กและการป้องกันการล่วงละเมิดทางเพศ, โครงการทุนการศึกษาสู่ความสำเร็จ HGM Education Fund สำหรับนักเรียนที่มีผลการเรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ และโครงการทุนช่วยเหลือครอบครัว เพื่อส่งเสริมให้ครอบครัวสามารถดูแลเด็กเองได้โดยไม่ต้องส่งเข้าสถานสงเคราะห์ โดยปัจจุบันมูลนิธิฯ มีเด็กๆ อยู่ในความอุปการะกว่า 300 คน ในการนี้คณะกรรมการบริหารมูลนิธิฯ จึงมีความประสงค์หารือแนวทางการจัดกิจกรรมระดมทุนสนับสนุนงานของมูลนิธิฯ เพื่อสร้างความยั่งยืนในการให้ความช่วยเหลือเด็กๆ ในเขตพื้นที่เมืองพัทยา อาทิ การจัดกิจกรรมคอนเสิร์ตการกุศล, งานกาล่าดินเนอร์เพื่อการกุศล, กิจกรรมวิ่งการกุศลโลมารัน, กิจกรรมโชว์รถคลาสสิคเพื่อการกุศล เป็นต้น

ด้าน นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า ด้วยบริบทเมืองพัทยาเป็นหน่วยงานราชการ ทำให้ไม่สามารถให้การสนับสนุนงบประมาณในการจัดกิจกรรมที่มีการจำหน่ายบัตรเพื่อหารายได้ แต่เมืองพัทยายินดีที่จะเป็นเจ้าภาพร่วม โดยให้การสนับสนุนในส่วนที่ไม่ขัดต่อระเบียบราชการ เช่น อนุญาตให้ใช้โลโก้เมืองพัทยาในการจัดงาน, การประชาสัมพันธ์กิจกรรมเพื่อสร้างการรับรู้ผ่านช่องทางสื่อสารต่างๆ, การประสานสื่อมวลชนร่วมทำข่าว สำหรับการประชุมหารือในครั้งนี้ทำให้ทราบถึงปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานของทั้งทางมูลนิธิ และเมืองพัทยา ถือเป็นการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องร่วมกัน อย่างไรก็ตาม เมืองพัทยาจะรับเรื่องไว้พิจารณาแนวทางสนับสนุนงบประมาณตามอำนาจหน้าที่ที่สามารถทำได้ภายใต้บริบทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และยินดีให้คำแนะนำแนวทาง หรือการประสานงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินงานของมูลนิธิฯ เป็นไปด้วยดี และสร้างความยั่งยืนในการให้ความช่วยเหลือเด็กๆ ในพื้นที่เมืองพัทยาต่อไป

เมืองพัทยาวางแนวทางดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงระยะยาว

วันที่ 10 ต.ค.67 นายวุฒิศักดิ์ เริ่มกิจการ รองนายกเมืองพัทยา เป็นประธานในการประชุมคณะอนุกรรมการสนับสนุนการจัดบริการดูแลระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง และบุคคลอื่นที่มีภาวะพึ่งพิง ครั้งที่ 1/2568 โดยมีนายศักดิ์ไชย เจริญอยู่คงรอด และ ดร.พิทยา ภิรมย์อ้น ผู้ช่วยเลขานุการนายกเมืองพัทยา พร้อมหัวหน้าส่วนราชการและเจ้าหน้าที่ในชุดคณะอนุกรรมการดังกล่าว เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ที่ห้องประชุมศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี

โดยในที่ประชุมได้มีการรายงานงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพเมืองพัทยา ในส่วนค่าบริการสาธารณสุขสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงและบุคคลอื่นที่มีภาวะพึ่งพิง ประจำปี พ.ศ.2567 และแนวทางบริหารจัดการค่าบริการดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุขสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงและบุคคลอื่นที่มีภาวะพึ่งพิง ที่มีการเปลี่ยนแปลงตามมติบอร์ด สปสช. ซึ่งมีการอนุมัติเพิ่มงบประมาณค่าบริการจากเดิมเหมาจ่ายการดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุขสำหรับผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงในพื้นที่ จากจำนวน 6,000 บาท ต่อคนต่อปี เพิ่มเติมเป็นจำนวน 10,442 บาท ต่อคนต่อปี ซึ่งจะทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีงบประมาณสนับสนุนเพิ่มมากขึ้นในการดูแลผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงในพื้นที่ ทำให้หน่วยบริการสามารถจัดบริการได้ดีขึ้น สามารถจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็นให้กับผู้ป่วย และเพิ่มแรงจูงใจในการดำเนินงานของบุคลากรและอาสาสมัครได้อีกทางหนึ่ง

