คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าว

สื่อรัฐทีวี-สื่รัฐนิวส์ / พบสวนเกษตร 8 ไร่ ของสีกาเตยคนสนิททิดแย้มในเมืองมุกดาหาร ชาวบ้านยันไม่ใช่รีสอร์ท – แหล่งฟอกเงินจากวัดไร่ขิง/ตม.นครพนม ลงพื้นที่ตรวจเข้มยาเสพติด – แรงงานต่างด้าว ในร้านอาหาร-คาราโอเกะ

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดมุกดาหารถึงกรณีที่มีข่าวว่า สีกาเตย หรือ “ช่อฟ้า ใบเตย” หนึ่งในคนสนิทของทิดแย้มอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง จ.นครปฐม นำเงินที่ได้มาจากการทำบุญ – บริจาค ในวัดไร่ขิงมาสร้างรีสอร์ทและฟอกเงินในจังหวัดมุกดาหาร นั้น มีสถานที่ซึ่งสีกาเตยเป็นเจ้าของอยู่ในชุมชนบ้านนาเตย ตำบลคำอาฮวน อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร

โดยมีลักษณะเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมกึ่งบ้านสวน โดยใช้ชื่อว่า “บ้านสวนเกษตรช่อฟ้า ใบเตย” มีเนื้อที่ประมาณ 8 ไร่ ภายในประกอบด้วยอาคารหลังใหญ่และหลังเล็กประมาณ 10 กว่าหลัง ขณะที่ผู้สื่อข่าวเดินทางไปถึงพบว่าประตูรั้วถูกปิดโดยมีโซ่คล้องและล็อคกุญแจไว้ มีป้ายติดไว้ที่รั้วว่า “พื้นที่ส่วนบุคคลห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาต ระวังสุนัขดุ”

นายประยงค์ (ขอสงวนนามสกุล) ชาวบ้านที่มีที่ดินติดกัน เปิดเผยว่า ปกติที่บ้านสวนเกษตรข่อฟ้า ใบเตย จะมีคนพักอาศัยอยู่ในที่ดิน 4 คน คือ แม่ของสีกาเตยกับสามี และคนสวนอีก 2 คน แต่ขณะนี้ทราบว่าแม่ของสีกาเตยไม่ได้อยู่โดยกลับไปบ้านที่สุโขทัยได้ประมาณ 3-4 เดือนแล้ว

ส่วนที่มีข่าวว่าเป็นรีสอร์ทและที่ฟอกเงินของสีกาเตยนั้น ตนเห็นว่าไม่เป็นความจริง โดยสถานที่ดังกล่าวเป็นเพียงบ้านพักธรรมดาไม่มีลักษณะการตกแต่งหรูหราที่จะบ่งชี้ว่าเป็นรีสอร์ท ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านน็อคดาวน์ที่สีกาเตยเป็นผู้ซื้อมาปลูกสร้างบนที่ดิน ซึ่งก่อนหน้านี้ตนก็เคยเข้าไปกราบสักการะองค์หลวงพ่อวัดไร่ขิงจำลอง และท้าวเวสสุวรรณ ซึ่งประดิษฐานอยู่ภายในบ้านสวนดังกล่าว

โดยบ้านพักภายในสวนก่อนหน้านี้จะใช้สำหรับให้ทิดแย้มอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง พระภิกษุและคณะ ใช้เป็นที่พำนักในระหว่างที่เดินทางมาตรวจเยี่ยมโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ในพื้นที่ภาคอีสานตอนบน

ซึ่งจะมีอาคารขนาดใหญ่ประมาณ 5 หลัง และอาคารขนาดเล็กที่เป็นบ้านน็อคดาวน์ประมาณ 8 หลัง ส่วนที่ดินแถวนี้จะมีราคาอยู่ที่ประมาณไร่ละ 160,000 บาท ซึ่งเมื่อรวมมูลค่าทั้งหมดแล้วก็ไม่น่าจะเกิน 4-5 ล้านบาท

“ส่วนจะเคยมีการนำตู้เซฟขนาดใหญ่สำหรับใช้เก็บเงินสดนับร้อยล้านบาทที่ยักย้ายถ่ายเทมาจากวัดไร่ขิงนำมาไว้ภายในบ้านสวนเกษตรช่อฟ้า ใบเตย หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบเพราะไม่เคยเห็น ตอนตนเข้าไปก็เห็นมีเพียงแต่ตู้ใบเล็กๆ เท่านั้น ผมไม่เชื่อว่าจะเป็นสถานที่เก็บเงินเก็บหรือทรัพย์สมบัติอะไรที่ยักย้ายถ่ายเทมาจาก วัดไร่ขิง” นายประยงค์กล่าว

ภาพ/​ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

ตม.นครพนม ลงพื้นที่ตรวจเข้มยาเสพติด – แรงงานต่างด้าว ในร้านอาหาร-คาราโอเกะ

เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.ภัทรพงศ์ อินวรรณา ผกก.ตม.จว.นครพนม พร้อมด้วย พ.ต.ท.สุภมิตร กะตะศิลา รอง ผกก.ตม.จว.นครพนม และ

พ.ต.ท.เกียรติคุณ ดวงแก้ว สว.ตม.จว.นครพนม ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนตรวจคนเข้าเมืองบูรณาการร่วมกับ สภ.หนองบ่อ อ.นาแก จ.นครพนม ออกตรวจสอบสถานประกอบการ ร้านอาหาร และร้านคาราโอเกะ จำนวน 8 แห่ง ในพื้นที่อำเภอนาแก

จากการตรวจสอบพบแรงงานต่างด้าวสัญชาติลาวทั้งหมดมีใบอนุญาตทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และได้มีการตรวจคัดกรองสารเสพติดในร่างกาย

แรงงานกลุ่มดังกล่าว ไม่พบสารเสพติดแต่อย่างใด รวมถึงไม่พบพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ การค้าประเวณี หรือความผิดอื่น ๆ

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการกรอกแบบฟอร์ม ตม.6 (TM6) แบบดิจิทัล (TDAC) ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้าประเทศไทยสำหรับชาวต่างชาติทั้งทางอากาศ ทางบก และทางน้ำ

ตมนครพนม เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / กฟก.น่าน จับมือ ธ.ก.ส.ทำเอกสารรับรองสิทธิเกษตรกร ร่วมโครงการปรับโครงสร้างหนี้ฯ ลดเงินต้นเหลือ 50 % ตามมติ ครม.

