คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าวสังคม

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / “กิจกรรมโรงเรียนผู้สูงอายุ” “ปฏิบัติการ กวาดล้างยาเสพติด No Drugs No Dealers ผลึกกำลังชุมชนปลอดยาเสพติด” ในพื้นที่ อำเภอชุมแพ

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 27 ส.ค 68 เมื่อเวลา 09:30น. นายบุญส่ง ทองมูล นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลโนนหัน อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น เป็นประธานเปิดงาน

โครงการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ ในรูปแบบกิจกรรม “โรงเรียนผู้สูงอายุ” ณ วัดแจ้งสว่างใน ต.โนนหัน อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น

ภายในงานมีการจัดกิจกรรมต่างๆให้ผู้สูงอายุได้มีส่วนร่วม อาทิเช่น เวทีแสดง ความคิดเห็น แลกเปลี่ยน ประสบการณ์ ชองผู้สูงอายุ ร่วมกันรับประทานอาหาร สร้างความ สัมพันธ์

รวมไปถึง การดูแล สุขภาพกาย 3 อ.(อาหาร, ออกกำลังกาย, อารมณ์) การดูแล สุขภาพในช่องปาก และ สุขภาพใจ ของผู้สูงอายุ. มีผู้สูงอายุร่วมกิจกรรมในครั้งนี้จำนวน 250 คน

ชุดปฏิบัติพิเศษฝ่ายปกครอง อำเภอชุมแพ เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นตามนโยบาย “ปฏิบัติการ กวาดล้างยาเสพติด No Drugs No Dealers ผลึกกำลังชุมชนปลอดยาเสพติด” ในพื้นที่ อำเภอชุมแพ และจับกุมผู้ทำความผิดตามบัญชีและนอกบัญชีผู้ค้า ผู้เสพ (Re x ray)

วันที่ 27 สิงหาคม 2568 ตัั้งแต่เวลา 14.30 น. นางสาวอ้อยใจ คำบุญเรือง นายอำเภอชุมแพ ผอ.ศป.ปส.อ.ชุมแพ นายนคร สุพรรณ์ ปลัดอาวุโส สั่งการให้ นายสมคิด ชำนิกูล ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง พร้อมชุดปฏิบัติพิเศษฝ่ายปกครอง อำเภอชุมแพ เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นตามนโยบาย

และจับกุมผู้ทำความผิดตามบัญชีและนอกบัญชีผู้ค้า ผู้เสพ (Re x ray) ดังนี้ 1) นางสาวแนน (นามสมมุติ) อายุ 31 ปี หมู่ 2 ตำบลบ้านใหม่สุขเกษม อำเภอกงไกรลาส จังหวัดสุโขทัย ของกลางยาบ้า 34 เม็ด

2) นางนวลจันทร์ (นามสมมุติ) อายุ 43 ปี หมู่ 7 ตำบลหนองคู อำเภอบ้านแท่น จังหวัดชัยภูมิ ของกลาง ยาบ้า 5 เม็ด 3) นายวันเฉลิม (นามสมมุติ) อายุ 24 ปี หมู่ 9 ตำบลหนองแดง อำเภอสีชมพู จังหวัดขอนแก่น ของกลางยาบ้า 2 เม็ด

4) นางสาวดวงเดือน (นามสมมุติ) อายุ 48 ปี หมู่ 13 ตำบลหนองไผ่ อำเภอชุมแพ ของกลางยาบ้า 2 เม็ด
5) นายหนูเวียง (นามสมมุติ) อายุ 43 ปี หมู่ 15 ตำบลศรีสุข อำเภอสีชมพู จังหวัดขอนแก่น ของกลางอุปกรณ์เสพและผลตรวจปัสสาวะ 1 ชุด

6) นางนันทา (นามสมมุติ) อายุ 43 ปี หมู่ 9 ตำบลหนองไผ่ อำเภอชุมแพ ของกลางผลตรวจปัสสาวะ1 ชุด 7) นายเมษา (นามสมมุติ) อายุ 45 ปี หมู่ 9 ตำบลหนองไผ่ อำเภอชุมแพ ของกลางผลตรวจปัสสาวะ 1 ชุด

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางมาทำบันทึกจับกุม และนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรชุมแพ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

