คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าวสังคม

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / พร้อมใจทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อการศึกษาโรงเรียนโคกสำโรง จ.ลพบุรี /โครงการชุมชนตำบลยั่งยืนแก้ปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ สภ.โคกสำโรง ภจว.ลพบุรี

แชร์เนื้อหานี้

วันศุกร์ ที่14 มีนาคม 2568 เวลา 10.30 น. ที่ห้องประชุมอาคารเอนกประสงค์โรงเรียนโคกสำโรง ตำบลโคกสำโรง อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพพบุรี
นายเจตน์พงศ์ โชคสวัสดิ์วรกุล นายอำเภอโคกสำโรง ประธานพิธีทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อการศึกษาเดินทางถึงบริเวณจัดงาน มอบบริจาคสิ่งของต่างๆช่วยการศึกษาโรงเรียนโคกสำโรง พร้อมด้วย นายนรินทร์ คลังผา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดลพบุรี เขตุ 4 พ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต
ผกก.สภ.โคกสำโรง

พ.ต.ท.องอาจ เนียมศรีเพชร สวป.ฯ พ.ต.ต.ชยพล ตรีโอษฐ์ สวป.
นายแพทย์นุสิทธิ์ ชัยประเสริฐ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลโคกสำโรง นางกาญจนา สุขกำเนิด สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดลพบุรี นางกิติพร แต่งชุ่ม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโคกสำโรง นายสำรวย งามขำ กำนันตำบลโคกสำโรง คณะกรรมการศึกษาโรงเรียนโคกสำโรง และประธานอุปถัมภ์ พ่อค้า ประชาชน คณะครู ผู้ปกครอง นักเรียน ร่วมงานทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อการศึกษาโรงเรียนโคกสำโรง

ทั้งนี้ได้กราบนิมนต์พระสงฆ์จำนวน 9 รูป เจริญพระพุทธมนต์ ทอดผ้าป่า และฉันภัตตาหารเพล วัตถุประสงค์เพื่อให้โรงเรียนมีทุนใช้จ่ายเพียงพอและเพิ่มวิชาความรู้ให้กับเด็กนักเรียน เพื่อเด็กนักเรียนจะได้มีความรู้ มีประสิทธิ์ภาพเมื่อนักเรียนจบออกไป นำความรู้จากการเรียนไปใช้ในโอกาสภายภาคหน้า

ทางด้านนางสาวรัตติญา นวลจันทร์ ผู้อำนวยการโรงเรียนโคกสำโรง จึงได้ประชุมคณะครู กรรมการโรงเรียนโคกสำโรง ผู้ปกครอง มีความเห็นตรงกันจึงต้องจัดหาทรัพย์เพื่อจ้างครูวิชาเอกนาฏศิลป์ มาสอนเสริมให้ความรู้แก่บุตรหลาน วิชานาฏศิลป์ จะต้องอยู่คู่กับคนไทย และนักเรียนโรงเรียนที่เรียนจบจากโรงเรียนโคกสำโรง จึงได้จัด โครงการระทมทุน เพื่อรวบร่วมทรัพย์เพื่อการศึกษาในครั้งนี้
และทางคณะครูนักเรียนยังได้รับการอุปถัมภ์จากนายปรีชา กิจรัตนกาญจน์ (ห้างกิจนิยม) นำเครื่องดนตรีไทยที่มีอยู่ แต่เกิดการชำรุดเสียหายลงบ้าง จึงได้นำเครื่องดนตรีไทยเหล่านั้นไปซ่อมแซมที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้กลับมาใช้งานได้ดี และเป็นประโยชน์แก่เด็กนักเรียนต่อไป

สนอง แท่นสูงเนิน
ผอ.ศูนย์ข่าวประจำจังหวัดลพบุรี อนุกรรมการสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์จังหวัดลพบุรี ภาพ/ข่าว

โครงการชุมชนตำบลยั่งยืนแก้ปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ สภ.โคกสำโรง ภจว.ลพบุรี

12 มีนาคม 2568 เวลา 16.00 น. ที่วัดท่าม่วง บ้านใหม่สามัคคี หมู่ที่ 1 หมู่ที่ 2 ตำบลหนองแขม อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี นายเจตน์พงศ์ โชคสวัสดิ์วรกุล นายอำเภอโคกสำโรง ประธานในพิธี พร้อมด้วย พ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต
ผกก.สภ.โคกสำโรง
พ.ต.ท.มนตรี เล่ห์อิ่ม
รอง ผกก.ป.ฯ
พ.ต.ท.องอาจ เนียมศรีเพชร
สวป.ฯ
พร้อมชุดปฏิบัติงานชุมชนสัมพันธ์
พ.ต.ต.ชยพล ตรีโอษฐ์
สวป.(ชส.)ฯ
ร.ต.อ.โกวิทย์ พลั่วพันธ์
รอง สวป.(ชส.)ฯ
ร.ต.ท.พรชัย ธรรมวริทธิ์
รอง สว.(ป.)ฯ
ด.ต.พฤกษ เหมาะสมัย
ผบ.หมู่(ป.)ฯ
ส.ต.ท.สุรชัย พลเทพ
ผบ.หมู่(ป.)ฯ
ส.ต.ต.ศรัณญ์ บุญภาพ

ผบ.หมู่(ผช.พงส.)ฯ คณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจภูธรโคกสำโรง (กต.ตร.สภ.โคกสำโรง) กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล ประชาชน อสม. ร่วมพิธีเปิดโครงการโครงการดำเนินการตําบลยั่งยืนกว่า 200 คน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด แบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ ตามที่ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด จังหวัดลพบุรี และสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 1

ได้จัดทำดำเนินการชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามแบบยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อนำความสุขสู่ชุมชน หมู่บ้านท่าม่วง หมู่ที่ 1 และบ้านใหม่พัฒนา หมู่ที่ 2 ตำบลหนองแขม อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี และประเทศชาตินั้นทุกภาคส่วน จะประสานความร่วมมือและสนับสนุนการดำเนินงานให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพและบรรลุผลสำเร็จ ตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ผู้นำชุมชน หัวหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงได้ลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน

สนอง แท่นสูงเนิน
ผอ.ศูนย์ข่าวประจำจังหวัดลพบุรี และอนุกรรมการสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์จังหวัดลพบุรี ภาพ/ข่าว

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / งานเข้าเจ้าของหมา นายอำเภอ อบต.ชงเรื่อง ตม.จ่อพิจารณาเพิกถอนวีซ่าเข้าประเทศ / พบ “เลียงผา” อวดโฉมสายตานักท่องเที่ยวบนเขาสามร้อยยอด