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 22 พฤษภาคม 2568 เวลา 09.00 น. นางณัติกานต์ บุญเจริญ หัวหน้าสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดน่าน ดำเนินการประชุมชี้แจงและจัดทำเอกสารประกอบการทำสัญญาตามโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ลูกหนี้ธนาคารของรัฐ 4 แห่ง ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2567 และวันที่ 8 เมษายน 2568 สถาบันเจ้าหนี้ ธ.ก.ส. ณ ห้องประชุมพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดน่าน

โดยมีนายยงยุทธ อินทชาติ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบริหารจัดการคุณภาพหนี้ นายวิสูตร ธนะขว้าง ผู้จัดการศูนย์จัดการคุณภาพหนี้น่าน 2 นายอดิศักดิ์ กุลสุ ผู้จัดการศูนย์จัดการคุณภาพหนี้ น่าน 1 นายสนิท มณเฑียร รองประธานอนุกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรจังหวัดน่าน คนที่ 2 นางณัฐริกา จารุโชติรสสกุล นางฐิติภา ทรัพย์โชคเจริญ และนายสมบูรณ์ ขอคำ อนุกรรมการฯ จังหวัดน่าน ร่วมดำเนินการด้วย

ทั้งนี้ขั้นตอนการดำเนินการร่วมกับธนาคารของรัฐ 4 แห่ง กรณีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ให้สำนักงานสาขาจังหวัดส่งมอบสำเนาแบบ ปคน.1 หรือ แบบ ปคน.2 และแบบ ผค.1/4 ให้กับเกษตรกรแต่ละราย เพื่อใช้เป็นเอกสารในการดำเนินการทำสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับธนาคารซึ่งธนาคารจะดำเนินการทำสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้กับเกษตรกร

ในส่วนของจังหวัดน่าน สำนักงาน กฟก.สาขาจังหวัดน่าน และ ฝ่ายบริหารจัดการคุณภาพหนี้ ธ.ก.ส.จังหวัดน่านได้กำหนดแผนปฎิบัติการในการจัดทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ฯให้เกษตรกร จำนวน 286 ราย เริ่มตั้งแต่วันที่ 23-25 พฤษภาคม 2568 โดยไม่เว้นวันหยุดราชการ

“โดยเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคารฯ ธ.ก.ส. และให้ผ่อนชำระเงินต้นคงค้างครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ 50) ตามระยะเวลาที่ตกลงกันแต่ไม่เกิน 15 ปี โดยไม่เสียดอกเบี้ย สำหรับการชดเชยเงินต้นร้อยละ 50 และดอกเบี้ยในส่วนที่เกษตรกรไม่ต้องรับภาระ และค่าใช้จ่ายต่างๆ รัฐบาลจะรับภาระจัดสรรชดเชยให้กับธนาคารฯ เมื่อเกษตรกรได้ชำระหนี้งวดสุดท้ายเสร็จสิ้นแล้ว”/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนขังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / “ศูนย์คุณธรรมเปิดเวทีเสริมพลังเครือข่าย จัดตั้งศูนย์ประสานงานเครือข่ายคุณธรรม Moral Network Center (MNC)”

แชร์เนื้อหานี้

22 พฤษภาคม 2568 ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการแกนนำจัดตั้งศูนย์ประสานงานเครือข่ายคุณธรรม Moral Network Center (MNC) โดยได้รับเกียรติ

จาก รศ. นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม ร่วมบรรยายพิเศษในหัวข้อ “พลังเครือข่ายทางสังคม กับการขับเคลื่อนการพัฒนาคุณธรรมของสังคมไทย” ณ ห้องสุวิทย์ศักดานนท์ โรงแรม ทีเค.พาเลซ แอนด์ คอนเวนชั่น ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร


ในการนี้ รศ. นพ.สุริยเดว กล่าวถึงการขับเคลื่อนการพัฒนาคุณธรรมในสังคมไทยว่า เครือข่ายทางสังคมของแต่ละจังหวัดมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการบูรณาการการดำเนินงานด้านคุณธรรม ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม โดยศูนย์คุณธรรมสนับสนุนและผลักดันการจัดตั้งศูนย์ประสานงาน

เพื่อให้เกิดการส่งเสริมและขับเคลื่อนคุณธรรมภายในจังหวัดอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ซึ่งศูนย์ประสานงานเครือข่ายคุณธรรมจะเป็นจุดเริ่มต้นที่มั่นคงและแข็งแกร่งในการวางรากฐานและต่อยอดการพัฒนาคุณธรรม ในสังคมไทยอย่างยั่งยืน
ภาพ/ข่าว: กลุ่มงานสื่อสารและรณรงค์ทางสังคมบุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

ศูนย์คุณธรรม #ทำดีไม่ต้องเดี๋ยว #คนดีมีพื้นที่ยืน #ความดีมีพื้นที่ในสังคม #กระทรวงวัฒนธรรม

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
🌐 Facebook : ศูนย์คุณธรรม Moral Center Thailand
🎥 YouTube : Moral Channel

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ฟ้าพิโรธ ผ่าเปรี้ยงผู้ใหญ่บ้านน้ำดี ขณะออกไปหว่านข้าวกลางทุ่งนาดับสลด ลูกเล่า นาทีฟ้าลงกลางลำตัวพ่อล้มทั้งยืน

แชร์เนื้อหานี้

***ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 21 พ.ค. 68 เกิดเหตุฟ้าผ่า นายคำดี พันธ์แก่น อายุ 55 ปี ผู้ใหญ่บ้านลมศักดิ์ ตำบลลมศักดิ์ อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ หลังออกไปหว่านข้าวที่นาบ้านยาง หมู่ 7 ตำบลลมศักดิ์ อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยลูกชาย และญาติๆ ต่างช่วยกันอุ้มร่างผู้มใหญ่บ้านขึ้นมาจากนา และรีบนำส่งโรงพยาบาล แต่ในเวลา 21.00 น. ของวันที่ 21 พ.ค. 68 ปาฏิหาริย์ก็ไม่มามีอยู่จริง นายคำดี พันธ์แก่น ผู้ใหญ่บ้านลมศักดิ์ ก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา

***ล่าสุดวันที่ 22 พ.ค. 68 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่บ้าน นายคำดี พันธ์แก่น อายุ 55 ปี ผู้ใหญ่บ้านลมศักดิ์ (ผู้เสียชีวิต) โดยช่วงเช้าญาติได้นำร่าง ผู้ใหญ่บ้านลมศักดิ์ (ผู้เสียชีวิต) กลับมาบำเพ็ญกุศลตามประเพณีที่บ้านเกิด โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยตวามโศกเศร้า

***นายวรพงษ์ พันธ์แก่น อายุ 33 ปี เปิดเผยว่า ตนเป็นลูกชายคนโตของผู้ตาย วันเกิดเหตุตนและพ่อออกไปทำนาหว่านข้าวพร้อมกับพี่ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องอีกคนหนึ่ง รวมเป็น 3 คน ตอนเกิดเหตุฝนกำลังตกลินๆ ตนก็นั่งหลบฝนอยู่ใต้ต้นไม้ แต่พ่อของตน (ผู้ตาย) กำลังหว่างข้าวอยู่กลางทุ่งนา อยู่ๆตนก็ได้ยินเสียงดังปั้ง จังหวะนั้นตนหันไปหาพ่อพอดี ก็เห็นพ่อล้มทั้งยืนนอนแน่นิ่งอยู่กลางทุ่งนา ตนกับลูกพี่ลูกน้องต่างช่วยกันอุ้มร่างพ่อขึ้นมาจากนา ก่อนจะได้เรียกให้คนแถวนั้นช่วย และรีบนำพ่อส่งโรงพยาบาลไพรบึงในเวลาต่อมา

***ด้าน นาย…… เล่าให้ฟังว่า ตนเป็นหลานของผู้ตาย วันนั้นตนทำหน้าที่ขับรถไถปั่นนาให้ผู้ตาย ยังหวะที่ตนกำลังนั่งขับรถไถอยู่นั้นตนเห็นฟ้าผ่าลงมาใส่ผู้ตายอย่าจัง ตอนนั้นตนตกใจมากรีบเรียกลูกชายคนตายให้เข้าไปช่วย ก่อนจะช่วยกันอุ้มผู้ตายขึ้นมาจากนาแล้วเรียกรถโรงพยาบาลให้มาช่วยดังกล่าว

***ขณะที่นายสมยศ วงษ์ปลั่ง อายุ 58 ปี กำนันตำบลลมศักดิ์ เปิดเผยว่า ผู้ตายจะเป็นคนใจดี มีน้ำใจ และถือเป็นผู้ใหญ่บ้านน้ำดีคนหนึ่ง ที่ทำงานเก่ง ชอบอาสาช่วยเหลือลูกบ้านช่วยเหลือสังคม และถือเป็นผู้ใหญ่คนแรกที่ตนคิดถึงและจะมอบหมายงานให้ไปทำงานแทน โดยผู้ใหญ่บ้าน คำดี (ผู้ตาย) ได้รับตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่ได้ 6 ปี ก่อนหน้านี้เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน มากว่า 20 ปี เป็นที่รักของลูกบ้าน และเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงานมาโดยตลอด ทั้งนี้จากเหตุการณ์ดังกล่าว ตนก็อยากจะขอฝากเตือนชาวบ้าน เกษตรกร ที่ออกไปทำนา ทำสวน ช่วงฤดูฝน ขอให้ระมัดระวังฟ้าฝนด้วย ถ้ามีฝนฟ้าตกขอให้ไปหลบในที่ปลอดภัยหรือรีบกลับบ้าน ไม่ให้สวมใส่เครื่องประดับหรือสิ่งล่อฟ้า ระวังเพื่อจะได้ไม่เกิดเหตุการณ์สลดแบบนี้ขึ้นอีก
ภาพ/ข่าว วนิดา,ชาญฤทธิ์

filter: 0; fileterIntensity: 0.0; filterMask: 0; captureOrientation: 0; hdrForward: 0; highlight: true; algolist: 0; multi-frame: 1; brp_mask:0; brp_del_th:null; brp_del_sen:null; delta:null; bokeh:0; module: photo;hw-remosaic: false;touch: (-1.0, -1.0);sceneMode: 2621440;cct_value: 0;AI_Scene: (-1, -1);aec_lux: 0.0;aec_lux_index: 0;HdrStatus: auto;albedo: ;confidence: ;motionLevel: 0;weatherinfo: null;temperature: 37;

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ปศุสัตว์ชุมพรร่วมผลักดัน ตรวจโรงงานเพื่อ ติดตามด้านฮาลาลจากหน่วยงาน EIAC แห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หรือ UAE

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 21 พฤษภาคม 2568 เวลา 08.30-16.30 น. สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดชุมพร โดย นายสัตวแพทย์เดชา จิตรภิรมย์ ปศุสัตว์จังหวัดชุมพร ได้มอบหมาย นายสัตวแพทย์พิชัย โพธิ์กระสังข์ นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มพัฒนาสุขภาพสัตว์ ซึ่งเป็นพนักงานตรวจโรคประจำโรงงานฯ เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์พ.ศ 2559 และเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ 2558 ร่วมตรวจโรงงานฆ่าสัตว์เพื่อการส่งออกของ บริษัท ดีแอนด์แซด คอนซัลแตนท์ จำกัด เลขที่ 262 หมู่ 7 ถนนเพชรเกษม ตำบลสลุย อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร

ในการตรวจติดตามครั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่ในส่วนของกรมปศุสัตว์เข้าร่วมตรวจ ได้แก่นายสัตวแพทย์วินัย กาญจนมาลา นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่เป็นสัตวแพทย์ประจำโรงงานและดำรงตำแหน่งหัวหน้าสายกลุ่มตรวจสอบมาตรฐานด้านการปศุสัตว์ นายสัตวแพทย์มาลิก อับดุลบุตร นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ นายสัตวแพทย์รฐนนท์ เข็มแก้ว นายสัตวแพทย์ประจำกลุ่มงานฯพร้อมเจ้าหน้าที่ กลุ่มพัฒนาสินค้าปศุสัตว์ฮาลาล สำนักพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าปศุสัตว์ กรมปศุสัตว์การตรวจติดตามด้านฮาลาลจากหน่วยงาน EIAC แห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ณ สถานประกอบการโรงเชือด บริษัท ดีแอนด์แซด คอนซัลแตนท์ จำกัด ตำบลสลุย อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร
สถานประกอบการโรงเชือดของ บริษัท ดีแอนด์แซด คอนซัลแตนท์ จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ที่ ตำบลสลุย อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร มีกำหนดการให้การต้อนรับคณะผู้แทนจาก หน่วยงาน EIAC (Emirates International Accreditation Centre) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับและรับรองมาตรฐานด้านฮาลาลของรัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เพื่อดำเนินการตรวจติดตามระบบงานด้านฮาลาลร่วมกับ หน่วยงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย (CICOT)

การลงพื้นที่ตรวจติดตามในครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายสำคัญ ดังต่อไปนี้ 1. ตรวจสอบกระบวนการผลิตและการดำเนินงานภายในโรงเชือด ว่ามีความสอดคล้องกับหลักเกณฑ์และข้อกำหนดของศาสนาอิสลามตามมาตรฐานฮาลาลสากล 2. ประเมินการควบคุมคุณภาพด้านฮาลาล ทั้งในด้านวัตถุดิบ กระบวนการเชือด การจัดการหลังการผลิต รวมถึงระบบการบริหารจัดการภายในสถานประกอบการ 3. รับรองความน่าเชื่อถือของใบรับรองฮาลาลของ CICOT สำหรับการส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง โดยเฉพาะ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) 4. ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างหน่วยงานไทยและนานาชาติ เพื่อยกระดับมาตรฐานฮาลาลของประเทศไทยให้เป็นที่ยอมรับในตลาดโลก

การเข้าร่วมตรวจติดตามของ EIAC ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันให้ประเทศไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดชุมพร มีโอกาสขยายตลาดผลิตภัณฑ์ฮาลาลไปยังประเทศในกลุ่มอ่าวอาหรับ ซึ่งมีความต้องการสินค้าฮาลาลคุณภาพสูงเป็นจำนวนมาก และในขณะเดียวกัน ยังเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศว่าผลิตภัณฑ์จากประเทศไทยมีคุณภาพ ปลอดภัย และปฏิบัติตามหลักศาสนาอิสลามอย่างเคร่งครัด

หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรศาสนา จึงมีบทบาทร่วมกันในการส่งเสริมและสนับสนุนให้การตรวจติดตามครั้งนี้เป็นไปอย่างเรียบร้อย สะท้อนถึงศักยภาพของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางผลิตภัณฑ์ฮาลาลระดับภูมิภาค หน่วยงานฮาลาล EIAC และ CICOT ต่างเป็นองค์กรที่มีบทบาทในการรับรองและกำกับมาตรฐานฮาลาลในแต่ละประเทศ โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1. EIAC (Emirates International Accreditation Centre) สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) คืออะไร EIAC เป็นหน่วยงานภายใต้รัฐบาลดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีหน้าที่รับผิดชอบการให้การรับรองระบบงาน (Accreditation) กับหน่วยงานที่ออกใบรับรองมาตรฐานต่าง ๆ รวมถึงมาตรฐานฮาลาล

ให้การรับรอง (Accreditation) กับหน่วยงานหรือองค์กรที่ออกใบรับรองฮาลาล เช่น สถาบันฮาลาลในประเทศต่าง ๆ ที่ต้องการส่งออกไป UAE กำหนดแนวทางและควบคุมคุณภาพมาตรฐานฮาลาลตามข้อกำหนดสากลและข้อกำหนดเฉพาะของอิสลามใน UAE ประสานงานกับ GSO (Gulf Standardization Organization) และหน่วยงานอื่น ๆ ในการกำหนดมาตรฐานฮาลาลในภูมิภาคอ่าวอาหรับ สนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจฮาลาลและความมั่นใจของผู้บริโภคในผลิตภัณฑ์ฮาลาล2. CICOT (The Central Islamic Council of Thailand – คณะ

กรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย) คืออะไร: CICOT คือองค์กรอิสลามสูงสุดของประเทศไทยที่มีหน้าที่หลักในการดูแลกิจการศาสนาอิสลาม รวมถึงการรับรองฮาลาลในประเทศ บทบาทหน้าที่ ออกใบรับรองฮาลาลให้แก่ผลิตภัณฑ์ อาหาร เครื่องดื่ม ยา และเครื่องสำอางในประเทศไทยควบคุม กำกับ ตรวจสอบ และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการผลิตที่สอดคล้องตามหลักศาสนาอิสลาม ให้การรับรองโรงฆ่าสัตว์และกระบวนการผลิตอาหารที่เป็นฮาลาล ส่งเสริมความรู้และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรฐานฮาลาลแก่ผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไป ประสานงานกับหน่วยงานต่างประเทศ เช่น EIAC หรือ JAKIM (มาเลเซีย) เพื่อยอมรับใบรับรองฮาลาลของไทยในตลาดโลก บทบาทและการสนับสนุนของ กรมปศุสัตว์ ต่อการตรวจติดตามด้านฮาลาล (Audit) ของหน่วยงาน CICOT (คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย) และ EIAC (Emirates International Accreditation Centre) แห่ง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ณ สถานประกอบการโรงเชือด บริษัท ดีแอนด์แซด คอนซัลแตนท์ จำกัด ตำบลสลุย อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ในวันที่ 21 พฤษภาคม 2568
บทบาทและการสนับสนุนของกรมปศุสัตว์

