คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าวสังคม

สื่อรัฐนิวส์*สื่อรัฐทีวี / ป้องกัน ลดยอดอัตราป่วยและเสียชีวิต Non-Communicable Diseases (NCDs)

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 สาธารณสุขระดมหมอ แกนนำ อสม.ทั้งจังหวัด ติวเข้มขับเคลื่อนดูแลสุขภาพประชาชนป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง(NCDs)ลดยอดอัตราป่วยและเสียชีวิต Non-Communicable Diseases หรือ โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เป็นกลุ่มโรคที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อโรค และไม่สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้

แต่เป็นโรคที่เกิดจากนิสัยและพฤติกรรมการดำเนินชีวิต เช่น การรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม การขาดการออกกำลังกาย การสูบบุหรี่ และความเครียด. กลุ่มโรคนี้มีลักษณะดำเนินโรคอย่างช้าๆ ค่อยๆ สะสมอาการ และมักเป็นเรื้อรัง. ตัวอย่างโรค NCDs ที่พบได้บ่อย ได้แก่ โรคหัวใจและหลอดเลือด, เบาหวาน, โรคไตเรื้อรัง, โรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง และมะเร็ง

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 23 ก.ย.68 ที่โรงแรมมรกตทวิน อ.เมือง จ.ชุมพร นางเดือนเพ็ญ เคี่ยนบุ้น รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชุมพร เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพบุคลากรสาธาธารณสุขและเครือข่ายสุขภาพภาคประชาชน เพื่อขับเคลื่อนงานส่งเสริมปีองกันโรค NCDs จังหวัดชุมพร โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมนายแพทย์สาธารณสุขอำเภอทุกอำเภอเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจากโรงพยาบาลทุกแห่ง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และสำนักงานสาธารณสุข จังหวัดศูนย์บริการสาธารณสุขเทศบาลคณะกรรมการชมรมอสม. หน่วยบริการสาธารณสุขทุกแห่ง และ อสม 320 คน

นางสาวสุดารัตน์ วงศ์นัฏจิรา หัวหน้ากลุ่มงานพัฒนาคุณภาพและรูปแบบบริการ สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดชุมพร กล่าวรายงานว่า การประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพบุคลากรสาธารณสุขและเครือข่ายสุขภาพภาคประชาชน เพื่อขับเคลื่อนงานส่งเสริมป้องกันโรค NCDs จังหวัดชุมพร ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) เล็งเห็นว่ากลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ถือเป็น
ปัญหาใหญ่ที่กำลังทวีความรุนแรง

จากสถิติติผู้เสียชีวิตจากกลุ่มโรค NCDs ในปี พ.ศ.2562 พบว่าสาเหตุการเสียชีวิตของประชากรโลกทั้งหมดมีถึง 63% ที่เกิดจากกลุ่มโรค NEDs สำหรับประเทศไทยสถิติล่าสุดพบว่า 14 ล้านคน พบในกลุ่มโรค NCDs เป็นสาเหตุหลักการเสียชีวิตของประชากรทั้งประเทศ โดยจากสถิติปี พ.ศ.2562 พบว่ามีประชากร
เสียชีวิตจากกลุ่มโรค NCDs มากกว่า 300,000 คน หรือคิดเป็น 73% ของการเสียชีวิตของประชากรไทยทั้งหมด มูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจถึง 200,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งกลุ่มโรค NCDs ได้แก่ โรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคถุงลมโป้งพอง และโรคอ้วนลงพุง

กระทรวงสาธารณสุขจึงหนดเป็นนโยบายเร่งด่วนให้ อสม.มีส่วนร่วม เพื่อให้คนไทยห่างไกลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง(NCDs) ได้ด้วยกลไก อสม.สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชุมพร มีความตระหนักและเห็นความของปัญหาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง NCDs

จึงมีความจำเป็นต้องพัฒนาศักยภาพบุคลากรสารณสุขและภาคีเครือข่ายสุขภาพภาคประชาชน โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้บุคลากรและเครือข่ายสุขภาพภาคประชาชนมีความรู้ความสามารถในการขับเคลื่อมงานป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง และเพื่อลดปัญหาโรค

NCDs เพื่อให้บุคลากรและเครือข่ายสุขภาพภาคประชาชนร่วมกันขับเคลื่อนการดำเนินงานศูนย์คนไทยห่างไกล NCDs ในสถานบริการสาธารณสุขให้ครบทุกแห่ง การจัดตั้งสถานีสุขภาพในทุกหมู่บ้านของจังหวัดชุมพร Hulth station เพื่อให้บุคลากรและเครือข่ายสุขภาพภาคประชาชนได้แลกเปลี่ยนและขับเคลื่อนการดำเนินงานสุขภาพภาคประชาชนร่วมกับชมรมอาสาสมัครสาธารณสุขจังหวัดชุมพร