แชร์เนื้อหานี้

วันที่8มีนาคม2568 นายสุทินประเสริฐศักดิ์นายอำเภอบางสะพานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์มอบหมายให้นายณัฐพงษ์ไกรนราปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคงอำเภอบางสะพานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้เสียหาย ประชาชนที่เดือดร้อนเข้ามาประชุมที่ห้องประชุมขององค์การบริหารส่วนตำบลพงศ์ประศาสน์ โดยมี พตท.วรพงษ์ ชาวแพะ หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.อำเภอบางสะพาน นางสาวจินตาคงแป้น เจ้าพนักงานสาธารณสุขประจำองค์การบริหารส่วนตำบลพงศ์ประศาสน์  คุณธนพล อาภรณ์รัตน์   ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ตำบลพงศ์ประศาสน์พร้อมกับผู้เสียหายประชาชน นักท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้เข้าร่วมประชุมเพื่อหาทางแก้ไขและหาทางออกในเรื่องนี้
  กรณี นายโรฟ วีเบอร์ นักท่องเที่ยวชาวสวิดเซอร์แลนด์พร้อมเพื่อนๆทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เดินทางเข้าแจ้งความที่ สภ.บางสะพาน ถูกหมาของนายมาเทียสเพื่อนร่วมชาติกัดขณะเดินเล่นตามชายหาดเป็นครั้งที่สองนั้น

สาสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมชาวบ้านในพื้นที่ร่วมชี้แจงเพื่อแก้ปัญหาร่วมกัน เนื่องจากเป็นความเดือดร้อนของชาวบ้านกับนักท่องเที่ยวในพื้นที่ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดซ้ำซากอยู่บ่อยครั้ง และอยู่ในความสนใจของประชาชนทั่วไป เนื่องจากที่ผ่านมา อบต.มีการประชุมร่วม มีมติสั่งห้ามนำหมาเดินเล่นโดยไม่มีเชือกปลอกคอ และให้นำหมาที่เคยกัดนักท่องเที่ยวออกจากพื้นที่จนกว่าคดีจะสิ้นสุด แต่มีการฝืนคำสั่งประกาศอยู่บ่อยครั้งและเรื่องยังอยู่ในขบวนการของศาลของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์โดยที่จะนัดในวันที่ 11 มีนาคม2568ที่จะถึงนี้แต่กลับมาก่อเหตุซ้ำสองอีก ส่วนกระบวนการทางกฎหมายให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนเรียกนายมาเทียสเจ้าของหมาเข้าให้ปากคำเพิ่มอีกครั้ง เพื่อแจ้งข้อกล่าวหา เนื่องจากเป็นคดีลหุโทษ ก่อนจะส่งสำนวนคำสั่งฟ้องทางปกครองต่อ

ส่วนผลการเจรจาระหว่างหน่วยงานกับกลุ่มชาวบ้านและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในพื้นที่ทราบว่า เสนอให้มีการประชุมหมู่บ้านเพื่อทำประชาพิจารณ์ประชาคมผู้มีส่วนได้เสียต่อเหตุการณ์ดังกล่าวในวันที่ 9 มีนาคม 2568ที่ศาลาหมู่1 ส่งถึงภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมพิจารณา ด้านนายณัฐพล ปลัดอำเภอบางสะพานกล่าวว่าได้รับคำสั่งของท่านนายสุทินประเสริฐศักดิ์นายอำเภอบางสะพานให้มาดูเรื่องนี้ จากผู้เลี้ยงสุนัขในพื้นที่หมู่ที่ 1 ตำบลพงศ์ประศาสน์กับนักท่องเที่ยวและชาวบ้านหลายครั้งซึ่งครั้งนี้ก็ได้ไปแจ้งข้อกล่าวหาไว้แล้วที่โรงที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอบางสะพานและก็

ได้ส่งตัวผู้บาดเจ็บที่โดนสุนัขกัดไปตรวจที่โรงพยาบาลบางสะพานทางร้อยเวรก็รอผลตรวจอยู่เพื่อจะได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อไปซึ่งในการพูดคุยกันวันนี้ชาวบ้านในพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบได้รับความเดือดร้อนก็ยืนยันว่าจะไม่ยอมพูดคุยเจรจาแล้วเพราะเคยพูดคุยไกล่เกลี่ยมาหลายครั้งแล้วไม่เคยปฏิบัติตามเลยแม้แต่ครั้งเดียวพวกเราจะขอดำเนินคดีทางกฎหมายให้ถึงที่สุด ในส่วนทางอำเภอบางสะพานจะรวบรวมรูปถ่ายวีดีโอที่ชาวบ้านและผู้ที่เสียหายได้ผลกระทบในการกระทำผิดต่างๆที่ผ่านมาและในครั้งนี้ เพื่อส่งให้ท่านนายอำเภอ ทางองค์การบริหารส่วนตำบลพงศ์ประศาสน์รวบรวมส่งผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง(ตม)พิจารณาวีซ่าเข้าประเทศของนายมาเทียสต่อไป ณัฐพงษ์ไกรนาราปลัดอำเภอกล่าว


พบ “เลียงผา” อวดโฉมสายตานักท่องเที่ยวบนเขาสามร้อยยอด สะท้อนความสมบูรณ์พื้นที่ชุ่มน้ำแรมซาร์แห่งแรกของไทย

เมื่อวันที่ 8 มี.ค.68 นายพิศิษฐ์ เจริญสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จ.ประจวบฯ เปิดเผยว่า ระหว่างการลาดตระเวนของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ พบ “เลียงผา” สัตว์ป่าสงวนที่ใกล้สูญพันธุ์ปรากฏตัวอยู่บนยอดเขาหินปูนสูงชัน บริเวณเขาลูกน้อย (สะพานทางเดินศึกษาธรรมชาติ) หลังที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนแม้จากระยะไกล นับเป็นภาพที่หาชมได้ยากและสะท้อนถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าแห่งนี้ เลียงผา (Serow) หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าเยียงผาหรือโครำ เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในวงศ์ Bovidae ที่มีวิวัฒนาการทางร่างกายเหมาะสมกับการอาศัยอยู่บนหน้าผาและภูเขาสูงชัน ปัจจุบันถูกจัดอยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์ตามบัญชีแดงขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN Red List) และได้รับการคุ้มครองเป็นสัตว์ป่าสงวนตามกฎหมายไทย


“อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด ครอบคลุมพื้นที่กว่า 98,000 ไร่ เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติแห่งแรกของประเทศไทย (Ramsar Site) ประกอบด้วยระบบนิเวศที่หลากหลายทั้งภูเขาหินปูน ป่าชายเลน ทุ่งหญ้า และพื้นที่ชุ่มน้ำ เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด โดยเฉพาะนกน้ำและนกอพยพกว่า 300 ชนิด การพบเลียงผาออกหากินในครั้งนี้เป็นสัญญาณที่ดี แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการอนุรักษ์และการทำงานอย่างทุ่มเทของเจ้าหน้าที่ในการดูแลผืนป่าและสัตว์ป่า พร้อมเน้นย้ำขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวและประชาชนร่วมกันอนุรักษ์ธรรมชาติ และแจ้งเบาะแสหากพบการกระทำผิดเกี่ยวกับสัตว์ป่าได้ที่เจ้าหน้าที่อุทยานฯ” นายพิศิษฐ์ กล่าว.
นอกจากความสำคัญด้านระบบนิเวศแล้ว เขาสามร้อยยอดยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดประจวบฯ ด้วยทัศนียภาพที่สวยงาม ถ้ำที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่น่าสนใจ ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนตลอดทั้งปี.
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / กฟผ. จัดโครงการแว่นแก้วเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เนื่องในโอกาสฉลองพระชนมายุ 70 พรรษา 2 เมษายน 2568

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 6 มีนาคม 2568 ที่ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ.ทับสะแก อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายนพดล สรวงประดิษฐ์ พลังงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เป็นประธานเปิดงานโครงการแว่นแก้วเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสฉลองพระชนมายุ 70 พรรษา 2 เมษายน 2568 โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ( กฟผ.)

โดยมี นายทนงศักดิ์ รุ่งรัศมี ปลัดอาวุโสอำเภออำเภอทับสะแก นายชัยยศ หาญอมร ผู้อำนวยการฝ่ายชุมชนสัมพันธ์โครงการ นายสมชาย จันทร์เย็น ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขื่อนวชิราลงกรณ นางลาวัลย์ คงแสงบุตร หัวหน้ากองบริหารงานชุมชนสัมพันธ์ นายฉัตรชัย มหาโพธิ์ผช.สาธารณสุขอำเภอ นายเชาว์
เอี่ยมสุขขา นายกอบต.นาหูกวาง

นายผดุงศักดิ์ อิ่มทั่ว ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอทับสะแก นางกาญจนา ศุภานุสนธิ์กำนันตำบลทับสะแก นายอรุษ ห้วยหงษ์ทอง กำนันตำบลนาหูกวาง พร้อม กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อำเภอทับสะแก เจ้าหน้าที่พนักงาน กฟผ.ร่วมกิจกรรม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ.

ได้ดำเนินภารกิจหลักในการผลิตและส่งจ่ายกระแสไฟฟ้าที่มีคุณภาพ ควบคู่กับการสนับสนุนกิจกรรมด้านความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อความสุขของคนไทย มาโดยตลอด ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาความบกพร่องทาง สายตาในกลุ่มผู้ด้อยโอกาส และผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ “โครงการแว่นแก้วเฉลิมพระกียรติ”

เป็นโครงการที่ กฟผ. ร่วมกับ พันธมิตร ดำเนินการออกหน่วยบริการวัดสายตาประกอบแว่นโดยไม่คิดมูลค่าให้กับผู้มีปัญหาทางด้านสายตา เพื่อส่งเสริมสุขภาวะและคุณภาพชีวิตของประชาชนตามพระราชปณิธานของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า

กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เรื่อยมาจนถึงปัจจบัน นับเป็นปีที่ 22 โดยให้บริการออกหน่วยทั่วทั้งประเทศมาแล้ว กว่า 573 ครั้ง ครอบคลุม 70 จังหวัด และได้ให้ความช่วยเหลือแก่ ผู้ที่มีปัญหาทางสายตาไปกว่า 346,000 แว่นตา

สำหรับในปี 2568 กฟผ. ได้จัดทำโครงการแว่นแก้วเฉลิมพระเกียรติ
เป็นหนึ่งในโครงการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสฉลอง พระชนมายุ 70 พรรษา 2 เมษายน 2568 มีเป้าหมายในการดำเนินงาน ปี 2568 จำนวน 35,000 แว่นตา

กิจกรรมในครั้งนี้ กฟผ. ร่วมกับพันธมิตรดำเนินการออกหน่วยตรวจวัดสายตาประกอบแว่นแก่ประชาชนในพื้นที่อำเภอทับสะแกจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ระหว่างวันที่ 6-7 มีนาคม 2568 ซึ่งได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาคีเครือข่าย และหน่วยงานพันธมิตรต่าง ๆ มี เป้าหมายสนับสนุนแว่นตา จำนวน 1,000 แว่นตา

/////////////////

ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649645443

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / สมาคมสื่อมวลชนน่าน ทำบุญอุทิศ ส่วนกุศลแก่สื่อมวลชนที่ล่วงลับพร้อมกับปล่อยพันธุ์ปลานิล 99,999 ตัว เนื่องในงาน “วันนักข่าว 5 มีนาคม 2568”

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 5 มีนาคม 2568 ณ วัดมิ่งเมือง ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน นายเสรี พิมพ์มาศ เป็นประธานฝ่ายฆารวาส โดยมีพระสุนทรมุนี รองเจ้าคณะจังหวัดน่าน วัดมิ่งเมือง เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ โดยสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน นำโดยนายบุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน นำคณะร่วมทำบุญทอดผ้าป่าสามัคคีของสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่านเนื่องในวันนักข่าวหรือวันสื่อสารมวลชนแห่งชาติ เพื่อหาเงินไว้เป็นทุนสนับสนุนกิจกรรมของสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่านและกิจกรรมเพื่อสังคมสาธารณะประโยชน์โดยมีหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ทหาร ตำรวจ และประชาชนร่วมพิธีจำนวนมากในโอกาสเดียวกันนี้

กลุ่มสตรีเทศบาลเมืองน่าน ได้มาฟ้อนสมโภชองค์ผ้าป่าในครั้งนี้ด้วย หลังจากเสร็จพิธีทางสงฆ์ที่วัดมิ่งเมืองสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่านได้มีพิธีปล่อยพันธุ์ปลาจำนวน 99,999 ตัวเพื่อขยายพันธ์ุปลาในแม่น้ำน่าน โดยได้รับความอนุเคราะห์พันธุ์ปลาจากประมงจังหวัดน่าน