นอกจากนี้ยังมีการรายงานผลการดำเนินงานโครงการจัดบริการดูแลระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุและบุคคลอื่นที่มีภาวะพึ่งพิงในพื้นที่เมืองพัทยา ประจำปี พ.ศ.2567 และการพิจารณาอนุมัติโครงการจัดบริการดูแลระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุและบุคคลอื่นที่มีภาวะพึ่งพิง ในพื้นที่เมืองพัทยา ประจำปี พ.ศ.2568 ซึ่งพบว่าการดำเนินงานในปีที่ผ่านมามีปัญหาการขาดแคลนบุคลากร และอาสาสมัครที่มาทำหน้าที่นี้ รวมทั้งเวลาไปเยี่ยมแต่ละครั้งจะไม่มีญาติอยู่ด้วย เนื่องจากญาติไปทำงาน ทำให้เวลาสอบถามหรือให้คำแนะนำต่างๆ ญาติจะไม่ได้ฟังด้วย และการพัฒนาความรู้สำหรับอาสาสมัครฯ

ด้านนายวุฒิศักดิ์ เริ่มกิจการ รองนายกเมืองพัทยา ได้กล่าวให้นโยบายในการดำเนินงานการจัดการระบบการดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุขสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงและบุคคลอื่นที่มีภาวะพึ่งพิงในพื้นที่เมืองพัทยา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ว่าการดูแลผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีภาวะพึ่งพิง เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งคณะผู้บริหารเมืองพัทยาให้ความสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกกลุ่มทุกเพศวัยมาโดยตลอด จึงอยากให้คณะอนุกรรมการฯ หาแนวทางในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงฯ และให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องหมั่นดูแลรักษาสุขภาพของตนเองให้มีสุขภาพแข็งแรง เพื่อเป็นตัวอย่างและสร้างแรงจูงใจให้กับประชาชนที่มารับบริการหันมาใส่ใจการดูแลรักษาสุขภาพของตนเองให้มากขึ้น รวมทั้งจัดอบรมพัฒนาทักษะแก่อาสาสมัครฯ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้เกิดการขับเคลื่อนการดำเนินงานที่มีศักยภาพ มีความต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนชาวพัทยามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถเข้าถึงสิทธิการรักษาได้อย่างทั่วถึง และเท่าเทียมต่อไป

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / เปิดแล้ว! ดีพอล ไพรม์มัส ชลบุรี โชว์รูม-ศูนย์บริหารครบวงจร/พัทยาเดินธูปใหญ่รับเทศกาลกินเจ 2567

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 9 ต.ค.67 นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานในพิธีเปิด “ดีพอล ไพรม์มัส ชลบุรี” โชว์รูม-ศูนย์บริหารครบวงจรใหญ่สุดในประเทศไทย เพื่อรองรับเศรษฐกิจขยายตัวในอนาคต โดยมี ประชาสัมพันธ์จังหวัดชลบุรี นายณัฏฐวุฒิ ตั้งคารวคุณ ประธานกลุ่มบริษัท ไพรม์มัส กรุ๊ป และกลุ่มบริษัท ทีโอเอ เวนเจอร์ โฮลดิ้ง (TOAVH) กรรมการผู้จัดการฯ และสื่อมวลชนเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ณ ดีพอล ไพรม์มัส ชลบุรี ริมถนนสุขุมวิท-อ่างศิลา อ.เมือง จ.ชลบุรี

ด้วยจังหวัดชลบุรี เป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูงระดับประเทศ และเป็นเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก EEC ส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมมีโอกาสขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับตลาดรถยนต์โดยรวมของจังหวัดชลบุรีที่มีการขยายตัวมากขึ้น ซึ่งเป็นตลาดใหญ่มียอดจดทะเบียนเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพมหานคร โดย “ไพรม์มัส กรุ๊ป” ได้ต่อยอดกลุ่มธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ โดยเปิด “ดีพอล ไพรม์มัส ชลบุรี” พร้อมกำหนด 3 กลยุทธ์ ดูแลลูกค้าภาคตะวันออก เป็นผู้นำตลาดรถ EV