  1. การตรวจติดตาม สนับสนุนด้าน บุคลากรและผู้เชี่ยวชาญ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน จัดการเรื่อง ความปลอดภัยและการรักษาสุขอนามัย ระหว่างการตรวจ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล อำนวยความสะดวกในการ นำชมสถานประกอบการ พร้อมให้ข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการผลิตและมาตรการควบคุมคุณภาพ 4. การสนับสนุนหลังการตรวจติดตาม หากพบข้อบกพร่องหรือข้อเสนอแนะจากหน่วยงาน EIAC หรือ CICOT กรมปศุสัตว์จะช่วย วิเคราะห์ปัญหา และเสนอแนวทางแก้ไขเพื่อปรับปรุงมาตรฐาน 5. สนับสนุนการส่งออกผลิตภัณฑ์จากประเทศไทย ไปยังตลาดประเทศมุสลิม โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์จากสัตว์ (เช่น เนื้อวัวหรือเนื้อไก่) ที่ต้องได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่ UAE ให้การยอมรับ จัดอบรมและให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ การปฏิบัติตามมาตรฐานฮาลาล สำหรับเจ้าหน้าที่ของโรงเชือด
  1. การเตรียมความพร้อมของสถานประกอบการโรงเชือด กรมปศุสัตว์ให้คำแนะนำในการ พัฒนามาตรฐานการผลิต เนื้อสัตว์ตามหลักฮาลาล เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของทั้ง CICOT และ EIAC จัดทีมสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับ การปฏิบัติงานในโรงเชือด ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ตรวจสอบความพร้อมของ ระบบการผลิต การจัดการสุขอนามัย และการควบคุมโรค ในโรงเชือดก่อนการตรวจติดตาม 2. การประสานงานกับหน่วยงาน CICOT และ EIAC กรมปศุสัตว์ทำหน้าที่เป็น ผู้ประสานงานหลัก ระหว่างโรงเชือดกับหน่วยงาน CICOT และ EIAC เพื่อ อำนวยความสะดวกในการตรวจติดตาม ร่วมจัดเตรียม เอกสารและข้อมูล ที่เกี่ยวข้อง เช่น ใบรับรองสุขอนามัย ใบรับรองมาตรฐานฮาลาล และข้อมูลด้านการผลิต 3. การอำนวยความสะดวกในขั้นตอน

ความสำคัญของความร่วมมือระหว่างกรมปศุสัตว์, CICOT และ EIAC การตรวจติดตามครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากจะเป็น การยืนยันมาตรฐานฮาลาล ของโรงเชือด เพื่อรองรับ การส่งออกผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ไปยัง UAE และกลุ่มประเทศมุสลิมอื่น ๆ ความร่วมมือระหว่างกรมปศุสัตว์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะช่วยให้สถานประกอบการสามารถ รักษามาตรฐานการผลิต และ สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค ในระดับนานาชาติ ส่งเสริมภาพลักษณ์ของ ประเทศไทยในฐานะผู้ผลิตเนื้อสัตว์คุณภาพสูง ที่สอดคล้องกับข้อกำหนดด้านศาสนาและมาตรฐานสากล กรมปศุสัตว์มีบทบาทสำคัญในการ ส่งเสริมและสนับสนุนมาตรฐานฮาลาล ของโรงเชือดในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเตรียมความพร้อม รองรับการตรวจติดตามจากหน่วยงานระดับนานาชาติ อย่าง EIAC ซึ่งจะช่วยยกระดับการผลิตเนื้อสัตว์ไทยสู่ ตลาดตะวันออกกลางและประเทศมุสลิม ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

ธนากร โกศลเมธี ภาพ/ข่าว รายงาน 0818923514

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / “ทรงสิทธา จันทรา” ขับเคลื่อนความร่วมมือโครงการ “ชีวิตใหม่” ตั้งศูนย์บำบัดยาเสพติดอย่างครบวงจร

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 19 พฤษภาคม 2568 – ณ อุทยานวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการ “ชีวิตใหม่” เพื่อจัดตั้งศูนย์บำบัดและฟื้นฟูผู้ติดสารเสพติดอย่างครบวงจร โดยมี 4 หน่วยงานหลักเข้าร่วม ได้แก่ สมาคมแพทย์อาสา (พ.อ.ส.) หน่วยแพทย์อาสา (พ.อ.ส.) มูลนิธิร่มเกล้าเยาวชนในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร และบริษัท อินโนเวชั่นเซ็นเตอร์ 360 จำกัด

นายทรงสิทธา จันทรา ที่ปรึกษาโครงการฯ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนความร่วมมือนี้ กล่าวอย่างชัดเจนถึงเจตนารมณ์ของโครงการว่า
“หน่วยแพทย์อาสาฯ พร้อมด้วยบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ จะเป็นกำลังหลักในการให้บริการทางการแพทย์และจิตเวชแก่ผู้เข้ารับการบำบัด โดยยึดมั่นในมาตรฐานวิชาชีพและหลักการดูแลแบบองค์รวม”
พร้อมระบุว่า หน่วยงานจะดำเนินงานด้วยแนวทางที่ผสมผสานทั้งการแพทย์แผนปัจจุบันและแผนไทย เพื่อให้ผู้เข้ารับการบำบัดสามารถฟื้นฟูได้ทั้งร่างกาย จิตใจ และสังคมอย่างยั่งยืน

ดร.เอกณัฏฐ์ เรืองเดชธนาวุฒิ นายกสมาคมแพทย์อาสา (พ.อ.ส.) กล่าวว่า การผนึกกำลังในครั้งนี้จะเป็นกลไกสำคัญในการขยายโอกาสการเข้าถึงการรักษาที่มีคุณภาพ พร้อมเปิดเผยถึงความร่วมมือกับ Genetica Life Ai บริษัทนวัตกรรมระดับโลก ในการนำเทคโนโลยีการตรวจยีนระดับความแม่นยำ 99.9% มาใช้คัดกรองกลุ่มผู้ติดยาเสพติดที่ด้อยโอกาส เพื่อให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสมกับพันธุกรรมรายบุคคลอย่างแท้จริง

ด้าน ดร.สมโชค จันทร์ทอง กรรมการผู้ดูแลโครงการฯ จากมูลนิธิร่มเกล้าเยาวชนฯ กล่าวว่า มูลนิธิมุ่งหวังให้โครงการนี้เป็นกลไกเสริมสร้างภูมิคุ้มกันแก่เยาวชน และเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคม

ในขณะที่ นายธนาพัฒน์ เสถียรจารุพงศา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อินโนเวชั่นเซ็นเตอร์ 360 จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ มีความภาคภูมิใจที่ได้นำนวัตกรรมมาใช้สนับสนุนการบำบัดและฟื้นฟู เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษา

ศูนย์บำบัดที่กำลังจัดตั้งเบื้องต้นจะตั้งอยู่ที่ ภูมิรเวชคลินิก การแพทย์แผนไทย วัดจันทร์บางกรวย จ.นนทบุรี โดยจะให้บริการแบบไม่พักค้างคืน ครอบคลุมตั้งแต่การวินิจฉัย รักษา ฟื้นฟูทางร่างกายและจิตใจ รวมถึงฝึกทักษะอาชีพ และมีระบบติดตามผลหลังการรักษา เพื่อให้ผู้ผ่านการฟื้นฟูสามารถกลับสู่สังคมได้อย่างมีศักดิ์ศรีและพึ่งพาตนเองได้

พิธีลงนามในวันนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมืออันสำคัญ ที่ทุกภาคส่วนมุ่งมั่นจะผลักดันให้โครงการ “ชีวิตใหม่” กลายเป็นต้นแบบของการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืนในระดับประเทศ

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ครบรอบ 102 ปี ร่วมรำลึกวันอาภากร พิธีทางศาสนา บวงสรวง ในงานรำลึกวันสิ้นพระชนม์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ณ สวนอาภากรเกียรติวงศ์ เทศบาลเมืองชุมพร

แชร์เนื้อหานี้

วันนี้ (19 พ.ค. 68) เวลา 08.30 น. ณ สวนอาภากรเกียรติวงศ์ (สวนสาธารณะเทศบาลเมืองชุมพร) นายสุพจน์ บุปผา ปลัดเทศบาลเมืองชุมพร ปฏิบัติหน้าที่ นายกเทศมนตรีเมืองชุมพร เป็นประธานในพิธีทางศาสนาและพิธีบวงสรวงเนื่องในงานรำลึกวันสิ้นพระชนม์ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์

กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ร่วมด้วย นายเจริญ โพธิ์ศรีทอง รองปลัดเทศบาลเมืองชุมพร หัวหน้าส่วนการงาน พนักงานเทศบาล พนักงานครู และพนักงานจ้างเทศบาลเมืองชุมพร กลุ่มพัฒนาสตรีเทศบาลเมืองชุมพร พร้อมด้วย ชุมชนและกลุ่มต่างๆ ร่วมประกอบพิธีทางศาสนา พิธีวางพวงมาลา พิธีบวงสรวงดวงพระวิญญาณฯ การกล่าวสดุดีเทิดพระเกียรติฯ และรำบวงสรวง โดยกลุ่มพัฒนาสตรีเทศบาลเมืองชุมพร

พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ประสูติเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2423 ทรงเป็นพระเจ้าลูกยาเธอในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเจ้าจอมมารดาโหมด ในปีพุทธศักราช 2439 เสด็จไปศึกษาวิชาการทหารเรือ ณ ประเทศอังกฤษ ตลอดระยะเวลาที่พระองค์ทรงศึกษาอยู่นั้น ได้มีพระวิริยะอุตสาหะจนผลการศึกษาปรากฏอยู่ในขั้นดีเยี่ยม

และมีพระจริยวัตรที่งดงามเป็นที่รักใคร่ของ ครู อาจารย์ เป็นที่ยอมรับนับถือของชาวอังกฤษที่ได้ศึกษาอยู่ในคราวเดียวกัน เมื่อทรงสำเร็จการศึกษาเป็นนายทหารสัญญาบัตร ในราชนาวีอังกฤษแล้ว ได้เสด็จกลับเข้ารับราชการในกระทรวงทหารเรือ ในปีพุทธศักราช 2443 รับพระราชทานยศเป็น “นายเรือโทผู้บังคับการ” ในตำแหน่ง นายธงผู้บัญชาการกรมทหารเรือ ปีพุทธศักราช 2448 ทรงดำรงตำแหน่ง เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ ได้ทรงปรับปรุงการศึกษาของโรงเรียนนายเรือให้เจริญก้าวหน้ามากขึ้น

ทำให้ทหารเรือไทยมีความรู้ ความชำนาญ สามารถเป็นครู และเป็นผู้บังคับบัญชาได้โดยไม่ต้องพึ่งพาชาวต่างประเทศ ในปีต่อมาทรงมีพระดำริในการจัดตั้งโรงเรียนนายช่างกล เพื่อรับผิดชอบเครื่องจักรในเรือ และในโรงงานบนบกแทนชาวต่างประเทศที่จ้างไว้ในปีพุทธศักราช 2450 ทรงเป็นผู้บังคับการเรือหลวงมกุฎราชกุมาร นำนักเรียนนายเรือ และนักเรียนนายช่างกล ไปฝึกภาคต่างประเทศ ได้ทรงนำเรือแวะที่สิงคโปร์และเปลี่ยนสีเรือมกุฎราชกุมาร

จากสีขาวเป็นสีหมอกให้เหมือนกับเรือรบต่างประเทศ เพื่อให้เกิดความกลมกลืนกับลักษณะของสีน้ำทะเล และภูมิประเทศ ซึ่งกองทัพเรือได้นำสีดังกล่าวมาใช้เป็นสีเรือทุกลำของกองทัพเรือตราบจนปัจจุบัน นอกจากจะมีคุณูปการอเนกอนันต์แก่กองทัพเรือแล้ว พระองค์ยังมีพระปรีชาสามารถในด้านการแพทย์แผนโบราณของไทย โดยในปีพุทธศักราช ๒๔๕๔ ขณะทรงออกจากราชการเป็นเวลา 6 ปีเศษ เพื่อทรงศึกษาตำราหมอยาไทยอย่างจริงจัง

จนมีความรู้แตกฉาน ทรงเป็นหมอยาไทย รับรักษาประชาชนโดยทั่วไปด้วยน้ำพระทัยโอบอ้อมอารี จนได้รับพระสมัญญานามว่า “หมอพร” ในปีพุทธศักราช 2460 ทรงได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้กลับเข้ารับราชการทหารเรืออีกครั้ง และในปีพุทธศักราช ๒๔๖๒ พระองค์ทรงได้รับการแต่งตั้งเป็นข้าหลวงพิเศษ

ให้ดำเนินการจัดซื้อเรือหลวงพระร่วงจากประเทศอังกฤษ และทรงเป็นผู้บังคับการเรือ นำเรือหลวงพระร่วงเดินทางจากประเทศอังกฤษกลับมายังประเทศไทย นับเป็นครั้งแรกที่นายทหารเรือไทยเดินเรือได้ไกลข้ามทวีป ต่อมาเมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๖๕ พระองค์ได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานที่ดินพื้นที่ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