เนื่องด้วยวันที่ 5 มีนาคม ของทุกปี เป็นวันสื่อสารมวลชนแห่งชาติ หรือ วันนักข่าว และเป็นวันครบรอบของการก่อตั้งสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน ซึ่งได้ก่อตั้งมา47 ปี จึงได้ถือเป็นความสำคัญอย่างยิ่ง และได้มีกิจกรรมทำมาอย่าต่อเนื่องโดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้เพื่อได้ทำบุญทางศาสนา

เพื่อความเป็นศิริมงคลแก่สมาชิกและทำบุญ อุทิศกุศลถึงผู้ทำหน้าที่ด้านการสื่อสารในจังหวัดน่านที่ล่วงลับและบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ เพื่อนำเสนอผลงานในรอบปีที่ผ่านมาสู่องค์กรหน่วยงาน เครือข่าย ต่างๆได้รับทราบ ด้านนายบุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่านกล่าวว่า

ผมต้องขอกราบนมัสการขอบพระคุณท่านพระราชศาสนาภิบาลเจ้าคณะจังหวัดน่าน วัดพญาภู พระสุนทรมุนี รองเจ้าคณะจังหวัดน่าน วัดมิ่งเมือง พระราชนันทวัชรบัณฑิต รองเจ้าคณะจังหวัดน่าน วัดพระธาตุแช่แห้ง พระวชิราภินันท์ เจ้าคณะอำเภอบ้านหลวง วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร พระครูสิรินันทวิทย์ เจ้าคณะอำเภอเมืองน่าน วัดดอนมูล

ทีมีเมตตาสนับสนุนผ้าป่าของสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่านเป็นอย่างสูงครับ ขอบคุณหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ทหารตำรวจ กัลยาณมิตร ทุกท่านและพี่น้องประชาชนทุกๆท่านที่ร่วมทำบุญในครั้งนี้เป็นย่างยิ่งครับ/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน/ทีมข่าวสมาคม รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐทีวี / ผู้ว่าประจวบฯ มอบถังน้ำ เก้าอี้สุขา และสิ่งของอุปโภคบริโภค เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งและผู้ด้อยโอกาส ในพื้นที่

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 6 มี.ค.2568 ที่อาคารโรงยิมเนเซี่ยม 2 สนามกีฬากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผวจ.ประจวบฯ ร่วมในพิธีรับมอบถังเก็บน้ำพลาสติก ขนาด 1,000 ลิตร 100 ใบ และกล่องพลาสติกบรรจุสิ่งของ อุปโภค-บริโภค 150 ชุด จาก คุณวิรัช – คุณพรพิศ อาชวกุลเทพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรหมสิน พี.เอส.ซี. จำกัด และรับมอบเก้าอี้สุขา 200 ตัว จาก คุณสมาน – คุณเพียงเพ็ญ คุณากรไพบูลย์ศิริ กรรมการผู้จัดการ

บริษัท เกรียงถาวร คอนเทนเนอร์ จำกัด รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 721,000 บาท โดยมี นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเรวัต ประสงค์ อดีต ผวจ.อ่างทอง นายพิพัฒน์ เอกภาพันธ์ อดีต ผวจ.พิษณุโลก นายสุปกิต โพธิ์ปภาพันธ์ อดีต ผวจ.ลพบุรี และหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมพิธี โอกาสนี้ พระราชรัตนวิสุทธิ์ เจ้าคณะจังหวัดประจวบฯ เจ้าอาวาสวัดกุยบุรี ได้กล่าวสัมโมทนียกถา ขอบคุณคณะผู้บริจาค

จากนั้น ผวจ.ประจวบฯ ได้มอบของที่ระลึก โล่ประกาศเกียรติคุณ หนังสือแสดงความขอบคุณให้กับคณะผู้บริจาค ก่อนร่วมกันทำพิธีปล่อยขบวนรถบรรทุกถังน้ำเคลื่อนออกจากสนามกีฬากลางจังหวัดฯ ไปมอบให้แก่ครัวเรือนในพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้งซ้ำซากใน อ.ทับสะแก 41 ใบ อ.เมืองประจวบฯ 57 ใบ และ อ.สามร้อยยอด 2 ใบ เพื่อให้มีภาชนะสำหรับใช้ในการเก็บกักน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค บรรเทาความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำในช่วงหน้าแล้ง ส่วนสิ่งของอุปโภคบริโภคจะนำไปมอบให้แก่ประชาชนผู้ยากไร้

ตามที่ได้มีการสำรวจข้อมูลความต้องการในพื้นที่ทั้ง 8 อำเภอ แบ่งเป็น อ.เมืองประจวบฯ 50 ชุด อ.ทับสะแก 40 ชุด ส่วนอีก 6 อำเภอ ได้แก่ อ.หัวหิน อ.ปราณบุรี อ.สามร้อยยอด อ.กุยบุรี อ.บางสะพาน อ.บางสะพานน้อย ได้รับมอบอำเภอละ 10 ชุด ขณะที่เก้าอี้สุขาจะนำไปมอบให้แก่ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียงในพื้นที่ อ.หัวหิน 3 ตัว อ.ปราณบุรี 22 ตัว อ.สามร้อยยอด 1 ตัว อ.กุยบุรี 63 ตัว อ.เมืองประจวบฯ 27 ตัว อ.ทับสะแก 26 ตัว อ.บางสะพาน 48 ตัว และ อ.บางสะพานน้อย 10 ตัว
//////////////////////////////
ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / มทภ.4 ชักชวนผู้นำศาสนารณรงค์ชักชวนชาวบ้านทำความดีละเว้นความชั่วเดือนรอมฎอน

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 4 มค.68 ที่มัสยิดบันนังกาแย อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้เดินทางร่วมกิจกรรมพบปะระหว่างหน่วยงานภาครัฐและผู้นำศาสนาตลอดจนพี่น้องมุสลิม

ในพื้นที่ เพื่อเป็นการส่งเสริมกิจกรรมสำคัญทางศาสนาในห้วงเดือนรอมฎอนอันประเสริฐ พร้อมทั้งส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างภาครัฐและประชาชน โดยแม่ทัพภาพที่ 4 กล่าวว่า ขอยึดมั่นในนโยบายที่วางไว้ ในห้วงเดือนรอมฎอนอันประเสริฐของพี่น้องไทยมุสลิม

ที่จะให้เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก สร้างความมั่นคงปลอดภัยในการประกอบศาสนกิจอย่างเต็มที่แก่ประชาชน เพื่อให้เดือนรอมฎอนผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เจ้าหน้าที่และส่วนราชการพร้อมสนับสนุนและอำนวยความสะดวก