วินสื่อรัฐทีวี/สื่อรัฐนิวส์

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / พลังงานจังหวัดชุมพร สร้างความเข้าใจ เดินหน้ามาตรการลดการใช้พลังงานในภาครัฐ/ คลังชุมพร จัดฝึกอบรม หลักสูตร “การเพิ่มประสิทธิภาพการวิเคราะห์ ข้อมูลด้านเศรษฐกิจ

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันนี้ (29 ส.ค. 68) เวลา 09.30 น. นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรม โครงการส่งเสริมการลดการใช้พลังงานในภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้หน่วยงานภาครัฐในจังหวัด สามารถดำเนินการลดใช้พลังงานในหน่วยงานให้ได้ร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับค่ามาตรฐานการใช้พลังงานไฟฟ้าและน้ำมันของแต่ละกลุ่มประเภทหน่วยงานตามที่สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานกำหนด

โดยมี พันเอก โชติ ยิกุสังข์ รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 44/รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดชุมพร (ฝ่ายทหาร) นายศรีชัย วีระนรพานิช นายกเทศมลตรีเมืองชุมพร นายเกรียงไกร บัวมี พลังงานจังหวัดชุมพร นางเพ็ญลดา สายสวัสดิ์ คลังจังหวัดชุมพร นายทรงชัย ชูทิพย์ โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดชุมพร นางสาว ปานนภา สุภาพรเหมินทร์ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดชุมพร นางสาวยุพาพร สวัสดี พาณิชย์จังหวัดชุมพร นางสาวประดับ ชูดำ พัฒนาการจังหวัดชุมพร นางสุนทรี โพธิ์ทักษิณ วัฒนธรรมจังหวัดชุมพร นางสาวสิริกานต์ กองทอง นักวิชาการพลังงานชำนาญการพิเศษ

สำนักงานพลังงานจังหวัดกระบี่ มาเป็นวิทยากร และ ผู้แทนจากหน่วยงานราชการ ที่ว่าการอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในจังหวัดชุมพร เข้าร่วมอบรม ณ ห้องปทุมทิพย์ ชั้น 2 โรงแรมมรกตทวิน ชุมพร นายเกรียงไกร บัวมี กล่าว สำนักงานพลังงานจังหวัดชุมพร ดำเนินโครงการส่งเสริมการลดใช้พลังงานในภาครัฐมาอย่างต่อเนื่อง สร้างความรู้ความเข้าใจให้หน่วยงานภาครัฐ ประกอบด้วย หน่วยงานราชการ ที่ว่าการอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้สามารถดำเนินการลดใช้พลังงานในหน่วยงานให้ได้ร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับค่ามาตรฐานการใช้พลังงานไฟฟ้าและน้ำมันของแต่ละกลุ่มประเภทหน่วย

งานตามที่สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานกำหนด สามารถบันทึกข้อมูลผ่านเว็บไซต์ www.e-report.energy.go.th ได้ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ผลการลดใช้พลังงานของหน่วยงานภาครัฐจังหวัดชุมพร มีหน่วยงานภาครัฐ จำนวน 28 หน่วยงาน สามารถลดการใช้พลังงานไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิงได้มากกว่าร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับค่ามาตรฐานการใช้ไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิงของแต่ละองค์กร และผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร

ได้มอบประกาศเกียรติคุณ ยกย่อง และชื่นชม หน่วยงานทั้ง 28 หน่วยงานดังกล่าวไปแล้ว สำหรับในงบประมาณ พ.ศ. 2568 นี้ สำนักงานพลังงานจังหวัดชุมพรจะได้สรุปผลการลดใช้พลังงานของหน่วยงานภาครัฐในจังหวัดชุมพร เมื่อสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เสนอผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรพิจารณามอบประกาศเกียรติคุณ ยกย่อง และชื่นชมหน่วยงานที่ผ่านการประเมินในโอกาสต่อไป