สำหรับวิทยากร ที่ให้ความรู้ประกอบด้วย นายแพทย์ภัคพล ปัญจจิตติ นายแพทย์ชำนาญการ โรงพยาบาลสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ นายชาตรี เบญญาพันธุ์ นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ สสอ.เหนือคลอง และนางสาววรุญยุภา ยุติมิตร พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ รพ.สต.บ้านบางผึ้ง จังหวัดกระบี นายบุญสิงห์ แก้วสุข อสม.ดีเด่นระดับชาติ สาชา NCD ปี 2566 จังหวัดกระบี่

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / วัดกุดสมิง นำปลอกลูกกระสุนปืนใหญ่ไทย เพื่อเป็นมวลสาร หล่อพระกรุตสมิงชัยมงคล รุ่น ปิตุภูมิพิทักษ์ มอบทหารกล้า – ตชด.ตามแนวชายแดน

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 23 กันยายน 2568 ที่ วัดป่ากุดสมิง ตำบลหนองหว้า อำเภอเบ็ญจลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ที่ญาติ โยม ประชาชน รู้จักกันว่าเป็นวัดป่าที่มีป่าอุดมสมบูรณ์ มีต้นไม้ใหญ่ บนพื้นที่ 362 ไร่ เป็นป่าธรรมชาติ ด้านหลังวัด มีอ่างเก็บน้ำกุดสมิง โดยมีญาติโยมมาสร้างองค์พญานาค 5 ตระกูล และองค์พระพุทธรูป พระประธาน และปู่สมิง ที่สวมชุดทหารกล้า ไว้นานแล้ว

เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชน มากราบไหว้ขอพร ผู้ที่มีศรัทธา มาขอพรแล้วเป็นจริง จึงทำให้มีญาติโยม ประชาชนมาขอพรมิได้ขาด โดยเฉพาะ กับพระอาจารย์ สมนึก ปิยสิโล หรือ พระครูปิยวนารักษ์ ญาติโยมสายมู เคารพ เชื่อมั่น ศรัทธา ในวันที่เกิดการยิงปะทะของกองกำลังชายแดน ได้มีญาติโยม อพยพมาพักอาศัยที่วัด วันนี้ได้มีนายทหาร นำปลอกกระสุน ลูกปืนใหญ่ ที่ทหารไทยยิงสู้รบกับกองกำลังต่างชาติ

จนชนะ นำมาถวายให้กับทางพระอาจารย์ ที่มีแนวคิดที่จะเทหล่อ พระพุทธรูปกรุตสมิงชัยมงคล ขนาด 30 นิ้ว 5 องค์ เพื่อนำไปประดิษฐานที่ชายแดน จังหวัดบุรีรัมย์, สุรินทร์, ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี พร้อมที่วัดอีก 1 องค์ และยังมีหัวสบู่เลือด สมุนไพรไทย จากภูเขาสูง หายาก อายุ 100 ปี จะได้มีหัวใหญ่ขนาดนี้ นำมาร่วมกับลูกกระสุนดังกล่าว มาทำเป็นมวลสาร หล่อพระผงกรุตสมิงชัยมงคล รูปสีธงชาติไทย และสีลายทหาร รุ่น ปิตุภูมิพิทักษ์2568 ใน 4 รูปแบบ ต่อ 1 ชุด เพื่อนำไปมอบให้ทหารที่ปฎิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา คุ้มครองให้ทหารแคล้วคลาด ปลอดภัย เพื่อปกป้องรักษาอธิปไตยของไทย ไว้ให้ลูกหลาน

พระครูปิยวนารักษ์ กล่าวเชิญชวนญาติโยม ว่า เจริญพรญาติโยมทุกคน ในวันที่ 27 กันยายน 2568 ที่ วัดป่ากุดสมิง ตำบลหนองหว้า อำเภอเบ็ญจลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ จะมีพิธีเททองหล่อ พระพุทธรูปกรุตสมิงชัยมงคล เพื่อเป็นสิริมงคล เพื่อนำไปประดิษฐาน ไว้ตามแนวชายแดน และอีกส่วนหนึ่ง ก็ได้รับการถวายลูกกระสุนปืนใหญ่ ปืนเล็ก เอ็ม16 มาประกอบพิธีพลีมวลสาร เป็นพระผงกรุตสมิงชัยมงคล

รุ่น ปิตุภูมิพิทักษ์ เพื่อนำไปมอบให้ เป็นขวัญกำลังใจกับทหารกล้าตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ทั้ง 4 จังหวัด พร้อมกับญาติโยม ทั้งหลายที่สนใจ ศรัทธา จึงขอเชิญชวนญาติ – โยม ทุกท่าน มาร่วมเททองหล่อพระ ด้วยกัน วันเสาร์ที่ 27 กันยายน เริ่มเวลา 09.09 น.กับพิธีบวงสรวง พิธีเททองหล่อพระ รำถวายองค์พญานาค ปล่อยปลาลงกุดสมิง แจกทานข้าวสาร และมอบโลงศพให้มูลนิธิกู้ภัยฯ ตำบลจานใหญ่ เพื่อมอบต่อให้กับศพไร้ญาติต่อไป