แต่ทั้งนี้ต้องขอความร่วมมือผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่นทุกส่วนที่เกี่ยวข้องช่วยกันรณรงค์ชักชวนการทำความดีละเว้นความชั่วทั้งปวง สร้างความเข้าใจให้กับพี่น้องประชาชนร่วมกันสร้างสังคมสันติสุขให้เป็นเดือนรอมฎอนสันติสุข

ปราศจากความรุนแรง อย่างไรก็ตามพร้อมให้การสนับสนุนและส่งเสริมอัตลักษณ์ความงดงามของคนในพื้น ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกายชุดมลายู หรือการประกวดซุ้มประตู ทั้งนี้ทุกกิจกรรมสามารถกระทำ

ได้ตามความเหมาะสมโดยต้องไม่ละเมิดหรือผิดกฎหมาย หรือปล่อยให้บุคคลที่ 3 มาทำกิจกรรมแอบแฝง ส่งผลกระทบความมั่นคงรวมถึงขอให้ผู้ปกครองให้ช่วยกันกำชับลูกหลาน

ในเรื่องการเล่นจุดประทัดและดอกไม้ไฟ เพราะก่อให้เกิดอันตรายเพราะเป็นการกระทำที่ผิดต่อหลักศาสนาและผิดกฎหมาย ก่อนที่แม่ทัพภาค 4 จะมอบสิ่งของต่างๆที่ไปบริโภคในช่วงละศีลอดให้แก่ผู้ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย
///////////////////////////////
ข่าว/อาอีซะห์/นราธิวาส

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / เปิดบ้านวิชาการโรงเรียนบ้านป่าสักไก่ ประชาชนม่วนคัก ได้ประชันฝีมือลาบ

แชร์เนื้อหานี้

เสียงเขียงดังสนั่น ผอ.การท่าหนุนจัดอีก เน้นส่งเสริมและสนับสนุนหมู่บ้านรอบกาท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง ในอนาคตอันใกล้เป็นศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

เมื่อเวลา09.00 น.วันที่28กุมภาพันธุ์ 2568ที่ผ่านมาที่ ณ สนามโรงเรียนบ้านป่าสักไก่ ต.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงรายนายชัยวัฒน์  ศรีเสาวลักษณ์ ประธานกรรมการสถานศึกษาโรงเรียนบ้านป่าสักไก่ ต.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดงานเปิดบ้านวิชาการลานOTOPชุมชน โดยรอบอากาศยานครั้งที่ 1/2568 ต่อ นาวาอากาศตรี สมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ในวันดังกล่าวมี  การแสดงนิทัศน์การ ด้านวิชาการโรงเรียนบ้านป่าสักไก่   การแสดงนิทัศน์การสาธิตป้องกันอัคคีภัย แจกแผ่นพับสาระฯประโยชน์จากการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง การแสดงสินค้าOTOP สินค้าผักและอาหารพื้นบ้านจากซุ้ม4หมู 3,10,12,14,16,20จากนั้นประธานกรรมการสถานศึกษาโรงเรียนบ้านป่าสักไก่ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงได้ตรวจเยี่ยมชมซุ้มแต่ละหมู่บ้านที่ได้นำสินค้าพื้นบ้านออกมาแสดง โดยมีการทักทายผู้นำหมู่บ้านและแม่บ้านพ่อบ้านที่ร่วมงานครั้งนี้  นอกจากนี้มีการแสดงการเต้นประกอบเสียงเพลงของกลุ่มผู้สูงอายุ เด็กโรงเรียนบ้านป่าสักไก่ ประกวดร้องเพลงลูกทุ่งดาวรุ่งจากตัวแทน6 หมู่บ้าน 

ในเวลา11.00 น.มีการประกวดแข่งขันลาบเมืองเหนือ และเวลาบ่ายโมงมีการประกวดแข่งขันส้มตำลีลาทำให้บรรยากาศในบริเวณวานคึกคักสร้างสีสันความสนุกแก่ผู้ร่วมงาน ปิดท้ายด้วยการแสดงของนักเรียนบ้านป่าสักไก่ แสดงวงดนตรีไทย ฟ้อนแม่ระมิงค์ สวัสดีอาข่า  นาวาอากาศตรี สมชนก ผู้อำนวยการการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงกล่าวว่าท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง ได้ดูแลและสนับสนุนชาวบ้านในชุใชนโดยรอยท่าอากาศยานฯเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และส่งเสริมชาวบ้านให้ได้มีโอกาส เงินสร้างรายได้ในชุมชน ประกาศชื่อเสียงของดีหมู่บ้าน เป็นที่น่ายินดีว่าขณะนี้การท่าอากาศยานฯจังหวัดเชียงรายจะเป็นศูนย์กลางการซ่อมอากาศยานที่ใหญ่สุดในประเทศไทย อนาคตลูกหลานคนเชียงรายจะมีโอกาสเข้าทำงานเพราะจะมีการจ้างงานเป็นจำนวนมาก การจัดงานในวันนี้การท่าอากาศยานฯเห็นความสามัคคีระหว่างผู้นำชาวบ้าน โดยเฉพาะกรรมการศึกษาโรงเรียนบ้านป่าสักไก่ได้วางแผนการจัดงานออกมาดีเยี่ยมในโอกาสต่อไป ทางการท่าอากาศยานฯคงยังจะต้องสนับสนุนต่อไปเนื่องจากเห็นรอยยิ้มประชาชน  

ด้านนายชัยวัฒน์ ประธานกรรมการศึกษาโรงเรียนบ้านป่าสักไก่ กล่าวว่ารูปแบบการจัดงานปีนี้เราได้รับการตอบรับจากประชาชน6หมู่บ้าน สามารถแสดวผลงานทางด้านวิชาการของนักเรียนโรงเรียนบ้านป่าสักไก่และความสามัคคีระหว่างผู้นำและประชาชน6หมู่บ้าน สินค้าพื้นบ้านผักปลอดสารพิษและอาหารพื้นเมืองขายดีมาก หมดทุกราย รวมทั้งได้ส่งเสริมสนับสนุนผีมือการทำลาบเมืองเหนือและส้มตำลีลา คัดสรรยอดฝีมือ และปีหน้าอาจจะมีการขยายและต่อยอดหมู่บ้านที่เข้าร่วมอีกหลายหมู่บ้านทั้งนี้อยู่ที่การสนับสนุนงบจากการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง ต้องขอขอบคุณการท่าฯมาณโอกาสนี้.