โดยสถานการณ์ตลาดรถยนต์ในปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จากการพัฒนาเทคโนโลยี และพฤติกรรมของผู้บริโภค “ไพรม์มัส กรุ๊ป” เป็นกลุ่มธุรกิจผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ระดับชั้นแนวหน้า จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อสอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคและตลาดรถยนต์ในปัจจุบัน ควบคู่การรักษาสิ่งแวดล้อม โดยเลือกเป็นพันธมิตรกับแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนที่มีศักยภาพครอบคลุมทุกด้าน ซึ่งได้รับความไว้วางใจและเชื่อมั่นจาก  CHANGAN แบรนด์รถยนต์ชั้นนำ 1 ใน 4 ของจีน และ อีเทอร์นิตี้แอทวัน : Eternity At One บริษัทมืออาชีพด้านการดูแลธุรกิจกลุ่มผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า Deepal แต่งตั้งให้เป็นผู้จำหน่ายรถยนต์ Deepal อย่างเป็นทางการ 
ในพื้นที่กรุงเทพฯ และพื้นที่จังหวัดชลบุรี สำหรับ “ดีพอล ไพรม์มัส ชลบุรี” ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท-อ่างศิลา มีพื้นที่รวมทั้งหมด 6,290 ตร.ม. เป็นโชว์รูมและศูนย์บริการที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยด้านหน้าเป็นโชว์รูมจัดแสดงรถยนต์ Deepal ทุกรุ่น ทุกแบบ และโซนรับรองลูกค้าที่กว้างขวาง สะดวกสบาย รองรับบริการทั้งการขายและบริการหลังการขาย ส่วนอาคารด้านหลัง เป็นศูนย์บริการมาตรฐานครบวงจร มีพื้นที่ร่วม 1,000 ตร.ม. รองรับรถยนต์เข้ารับบริการได้มากถึง 500 คัน/เดือน  โดยมีบริการซ่อมแซม การบำรุงรักษา และการดูแลรถยนต์ Deepal ทุกรุ่น ด้วยบุคลากรที่มีคุณภาพในทุกด้าน


พัทยาเดินธูปใหญ่รับเทศกาลกินเจ 2567  

ค่ำวันที่ 8 ต.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา พร้อมด้วยนายวรพต พงษ์พาลี ดร.พิทยา ภิรมย์อ้น ผู้ช่วยเลขานุการนายกเมืองพัทยา นายบรรลือ กุลละวณิชย์ ประธานสภาเมืองพัทยา และนางจิดาภา สุวัตถาภรณ์ สมาชิกสภาเมืองพัทยา ร่วมพิธีสวดมนต์สะเดาะเคราะห์ต่ออายุ (วันไป๊เต๊า) วันเดินธูปใหญ่ ในเทศกาลกินเจเมืองพัทยา ประจำปี 2567 โดยมีนายวีกิจ มานะโรจน์กิจ นายอำเภอบางละมุง นายวิสิทธิ์ ชวลิตนิติธรรม ประธานมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา นายประสิทธิ์ ทองทิตย์เจริญ ประธานหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา คณะกรรมการมูลนิธิฯ และคณะเก็งจู ร่วมในพิธี ณ มูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา (โรงเจนาเกลือ) ซึ่งมีประชาชนผู้มีจิตศรัทธา ร่วมใส่ชุดขาวเข้าร่วมพิธีจำนวนมาก
สำหรับพิธีสวดมนต์สะเดาะเคราะห์ต่ออายุ (วันไป๊เต๊า) วันเดินธูปใหญ่ ในเทศกาลกินเจนั้น ตามความเชื่อของชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีน เชื่อกันว่าเป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์ เป็นการสรรเสริญและรับพรจากเทพเจ้า 9 พระองค์ อันเป็นภาคหนึ่งของพระพุทธเจ้า 7 พระองค์ และพระโพธิสัตว์ 2 พระองค์ โดยเชื่อว่าเมื่อรับพรจากเทพเจ้าแล้ว จะทำให้จิตใจเบิกบานผ่องแผ้ว มีแต่ความสุข ความเจริญ และเป็นสิริมงคล ซึ่งประชาชนผู้ถือศีลกินเจจะนุ่งขาว ห่มขาวมาร่วมพิธีเป็นจำนวนมากในทุกๆ ปี