เพื่อใช้เป็นที่ตั้งฐานทัพเรือ และหน่วยกำลังรบต่างๆ ของกองทัพเรือ ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งมาจนถึงปัจจุบัน พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ได้กราบบังคมทูลออกจากราชการเพื่อพักผ่อนรักษาพระองค์ เมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๖๖ เนื่องจากพระองค์ทรงมีสุขภาพไม่สมบูรณ์

และประชวรพระโรคภายในอยู่ด้วย โดยทรงประทับอยู่ทางใต้ของปากน้ำเมืองชุมพร ขณะที่พระองค์ประทับอยู่นี้ก็เกิดพระโรคหวัดใหญ่ เนื่องจากถูกฝน ทรงประชวรอยู่เพียง 3 วัน ก็สิ้นพระชนม์ที่ตำบลหาดทรายรี อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร ในวันที่ 19 พฤษภาคม พุทธศักราช 2466 สิริพระชนมายุ 43 พรรษาด้วยพระกรณียกิจตลอดระยะเวลาที่ทรงรับราชการทหารเรือ

ส่งผลให้กองทัพเรือมีความเจริญก้าวหน้า สามารถทำหน้าที่รั้วของชาติทางทะเลได้อย่างเข้มแข็งสืบต่อมา ซึ่งนับเป็นสิ่งที่มีคุณค่ายิ่ง กองทัพเรือจึงได้ประกาศขนานพระนามเป็น “องค์บิดาของทหารเรือไทย” และได้กำหนดให้วันที่ 19 พฤษภาคมของทุกปี

อันเป็นวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของพระองค์ เป็น “วันอาภากร” ดังนั้นเพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระกรุณาคุณ และแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อพระองค์ท่าน กองทัพเรือจึงได้จัดงานกิจกรรมต่างๆ เพื่อเทิดพระเกียรติพระองค์ท่าน บิดาของทหารเรือไทย ที่ทรงมีพระกรุณาคุณต่อกองทัพเรือ.

ธนากร โกศลเมธี ภาพ/ข่าว รายงาน 0818923514

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / รมว.ท่องเที่ยวฯ ลงพื้นที่น่าน ร่วมหารือแนวทางพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว พร้อมรับฟังข้อเสนอสร้างแลนด์มาร์คใหม่

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 17 พฤษภาคม 2568 เวลา 15.00 น. ที่โรงบ่มปัว คาเฟ้ แอนด์ อีทเทอรี่ อำเภอปัว จังหวัดน่าน นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วยคณะ ลงพื้นที่จังหวัดน่าน เพื่อติดตามสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวและหารือแนวทางการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัด โดยมีนายแพทย์ชนน่าน ศรีแก้ว อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นางวิไลวรรณ บุดาสา รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน นายนพรัตน์ ถาวงศ์ นายก อบจ.น่าน ให้การต้อนรับ

ในการประชุมครั้งนี้ มีภาคีเครือข่ายด้านการท่องเที่ยว อาทิ พ.อ.วัฒนา จันทร์ไพจิตต์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดน่าน ผู้แทนสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว และสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวอำเภอปัว เข้าร่วมรายงานสถานการณ์การท่องเที่ยวและเสนอแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ภาคีเครือข่ายได้เสนอให้เร่งรัดโครงการระบบรถไฟรางคู่เชื่อมเส้นทาง เด่นชัย – เชียงราย – เชียงของ เพื่อขยายโอกาสทางเศรษฐกิจ และยกระดับจังหวัดน่านให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในภูมิภาค พร้อมเสนอแนวคิดโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ อาทิ

  • Iconic Tourism Hub Sky Walk แลนด์มาร์คใหม่สำหรับจัดกิจกรรมท่องเที่ยว
  • โครงการกระเช้าลอยฟ้า เชื่อมต่ออุทยานแห่งชาติขุนสถาน และอุทยานแห่งชาติศรีน่าน (ดอยเสมอดาว) โดยมีศูนย์กลางที่อำเภอนาน้อย เพื่อยกระดับประสบการณ์การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ
    นายสรวงศ์ เทียนทอง กล่าวเน้นย้ำถึงการสนับสนุนการพัฒนาจังหวัดน่านบนพื้นฐานของอัตลักษณ์ท้องถิ่น ทั้งวัฒนธรรม วิถีชีวิต และธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ พร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างรายได้และความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาว/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี – สื่อรัฐนิวส์ / รถบรรทุกโคขุนดึงเวลาเจ้าหน้าที่ความมั่นคงนาน3ชั่วโมงอ้างเอกสารกำลังเดินทางพร้อมติดเบอร์หูโคขุนโชว์หน้าด่านกักสัตว์