ธนกฤต #วรรมณี #รายงาน

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / สว.มาเรีย ลงพื้นที่สะพานข้ามแยกแสงอรุณ หลังได้รับการประสานจากผู้นำและชาวบ้านในพื้นที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างสะพานข้ามแยก ถนนเพชรเกษม

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 2 มีนาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.มาเรีย เผ่าประทาน สมาชิกวุฒิสภาจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อม นายสุรศิลป์ ยนปลัดยศ นายก อบต.แสงอรุณ อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และ ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำในพื้นที่ลงพื้นที่ตรวจสอบการก่อสร้างสะพานข้ามแยกยูเทิร์นกลับรถ บ้านแสงอรุณ ตำบลแสงอรุณ อำเภอทับสะแก

หลังได้รับการร้องขอแก้ไขว่า ช่วงถนนเพชรเกษมเลนคู่กับสะพาน ฝั่งขาขึ้น กทม. ที่จะเลี้ยวเข้าบ้านไร่ใน แบบโครงการเมื่อสร้างเสร็จแล้ว ถนนจะมีความลาดชันต่ำกว่าถนนสายรอง ประมาณ 1.50 เมตร รถเล็กอาจไม่สามารถ ขึ้น-ลง ได้ตามปกติ โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ของชาวบ้าน และผู้ปกครองที่มา รับ-ส่ง บุตรหลานจึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมรับคำชี้แนะจากนายช่างผู้ควบคุมงานบริเวณจุดดังกล่าว

ซึ่งเป็นโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 4 สาย บ.ห้วยยาง – อ.บางสะพาน (4 ช่องจราจร ) สัญญาที่ สท.1/10/2566 ลงวันที่ 25 เมษายน 2566 วันเริ่มต้นสัญญา วันที่ 26 เมษายน 2566 วันสิ้นสุดสัญญา วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 ผู้รับจ้าง บริษัท เอ็ม.ซี. คอนสตรัคชั่น (1979) จำกัด

ออกแบบโดยสำนักสำรวจและออกแบบ กรมทางหลวงควบคุมงานโดย สำนักก่อสร้างทางที่ 1 กรมทางหลวง ซึ่งหากทำตามแบบแปลนการก่อสร้างจะทำให้ถนนสายรองแยกเข้าบ้านไร่ใน จะมีความชันสูงเนื่องจากถนนเพชรเกษมจะต่ำลง ชาวบ้านเกรงได้รับอันตราย จึงขอให้ทาง กรมทางหลวงแก้ไข้แบบแปลนหรือทำถนนให้รับกับทางสายรองได้ไหม

ด้าน นายกวีวัฒน์ รุจิรปัญญานนท์ ผู้บริหาร หจก ตรงตวงปิโตรเลียม ซึ่งมีปั้มน้ำมันอยู่ช่วงขาลงสะพานข้ามแยกฝั่งขาขึ้น กทม.มีหนังสือร้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กรณีการดำเนินการก่อสร้าง โครงการสะพานข้ามแยก ทล.4 ตำแหน่ง กม. 340+770 ซึ่งได้ดำเนินการก่อสร้างและปรับเปลี่ยน เบี่ยงทางจราจรหน้า PTT Station ประมาณ 200 เมตร และทราบว่าโครงการมีแผนจะสร้างเกาะทางเท้าหน้าสถานีบริการน้ำมัน หจก.ตรงดวง ปีโตรเลียม

ในส่วนนี้จึงขอให้พิจารณายกเลิกการสร้างเกาะทางเท้าหน้าสถานีบริการน้ำมัน หจก.ตรงตวงปีโตรเลียม หรือให้ทำเป็นก้างปลาจะดีกว่า โดยเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2567 ได้มีการตรวจรับงานโครงการบางส่วน ประธานโครงการ ได้รับปากว่าจะแก้ไขปรับปรุง ณ ปัจจุบันยังไม่มีการปรับปรุงแก้ไขใด ๆ จึงแจ้งทางศูนย์ดำรงธรรรมเพื่อเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องกับโครงการสะพานข้ามแยก ทล.4 บ.ห้วยยาง-บางสะพาน ตำแหน่ง กม. 340+770 มาตกลงแบบการก่อสร้างเป็นลายลักษณ์อักษรว่าจะทำการแก้ไขได้อย่างไร

น.ส.มาเรีย เผ่าประทาน สมาชิกวุฒิสภาจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า หลังจากได้รับทราบปัญหา ได้ลงพื้นที่ดูพบว่าการก่อสร้างของกรมทางหลวงนั้นมีประโยชน์ต่อชาวบ้าน แต่อยากให้กรมทางหลวงปรับแก้ไขเรื่องแบบแปลนการก่อสร้าง ให้สัมพันธ์เข้ากับสภาพปัญหาในพื้นที่ ให้กับชาวบ้านที่ต้องใช้สัญจรในชีวิตประจำวัน โดยเบื้องต้นจะประสานไปทางกรมทางหลวงเพื่อหาแนวทางแก้ไขและปรับแปลนแบบได้แค่ไหน
//////////////////////////////////
ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / นักท่องเที่ยวโวยปะการังน้ำตื้นเกาะทะลุพังยับเยินกว่า 1 ไร่หลังเรือบาร์จ 3 ลำ โดนคลื่นทะเลพัดหลุดเข้าไปในทุ่งปะการังสวยงาม

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อเวลา 12.00  น.วันที่ 28   กุมภาพันธ์  ผู้สื่อข่าว จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้รับการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ไปดำน้ำดูปะการังน้ำตื้นที่บริเวณอ่าวใหญ่ หน้าเกาะทะลุ หมู่ 3 ต.ทรายทอง อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ พบปะการังสวยงามถูกทำลายเสียหายยับเยิน  โดยขอให้หน่วยงานสังกัดกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคประจวบคีรีขันธ์  ฝ่ายปกครอง อ.บางสะพานน้อย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิก อบต. ทราบทอง ดำเนินการตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่ กรณีที่เรือบาร์จจอดหลบลมบริเวณด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะทะลุ ถูกคลื่นทะเลพัดหลุดเข้าไปในพื้นที่ปะการังน้ำตื้นทำให้เกิดความเสียหายเป็นบริเวณกว้างกว่า 1 ไร่   เหตุเกิดเมื่อวันที่  27 กุมภาพันธ์ 2568 ขณะที่เรือลากจูงยังจอดในจุดเดิม  แต่ยังไม่มี จนท.รัฐหน่วยใดไปตรวจสอบความเสียหายของปะการังน้ำตื้น ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลาฟื้นฟูสภาพนานหลายสิบปี