ขณะที่นายเมฆ ปะวาโร ลูกศิษย์วัดกุดสมิง เปิดเผยว่า วันนี้ผมมาขอเชิญชวนพี่ๆ เพื่อนๆ มาเข้าร่วมพิธี ในวันที่ 27 กันยายน 2568 นี้ จะมีพิธีบวงสรวง ท้าวเวสสุวรรณ จะมีพี่น้ำ ระพีพัฒน์ มาร่วมแจกทานข้าวสาร จำนวน 2 ตัน กับญาติโยมที่มาร่วมงาน ร่วมพิธีเททองหล่อพระกรุตสมิง หน้าตัก 30 นิ้ว สูง 30 นิ้ว ทั้งหมด 5 องค์ เพื่อนำไปประดิษฐานที่แนวชายแดน 4 จังหวัดๆ ละองค์ คือที่ชายแดนจังหวัดบุรีรัมย์, สุรินทร์, ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี และไว้ที่วัดกุดสมิง อีก 1 องค์

โดย พระอาจารย์ สมนึก ปิยสิโล เจ้าอาวาสวัดป่ากุดสมิง มีเจตนาที่จะดูแล สร้างขวัญ กำลังใจ ให้กับพี่น้องทหาร และประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากการปะทะ ตามแนวชายแดน ทั้งบ้านเรือน – ครอบครัวประชาชน, วัด, โรงเรียน และรพ.สต.ดังกล่าว
//////////////////////
ภาพ/ข่าว วนิดา,ชาญฤทธิ์

สื่อรัฐนิวส์*สื่อรัฐทีวี / “บึงกาฬ พร้อมแล้ว! ไทย–ลาว ดันท่องเที่ยวข้ามพรมแดนสู่ระดับโลก”

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 22 กันยายน 2568 ณ โรงแรมเดอะวัน จังหวัดบึงกาฬ นายสมหวัง อารีย์เอื้อ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ เป็นผู้แทนจังหวัด กล่าวต้อนรับคณะทำงานจัดทำและขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ครั้งที่ 1 ซึ่งจัดขึ้นโดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

การประชุมครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวข้ามพรมแดน ภายใต้แนวคิด “Two Countries, One Destination” มุ่งยกระดับเส้นทางท่องเที่ยวและวัฒนธรรมร่วมกันของสองประเทศ

ให้เกิดความเข้มแข็งและยั่งยืนในระดับภูมิภาค โดยจังหวัดบึงกาฬในฐานะพื้นที่ชายแดนที่มีศักยภาพทั้งด้านธรรมชาติ วัฒนธรรม และประเพณี พร้อมสนับสนุนการดำเนินงานในทุกมิติ เพื่อก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของลุ่มน้ำโขงตอนบน

นายณรงค์ศักดิ์ คุรุพันธ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดบึงกาฬ เปิดเผยว่า การประชุมครั้งนี้เป็น “Mission ด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญ” ซึ่งจะสร้างประโยชน์ต่อประชาชนบึงกาฬในระยะยาว โดยเฉพาะเยาวชนรุ่นใหม่ เนื่องจากที่ประชุมมีความเห็นพ้องร่วม

กันในการพัฒนาการท่องเที่ยวเชื่อมโยงผ่าน สะพานมิตรภาพไทย–ลาว แห่งที่ 5 จังหวัดบึงกาฬ ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นประตูสู่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว แต่ยังเชื่อมต่อไปยังเวียดนาม จีน และออกสู่ทะเล ทำให้บึงกาฬกลายเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญด้านการท่องเที่ยว การค้า และการลงทุนในระดับนานาชาติ

สำหรับการประชุมครั้งที่ 1 ในปี 2568 นี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นของการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการความร่วมมือไทย–ลาวอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมช่วงปี 2569–2571 (2026–2028) โดยได้กำหนดให้การประชุมครั้งที่ 2 จะมีขึ้นในปีถัดไป ซึ่งฝ่ายลาวจะรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพ

บรรยากาศการประชุมเต็มไปด้วยมิตรไมตรีและความมุ่งมั่นจากทั้งสองฝ่าย ต่างมองไปสู่อนาคตที่สดใสของการท่องเที่ยวร่วมกัน เพื่อยกระดับพื้นที่ชายแดนไทย–ลาว สู่เวทีการท่องเที่ยวระดับโลก
ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล//บึงกาฬ 0961464326

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา จัดประชุมวิชาการนานาชาติ “International Cardiology Conference 2025”

แชร์เนื้อหานี้

ที่ห้องประชุม Seaboard Ballroom ชั้น 17 โรงแรม Hilton Pattaya จ.ชลบุรี โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา ได้จัดประชุมวิชาการนานาชาติ “International Cardiology Conference 2025” พันธมิตรระดับโลก Mayo Clinic ร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และร่วมขับเคลื่อนความรู้หัวใจในทุกมิติ – ป้องกัน รักษา ฟื้นฟู แบบ 360°

     การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อตอกย้ำวิสัยทัศน์ของศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา ในการเป็นผู้นำด้านโรคหัวใจในภูมิภาค ด้วยแนวคิด “Heart Care 360°” ที่ให้ความสำคัญกับทุกมิติของการดูแลหัวใจ ทั้งการป้องกันโรค (Preventive), การรักษาด้วยหัตถการขั้นสูง (Interventional), การดูแลหลังการรักษา (Rehabilitation) รวมถึงการดูแลเชิงลึกด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล

     โดยการประชุมแบ่งออกเป็น 2 หัวข้อหลัก ได้แก่ 1. Preventive Cardiology มุ่งเน้นการป้องกันโรคหัวใจตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เช่น แนวทางการลดความเสี่ยงด้วยการประเมินแบบ Personalized Risk Score การใช้อัลกอริทึมในการวางแผนการดูแลหัวใจ แนวโน้มอาหารเพื่อสุขภาพหัวใจ Cardiac

Rehabilitation เชิงดิจิทัล และ 2.Interventional Cardiology เจาะลึกเทคโนโลยีและนวัตกรรมล่าสุดในการรักษา เช่น หัตถการเปิดหลอดเลือดในกรณี Chronic Total Occlusion (CTO) การรักษาโรคลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบด้วย TAVI การดูแลภาวะ STEMI และ MINOCA การประยุกต์ใช้ Imaging และ AI ในการวินิจฉัยโรคหัวใจ

     หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของงานคือการร่วมบรรยายและแลกเปลี่ยนประสบการณ์โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจาก Mayo Clinic, Rochester, Minnesota, USA สถาบันการแพทย์ระดับโลกที่มีชื่อเสียงด้านโรคหัวใจอันดับต้น ๆ ของโลก นำโดย Dr. Francisco Lopez-Jimenez, MD, FACC – ผู้เชี่ยวชาญด้าน Preventive Cardiology, Dr. Rajiv Gulati, MD, PhD, FACC – ผู้เชี่ยวชาญด้าน Interventional Cardiology

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ศรีสะเกษสุดคึกคัก เปิดงาน “รำลึกพระยาไกรภักดี แซนโฎนตา บูชาหลักเมือง ลือเลื่องกล้วยแสนหวี 2568”

แชร์เนื้อหานี้

ขบวนแห่ 24 ขบวนอลังการ ช้าง 7 เชือกนำขบวน แสงสีเสียงนักแสดงท้องถิ่นกว่า 500 ชีวิต ฮือฮา จุดธูปเลขขอโชคลาภได้ “738” เมื่อเวลา 17.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 19 กันยายน 2568 ที่ลานอนุสาวรีย์พระยาไกรภักดีศรีนครลำดวน (ตากะจะ) อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก ประชาชนหลั่งไหลมาร่วมชมพิธีเปิดงาน “รำลึกพระยาไกรภักดี แซนโฎนตา บูชาหลักเมือง ลือเลื่องกล้วยแสนหวี ประจำปี 2568” กันอย่างเนืองแน่น

โดยมี นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ นักเรียน นักศึกษา และชาวบ้านจากทุกตำบลในอำเภอขุขันธ์เข้าร่วมอย่างคับคั่งสำหรับงานดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อเป็นการกระตุ้นให้ประชาชนเห็นความสำคัญของ ประเพณีแซนโฎนตา ซึ่งเป็นพิธีรำลึกบรรพบุรุษตามความเชื่อของชาวเขมร และเพื่อปลูกฝังให้เยาวชนรู้จักกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ สืบสานวัฒนธรรมอันดีงามให้คงอยู่คู่ท้องถิ่น

ซึ่งในช่วงก่อนพิธีเปิด ได้มีขบวนแห่จาก 23 ตำบล รวม 24 ขบวน ที่ถูกจัดขึ้นอย่างสวยงามยิ่งใหญ่ แต่ละขบวนได้นำเสนออัตลักษณ์ท้องถิ่น ทั้งขบวนพระ ขบวนจำลองสถานที่สำคัญ และการแสดงวัฒนธรรมพื้นบ้านที่หาชมได้ยากโดยขบวนสุดท้าย เป็นขบวนช้าง 7 เชือก ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจแก่ประชาชน โดยมี นายพงษ์ธร จันทร์สวัสดิ์ นายอำเภอขุขันธ์ พร้อมภรรยา นั่งนำขบวน และหัวหน้าส่วนราชการหลายหน่วยงานร่วมขบวนมาด้วย

นอกจากความงดงามอลังการแล้ว ยังมีการจัด ขบวนล้อเลียนกระแสสังคม เช่น ขบวนล้อเลียนข่าวพระกับสีกา ซึ่งคณะผู้จัดงานยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาลบหลู่พระพุทธศาสนา แต่ต้องการสะท้อนปัญหาสังคมให้เห็นอย่างตรงไปตรงมา และสร้างจิตสำนึกให้พระสงฆ์และญาติโยม โดยขบวนดังกล่าวถือเป็นอีกหนึ่งสีสันของงานที่เรียกเสียงฮือฮาจากประชาชนผู้ร่วมชมได้อย่างมาก

หลังพิธีเปิด มีการประกอบพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษตามประเพณี โดยแต่ละตำบลจัดเตรียม พานบายศรี เครื่องเซ่น เครื่องบูชา มาร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง ขณะที่ ตำบลปราสาท ได้ทำการจุดธูปเลขเพื่อขอโชคลาภกับบรรพบุรุษ โดยตัวเลขที่ได้คือ 738 สร้างความฮือฮาให้กับประชาชนที่มาร่วมงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไปว่า งานดังกล่าวเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน และจะมีไปจนถึงวันที่ 23 กันยายน 2568 รวมระยะเวลา 9 วันเต็ม ภายในงานมีกิจกรรมมากมาย เช่น มหกรรมสินค้า OTOP “อะไรก็ดีที่ศรีสะเกษ” รวบรวมสินค้าพื้นบ้านให้เลือกซื้อ การประกวด กล้วยงามเมืองขุขันธ์, ผ้าไหม, เสื้อแส่ว และการแสดงสารคดีประวัติศาสตร์ แสง–สี–เสียงสุดตระการตา เรื่อง “ขุขันธ์ เป็นเมืองเป็นชาติ ด้วยรอยบาทพระราชา ฝากคมศาตรา ขับล้างอดิราชแผ่นดิน” ซึ่งใช้นักแสดงท้องถิ่นกว่า 500 คน

ภาพ/ข่าว วนิดา,ชาญฤทธิ์

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / โครงการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ปีงบประมาณ 2568 จำนวน 4 โครงการ

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 19 กันยายน 2568 เวลา 09.30 น. สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดน่าน จัดประชุมคณะอนุกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร จังหวัดน่าน ครั้งที่ 9/2568

โดยมีนายบุญยงค์ สดสอาด เป็นประธาน และนางณัติกานต์ บุญเจริญ หัวหน้าสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดน่าน ทำหน้าที่อนุกรรมการและเลขานุการ ณ ห้องประชุมเจ้าสุมนเทวราช (ชั้น 6) ศาลากลางจังหวัด อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน

โดยมีวาระพิจารณาในที่ประชุม ดังนี้
1.พิจารณากลั่นกรองแผนและโครงการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ปีงบประมาณ 2568 จำนวน 4 โครงการ

2.พิจารณาการขึ้นทะเบียนหนี้เกษตรกร ประจำปี 2568 ระหว่างวันที่ 28 สิงหาคม 2568 – 19 กันยายน 2568 จำนวน 36 ราย จำนวน 106 บัญชี มูลหนี้ 15,857,742.33 บาท (สิบห้าล้านแปดแสนห้าหมื่นเจ็ดพันเจ็ดร้อยสี่สิบสองบาทสามสิบสามสตางค์)

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ลพบุรี จัดพิธีปิดและมอบประกาศนียบัตรโครงการ D.A.R.E. โรงเรียนโคกสำโรง

แชร์เนื้อหานี้

วันพุธ ที่ 17 กันยายน 256 เวลา 09.00-11.00 น. ณ โรงเรียนโคกสำโรง นางกิติพร แตงชุ่ม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโคกสำโรง ประธานในพิธี พร้อมด้วย พ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักษ์บันฑิต ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรโคกสำโรง คณะ กต.ตร. เดินทางร่วมพิธีฯ ตามที่ องค์การบริหารส่วนตำบลโคกสำโรง ร่วมกับ สถานีตำรวจภูธรโคกสำโรง โรงเรียนโคกสำโรง โรงเรียนจารึกล้อมวิทยา โรงเรียนวัดรัตนาราม และโรงเรียนวัดหนองพิมาน
โครงการ การศึกษาเพื่อต่อด้านการใช้ยาเสพติดในเด็กนักเรียน (D.A.R.E.ประเทศไทย) ภาคการศึกษา
ที่ 1 ปีการศึกษา 2568

มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลและทักษะที่จำเป็นแก่เด็กนักเรียนระดับประถมศึกษาให้สามารถใช้ชีวิตโดยปราศจาก ยาเสพติด ความรุนแรง และสร้างสัมพันธภาพที่ดี
ระหว่างตำรวจ เด็กนักเรียน ครู บิดา มารดา และสมาชิกในชุมชนโดยเน้นการให้ข้อมูลที่เที่ยงตรงเกี่ยวกับยาเสพติด บุหรี่ สุรา กัญชาระเหย ยาบ้าสอนให้เด็กเกิดทักษะในการตัดสินใจแสดงให้เห็นถึงวิธีการหลีกเลี่ยง การกดดันของกลุ่มเพื่อนร่วมวัยเสนอพาะเลือกอื่นๆ ให้กับเด็ก

นอกหนือจาการใช้ยาเสพติด และความรุนแรง และบัดนี้การดำเนินการตามโครงการ มีนักเรียนที่ผ่านการอบรม จำนวน 92 คนโครงการแดร์ (DA.R.E.) ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก องค์การบริหารส่วนตำบลโคกสำโรง คณะวิทยากรจากสถานีตำรวจภูจภูธรโคกสำโรง ชุดชุมชนสัมพันธ์ ความร่วมมือจากโรงเรียนโคกสำโรงโรงเรียนจารึกล้อมวิทยา โรงเรียนวัดรัตนาราม และโรงเรียนวัดหนองพิมาน ได้รับการตอบสบสนองด้วยดีจากนักเรียน และคณะครูในโรงเรียน ตลอดจนผู้ปกครองของนักเรียน การสอนตามโครงการได้เสร็จสิ้นแล้ว และ

เพื่อเป็นการแสดงความห่วงใยจากผู้ใหญ่ในสังคม
ที่ประสงค์ให้ลูกหลานหลีกเลี้ยงจากยาเสพติด และให้นักเรียนที่เข้าร่วมโครงการได้ตระหนักถึงคุณค่า ของตนเอง จึงจัดให้มีพิธีมอบประกาศนียบัตรแดร์ (D.A.R.E.) ให้กับนักเรียนผู้เข้าร่วมโครงการดังกล่าวต่อไป

สนอง แท่นสูงเนินผอ.ศูนย์ข่าวฯ ประจำจังหวัดลพบุรี อนุกรรมการสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์จังหวัดลพบุรี

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สยามคูโบต้า จับมือ กรมพัฒนาที่ดิน ปักหมุด “ศรีสะเกษ” ดัน “โครงการส่งเสริมการจัดการน้ำโดยใช้รถขุดคูโบต้า” รับมือวิกฤตน้ำในพื้นที่เกษตร สร้างความรู้ให้กับเกษตรกร

แชร์เนื้อหานี้

***ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร้านค้าผู้แทนจำหน่ายเครือคูโบต้าเลาเจริญ นายณัฐวุฒิ ขจรจรัสกุล ประธานกรรมการเครือคูโบต้าเลาเจริญ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานเปิดโครงการส่งเสริมการจัดการน้ำโดยใช้รถขุดคูโบต้า” รับมือวิกฤตน้ำในพื้นที่เกษตร ซึ่งโครงการดังกล่าว

กรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับ บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด จัดขึ้นเพื่อเป็นอีกหนึ่งโครงการที่จะช่วยเร่งแก้ปัญหาน้ำในพื้นที่การเกษตร ซึ่งภายในงานมีการจัดเสวนาให้ความรู้และแบ่งปันประสบการณ์โดยกลุ่มเกษตรกรต้นแบบ

ทั้งด้านการบริหารจัดการดินและน้ำในแปลงเกษตร เทคนิคการใช้งานรถขุดคูโบต้าจากผู้ใช้งานรถขุดตัวจริง องค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการน้ำโดยเกษตรอินโน และการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม Zoning by Agri-Map เพื่อวางแผนการทำเกษตรโดยบูรณาการ ดิน น้ำ และพืช พร้อมชวนเกษตรกรที่สนใจ

ลงทะเบียนลุ้นรับคูปองขุดร่องน้ำ บ่อน้ำ ในพื้นการเกษตร และรับคำแนะนำบริหารจัดการน้ำในแปลงเพาะปลูก ตลอดจนรับบริการแมตชิ่งลูกค้ากับผู้ให้บริการรถขุด นอกจากนี้ยังมีการเพื่อแนะนำการปลูกพืชให้สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่อย่างเหมาะสมที่สุด ช่วยลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร


***ทั้งนี้กรมพัฒนาที่ดิน และสยามคูโบต้า มุ่งหวังให้กิจกรรมนี้ สร้างแบบอย่างการบริหารจัดการดินและน้ำที่ยั่งยืนในภาคเกษตร เกษตรกรมีความรู้ความเข้าใจและลงมือปฏิบัติจริงในการบริหารจัดการน้ำ รวมถึงลูกค้ารถขุดสามารถใช้รถขุดคูโบต้าเพื่อสร้างรายได้จากการให้บริการในชุมชน เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างต้นแบบกิจกรรมที่สามารถต่อยอดความร่วมมือสู่การขยายผลไปยังพื้นที่เกษตรอื่นในอนาคต

“โครงการส่งเสริมการจัดการน้ำโดยใช้รถขุดคูโบต้า” จะนำร่อง 5 จุดนำร่องทั่วประเทศ ระหว่างเดือนสิงหาคม – กันยายน 2568 ในจังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดจันทบุรี ติดตามข้อมูลได้ทางเพจ Facebook กรมพัฒนาที่ดิน และ Facebook Fanpage สยามคูโบต้า
ภาพ/ข่าว วนิดา,ชาญฤทธิ์

สื่อรัฐนิวส์สื่อรัฐทีวี / มอบธงครัวเรือนปลอดยาเสพติด “บ้านเขาป่าหญ้า” อ.โคกสำโรง นำร่อง ชุมชนเข้มแข็ง เอาชนะปัญหายาเสพติด ปลอดผู้เสพ ผู้ค้า 100%