ทั้งนี้ ด้วยเมืองพัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีความหลากหลาย เป็นเมืองพหุวัฒนธรรม ที่มีประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ต่างเชื้อชาติ ต่างวัฒนธรรม แต่ก็สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข เมืองพัทยาจึงร่วมกับมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดงานเทศกาลกินเจเมืองพัทยา ประจำปี 2567 ระหว่างวันที่ 2-12 ตุลาคม 2567 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสืบสานวัฒนธรรมอันดีงามของชาวไทยเชื้อสายจีน ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม กระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างรายได้หมุนเวียนให้กับประชาชนในท้องถิ่น และยังเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนละเว้นการบริโภคเนื้อสัตว์ เป็นเวลา 9 วัน ถือเป็นฟื้นฟูสุขภาพและขับสารพิษออกจากร่างกาย อีกทั้งการกินผักจะช่วยให้ระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายทำงานเป็นปกติ ทำให้สุขภาพแข็งแรงอีกทางหนึ่งด้วย

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ธี่หยด 2 ทุบสถิติขึ้น อันดับ1 ภาพยนตร์ไทย ที่มียอดซื้อตั๋ว ล่วงหน้าสูงสุด ทุกโรงวันนี้ ทั่วประเทศแล้ว

แชร์เนื้อหานี้

ใกล้เวลาที่เสียงเพรียกแห่งความหลอน จะสะกดทุกโสตประสาทของคุณแล้ว!!! โดยกระแสตอบรับของภาพยนตร์ “ธี่หยด 2” แรงเกินคาด ทำให้รอบการซื้อตั๋วล่วงหน้าทุบทุกสถิติอย่างราบคาบด้วยยอดถล่มทลายขึ้นเป็นภาพยนตร์ไทยอันดับหนึ่งตลอดกาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และยอดซื้อตั๋วล่วงหน้าในระบบ IMAX ก็เป็นขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของภาพยนตร์ไทยในขณะนี้ รวมถึงยอดซื้อตั๋วล่วงหน้าก็ชนะภาพยนตร์ทุกเรื่องของปีนี้อีกด้วย

ช่อง 3 และ M Studio ร่วมกันจัดงานกาล่าพรีเมียร์เปิดตัวภาพยนตร์ “ธี่หยด 2” อย่างอลังการให้สมการรอคอย ให้ได้ชมกันก่อนจะไปสะพรึงกันแบบเต็ม ๆ ในวันที่ 10 ตุลาคม 2567 โดยงานนี้จัดขึ้น ณ SURALAI HALL ชั้น 7 ICONSIAM เริ่มเดินพรมดำด้วย โปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ คุณแป๊บ ณฤทธิ์ ยุวบูรณ์, ผู้กำกับภาพยนตร์ คุ้ย ทวีวัฒน์ วันทา ที่มาพร้อมวงออร์เคสตราสุดไพเราะจากวาทยกรระดับโลก ทฤษฎี ณ พัทลุง และความมันถึงใจจากวง เดอะ ดาร์กเกสท์ โรแมนซ์ ในเพลง “ไม่เลือนหาย” ตามมาด้วยทีมนักแสดงนำ ณเดชน์ คูกิมิยะ, เดนิส เจลีลชา คัปปุน, จูเนียร์ กาจบัณฑิต ใจดี, เฟรนด์ พีระกฤตย์ พชรบุณยเกียรติ, มิ้ม รัตนวดี วงศ์ทอง, นีน่า ณัฐชา เจสสิก้า พาโดวัน, มีน พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร, อริศรา วงษ์ชาลี ปลาย ปรเมศร์ น้อยอ่ำ, แฉะ องอาจ เจียมเจริญพรกุล, ท็อป ทศพล หมายสุข, แฟรงค์ ธนัตถ์ศรันย์ ซำทองไหล, สหัสชัย ชุมรุม, มานิตา ชอบชื่น และ แม่ครูจำปา แสนพรม

พร้อมด้วยนักแสดงช่อง 3 ที่มาร่วมงาน อาทิ ญาญ่า อุรัสยา, จีน่า ญีนา, แมท ภีรนีย์, ไมกี้ ปณิธาน, ริว วชิรวิชญ์, มีน นิชคุณ, ฟลุ๊คจ์ พงศภัทร์, ยิหวา ปรียากานต์, จ็อบ ธัชพล, ลีน่า ลลินา, เฟิสท์ เอกพงศ์, มิล ศรุต, แคร์ ฉัตรฑริกา, วิปครีม ดิศริญากรณ์, แคนดี้ สุภาภัสสร์, ลิซ่า อลิซา, เอมี่ อุทานพร, นีญ่า มากีลา และ เจน่า แองเจลิน่า ที่มาร่วมสร้างสีสัน

จากนั้น พิธีกร เรียนเชิญผู้บริหาร คุณเทรซีแอนน์ มาลีนนท์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่ม บมจ.บีอีซี เวิลด์ และ คุณสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร M Studio ขึ้นพูดคุยถึงจุดเริ่มต้นของโปรเจ็กต์ภาพยนตร์ “ธี่หยด 2” ในครั้งนี้ ตามมาด้วยทีมโปรดิวเซอร์ คุณแป๊บ ณฤทธิ์ ยุวบูรณ์, ผู้กำกับภาพยนตร์ คุ้ย ทวีวัฒน์ วันทา และทีมโปรดักชั่น พูดคุยถึงความเข้มข้นของการทำงานในภาคนี้ ก่อนจะไปพูดคุยกับทีมนักแสดงนำ ถึงความเดือดที่ครั้งนี้ทุกคนต้องลุกขึ้นมาสู้ผีกันแบบเดือด ๆ

และปิดท้ายด้วยเรียนเชิญ คุณเทรซีแอนน์ มาลีนนท์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่ม บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน), คุณสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร M Studio พร้อมด้วย คุณปิ่นกมล มาลีนนท์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่ม บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน), คุณสมรักษ์ ณรงค์วิชัย รองกรรมการผู้อำนวยการ-สำนักผลิตรายการ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน), คุณนพดล เขมะโยธิน รองกรรมการผู้อำนวยการ-สำนักการเงินและบัญชี บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน), คุณสุบัณฑิต สุวรรณนพ รองกรรมการผู้อำนวยการ สำนักผังรายการ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน), คุณภาศรี ทรรพสุทธิ รองกรรมการผู้อำนวยการ สำนักการพานิชย์ บริษัท บีอีซีเวิลด์ จำกัด (มหาชน), คุณชาคริต ดิเรกวัฒนชัย รองกรรมการผู้อำนวยการ สำนักกิจการและสื่อสารองค์กร บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน), ดร.วุธรวี จารุวัฒนะ Vice President บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด มหาชน, คุณวิชัย กุลธวัชชัย
ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด


บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน), คุณสุพรรณิการ์ เจียจันทร์พงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด M Studio, คุณปัณณทัต พรหมสุภา ผู้อำนวยการฝ่ายจัดจำหน่าย M Studio และผู้บริหารจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), ไทยประกันชีวิต, เซเว่นอัพ, ปูนตราเสือ และ HOBS พันธมิตรผู้สนับสนุนภาพยนตร์เรื่องนี้ ขึ้นเวทีถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก ก่อนไปชมภาพยนตร์ร่วมกัน

เรื่องราว 3 ปีหลังการตายของ ‘แย้ม’ จะทำให้ทุกคืนต้องสะพรึงอย่างไร 10 ตุลาคมนี้ ไปพิสูจน์กันได้ ในโรงภาพยนตร์ใกล้บ้านคุณ พร้อมระบบ IMAX ที่ให้ผู้ชมได้สะพรึงเต็มตา กับการถ่ายทำด้วยสัดส่วนภาพพิเศษ เต็มจอ IMAX ตลอดทั้งเรื่อง และยังมิกซ์เสียงให้ได้หลอนกระหึ่มเต็มหู ในรูปแบบ IMAX ใหม่ล่าสุดแบบ 12-Channel ระบบเสียงรอบทิศทางยิ่งกว่าเดิม ถือเป็นการยกระดับวงการภาพยนตร์ไทยไปอีกขั้น กับ ธี่หยด 2 หนังไทยเรื่องแรกและเรื่องเดียวที่จัดเต็มครบอรรถรส ทั้งภาพและเสียง บนจอยักษ์ IMAX สัมผัสประสบการณ์หลอนกว่าที่เคย!

Link YouTube ตัวอย่างภาพยนตร์ ธี่หยด 2 :
https://youtu.be/ZCEuUcE9oZw?si=7AZWr0n3yZ3txoQQ