ต่อมาเมื่อเวลา 14.00 น. วันเดียวกันสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาประจวบคีรีขันธ์ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ประจำท่าเรือว่าเรือกลเดินทะเลเฉพาะเขต ชื่อ เรือสุขอุดมทรัพย์ 19 ทะเบียนเรือ 500051373ขนาด 75 ตันกรอส เรือดัน-ลากจูง พร้อมกับเรือบาร์จอีก 3 ลำทราบชื่อ   1. ป.พลายแก้ว 6 2. เพิ่มทรัพย์ภูมรินทร์ 3. เลิศวัฒนา 6  โดยเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 เรือสุขอุดมทรัพย์ 19 ได้ทำการลากพ่วงเรือทั้ง 3 ลำ โดยบรรทุกสินค้าปูนซีเมนต์จากกรุงเทพฯ ไป จ.ปัตตานี ระหว่างทางมีคลื่นลมแรง ผู้ควบคุมเรือจึงได้ทำการทอดสมอโดยทิ้งสมอจากเรือบาร์จลำแรก เพื่อหลบลมที่เกาะทะลุ เวลาประมาณ 03.00 น. และในเวลา 15.00 น. ของวันเดียวกันพบว่าโซ่สมอขาดส่งผลให้เรือบาร์จทั้งสามลำไปชนกับปะการังและโขดหิน ทำให้เกิดความเสียหายบริเวณท้องเรือจนทำให้เรือรั่ว จำเป็นต้องใช้ปั๊มน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้เรือจม ผู้ควบคุมเรือจึงได้ลากเรือบาร์จลำแรกไปยังพิกัด 11°05.224’ N, 099°30.058’ E เพื่อรอการซ่อม

ขณะที่เรือบาร์จสองลำที่เหลือไม่สามารถลากออกมาได้เนื่องจากติดน้ำตื้น จำเป็นต้องรอให้น้ำทะเลขึ้นก่อน จากนั้นเรือสุขอุดมทรัพย์ 19 ได้ลากจูงเรือบาร์จทั้งสองลำที่เหลือมายังจุดเดียวกันเพื่อรอการซ่อม  สำหรับเจ้าของเรือดังกล่าวคือ  บริษัท เซ้าท์เธิร์นโลจิสติกส์ (2009) จำกัด เรือสุขอุดมทรัพย์ 19 ทะเบียนเรือ 500051373 ขนาด 75.00 ตันกรอส เรือดัน-ลากจูง ใบอนุญาตใช้เรือหมดอายุวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2569 และจาการตรวจสอบพบว่า นายสมเกียรติ ไชยะผู้ควบคุมเรือและใบประกาศนียบัตรที่ใช้หมดอายุ ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2567 ซึ่งมีความผิดตามมาตตรา 282 ตาม พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย 2456 จะต้องเดินทางไปพบเจ้าหน้าที่สำนักงานเจ้าท่าภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย   

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคประจวบคีรีขันธ์  ได้ประสานงานกับผู้ควบคุมเรือ ซึ่งได้รับแจ้งว่าขณะนี้มีการดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ในเบื้องต้น และหากมีความจำเป็นต้องขอรับการสนับสนุนเพิ่มเติม จะมีการติดต่อแจ้งขอความช่วยเหลือต่อไป  ต่อมาสำนักงานเจ้าท่าได้ออกคำสั่งห้ามใช้เรือทั้งหมด 3 ลำได้แก่ 1. ป.พลายแก้ว 6 ทะเบียนเรือ 191089488 2. เพิ่มทรัพย์ภูมรินทร์ ทะเบียนเรือ 4310022173. เลิศวัฒนา 6 ทะเบียนเรือ 421003376 พร้อมออกประกาศที่  35/2568 ให้ระมัดระวังการเดินเรือในบริเวณดังกล่าว รวมถึงเรือนำเที่ยวไปดำน้ำดูปะการังที่เกาะทะลุ
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / พิธีเปิดงาน มหกรรมโคเนื้อและเนื้อดีศรีสะเกษ ประจำปี 2568 มีเชฟดังกับ เมนูพิเศษ แกงมัสมั่นตุ๋นเนื้อน่องลาย / โจรขโมยรถจากศูนย์ฟอร์ดอุบล ขับรถหลบหนี ขู่เติมน้ำมัน ชิงลอตเตอรี่ ยังจับตัวไม่ได้

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 เวลา 17.30 น.นายอนุพงษ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานเปิดงาน มหกรรมโคเนื้อและเนื้อดีศรีสะเกษประจำปี 2568 นายสัตวแพทย์นัทธ์เวโรจน์ บูชาพัฒน์ ปศุสัตว์จังหวัดศรีสะเกษ หน่วยงานดำเนินการจัดงาน กล่าวรายงาน จังหวัดศรี สะเกษเป็นหนึ่งในแหล่งผลิตโคเนื้อที่สำคัญของประเทศไทย มีเกษตรกรผู้เลี้ยง โคเนื้อกว่า 105,500 ราย และมีโคเนื้อมากกว่า 511,213 ตัว คิดเป็น ๔๑.๙96

ของจำนวนเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ทั้งหมด การพัฒนาอุตสาหกรรมโคเนื้อจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัด และเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างเป็นระบบ การจัดงานครั้งนี้ จึงมีเป้าหมายสำคัญ 3 ประการ ได้แก่1.การเชื่อมโยงตลาด เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดการร่วมมือระหว่างเกษตรกรและผู้ประกอบการ รวมถึงการเจรจา การค้ากับร้านอาหาร โรงแรม และตลาดค้าปลีก
2.การส่งเสริมคุณภาพโคเนื้อ พัฒนามาตรฐานการเลี้ยงและกระบวนการผลิต โดยสนับสนุนการปรับปรุงสายพันธุ์

การบริหารจัดการฟาร์มตามมาตรฐาน GFM (Good Farming Management) และเทคนิคการขุนโคเพื่อเพิ่มคุณภาพเนื้อ3.การสร้างแบรนด์ “เนื้อดีศรีสะเกษ / Srisaket Premium Beef”เพื่อผลักดันให้เนื้อโคศรีสะเกษเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับในระดับประเทศ โดยใช้กลยุทธ์ทางการตลาด การออกแบบบรรจุภัณฑ์ และการสร้างเมนูพิเศษที่ดึงดูดผู้บริโภค

;

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจ ได้แก่กิจกรรมเชฟเทเบิลสุดพิเศษ นำเสนอสุดยอดเมนูจากเนื้อโคศรีสะเกษ ผ่านการรังสรรค์ของเชฟชื่อดังกิจกรรมเวิร์กช็อป ผู้เข้าร่วมจะได้รับการส่งเสริมความรู้และทักษะ ด้านการทำอาหาร การแปรรูปเครื่องหนัง ซึ่งสามารถนำไปต่อยอด เป็นผลิตภัตภัณฑ์แฮนด์เมดเพื่อจำหน่ายกิจกรรม Business Matching

;

เชื่อมโยงเกษตรกรกับผู้ประกอบการร้านอาหาร เพื่อสร้างพันธมิตรทางธุรกิจและเพิ่มโอกาสทางการค้า โดยมีเป้าหมายหลัก คือ การสร้างความร่วมมือเพื่อขยายตลาดโคเนื้อศรีสะเกษให้เติบโตอย่างยังยืนเพราะตลาดที่ดีเริ่มต้นจากเครือข่าย ที่แข็งแกร่ง Business Matching ครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญในการขยายโอกาสให้กับโคเนื้อศรีสะเกษการแสดงและกิจกรรมความบันเทิง


;

นอกจากกิจกรรมเชิงธุรกิจ และความรู้แล้ว งานมหกรรมโคเนื้อและเนื้อดีศรีสะเกษ 2568 ยังมีกิจกรรมการแสดงและกิจกรรมความบันเทิง ที่ช่วยสร้างบรรยากาศความสนุกสนาน เพลิดเพลิน และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกกลุ่มเป้าหมายกิจกรรมในพิธีเปิด วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ซึ่งภายในงานดำเนินกิจกรรมลงนาม MOU ข้อตกลงความร่วมมือซื้อขายโคระยะต้นน้ำ ระหว่างประธานสหกรณ์โคเนื้อดอกลำดวนจำกัด กับ

กลุ่มวิสวิสาหกิจชุมชนเกษตรผสมผสานเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน บนเวที รวมทั้งกิจกรรม Shef’s Table Fine Ding รังสรรค์เมนุพิเศษ กับเมนูมัสมั่นตุ๋นเนื้อน่องลาย สำหรับประธาน แขกรับผู้มีเกียรติ จำนวน 100 ท่าน และผู้โชคดีที่ร่วมกิจกรรมบนแฟนเพจFacebook มหกรรมโคเนื้อและเนื้อดีศรีสะเกษ จำนวน 30 คน ซึ่งนำวัตถุดิบจากจากเกษตรตรกรจังหวัดศรีสะเกษ รวมทั้งชมมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง เน็ค นฤพล พร้อมทั้งเยี่ยมขมร้านค้าที่มาออกบูธจำหน่ายสินค้า 40 ร้านกิจกรรมจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 2 มีนาคม 2568 ที่สวนสาธารณะลานออดหลอด อนุสรณ์ 238 ปีจังหวัดศรีสะเกษ
ภาพ/ข่าว วนิดา,ชาญฤทธิ์

โจรขโมยรถจากศูนย์ฟอร์ดอุบล ขับรถหลบหนี ขู่เติมน้ำมัน ชิงลอตเตอรี่ ยังจับตัวไม่ได้

***เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 28 ก.พ. 68 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีเหตุคนขับรถกระบะ 4 ประตู มาเติมน้ำมันแล้วไม่ยอมจ่าย พร้อมขู่จะยิงคนในปั๊มน้ำมันยกปั๊ม inก่อนจะขับรถหลบหนีไปด้วยไม่จ่ายเงินค้าน้ำมันที่เติม เหตุเกิดที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. ตำบลโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบ พ.ต.ท. ประดิษฐ์ อบอุ่น สารวัตรสืบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดสืบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ เข้าเก็บหลังฐาน สอบปากคำ และตรวจดูกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ

***จากการสอบถาม นายทิวา (นามสมมุติ) อายุ 24 ปี ซึ่งเป็นเด็กปั๊ม เล่าให้ฟังว่า รถยนต์คันก่อเหตุคันดังกล่าวเป็นรถยนต์กระบะ 4 ประตู ยี่ห้อฟอร์ด รุ่น เรนเจอร์ สีดำเทา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มีชายอายุประมาณ 55-60 ปี ขับมาจอดที่ช่องเติมน้ำมันช่องที่ 1 ขอเติมน้ำมันดีเซล B7 เต็มถัง

เมื่อเวลาประมาณ 09.10 น. ซึ่งเด็กปั๊มก็เติมน้ำมันให้เต็มถังเป็นเงิน 2,610 บาท ก่อนจะเดินลงจากรถมาขอเงินไปกินข้าวอีก 1,000 บาท ตอนนั้นตนคิดว่าพูดเล่น และก็ไม่ได้โต้ตอบอะไร ก่อนที่ชายคนดังกล่าวก็เดินไปที่รถไปเอากระเป๋าคาดเอว และกุญแจมือ มาขู่เด็กปั๊มอีกครั้งว่าถ้าไม่ให้จะยิงให้ตายยกปั๊ม พร้อมกับอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยพิเศษ ก่อนจะเดินไปที่รถแล้วขับรถหลบหนีไปเลย

***ทั้งนี้จากรายงาน ชายคนดังกล่าว เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (28 ก.พ. 68) ได้ไปขโมยรถยนต์กระบะ 4 ประตู ยี่ห้อฟอร์ด ที่ขับมาก่อนี้จากโชว์รูมรถยนต์ฟอร์ด ซึ่งเป็นรถยนต์ของคนที่นำรถมาเข้าศูนย์ ก่อนจะขับมาที่อำเภอกันทรารมย์ และพยายามจะขู่เด็กปั๊มให้เติมน้ำมัน แต่เด็กปั๊มไม่ได้เติมให้ ก่อนจะขับมาที่ปั๊มในตำบลโพธิ์ (ปั๊มที่เกิดเหตุ) และมาก่อเหตุดังกล่าว

ต่อมาผู้ก่อเหตุยังขับรถยนต์คันดังกล่าวไปก่อเหตุขโมยขนมในร้านกาแฟในปั๊มน้ำมันในตำบลหนองครก อำเภอเมือง อีกด้วย ต่อมาผู้ก่อเหตุขับรถมุ่งหน้าจากถนนศรีสะเกษ-ขุขันธ์ ผ่านอำเภอวังหิน ระหว่างทางผู้ก่อเหตุแวะที่ตลาดไทอำเภอวังหิน ผู้ก่อเหตุอ้างตัวเป็นตำรวจขู่จะยิงแล้วชิงลอตเตอรี่ 2 แผง ขึ้นรถขับมุ่งหน้าไปยังอำเภอขุขันธ์ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้เร่งติดตามตั้งด่านสกัดจับรถยนต์ต้องสงสัยแล้ว คาดว่าจะได้ตัวเร็วๆนี้