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อเวลา16.00น.วันที่17พ.ค.68เจ้าหน้าที่ชุดความมั่นคงนำโดย ฉ.ก.จงอางศึก เจ้าหน้าที่สำนักการข่าว กอ.รมน.ลงพื้นที่ตรวจสอบรถบรรทุก20ล้อสีฟ้า ทะเบียน 70-8683 เพชรบุรี บรรทุกโคเพศผู้มาจำนวน47ตัว จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามข้อร้องเรียนกรณีมีการเคลื่อนย้ายสัตว์-ซากสัตว์ ไม่มีใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 และพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์การจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. 2559 บริเวณริมถนนเพชรเกษมฝั่งขาล่องหน้า ด่านกักกันสัตว์ประจวบคีรีขันธ์ จากการเข้าตรวจสอบพบรถบรรทุกคันดังกล่าวไม่สามารถนำเอกสารมาแสดงได้ขณะเข้าด่านตรวจ โดยคนขับรถบรรทุกได้เเจ้งกับเจ้าหน้าที่ชุดตรวจสอบว่า เอกสารกำลังเดินทางมาโดยเจ้าหน้าที่ได้รอเอกสารนานเป็นเวลาเกือบ3ชม.ต่อได้ มีชายฉกรรจ์แต่งกายคล้าย นักธุรกิจ อ้างว่าเป็นกำนัน รายหนึ่งในพื้นที่ จังหวัดประจวบฯมีพักพวกเป็นนายทหาร ยศ ร.อ.จากการตรวจสอบเอกสารเบื้องต้นเป็นที่ตั้งข้อสังเกตุได้ว่าอาจมีการแก้ไขเอกสารหลายจุดเพื่อให้พ้นการจับกุมในครั้งนี้ ซึ่งเอกสารประกอบไปด้ว        1. ใบอนุญาตให้หรือเคลื่อนย้ายสัตว์หรือซากสัตว์ เข้า ออก ผ่าน หรือ ภายในเขตโรคระบาดชั่วคราว เขตโรคระบาด หรือเขตเฝ้าระวังโรคระบาด ร.5
        2.หนังสือมอบอำนาจ จากบริษัท เคเคโอเวอร์ซี เทรดดิ้นแอนด์ลอเฟิร์ม จำกัด
       3.เบอร์ติดหู โค แบบพลาสติกสีเหลือง จำนวนมาก
       ทั้งนี้หน่วยงานด้านความมั่นคงได้บันทึกภาพถ่ายพร้อมคลิปVDOไว้เป็นหลักฐานเพื่อนำเข้าในที่ประชุมต่อไป
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / สาธารณสุข ผนึก ทหาร – ตำรวจ บูรณาการร่วมกันพร้อมองค์กรต่างๆ ยกระดับโคราช ทูบี นัมเบอร์ วัน โคราช

แชร์เนื้อหานี้

รองนายแพทย์สาธารณสุข ปลุกระดม ทหาร-ตำรวจ และองค์กรต่างๆในโคราชให้มาบูรณาการร่วมกันยกระดับโคราช “ทูบี นัมเบอร์ วัน โคราช” ของจังหวัดนครราชสีมา ทั้ง 32 อำเภอ เน้นไปที่การสร้างกิจกรรมทางการกีฬา การร้องเพลง ดนตรี เพื่อให้เยาวชนของนครราชสีมาห่างไกลจากยาเสพติด ตั้งงบปี 2568 กว่า 7 ล้านบาท

นายชวิศ เมธาบุตร รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมาเปิดเผยว่า ตนในฐานะประธานการประชุมบูรณาการทุกหน่วยงานของจังหวัดนครราชสีมา ได้จัดประชุมการจัดกิจกรรม “ทูบี นัมเบอร์ วัน ” เพื่อต่อต้านยาเสพติดประจำปี 2568 โดยมีทุกภาคส่วนของจังหวัด อาทิ ตำรวจ ทหาร สาธารณสุขทุกอำเภอ โรงเรียน โรงพยาบาล เอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มาประชุมเพื่อแนวทางในการจัดกิจกรรมส่งเสริมโครงการ ทูบีนัมเบอร์วัน ของจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งปีนี้ได้รับงบประมาณจากจังหวัดประมาณ 7 ล้านบาท ในการจัดกิจกรรมปี 2568 นี้ โดยเน้นกิจกรรมไปที่เด็ก และเยาวชน เพื่อต่อต้านยาเสพติด อาทิ กิจกรรมการออกกำลังกาย กิจกรรมทางดนตรี กิจกรรมเน็ตไอดอล เพื่อให้เด็กมีผลงานเข้ามาประกวดและแข่งขัน และต่อยอดในกิจกรรมนั้นๆและยังเป็นการเพิ่มจำนวนเด็กและเยาวชนให้เพิ่มมากขึ้น และเป็นการเซ็ทติ้งสถานศึกษา เรือนจำและสถานประกอบอื่นๆอีกด้วย และปีนี้เราได้ทางตำรวจและกองทัพภาคที่ 2 หน่วยงานราชการเข้ามาร่วมเซ็ทติ้งกับเราในปีนี้ด้วย

รองนายแพทย์ สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมากล่าวต่อไปอีกว่า ทำอย่างไรเด็กและเยาวชนจะมีความเข้มแข็งต่อตนเองไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด บุหรี่ไฟฟ้า น้ำกระท่อม ต้องได้รับความอบอุ่นจากครอบครัว ต้องหากิจกรรมให้เขาเหล่านั้น ต้องมีความฝันให้เด็กๆ มีความฝันที่อยากจะเป็นนักกีฬา นักดนตรี หรือเน็ตไอดอลเขาจะได้ห่างไกลจากยาเสพติด โครงการ “ทูบี นัมเบอร์ วัน ” ก็จะมุ่งเน้นจุดเริ่มต้นของเด็กๆหากิจกรรมให้เขาเหล่านั้นได้ร่วมและขยายวงไปยังเครือข่ายต่างๆ ของน้องๆ และเยาวชนให้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในสถานศึกษา และสถานประกอบการต่างๆ ก็จะเชื่อได้ว่าเด็กจะหวนคืนสู่สังคมได้อย่างแน่นอน
ทางด้าน พ.ต.อ.คเชนท์ เสตะปุตตะ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา

กล่าวว่า เข้าร่วมสนับสนุนเพื่อของ ทูบี นัมเบอร์วัน เน็ตไอดอล ตามพื้นที่อำเภอต่างๆ พร้อมทั้งกวดล้านขบวนการผู้ค้ายาเสพติดและขบวนการ พร้อมทั้งดูแลผู้เสพเพื่อให้เขากลับคืนสู่สังคม กิจกรรม ทูบี นัมเบอร์วัน เป็นกิจกรรมที่ดี ทางตำรวจพร้อมให้การสนับสนุนทุกๆกิจกรรม เพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง
ด้านพันเอกจีราชัย มุสิกะพุกก์ รองเสนาธิการ มณฑลทหารบกที 21 ค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า ตนมองว่าอนาคตของประเทศชาติเริ่มต้นที่เด็กและเยาวชน เราสามารถทำให้เด็กๆห่างไกลจากยาเสพติดได้ ทางตนพร้อมให้การสนับสนุน กิจกรรมของเด็กและเยาวชนให้ดีต่อประเทศชาติต่อไปและโครงการที่ดีอย่าง “ทูบี นัมเบอร์ วัน” ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเยาวชนสามารถห่างไกลจากยาเสพติดได้ด้วย กิจกรรมต่างๆของโครงการนี้

กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน