คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าวสังคม

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / เชิญชวนเที่ยวงาน แซนโฎนตา บูชาหลักเมือง ลือเลื่องกล้วยแสนหวี ประจำปี 2568 ตำนานเมืองขุขันธ์ การแสดง และริ้วขบวนแห่สุดยิ่งใหญ่

แชร์เนื้อหานี้

***เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 12 กันยายน 2568 ที่ลานอนุสาวรีย์พระยาไกรภักดีศรีนครลำดวน (ตากะจะ) อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ นายพงษ์ธร จันทร์สวัสดิ์ นายอำเภอขุขันธ์ พร้อมด้วย นางณัฐนันท์ จันทร์สวัสดิ์ นายกกิ่งกาชาดอำเภอขุขันธ์ นางสมจันทร์ บัวเขียว นายกเทศมนตรีตำบลเมืองขุขันธ์ และ นายรัฐวิทย์ อังคสกุลเกียรติ ประธานหอการค้าจังหวัดศรีสะเกษ ร่วมกันแถลงข่าว งานรำลึกพระยาไกรภักดีประเพณีแซนโฎนตา บูชาหลักเมือง ลือเลื่องกล้วยแสนหวี ประจำปี 2568

โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-23 กันยายน 2568 เพื่อเป็นการอนุรักษ์และสืบสานวัฒนธรรมการประกอบพิธีกรรมเช่นไหว้บรรพบุรุษ ตามความเชื่อที่แสดงออกถึงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ ส่งเสริมความรัก ความสามัคคีของชาวอำเภอขุขันธ์ตลอดจนการใช้ประเพณีให้เป็นสายใยผูกพันในครอบครัว เพื่อพัฒนาท้องถิ่นในด้านการส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวเปิดประตูให้สาธารณชนทั่วไปได้มีโอกาสเรียนรู้ โดยใช้มิติทางวัฒนธรรมเป็นสื่อ

***ทั้งนี้สำหรับงานในปีนี้ มีกิจกรรมที่เป็นจุดเด่นและสิ่งที่น่าสนใจมากมาย เพื่อเป็นการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวจากนอกพื้นที่ และในพื้นที่เข้ามาเที่ยวชมงาน ไม่ว่าจะเป็น การจัดแสดงและจำหน่ายสินค้า OTOP “มหกรรมสินค้าอะไรก็ดีที่ศรีสะเกษ ที่ชาวอำเภอขุขันธ์ร่วมแรงร่วมใจผลิตสินค้าที่เป็นสินค้าพื้นบ้านในชุมชน มาให้นักท่องเที่ยวได้จับจ่ายเลือกซื้อ การประกวดกล้วยงามเมืองขุขันธ์ การประกวดผ้าไหมและเสื้อแส่ว และการชมสารคดีประวัติศาสตร์ เล่นขานตำนานเมืองขุขันธ์ แสง สี เสียง สุดอลังการ

***โดยปีนี้การแสดงจะใช้ชื่อว่า “ขุขันธ์ เป็นเมืองเป็นชาติ ด้วยรอยบาทพระราชา ฝากคมศาตรา ขับล้างอดิราชแผ่นดิน” ซึ่งจะจัดแสดงดพียง 2 รอบคือช่วงค่ำของวันที่ 18 และ วันที่ 19 ก.ย. 68 โดยจะใช้นักแสดงกว่า 500 คน ที่เป็นคนอำเภอขุขันธ์ ทั้งหมด นอกจากนี้วันที่ 19 ก.ย. 68 จะมีขบวนแห่ของ 23 ตำบล 24 ขบวน ที่แต่ละตำบลจะนำเอกลักษณ์ของแต่ละตำบลมาจัดแสดง ให้ชม ไม่ว่าจะเป็น ขบวนแห่พระ ขบวนแห่จำลองสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของขุขันธ์ ขบวนจำลองวัฒนธรรมประเพณีของท่องถิ่นที่หาชมได้ยาก และไม่สามารถหาชมได้จากที่ไหนอีกด้วย

***ทั้งนี้จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยว ประชาชนทั่วไป มาร่วมงาน ร่วมกิจกรรมงานรำลึกพระยาไกรภักดีประเพณีแซนโฎนตา บูชาหลักเมือง ลือเลื่องกล้วยแสนหวี ประจำปี 2568 เพราะที่นี้คืออำเภอขุขันธ์ เมืองแห่งมนต์เสน่ห์ ที่ทุกท่านไม่ควรพลาดที่เข้ามาสัมผัสงานในครั้งนี้ว
ภาพ/ข่าว วนิดา,ชาญฤทธิ์

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / เทศกาลวัฒนธรรมหมิ่นหนาน ปี 2025 เปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่ ณ กรุงเทพมหานคร โดย “ท่าเรือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งบูรพาทิศ” ในสมัยราชวงศ์ซ่งและหยวน

แชร์เนื้อหานี้

เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่สมการรอคอย สำหรับ “เทศกาลวัฒนธรรมหมิ่นหนาน ปี 2025” จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทยโดย สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย, สมาคมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมนานาชาติฝูเจี้ยน, สมาคมการส่งเสริมวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวฝูเจี้ยน โดยมี สมาคมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมนานาชาติเฉวียนโจว และ สมาคมจีนเฉวียนโจว–จินเจียงแห่งประเทศไทย ร่วมเป็นเจ้าภาพ

ดำเนินงานโดย สำนักงานวัฒนธรรม วิทยุ โทรทัศน์และการท่องเที่ยวเมืองเฉวียนโจว, สหพันธ์อุตสาหกรรมชุมชนเมืองและชนบทเฉวียนโจว, สหพันธ์ชาวจีนโพ้นทะเลเมืองเฉวียนโจว, ศูนย์ส่งเสริมวัฒนธรรมหมิ่นหนานเฉวียนโจว และ สำนักเลขาธิการเทศกาลวัฒนธรรมหมิ่นหนานโลก เนื่องในวาระครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีน-ไทย งานนี้ไม่เพียงแต่มีพันธกิจในการสืบสานมิตรภาพอันดั้งเดิมระหว่างสองประเทศและส่งเสริมการเรียนรู้ระหว่างอารยธรรมเท่านั้น แต่ยังมุ่งยกระดับการเผยแพร่วัฒนธรรมหมิ่นหนาน วัฒนธรรมทางทะเล

และวัฒนธรรมชาวจีนโพ้นทะเลในเวทีนานาชาติ และส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้า ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ใหม่ของการแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมและความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของสองประเทศ โดยจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 8-11 ก.ย. ที่ ไอคอนสยาม กรุงเทพมหานคร เป้าหมายของเทศกาลวัฒนธรรมหมิ่นหนานคือการส่งเสริมการสืบสาน

การนำเสนอ การแลกเปลี่ยน และความสัมพันธ์ฉันท์มิตรทางวัฒนธรรม โดยในปีนี้ เทศกาลฯ มุ่งเน้นการสร้าง “ศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมหมิ่นหนานโลก” ร่วมกับเซียะเหมิน จางโจว เฉวียนโจว ชุมชนสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน และชุมชนหมิ่นหนานในต่างประเทศ ได้มีการวางแผนจัดกิจกรรมอย่างหลากหลาย อาทิ

พิธีเปิดและการแสดงวัฒนธรรมเวทีเสวนาวัฒนธรรมหมิ่นหนานการแข่งขันประกวดเพลงนานาชาติ ครั้งที่ 2 “Chinese Sentiment, Global Hearts” จัดโดย KuGou Musicการประชุมส่งเสริมการลงทุนด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเฉวียนโจวนิทรรศการงานหัตถกรรมดั้งเดิมหมิ่นหนานและผลงานสร้างสรรค์งานชิมผลิตภัณฑ์แบรนด์เก่าแก่ของหมิ่นหนานกิจกรรม “Caring for the Chinese Diaspora · Cross-border E-commerce Training for Overseas Chinese Youth from Small-language-speaking Countries (Thailand Special Session)” ครั้งที่ 5

ภายในเทศกาลจะมีการจัดพื้นที่นิทรรศการและกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมมาจู่, การชิมอาหารสมุนไพรจีน, การสวมดอกไม้และจัดแสดงชุดประจำชาติจีน–ไทย และนิทรรศการภาพถ่ายศิลปะ “ท่าเรือยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งบูรพาทิศในสมัยราชวงศ์ซ่งและหยวน”, นิทรรศการ “ความทรงจำเส้นทางสายไหมทางทะเล · ประวัติศาสตร์ชาวจีนโพ้นทะเลในตุนหวง”, นิทรรศการ “สืบรากเหง้า” เกี่ยวกับสกุลวงศ์ และการจัดแสดงภาพแทงคาขนาดใหญ่ชื่อ “ท่าเรือยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งบูรพาทิศในสมัยราชวงศ์ซ่งและหยวน” (ขนาด 7.2 เมตร × 1.6 เมตร) อีกด้วย ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้จะพาผู้ชมสัมผัสอย่างลึกซึ้งถึงรากเหง้าประวัติศาสตร์อันยาวนานและเสน่ห์วัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของฝูเจี้ยนตอนใต้


ในโอกาสนี้ยังตรงกับการเปลี่ยนผ่านผู้นำของสมาคมจีนเฉวียนโจว–จินเจียงแห่งประเทศไทย โดยหอการค้าแห่งนี้ได้ยึดมั่นในจิตวิญญาณหมิ่นหนานที่ว่า “กล้าสู้ กล้าชนะ และสามัคคีเกื้อกูล” อุทิศตนเพื่อการบริการชาวจีนโพ้นทะเล ส่งเสริมมิตรภาพระหว่างชาวจีนท้องถิ่น และตอบแทนถิ่นกำเนิด อีกทั้งยังเป็นเวทีการสื่อสารที่สำคัญสำหรับชุมชนหมิ่นหนานในประเทศไทย และมีบทบาท

ในการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนมิตรภาพจีน–ไทยอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เทศกาลวัฒนธรรมหมิ่นหนานโลกได้จัดขึ้นสำเร็จมาแล้วในไถหนัน, เฉวียนโจว, มาเก๊า, จินเหมิน, มะละกา, ดูไบ, ฮ่องกง, มะนิลา และ จาการ์ตา นับตั้งแต่ปี 2012 และในปี 2017 ได้มีการจัดสัมมนาว่าด้วยการพัฒนาเทศกาลวัฒนธรรมหมิ่นหนานโลกที่เมืองโบราณจื่อถง–เฉวียนโจว โดยผู้แทนที่เข้าร่วมได้ร่วมกันบรรลุ “共识เฉวียนโจว” (ฉวนโจว คอนเซนซัส) เพื่อผลักดันให้มีการจัดเทศกาลวัฒนธรรมหมิ่นหนานโลกอย่างต่อเนื่องและเป็นประจำ

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / Goodwill Games 2025 ไทย–มาเลย์ เสริมสัมพันธ์สองแผ่นดิน Soft Power สู่สายตาโลก คาดเงินสะพัดกว่า 9 ล้านบาท 13–15 ก.ย.นี้ ที่สุไหงโก-ลก

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 10 กันยายน 2568 ที่โรงแรมเก็นติ้ง อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วย นายสิโรตม์ มียศ ผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬากรมพละศึกษา YB ZAMAKHSHARI BIN MUHAMAD รองมุขด้านกีฬาและกิจการเยาวชน ผู้แทนฝ่ายประเทศมาเลเซีย

นายณรงค์ สังประสิทธิ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนราธิวาส นายซูปียัน แดเมาะเล็ง นายอำเภอสุไหงโกลก และนายสันติ บินยะโกะ รองนายกเทศมนตรีเมืองสุไหงโกลก ร่วมแถลงข่าวโครงการกีฬาและนันทนาการสร้างเสริมความสัมพันธ์ไทย-มาเลเซียประจำปี 2568 (Goodwil Games 2025จังหวัดนราธิวาส โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรมพลศึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดจัดงานใหญ่ “โครงการกีฬาและนันทนาการสร้างเสริมความสัมพันธ์ไทย–มาเลเซีย (Goodwill Games 2025)”

ระหว่างวันที่ 13–15 กันยายน 2568 ณ สนามกีฬามหาราช อำเภอสุไหงโก-ลก และสถานที่สำคัญในพื้นที่ เพื่อสานสัมพันธ์สองแผ่นดินผ่านพลังของกีฬาและกิจกรรมเชื่อมโยงวัฒนธรรม
สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ถือเป็นเวทีเชื่อมความสัมพันธ์ไทย–มาเลเซีย ผ่านพลังของกีฬาและกิจกรรมนันทนาการ หวังสร้างความสามัคคี เสริมสร้างความเข้าใจอันดี และเผยแพร่วัฒนธรรมทั้งสองประเทศ ตลอดจนใช้กีฬาเป็น Soft Power กระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวชายแดนใต้

ทั้งนี้นี้ถือเป็นเวทีสำคัญในการผลักดัน Soft Power ของประเทศไทย โดยใช้กีฬา ศิลปวัฒนธรรม และวิถีชีวิตชายแดนใต้เป็นเครื่องมือเชื่อมมิตรภาพ เสริมสร้างความเข้าใจ และเปิดโอกาสให้ทั้งชาวไทยและชาวมาเลเซียได้ร่วมสัมผัสบรรยากาศมิตรภาพที่อบอุ่น

โดยพิธีเปิดจะมีขึ้นในวันที่ 14 กันยายน 2568 โดยมีนักกีฬาเยาวชนและทีมจากไทย–มาเลเซียเข้าร่วมแข่งขันกว่า 1,000 คนจากทั้งสองประเทศ ในหลากหลายประเภทกีฬา อาทิ ฟุตบอล, มวยไทย,ฟุตบอล Alstar,เปตอง,วอลเลย์บอล,ปันจักสีลัต,ยิงธนู,กีฬาเซปักตะกร้อ และกีฬาพื้นบ้าน พร้อมโชว์แมตช์พิเศษฟุตบอล All Star ไทย–มาเลย์ ที่ดึงนักเตะชื่อดังมาสร้างสีสันจากไม่เพียงเป็นการประลองฝีมือ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพที่ก้าวข้ามพรมแดน

ซึ่งไฮไลต์ของงาน นอกจากการแข่งขันกีฬา ยังมีกิจกรรมด้านวัฒนธรรม การแสดงศิลปะพื้นบ้าน และงานเลี้ยงมิตรภาพ ที่เปิดโอกาสให้ชาวไทยและมาเลย์ได้ร่วมสานสัมพันธ์อย่างอบอุ่น
Goodwill Games 2025” ไม่ใช่เพียงงานกีฬา แต่คือเทศกาลแห่งมิตรภาพไทย–มาเลเซีย ที่เปิดพื้นที่ให้ทุกคนได้ร่วมเชียร์

ร่วมสัมผัส ร่วมสร้างความทรงจำ และเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดัน Soft Power ไทยสู่เวทีโลก ระหว่างวันที่ 13–15 กันยายน 2568 ณ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ร่วมชมการแข่งขันกีฬา การแสดงวัฒนธรรมขับเคลื่อนเศรษฐกิจชายแดน กระตุ้นการท่องเที่ยวอีกด้วย
//////////////////////////////////////
ข่าว/กรียา/นราธิวาส

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / มูลนิธิพุทธภูมิธรรม ร่วมพลังบุญ กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ณ วัดราชสิทธาราม (วัดพลับ)

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันศุกร์ที่ 5 กันยายน 2568 อาจารย์วิจักษณ์ สองจันทร์ ประธานมูลนิธิพุทธภูมิธรรม และกลุ่มบุญภาคีมูลนิธิฯ เป็นผู้แทนกัลยาณมิตรทุกๆท่าน ร่วมพลังบุญกับ กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ โดยมี พลตรีกิตติ ประพิตรไพศาล ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ พร้อมด้วยกำลังพลในหน่วยขึ้นตรง

จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์, ถวายพระพุทธรูป ผ้าไตรจีวร ภัตตาหาร และเจริญพระกรรมฐาน อธิษฐานจิต เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระบูรพมหากษัตราธิราชเจ้า ฯ บรรพชนและอธิษฐานบุญบารมีส่งให้ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชk

โดยได้รับความเมตตาจาก พระครูสิทธิสังวร (หลวงพ่อวีระ) คณะ5 วัดราชสิทธารามราชวรวิหาร นำอธิษฐานจิตขึ้นพระกรรมฐาน และ ทำพิธีรับ -มอบ ขนมตราไก่ย่าง จำนวน 60 กล่อง จาก ผู้แทน คุณชาตรี – มณีรัตน์ เหล่าวณิชย์วิทย์ เจ้าของขนมทอดกรอบตราไก่ย่าง เพื่อส่งให้ทหารตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา

ณ พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระสังฆราช (สุก ไก่เถื่อน) คณะ5 วัดราชสิทธารามราชวรวิหาร (วัดพลับ) กรุงเทพฯขอส่งผลบุญแห่งคุณความดีและความปรารถนาดีจากกัลยาณมิตรทั้งปวง ให้ถึงแด่ทุกท่านมีความสุขความเจริญ ปรารถนามงคลใด ให้สำเร็จผลทุกประการ เจริญด้วยมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ และนิพพานสมบัติ เทอญ…สามารถติดตามข่าวสารธรรมทานงานบุญ มูลนิธิพุทธภูมิธรรมได้ที่Line Official Account :https://lin.ee/AlxR8Xf

วันที่ 5 กันยายน 2568 ⏰ เวลา 08.00 น. สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดย ร้อยตำรวจโท ดร.มนัส โนนุช ประธานสภาสังคมสงเคราะห์ฯ มอบหมายให้ พันตรี ศิริชัย ทรัพย์ศิริ กรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์ฯ / นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

ร่วมพิธี วางพวงมาลา ⚘ และทอดผ้าป่าสามัคคี 🤝 “รวมพลังเป็นหนึ่งเดียว”เพื่ออุทิศแด่ วีรชนทหารอาสาสงครามโลกครั้งที่ 1 จำนวน 19 นาย 🇹🇭พิธีได้รับเกียรติจาก พลเอก เดชนิธิศ เหลืองงามขำผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ในพระบรมราชูปถัมภ์ 🙏 เป็นประธานในพิธี ณ อนุสาวรีย์บัวชูชาติ วัดพรหมเทพาวาส (วัดชลอน) ต.หัวป่า อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี

สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์รวมพลังเป็นหนึ่งเดียวรำลึกวีรชนทหารผ่านศึกบัตรชั้นที่1ทหารผ่านศึกบัตรชั้นที่2ทหารผ่านศึกบัตรชั้นที่3 ทหารผ่านศึกบัตรชั้นที่4

กองบุญอนาคตสดใสสำเร็จแล้ว❗️
ข่าวดีแห่งการให้: มูลนิธิพุทธภูมิธรรม เป็นตัวแทนท่านมอบโอกาสทางการศึกษาแก่เด็กนักเรียน พร้อมส่งมอบแว่นตาให้เด็ก ๆ ชายแดน

เราได้สร้างรอยยิ้มและความสุขให้กับเด็กนักเรียนผู้ด้อยโอกาสถึงสองพื้นที่ โดยการจัดกิจกรรมมอบอุปกรณ์การศึกษาและสิ่งของจำเป็นที่ช่วยสนับสนุนอนาคตของเด็ก ๆ ได้เป็นอย่างดี

​กิจกรรมแรกเป็นการตัด แว่นสายตา ให้กับนักเรียน 20 คนที่มีปัญหาทางสายตา ณ โรงเรียนบ้านเขาตาง๊อก จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดน การดำเนินงานครั้งนี้สำเร็จได้ด้วยการร่วมมือกับ กองกำลังบูรพา ทำให้เด็ก ๆ ได้รับแว่นตาใหม่ที่ช่วยให้พวกเขามองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ชัดเจนขึ้น ทั้งตัวหนังสือบนกระดานและสภาพแวดล้อมรอบตัว

แว่นตาเหล่านี้เป็นมากกว่าแค่อุปกรณ์ช่วยมองเห็น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่เปิดโลกการเรียนรู้ให้กว้างขึ้น สร้างความหวังและความมั่นใจให้เด็ก ๆ ได้กลับมาตั้งใจเรียนอีกครั้ง บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความอบอุ่นและรอยยิ้ม โดยผู้บัญชาการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 13 (ผบ.ชค.ทพ.13) ยังได้นำอาหารว่างอย่างข้าวโพดป๊อปคอร์นและไอศกรีมโบราณมาเลี้ยงนักเรียนทุกคน ทำให้กิจกรรมเต็มไปด้วยความสุขและความประทับใจ

​นอกจากนี้ มูลนิธิพุทธภูมิธรรมยังได้เดินทางไปมอบ อุปกรณ์การศึกษา ที่โรงเรียนบ้านทุ่งศาลา จ.ราชบุรี ให้กับนักเรียนร่วม 100 คน การสนับสนุนในครั้งนี้เป็นสิ่งที่เติมเต็มและส่งเสริมให้นักเรียนได้มีโอกาสในการเรียนรู้ที่เท่าเทียมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

​การส่งต่อสิ่งดี ๆ ทั้งสองกิจกรรมในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยเติมเต็มสิ่งที่ขาดหาย แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจที่จุดประกายความฝันให้กับเด็ก ๆ ซึ่งสะท้อนถึงพลังแห่งการแบ่งปันที่ยิ่งใหญ่ และความตั้งใจของมูลนิธิฯ ที่ต้องการสร้างสรรค์สังคมแห่งการให้เพื่ออนาคตที่ดีของเยาวชนไทย

บุญนี้สำเร็จแล้ว ขอโมทนาสาธุการ🙏😊

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “ทุเรียนพรีเมี่ยม 4500 ต่อลูก “กรรมาธิการเกษตรวุฒิสมาชิกสภา เดินทางดูการผลิตทุเรียนชีวภาพสวนป้าภาศูนย์เรียนรู้ จ.ชุมพร

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 เมื่อเวลา 16.00 น วันที่ 5 กันยายน 2568 นายธวัช สุระบาล ประธานคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสมาชิกสภา พร้อมด้วย คณะกรรมาธิการ ฯ เจ้าหน้าที่ วุฒิสภา ได้เดินทางเข้าดูการบริหารจัดการทุเรียนสวนป้าภา ตำบลตะโก อำเภอทุ่งตะโก จังหวัดชุมพร

ดูการบริหารจัดการและยกระดับมาตรฐานทุเรียนไทยเพื่อการส่งออกอย่างยั่งยืน โดยมีนายธราพงษ์ มีมุสิทธิ์ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดชุมพร พร้อมด้วย นายสุบรรณ์ รักษ์ทอง เกษตรจังหวัดฯ เจ้าหน้าที่ และ ดร.ชลทิปสุวรรณหกาญจน์ เจ้าของสวนป้าภา พร้อมด้วยตัวแทนของเกษตรกรชาวสวนทุเรียนจากอำเภอต่างๆให้การต้อนรับ

สำหรับสวนประภาได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ พ.ศ. 2500 สร้างมาโดยย่า ภาและปู่ชัย เป็นสวนผลไม้มีเงาะพันธุ์โรงเรียนจากโรงเรียนบ้านนาสารและทุเรียนสายพันธุ์ดี นำมาจากเขตพื้นที่ของภาคใต้โดยได้มีการขยายพื้นที่เพื่อปลูก ณ หมู่ 1 บ้านท่าทอง ตำบลตะโก อำเภอทุ่งตะโกจังหวัดชุมพร ต่อมาปี 2516 ปู่ชัย ได้เสียชีวิตลง ยายประภาและลูกที่เริ่มขยายที่ดินปลูกทุเรียนที่บ้านท่าทอง เมื่อปี พ.ศ 2524

เริ่มขยายพันธุ์ ทุเรียนในเนื้อที่ 15 ไร่ โดยใช้ยอดพันธุ์ของแม่ชบาแก้ว ต่อมา พ.ศ 2528 ได้เริ่มมาสร้างสวนป้าภาที่บ้านสามแยกจำปา หมู่ 14 ตำบลตะโก อำเภอทุ่งตะโก ซึ่งได้นำยอดหมอนทองแม่ชบาแก้ว มาเสียบเพื่อขยายพันธุ์ ปัจจุบันสวนประภามีต้นทุเรียนขนาดใหญ่อายุประมาณ 41 ปีอยู่จำนวน 400 ต้น และเป็นสถานที่เรียนรู้ การปลูกทุเรียน ของจังหวัดชุมพร

นายธวัชสุระบาล ประธานคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสมาชิกสภา กล่าวว่า ในวันนี้คณะ กรรมาธิการฯ ได้เดินทางมารับฟังข้อมูล ปัญหาทุเรียนที่เกิดขึ้น จากหน่วยงาน ราชการและ เกษตรกร เพื่อที่จะได้รวบรวมปัญหาต่างๆ และแนวทางแก้ไข ไปสรุปนำเสนอให้กับวุฒิสภา ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การแก้ไขสนับสนุนส่งเสริมให้เกษตรกร แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นต่อไป

หลังจากรับฟังปัญหาของเกษตรกรเสร็จเรียบร้อยแล้ว ดร.ชลทิป เจ้าของสวนทุเรียนป้าภา แนะนำคณะกรรมาธิการ เดินทางเข้าชมสวนทุเรียน ที่ มีอายุมากกว่า 40 ปี เช่น ต้นทุเรียน แม่เชอรีน ซึ่งมีลำต้นขนาดใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 80 ซมสูง ประมาณ 18 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางทรงพุ่มประมาณ 33 เมตรให้ผลผลิตปีที่ผ่านมา 1,400 กก ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของคณะกรรมาธิการ ที่เดินทางมาศึกษาดูงานในครั้งนี้

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ศรัทธาพระพุทธศาสนา ยังอยู่คู่กับคนอีสาน แห่มาร่วมงานบุญสังฆทาน วัดแสงใหญ่ อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ นับพันคน

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 4 กันยายน 2568 เวลา 11.00 น. ที่ วัดแสงใหญ่ ในหมู่บ้านแสงใหญ่ ตำบลหนองแขวง อำเภอกันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ โดย พระอธิการ ชุมพล ฉินฺนาโย เจ้าอาวาสวัด วันนี้กำหนดให้มีงานสังฆทาน ประจำปี ในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา ถือเป็นประเพณีที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้มาร่วมทำบุญ แบบอิสละ มีอะไรก็มาร่วมกันแจกจ่ายแก่ญาติโยม และหรือนำมาถวายพระคุณเจ้า ตามกำลังศรัทธา มีน้อยทำตามน้อย มีมากอยากแบ่งปันก็นำมาแจกจ่าย โดยวันนี้มีญาติโยมมาร่วมบุญกันมากกว่า 1 พันคน เต็มทั้งศาลาใหญ่ และศาลาเล็ก ศาลาอภิธรรมหน้าเมรุ

โดยวันนี้ได้มี นายนพนันท์ บุญคล้าย นายอำเภอกันทรารมย์ เดินทางมาร่วมงานบุญด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะนำปิ่นโต ข้าวถุง แกงถุง ทำเองที่บ้าน นำใส่ปิ่นโตมารวมกันเพื่อถวายแด่พระคุณเจ้า ที่เดินทางมารวมกัน เหมือนกันญาติโยม ที่ต่างคนต่างเดินทางมา รวมตัวกัน จากนั่นก็นำอาหารมาจัดเป็นพา เพื่อนำถวายแด่พระสงฆ์ หลังจากพระสงฆ์ฉันท์เสร็จ

ญาติโยมก็ได้นั่งร่วมวงพาข้าว ทานข้าวร่วมกัน พูดคุยกัน ทำตามรู้จักกัน หลายคนก็จัดทำต้นเงินเป็นป่าผ้ามาร่วมถวายพระสงฆ์ ตามกำลัง จัดเป็นครอบครัว เป็นกลุ่มคณะบุคคล เพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ช่วยค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า กับคณะกรรมการวัด ซึ่งชาวอีสานจะถือประเพณีการมาร่วมงานบุญสังฆทาน นี้เป็นสำคัญ ไม่มีการบังคับมา พระคุณเจ้าเองก็ไม่ได้จับเงินที่ทางญาติโยมทำบุญ แต่จะร่วมกันบริจาคที่กองอำนวยการ ตามกำลังศรัทธา เข้ากรรมการวัด

ในการร่วมงานบุญสังฆทานนี้ จะกำหนดให้มีพระที่ทรงคุณวุฒิ เป็นที่เคารพนับถือของญาติโยม ของคณะสงฆ์ ขึ้นนั่งธรรมมาตร 1 รูป เพื่อทำการแสดงพระธรรมเทศนา ตามคัมภีร์ใบลาน ที่องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสไว้ดีแล้ว นำมาอ่าน มาเทศนา เป็นคติธรรม ให้กับญาติโยมที่มาร่วมทำบุญ ได้ฟังเทศนา ได้รับฟังคำสั่งสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อน้อมนำไปปฎิบัติ นอกจากการับศีล 5 ปฎิบัติตามศีล 5 ในการละสิ่งต่างๆ ที่ไม่ดี ต่อชีวิตของตนเอง และผู้อื่น จากนั้นก็ได้ร่วมกันถวายเพล แด่พระสงฆ์

พระสงฆ์ให้พร กรวดน้ำ อุทิตส่วนบุญ ส่วนกุศลไปให้แก่ญาติผู้ล่วงลับไปแล้ว ให้ได้รับบุญในครั้งนี้ ก่อนที่จะได้ร่วมกันทานข้าว ที่ทุกคนนำอาหารมารวมกัน และทางวัด ทางคณะกรรมการวัด ได้จัดเตรียมเอาไว้ให้แก่ญาติโยมทุกคน ซึ่งวันนี้ได้มีอาหารพิเศษ นั้นก็คือ ปิ้งปลา ยอน หรือปลาเนื้ออ่อน ที่ทางคณะกรรมการวัดไปจัดหามาจากแม่น้ำมูล มาเตรียมไว้ก่อนหน้านี้ พร้อมจัดทำเมนูพื้นบ้าน สุดแซบ นั้นก็คือ ส้มตำ ที่ทุกคนชื่นชอบ ตำเท่าไหร่ก็หมด นั้นเอง ทานกันแบบมีความสุข ก่อนห่อกลับบ้านด้วย
/////////////////////////
ภาพ/ข่าว วนิดา,ชาญฤทธิ์

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ /อบจ.ชุมพร กำหนดแข่งขันเรือยาวขึ้นโขนชิงธงคลองในหลวงประจำปี 2568 / เด็ก 3 ขวบเล่นน้ำคลองจมหายไปต่อหน้าต่อตาของยาย

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 2 กันยายน 2568 ที่อาคารโรงอาหาร ริมแก้มลิงหนองใหญ่ โครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ ต.บางลึก อ.เมือง จ.ชุมพร นายนพพร อุสิทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ชุมพร

พร้อมด้วย นายอภิชัย อินทนาคม ประธานสภา อบจ.ชุมพร นายศรีชัย วีระนรพานิช นายกเทศมนตรีเมืองชุมพร นายสัญชัย หนูสุด นายกเทศมนตรีตำบลนาชะอัง พ.ต.อ.นิรันดร์ กันจู รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร ร่วมกันแถลงข่าวการจัดการแข่งขันเรือยาวประเพณีขึ้นโขนชิงธง จังหวัดชุมพร ประจำปี 2568

สรุปได้ว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร กำหนดจัดการแข่งขันดังกล่าว ระหว่างวันที่ 10 – 14 กันยายน 2568 คลองระบายน้ำหัววัง-พนังตัก (คลองในหลวง) หน้าโรงเรียนศรียาภัย 2 ต.นาชะอัง อ.เมือง จ.ชุมพร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่ทรงมีพระราชดำริให้ดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ฯและคลองระบายน้ำหัววัง-พนังตัก

เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยจนทำให้ตัวเมืองชุมพรรอดพ้นจากอุทกภัยมาตั้งแต่ปี 2541 และแก้ปัญหาภัยแล้ง เพื่อสืบสานพระราชปณิธานในการอนุรักษ์ฟื้นฟูแม่น้ำลำคลอง ตลอดจนเป็นการธำรงรักษาศิลปวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่น ส่งเสริมความรัก ความสามัคคีในหมู่ประชาชน และสนับสนุน การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของจังหวัดชุมพร

กิจกรรมดังกล่าว อบจ.ชุมพร ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบันที่พระราชทานถ้วยรางวัลเรือยาวประเภท 32 ฝีพายผู้นำ และประเภท 16 ฝีพายทั่วไป สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานถ้วยรางวัลเรือยาวประเภท 32 ฝีพายทั่วไปภายในจังหวัดชุมพร และสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางวัฒน วรขัตติยราชนารี พระราชทานถ้วยรางวัลเรือยาวประเภท 8 ฝีพาย

ส่วนกิจกรรมประกอบด้วย การแข่งขันเรือยาวขึ้นโขนชิงธง ประเภท 32 ฝีพายผู้นำ ประเภท 32 ฝีพายทั่วไปภายใน จังหวัดชุมพร, ประเภท 16 ฝีพายทั่วไป และประเภท 8 ฝีพาย พิธีเปิดงานการแข่งขันเรือยาวประเพณีฯ ในวันที่ 11 กันยายน 2568 พร้อมขบวนอัญเชิญ ถ้วยพระราชทาน และการแสดงรำถวายประกอบขบวนแห่ นิทรรศการแสดงถึงพระราชกรณียกิจงพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล

อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ขบวนอัญเชิญถ้วยรางวัลพระราชทาน ประกวดกองเชียร์แข่งขันเรือยาว การแสดงลานวัฒนธรรม การแสดงศิลปวัฒนธรรม การแสดงกิจกรรมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์ โดยคาดว่าคงมีชาวชุมพรและนักท่องเที่ยวให้ความสนใจเดินทางมาชมการแข่งขันทั้ง 5 วันจำนวนหลายหมื่นคน

เด็ก 3 ขวบเล่นน้ำคลองจมหายไปต่อหน้าต่อตาของยาย ลอยหายไปไกล 2-3 กิโลเมตร

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันที่ 2 กันยายน 2568 เวลาประมาณ ๑๐.๓๕ น. กู้ภัยสว่างศรัทธาอารีย์ โดยนายสราวุธ สุขศรี อายุ 48 กับพวก ออกตามหาเด็กชายที่ถูกกระแสน้ำแรงพัดหายในวันที่ 1 กันยายน 2568 และได้มาพบผู้ตายใต้กองไม้ในคลองป่องห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ ๓ กิโลเมตร

จากกรณี วันที่ 1 กันยายน 2568 เวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น.พ.ต.ท.พิสัณห์ ศรีสวัสดิ์วัฒนา พงส.เวรฯ ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.ละแม เหตุมีคนจมน้ำ เดินทางไปเกิดเหตุร่วมกับ ส.ต.ท.ชาญณรงค์ พรหมเรือง ผู้ช่วย พงส.ฯ
ที่เกิดเหตุ บ้านเลขที่ 153 ม.11 ต.ละแม อ.ละแม จว.ชุมพร รอง ผกก.(ป.)ฯกับพวก พบ ร.ต.อ.อุดร ทองคง สายตรวจเขตรับผิดชอบ พบนางอุษา หรือยาย อายุ 53 ปี ชาว ต.ละแม อ.ละแม จว.ชุมพร

ให้การว่าเป็นยายของ ด.ช.ธนภูมิหรือกัน นามอาษา ผู้ตาย อายุ ๓ ขวบเศษ เป็นบุตรของนางสาวฐณิตร์ฎา (สงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี ที่อยู่เดียวกันลูกสาวของตนเอง ก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายอยู่ร่วมกับนางอุษาฯและสามี เมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๘ เวลาประมาณ 15.00 น.สามีของนางอุษาฯออกไปนอกบ้าน นางอุษาฯเล่นกับผู้ตาย ผู้ตายเดินไปที่ริมคลองป่องอย่างเร็ว ห่างจากบ้านประมาณ 50 เมตร เป็นคลองข้างบ้านที่ผู้ตายเคยลงเล่นน้ำเป็นประจำ นางอุษาฯเดินตามไปไม่ทัน ผู้ตายกระโดดน้ำ

นางอุษาฯกระโดดตามไม่ทัน น้ำลึกเกือบ ๒ เมตรไหลเชี่ยวพาผู้ตายไปตามน้ำ นางอุษาฯ ไปบอกคนข้างบ้านและตามสามีมาช่วย ต่อมาในวันเดียวกันเวลาประมาณ 15.00 น.เศษ พ.ต.ท.พชร อ่วมทองดี รองผกก.ป.สภ.ละแม ดร. ศิลปชัย จันทร์มีศรี ปลัดอาวุโส อำเภอละแม นายสมศักดิ์ ศรียุภักดิ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 11 ตำบลละแม อำเภอละแม

ร่วมกับ กู้ภัยและชาวบ้านช่วยกันหาผู้ตายในคลอง ออกตามหา ได้ประมาณ 2-3 กม. มาพบร่างและอุ้มผู้ตายขึ้นมาพบบาดแผลที่บริเวณเหนือคิ้วขวา สันนิษฐานว่าร่างกายของผู้ตายน่าจะกระแทกกับหินที่อยู่ในคลอง ได้นำศพผู้ตายมาแพทย์

โรงพยาบาลละแมร่วมกับพนักงานสอบสวนชันสูตรพลิกศพที่บ้านนางอุษาฯ นางอุษา หรือยาย นางสาวฐณิตร์ฎา ฯ ไม่ติดใจในการตายของผู้ตายแต่อย่างใด และได้รับศพของผู้ตายจากโรงพยาบาลไปทำพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิดเหตุ

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ เชิญสิ่งของพระราชทาน มอบแก่ราษฎรผู้ประสบอุทกภัย รร.บ้านปางอุ๋ง แม่ศึก อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่

แชร์เนื้อหานี้

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว #ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม #ให้ #นายพลากร #สุวรรณรัฐ #องคมนตรีและนายกมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ #ในพระบรมราชูปถัมภ์ เชิญสิ่งของพระราชทาน มอบแก่ราษฎรผู้ประสบอุทกภัย ณ โรงเรียนบ้านปางอุ๋ง ตำบลแม่ศึก อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่

วันที่ 1 กันยายน 2568 ณ โรงเรียนบ้านปางอุ๋ง ตำบลแม่ศึก อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรีและนายกมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์เชิญสิ่งของพระราชทาน มอบแก่ราษฎรผู้ประสบอุทกภัย

โดยมี นายวิลาศ รุจิวัฒนพงศ์ รองประธานฝ่ายบรรเทาทุกข์ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครอง นายเชษฐา โมสิกรัตน์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

เข้าร่วมเดินทาง พร้อมด้วย ผู้บริหารระดับสูง ผู้อำนวยการสำนัก/กอง ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และประชาชนเข้าร่วมพิธี โดยนายชัชวาลย์ ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัด รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นผู้กล่าวรายงาน

จากนั้น นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี เป็นประธานในการประชุมรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์อุทกภัยพื้นที่ในจังหวัดเชียงใหม่ โดยมี นายชัชวาลย์ ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัด

รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และนายศิวกร บัวป้อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นผู้รายงานสถานการณ์ โดยข้าราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม

หลังจากการประชุม นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี พร้อมด้วย นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครอง นายเชษฐา โมสิกรัตน์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และข้าราชการที่เกี่ยวข้องได้ร่วมลงพื้นที่มอบสิ่งของพระราชทานแก่บ้านเรือนที่ประสบอุทกภัย พร้อมทั้งสำรวจบ้านเรือนที่พังเสียหาย พร้อมประสานงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องคอยดูแลเรื่องความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีที่สุด อีกทั้งยัง ร่วมให้กำลังใจกำลังพลสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน กับภารกิจคืนบ้านให้กับผู้เสียหายจากสาเหตุอุทกภัยในครั้งนี้….
กรมการปกครองฟื้นฟูแม่แจ่มสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน สมจิตรแสงบันลังค์

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / มูลนิธิมิราเคิลออฟไลฟ์ ร่วม สภาสังคมสงเคราะห์ ฯ และกองสลากกินแบ่งรัฐบาล ในโครงการ “น้ำพระทัยพระราชทาน” และ “หนึ่งใจ…ให้การศึกษา”เพื่อส่งมอบโอกาสดี ๆ ให้กับน้อง ๆ นักเรียน

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 31 สิงหาคม 2568 ร้อยตำรวจโท ดร.มนัส โนนุช ประธานสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯ ประธานมูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ และกรรมการบริหารสลากกินแบ่งรัฐบาล

พร้อมด้วยคณะผู้บริหารจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ลงพื้นที่จังหวัดตราด เพื่อมอบอุปกรณ์การศึกษาและจัดเลี้ยงอาหารกลางวันให้กับนักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 49 ตราด (โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ตราด) อำเภอบ่อไร่ จังหวัดตราด

กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อสนับสนุนด้านการศึกษาและคุณภาพชีวิตของเยาวชน ตลอดจนสร้างขวัญกำลังใจและมอบความอบอุ่นให้แก่นักเรียนในพื้นที่ห่างไกล โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่นและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

วันที่ 1 กันยายน 2568 ✨มูลนิธิมิราเคิลออฟไลฟ์ ร่วมกับ
สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯ และสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเดินหน้าสานต่อโครงการ “น้ำพระทัยพระราชทาน” และ “หนึ่งใจ…ให้การศึกษา”เพื่อส่งมอบโอกาสดี ๆ ให้กับน้อง ๆ นักเรียน

🤝 นำโดย🇹🇭 ร้อยตำรวจโท ดร.มนัส โนนุช ประธานมูลนิธิฯ และประธานสภาสังคมสงเคราะห์ฯ🇹🇭 พันโท หนุน ศันสนาคมผอ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล🇹🇭 นายณัฐพงษ์ สงวนจิตร

ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด🇹🇭 ดร.ธนวัชร์ วัฒนา เลขาประธานมูลนิธิฯ✨ พร้อมด้วยทีมจิตอาสา MOL และ “เก้ากุมาร เพื่อน ดร.แอม”

📚 ได้จัดเตรียมอาหารปรุงสุก มอบเครื่องคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์การเรียน เพื่อช่วยเสริมทักษะการเรียนรู้ของน้อง ๆ โดยมี ผู้อำนวยการโรงเรียนเพียงหลวง 6 ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น📍

ณ โรงเรียนเพียงหลวง 6 อำเภอบ่อไร่ จังหวัดตราดเพราะ “การศึกษา” คือของขวัญล้ำค่าที่จะเปลี่ยนอนาคตของเด็ก ๆ ได้ ✨มูลนิธิมิราเคิลออฟไลฟ์สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์หนึ่งใจให้การศึกษาตราด

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / การประกวดแข่งขันอาหาร เพื่อคัดสรรสุดยอดฝีมือ “สาจ้อย”อาหารชนเผ่าลาหู่ สู่เมนูหลากหลายไอเดียรังสรรค์เพื่อโกอินเตอร์ / จับวัยรุ่นไทใหญ่เลือดร้อน ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2568 ณ สนามแข่งขันอบต.แม่พริก อำเภอแม่สวย จังหวัดเชียงรายที่สนับสนุนการจัดการแข่งขันโดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ดำเนินงานโดยหมวดคริสตจักรบ้านห้วยมะแกงภายใต้โครงการเทศกาลอาหารและภูมิปัญญาอาหารลาหู่ สู่เมืองสร้างสรรค์ เป็นการประกวดอาหาร”ลาหู่เชฟ ซาเรนจ์ “ได้เห็นภาพถึงการพัฒนาฝีมือที่ถ่ายทอดจากบรรพบุรุษสู่รุ่นลูกรุ่นหลาน สังคมยุคใหม่ ยุคที่โลกมีการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมการกินควบคู่ไปกับ การยกระดับมาตรฐานความเป็นอัตลักษณ์ของอาหารที่ได้รับการพัฒนาต่อยอด

เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ที่ผ่านมานาย นายปุณทีต อิ่น ปลัดอำเภอแม่สวยจังหวัดเชียงราย นางสิริกัลพัชร จอมสว่าง พัฒนาการอำเภอแม่สวยจังหวัดเชียงราย นายจิราวุฒิ แก้วเขื่อน รองนายก อบจ.เชียงราย ร่วมกันเปิดงานเทศกาลอาหารและภูมิปัญญาลาหู่ “ลาหู่เชฟ ชาเลนจ์ “งานดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อการสืบสานและอนุรักษ์ภูมิปัญญาอาหารดั้งเดิมของชนเผ่าลาหู่

เปิดพื้นที่สร้างสรรค์ในการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านอาหาร กับเยาวชนและชุมชนของท้องถิ่น กิจกรรมประกอบด้วยการประกวดอาหารลาหู่หลากหลายเมนู การนำเสนอเรื่องราวภูมิปัญญาอาหารและสร้างสรรค์เมนูใหม่รากฐานวัฒนธรรมดั้งเดิมโดยมีผู้เข้าร่วมจากหลายชุมชนในพื้นที่ซึ่งเป็นการแสดงถึงความงดงามของภูมิปัญญาและวัฒนธรรมของพื้นที่ ซึ่งเป็นการแสดงถึงความงดงามของภูมิปัญญาและวัฒนธรรมที่ควรค่าแก่การเผยแพร่ต่อสังคม

ในการแข่งขันอาหารครั้งนี้ใช้ส้าจ้อย หมู่บดสับผสมเครื่องเทศลาหู่และราชู เป็นตัวตั้งเพื่อ บังคับ เพื่อให้รังสรรค์หลากหลายเมนูอันมีส่วนผสมของรากชูให้ความหอม และแต่ทีมแข่งขัน สามารถแปลงเมนู ได้ตามไอเดียร์ สำหรับผลการประกวดอาหารดังกล่าวทีมแข่งขันบ้านห้วยหญ้าไซ เป็นชนะเลิศ รับโลห์และเงินรางวัลจำนวน 10,000 บาท

รองชนะเลิศอันดับ2รับโล่และเงินรางวัล 7,000 บาท รองชนะเลิศอันดับ 3ได้แก่ทีมเอ็มเอสมีโปรรับโลห์และเวินรางวัล จำนวน5,000 บาทรางวัลชมเชย จำนวน3รางวัลๆละ 3,000 บาทได้แก่ทีมบ้านห้วยน้ำขุ่น ทีมบ้านห้วยมะแกง และทีมบ้านห้วยทรายขาว ส่วนรางวัล Popular โหวตได้แก่ทีมงานบ้านห้วยทรายขาวรับเงินรางวัล 5,000 บาท สิ้นสุดการแข่งขันได้ถ่ายรูปบันทึกภาพเป็นที่ระลึก.
นายธนกฤต วรรณมณี รายงาน

จับวัยรุ่นไทใหญ่เลือดร้อน #ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด

#วัยรุ่นไทใหญ่ #ก่อเหตุใช้อาวุธมีดไล่ฟัน #กลุ่มนักศึกษาบริเวณสะพานจันทร์สม #ตลาดวโรรส (กาดหลวง) มี นศ.ได้รับบาดเจ็บเหตุเกิดเมื่อวันที่ 29 ส.ค.68 เวลาประมาณ 03.20 น. ได้รับแจ้งจากทางศูนย์วิทยุ 191 มีเหตุทะเลาะวิวาท บริเวณ สะพานจันทร์สม หน้าตลาดวโรรส ต.ช้างม่อย อ.เมือง จ.เชียงใหม่หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่สายตรวจและชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบ พบ ผู้เสียหายชื่อ นายสุติธิปัญญ์ จีระสุพงศ์ อายุ19 ปี พร้อมพวกรวม 6 คน ซึ่งตนได้รับบาดเจ็บ มีแผลถูกมีดฟันบริเวณด้านข้างลำตัว ลักษณะรอยถลอก ไม่ได้รับอันตรายสาหัส ผู้เสียหายได้แจ้งว่า ถูกกลุ่มวัยรุ่นชาวไทใหญ่จำนวน 6 คน ได้เดินมาจากทางตลาดวโรรส และจากนั้นได้ถือมีดดาบวิ่งไล่ฟันตนพร้อมพวก และได้วิ่งหนีกันไปทางตลาดวโรรส ซึ่งตนได้ยืนยันว่ามิได้รู้จักหรือมีปัญหากับกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนี้มาก่อน จากนั้นได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนและทำการรักษาบาดแผล
พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 และ พล.ต.ต.ยุทธนา แก่นจันทร์ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ รับรายงานถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้สั่งการให้เร่งรัดติดตามจับกุมกลุ่มผู้ก่อเหตุ เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความหวาดกลัวกับพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยว สร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของเมืองท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่

พ.ต.อ.ปรัชญา ทิศลา ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ ,พ.ต.ท.ชุวาพล ชัยสาร รอง ผกก.สส.ฯ,พ.ต.ต.พูนศักดิ์ พักตร์ผ่องศรี สว.สส.ฯ,พ.ต.ต.วุฒิ ไกรทาหอม สว.สส.ฯ และชุดสืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ และทำการติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

 หลังจากชุดสืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ได้ทำการติดตามเส้นทางหลบหนีและจากการสอบถามพยานโดยรอบ จนสามารถพิสูจน์ทราบตัวบุคคลได้ทั้งหมด 6 คน
และสามารภจับกุมได้เเล้ว จำนวน 5 คน ดังนี้
1.นายจายอ่องเงิน อายุ 20 ปีสัญชาติเมียนมาร์ 2.นายไซนัมเค อายุ 19 ปี
สัญชาติเมียนมาร์ 3.นายจายโท้ อายุ 19 ปี สัญชาติเมียนมาร์ 4.นายหาร อายุ 20 ปี สัญชาติเมียนมาร์ 5.นายเจงหาร หรือจอมแสง อายุ19ปี สัญชาติเมินมาร์
6.นายจอมใหม่ความมะ(หลบหนี) หรือดำอายุ 22 ปี สัญชาติเมียนมาร์
พร้อมด้วยของกลางที่ใช้ก่อเหตุ คือ

อาวุธมีด 1 เล่มรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้ารุ่นPCXสีดำ ป้ายทะเบียน 3กด 2717 ชม จำนวน1คันรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้ารุ่นPCXสีเทา ไม่มีป้ายทะเบียนจำนวน1คันเสื้อผ้าที่ผู้ก่อเหตุสวมใส่ในส่วนคนที่ 6 อยู่ระหว่างการติดตามตัวและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด

     พ.ต.อ.ปรัชญา  ทิศลา ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้สอบถามผู้ก่อเหตุทั้ง 5 คน ให้การรับสารภาพว่า ในคืนที่ก่อนพวกตนไปก่อเหตุ ได้กินเลี้ยงสังสรรค์ และเกิดอาการเมา จึงเกิดอารมณ์คึกคะนอง ได้พากันขี่รถจักรยานยนต์ออกมายังบริเวณสะพานจันทร์สม เพื่อที่จะเดินเล่น จนกระทั่งมาพบกับกลุ่มผู้เสียหายที่เป็นนักศึกษา มีด้วยกัน 6 คน ตนจึงคิดว่ากลุ่มนักศึกษาจะมาหาเรื่องตนกับพวก จึงได้ทำการดึงมีดดาบที่ติดตัวมาด้วย วิ่งไล่เข้าฟัน จนผู้เสียหายและพวกหนีไปยังตลาดวโรรส จนทำให้ผู้เสียหาย 1 ใน กลุ่มนักศึกษา ได้รับบาดเจ็บบริเวณด้านข้างลำตัว จากนั้นตนและพวกได้พากันหลบหนีไป ส่วนแรงจูงใจที่ก่อเหตุในครั้งนี้เกิดจากความเมา และคึกคะนองเบื้องต้นได้แจ้งข้อหาแก่ผู้ก่อเหตุ ในข้อหา 

    1.ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ2.พกพาอาวุธมีดไปในเมืองหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร”ควบคุมตัวทั้งหมดนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี ต่อไป///

    สมจิตร แสงบันลังค์ รายงาน