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 16 กันยายน 2568 เวลา 16.00 น. ที่ วัดเขาป่าหญ้า ตำบลวังเพลิง อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี นายปรัชญา เปปะตัง รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี

เป็นประธานพิธีมอบธงครัวเรือนปลอดยาเสพติด ตามโครงการ Re X-ray ค้นหาผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดตามนโยบายสำคัญของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ปี พ.ศ.2568

ของบ้านเขาป่าหญ้า หมู่ที่ 10 ตำบลวังเพลิง อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี โดยมี นายเจตพงศ์ โชคสวัสดิ์วรกุล นายอำเภอโคกสำโรง และนางสาวนงลักษณ์ อยู่พุ่ม ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง

นายนรินทร์ คลังผา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 4 และนางสาวอุมาพรคลังผา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลวังเพลิง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาชนในพื้นที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมพิธีในครั้งนี้

ทั้งนี้ จากนโยบายการแก้ไขปัญหายาเสพติด ที่รัฐบาลกำหนดให้เป็นวาระสำคัญระดับชาติ ตามแผนปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด No Drugs No Dealers

ผนึกกำลังสร้างหมู่บ้านชุมชนปลอดยาเสพติด อำเภอเมืองลพบุรี มีการดำเนินการ โดยการสร้างการรับรู้ให้แก่นักเรียนประชาชน การ Re X-ray ค้นหาผู้เสพ ผู้ติดผู้ค้ายาเสพติด

ตั้งจุดตรวจจุดสกัด และปิดล้อมตรวจค้น ผู้ค้ายาเสพติด ในพื้นที่เป้าหมาย จัดชุดปฏิบัติการประจำตำบล ออกตรวจลาดตระเวนรักษาความสงบเรียบร้อย

พร้อมทั้งตรวจหาสารเสพติดในกลุ่มข้าราชการพนักงานลูกจ้าง และบุคลากรในสังกัด และกลุ่มพระภิกษุสงฆ์ในวัดพื้นที่เป้าหมาย โดยอำเภอโคกสำโรงได้คัดเลือกบ้านเขาป่าหญ้า หมู่ที่ 10 ตำบลวังเพลิง อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี

สื่อรัฐนิวส์*สื่อรัฐทีวี / ผู้ว่าประจวบฯฯ เปิดโครงการ “มหกรรมคนรักษ์ทะเล” ปกป้อง ฟื้นฟู และจัดการทรัพยากรทางทะเล /“เทศกาลกินหอย ตกหมึก @ ชะอำ ครั้งที่ 24” นทท.ชิมซีฟู้ดแน่นหาด

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 13 ก.ย.68 ที่หาดบ้านกรูด อ.บางสะพาน จ.ประจวบฯ นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการ จ.ประจวบฯ เป็นประธานพิธีเปิดโครงการ “มหกรรมคนรักษ์ทะเล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์” โดยมี พญ.บุษกร สวัสดิ์แสน นายกเหล่ากาชาดจังหวัดฯ นายปรีดา สุขใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ นายสราวุธ ลิ้มอรุณรักษ์ นายกนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดฯ

นายสุวัฐน์ วงศ์สุวัฒน์ รองอธิบดีกรมประมง นายสมเจตน์ จันทนา ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด นางสาวอาทิตา จุ้ยจู่เอี้ยม ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 3 ว่าที่ร้อยตรีสมนึก พรหมศร ประมงจังหวัด แขกผู้มีเกียรติ หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เครือข่ายภาคีอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งและอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล

เข้าร่วมในพิธีสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดประจวบฯ ร่วมกับ สำนักงานประมงจังหวัดประจวบฯ สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝังที่ 3 (เพชรบุรี) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดงาน “มหกรรมคนรักษ์ทะเลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์” ด้วยจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีชายฝั่งทะเลยาวกว่า 246 กิโลเมตร ครอบคลุม 8 อำเภอ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่น

สร้างรายได้ทางเศรษฐกิจมากกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท และเป็นแหล่งทำการประมงที่สร้างมูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาทต่อปี โดยมีเรือประมงพื้นบ้านกว่า 2,000 ลำ อย่างไรก็ตาม ทรัพยากรทางทะเลกำลังเผชิญกับความเสื่อมโทรมจากมลพิษ การทำประมงเกินขนาด และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

โครงการมหกรรมคนรักษ์ทะเลฯ จึงเกิดขึ้นเพื่อสร้างความตระหนักรู้ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน ภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม ในการปกป้อง ฟื้นฟู และจัดการทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน โดยเน้นการลดขยะ เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการสิ่งแวดล้อม สร้างเครือข่ายความร่วมมือ และลดก๊าซเรือนกระจก เพื่อรักษาสมดุลระบบนิเวศ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย Next Move Prachuap “ประจวบฯ ต้องไปต่อ” ที่มุ่งพัฒนาเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการประมง ควบคู่กับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สู่คุณภาพชีวิตที่ดีและความมั่นคงยั่งยืนของจังหวัดประจวบฯ
สำหรับโครงการ “มหกรรมคนรักษ์ทะเล จังทวัดประจวบฯ”

จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์ในการสร้างความรู้ ความเข้าใจ และความตระหนักแก่ประชาชน เยาวชน หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เกี่ยวกับความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการปกป้อง ฟื้นฟู และจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทางทะเลอย่างสมดุลและยั่งยืน สอดคล้องกับแผนพัฒนาจังหวัด และนโยบาย Next Move Prachuap “ประจวบฯ ต้องไปต่อ” ที่เน้นการพัฒนาควบคู่กับการรักษาสภาพแวดล้อมให้เกิดความสมดุลและยั่งยืน พัฒนาและขยายเครือข่ายความร่วมมือด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ชุมชนท้องถิ่น และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง

กิจกรรมในวันนี้ประกอบไปด้วยการเสวนา ในหัวข้อ “การจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ป่าชายเลน และการประมงอย่างยั่งยืน” โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนี้ ยังมีการมอบอุปกรณ์เก็บขยะชายหาด การมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าชายเลนตามโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน (คทช.) การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) “มหกรรมคนรักษ์ทะเล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์”

เพื่อแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการปกป้อง ฟื้นฟูและจัดการทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่ง และการทำประมงอย่างยังยืนและปิดท้ายด้วยกิจกรรมการปล่อยพันธ์สัตว์น้ำและเต่าทะเล รวมถึงการมอบซั้งให้แก่กลุ่มประมงพื้นบ้าน.
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 0909944781

เริ่มแล้ว “เทศกาลกินหอย ตกหมึก @ ชะอำ ครั้งที่ 24” นทท.ชิมซีฟู้ดแน่นหาด

เมื่อวันที่ 13 ก.ย.68 ที่บริเวณจุดชมวิวชายหาดชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี นายภคพัส ส่งวัฒนายุทธ รองผู้ว่าราชการ จ.เพชรบุรี เป็นประธานเปิดงานเทศกาลกินหอย ตกหมึก @ ชะอำ ครั้งที่ 24 พร้อมด้วย นายนุกูล พรสมบูรณ์ศิริ นายกเทศมนตรีเมืองชะอำ นายแก้ว คงวงศ์ นายอำเภอชะอำ นายดวงใจ คุ้มสอาด ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)

สำนักงานเพชรบุรี นายวสันต์ กิตติกุล นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันตก พ.ต.อ.อภิรักษ์ เพิ่มชัย ผกก.สภ.ชะอำ หัวหน้าส่วนราชการ และแขกผู้มีเกียรติจำนวนมากให้การต้อนรับพร้อมชิมอาหารจานเด็ดจากเซฟโรงแรมชั้นนำในพื้นที่ชะอำโดยใช้ปลาหมึกสดที่ได้มาจากประมงพื้นบ้านแจกจ่ายให้นักท่องเที่ยวได้ลองทาน ท่ามกลางบรรยากาศคึกคักของนักท่องเที่ยวเข้าชมงานกันเป็นจำนวนมาก

เทศบาลเมืองชะอำ ร่วมกับ ททท.สำนักงานเพชรบุรี สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดเพชรบุรี และ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด จัดงานเทศกาลกินหอย ตกหมึก @ ชะอำ ต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างรายได้กระตุ้นเศรษฐกิจให้กับท้องถิ่น ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 24 จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 13-20 ก.ย.68 รวม 8 วัน 8 คืน ภายในงานมีกิจกรรมมากมาย มีการออกร้านจำหน่ายอาหารทะเลสดเลิศรสที่ปรุงด้วยเมนูหมึกและหอยเป็นหลักและอาหารอื่น ๆ อีกหลากหลายจากโรงแรมและร้านอาหารชื่อดังใน อ.ชะอำและ จ.เพชรบุรี

กว่า 50 ร้านค้าคุณภาพในราคายุติธรรมและเหมาะสมคุณภาพ อีกทั้งยังจัดให้มีการแสดงดนตรีจากวงดนตรีที่ได้รับความนิยมทุกคืน การออกร้านจำหน่ายสินค้าท้องถิ่นบนถนนคนเดินรอบบริเวณจุดชมวิวชายหาดชะอำ และยังได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่หาได้เฉพาะในงานเทศกาลนี้ 1 ปีมีครั้งเดียว กับบริการนำนักท่องเที่ยวสัมผัสประสบการณ์การลงเรือตกหมึกกลางทะเลที่น่า

ตื่นเต้นประทับใจทุกวันในราคาถูกเป็นพิเศษเพียงท่านละ 100 บาท พร้อมอุปกรณ์ตกหมึก “โยธกา” ที่หาชมได้เฉพาะกิจกรรมนี้เท่านั้น จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวและผู้สนใจเที่ยวชมงานตามวันดังกล่าวได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781