สำหรับโครงการส่งเสริมการลดใช้พลังงานในภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 จัดขึ้นเพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับหน่วยงานภาครัฐ ในด้านองค์ความรู้เกี่ยวกับการประหยัดพลังงาน ตลอดจนมาตรการและแนวทางการลดการใช้พลังงานในภาครัฐ ส่งเสริม สนับสนุน และให้คำปรึกษาแก่หน่วยงานภาครัฐ ในการดำเนินงานตามมาตรการลดการใช้พลังงานในภาครัฐ และการบันทึกข้อมูลการใช้พลังงานบนเว็บไซต์ www.e-report.energy.go.th และเพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ ให้หน่วยงานภาครัฐ ในการเป็นต้นแบบและเป็นผู้นำภาคส่วนอื่น ๆ ในการใช้พลังงานอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพต่อไปอีกด้วย

นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ กล่าวว่า มาตรการที่กำหนดให้หน่วยงานภาครัฐลดการใช้พลังงานร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับค่ามาตรฐานการใช้ไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิงของแต่ละองค์กร เป็นอีกมาตรการที่ทุกคนคุ้นเคยและปฏิบัติกันมาอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่ส่วนราชการต้องทำความเข้าใจในเบื้องต้น คือ การลดการใช้พลังงานร้อยละ 20 มิใช่ร้อยละของการใช้พลังงานในปัจจุบัน แต่เป็นร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับค่ามาตรฐานการใช้พลังงานไฟฟ้าและน้ำมันของแต่ละกลุ่มประเภทหน่วยงานตามที่สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานกำหนด

โดยที่ค่ามาตรฐานการใช้พลังงานไฟฟ้าและน้ำมันจะแตกต่างกันไปตามประเภทหน่วยงาน ขนาดของหน่วยงาน และลักษณะการปฏิบัติงาน ซึ่งแต่ละหน่วยงานต้องมีข้อมูลพื้นฐานที่ถูกต้องและครบถ้วน จึงจะส่งผลให้การคำนวณค่ามาตรฐานตรงตามความเป็นจริงมากที่สุด ในส่วนแนวทางการประหยัดไฟฟ้าและน้ำมันในเบื้องต้น เชื่อว่าทุกท่านทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว แต่จะสามารถปฏิบัติได้ตามแนวทางนั้น ๆ ได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการความมุ่งมั่นของแต่ละหน่วยงาน ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าจุดเริ่มต้นอยู่ที่ตัวบุคลากร ก่อนจะขยายผลไปยังระดับหน่วยงาน และทุกหน่วยงานสามารถลดการใช้ไฟฟ้าและน้ำมันบรรลุเป้าหมายร้อยละ 20 ได้อย่างแน่นอน

คลังจังหวัดชุมพร จัดฝึกอบรม หลักสูตร “การเพิ่มประสิทธิภาพการวิเคราะห์ ข้อมูลด้านเศรษฐกิจ


ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เวลา 09.00น ณ ห้องพุทธรักษา ชั้น ๒ โรงแรมมรกต ทวิน ตำบลท่าตะเภา อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร ได้รับเกียรติจากนายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร มาเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการฝึกอบรม หลักสูตร “การเพิ่ม ประสิทธิภาพการวิเคราะห์ข้อมูลด้านเศรษฐกิจการคลังจังหวัดชุมพร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘”

ร่วมกับ พันเอก โชติ ยิกุสังข์ รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 44/รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดชุมพร (ฝ่ายทหาร) นางเพ็ญลดา สายสวัสดิ์ คลังจังหวัดชุมพร นายทรงชัย ชูทิพย์ โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดชุมพร นางสาว ปานนภา สุภาพรเหมินทร์ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดชุมพร นางสาวยุพาพร สวัสดี พาณิชย์จังหวัดชุมพร นายคณิต กายสอน อุตสาหกรรมจังหวัดชุมพร นางสาวประดับ ชูดำ พัฒนาการจังหวัดชุมพร นางสุนทรี โพธิ์ทักษิณ วัฒนธรรมจังหวัดชุมพร

ดร.สุรินทร์ เหล่าพัทรเกษม ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดชุมพร ดร.อนันต์ รามพันธ์ นายกสมาคม ธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดชุมพร นายจาฏุพจน์ ไกรมาก ประธานหอการค้าจังหวัดชุมพรและท่านวิทยากร และผู้เข้าร่วมโครงการฝึกอบรมทุกท่านท นางเพ็ญลดา สายสวัสดิ์ กล่าว

โครงการฝึกอบรมครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้าง องค์ความรู้ และพัฒนาศักยภาพ บุคลากรหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนในจังหวัดชุมพร ผู้สนับสนุนข้อมูลการจัดทำรายงาน ภาวะเศรษฐกิจการคลังจังหวัด และรายงานประมาณการเศรษฐกิจ จังหวัดของจังหวัดชุมพร มีความรู้ ความเข้าใจภาพรวมเศรษฐกิจ

มีโอกาสแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ข้อคิดเห็น เพิ่มทักษะในการวิเคราะห์ ข้อมูลด้านเศรษฐกิจให้มีความแม่นยำ ทันสมัย น่าเชื่อถือ เป็นประโยชน์ ในการวางแผนเชิงยุทธศาสตร์ รวมถึงการกำหนดนโยบายในการ พัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งสามารถ นำความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานต่อไป

กิจกรรมในโครงการประกอบด้วย การบรรยายให้ความรู้ แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น และตอบข้อซักถามเกี่ยวกับแนวทาง การวิเคราะห์ข้อมูลด้านเศรษฐกิจ ประเด็นสำคัญของเศรษฐกิจ จังหวัดในช่วงที่ผ่านมา และการประมาณการแนวโน้มเศรษฐกิจ ในอนาคต

ตลอดจนข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย โดยกลุ่มเป้าหมาย ในการอบรมครั้งนี้ ได้แก่ ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ในจังหวัดชุมพร จำนวน 70 คน ทั้งนี้ ได้รับความกรุณาจากท่าน อาจารย์สุวิทย์ สรรพวิทยศิริ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสถาบันวิจัยนโยบาย เศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ เป็นวิทยากร

ในวันนี้นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร กล่าว่า สำนักงานคลังจังหวัดชุมพร ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการเสริมสร้าง องค์ความรู้และเพิ่มศักยภาพของบุคลากร ในด้านการวิเคราะห์ ข้อมูลเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการจัดทำรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง และรายงานประมาณการเศรษฐกิจระดับจังหวัด ซึ่งเป็นข้อมูลพื้นฐาน สำคัญในการกำหนดยุทธศาสตร์ และใช้ในการตัดสินใจเชิงนโยบาย ของภาครัฐและเอกชนในจังหวัด การจัดโครงการฝึกอบรม

ในครั้งนี้ จึงมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มทักษะ และพัฒนาความรู้ให้แก่บุคลากรผู้สนับสนุน ผู้จัดทำ สามารถ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการวิเคราะห์ข้อมูลด้านเศรษฐกิจ จัดทำรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง และรายงานประมาณการ เศรษฐกิจระดับจังหวัด ให้มีความถูกต้อง แม่นยำ ทันสมัย และน่าเชื่อถือ เป็นข้อมูลที่สำคัญของจังหวัด อันจะนำไปสู่การพัฒนา จังหวัดชุมพรอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และเกิดประโยชน์

สูงสุดกับประชาชน กระผมขอขอบคุณสำนักงานคลังจังหวัดชุมพร ที่ดำเนินการ จัดโครงการฝึกอบรมในครั้งนี้ ขอขอบคุณอาจารย์สุวิทย์ สรรพวิทยศิริ วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ จากสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง ที่ได้สละเวลาให้เกียรติ มาถ่ายทอดความรู้ และประสบการณ์อันมีค่า ขอบคุณผู้เข้าร่วมโครงการฝึกอบรมทุกท่านที่ให้ความสนใจ

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สภ.ห้วยยาง ได้รับการตรวจประเมิน ได้ลำดับที่ 1จาก ภ.จว. ประจวบคีรีขันธ์ ดำเนินงานโครงการตำบลยั่งยืน ประจำปีงบประมาณ 2568

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ศาลาประชาคมบ้านไร่ใน ม.1 ตำบลแสงอรุณ อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.อ.ภาคภูมิ โห้ใย รอง ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ (สส./ปส.) มอบหมายสั่ง

การให้ พ.ต.อ.วีระพัฒน์ เกตุษา ผกก.สภ.ห้วยยาง พ.ต.ท.สหธัญ กำบิลดีลิราช รอง ผกก.ป.สภ.ห้วยยาง ว่าที่ พ.ต.ท.กฤษดา เหนี่ยวพึ่ง สวป.สภ.ห้วยยาง พ.ต.ท.ทรงศักดิ์ รัศมี สว.อก.สภ.ห้วยยาง ชป.ตำบลยั่งยืน สภ.ห้วยยาง พร้อมด้วยภาคีเครือข่ายและผู้นำชุมชน ประกอบด้วย

นายสิทธิพร คงหอม นายอำเภอทับสะแก นาย ภัทรดนัย สมศรี กำนันตำบลแสงอรุณนายสุรศิลป์ ยนปลัดยศ นายก อบต.แสงอรุณนายชาตรี วณิชวรสกุล ประธาน กต.ตร.สภ.ห้วยยาง น.ส.ณุกานดา จันทราภรณ์ สาธารณสุขอำเภอทับสะแก

น.ส.วิภาภรณ์ ภัทรภิญโญ ผู้อำนวยการ สกร.อำเภอทับสะแก (กศน.) นางรัตนากร ศรวัฒนา พัฒนาการอำเภอทับสะแก ผญ.บ้านไร่ใน ม.1และ ผญ.บ้านแสงทอง ม.2 ต.แสงอรุณ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน,อสม.,ชรบ.,อส., และคณะกรรมการหมู่บ้าน

ร่วมรับการตรวจประเมินผลการปฎิบัติงาน โครงการตำบลยั่งยืนเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด แบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ ประจำปี พ.ศ.2568 ของ ตำรวจภูธรภาค 7โดยมี พ.ต.อ.สุภาพ วัยนิพิฐพงษ์ รอง ผบก.สส.ภ.7 พ.ต.อ.จรรยวรรธน์ วิเศษชูชาติกุลรอง ผบก.สส.ภ.7 พ.ต.อ.ภูวดิท คงเพ็ชร ผกก.(สอบสวน)ฯบก.สส.ภ.7 พร้อมคณะตรวจประเมิน ภ.7

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภ.ห้วยยาง ได้ดำเนินงานโครงการตำบลยั่งยืน ประจำปีงบประมาณ 2568 มาอย่างต่อเนื่อง ที่บ้านไร่ใน ม.1 และ บ้านแสงทอง ม.2 ต.แสงอรุณ อ.ทับสะแกโดยได้รับการตรวจประเมิน จาก ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ ได้เป็นลำดับที่ 1 และ

เข้ารับการตรวจประเมินจากคณะตรวจประเมินของตำรวจภูธรภาค 7 ในวันนี้ ผลการดำเนินการ ได้รับความร่วมมือจากภาคีเครือข่าย ทุกภาคส่วน ร่วมกันสร้างความรัก ความอบอุ่นให้กับชุมชนของตนเอง ส่งเสริมการศึกษาให้ผู้บำบัดได้เรียนต่อ ส่งเสริมอาชีพให้มีรายได้และมีเงินเหลือใช้เพิ่มมากขึ้น
//////////////////////////////
ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / จัดประชุมคณะอนุกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร จังหวัดน่าน ครั้งที่ 8/2568

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 28 สิงหาคม 2568 เวลา 13.30 น. สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดน่าน

จัดประชุมคณะอนุกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร จังหวัดน่าน ครั้งที่ 8/2568

โดยมีนายบุญยงค์ สดสอาด เป็นประธาน และนางณัติกานต์ บุญเจริญ หัวหน้าสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขา

จังหวัดน่าน ทำหน้าที่อนุกรรมการและเลขานุการ ณ ห้องประชุมเจ้าสุมนเทวราช (ชั้น 6) ศาลากลางจังหวัด อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน


โดยมีวาระพิจารณาในที่ประชุม ดังนี้
1.พิจารณากลั่นกรองแผนและโครงการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ปีงบประมาณ 2568 จำนวน 27 โครงการ

2.พิจารณาการขึ้นทะเบียนหนี้เกษตรกร ประจำปี 2568 ระหว่างวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 – 27 สิงหาคม 2568 จำนวน 169 ราย

จำนวน 518 บัญชี มูลหนี้ 83,108,363.74บาท (แปดสิบสามล้านหนึ่งแสนแปดพันสามร้อยหกสิบสามบาทเจ็ดสิบสี่สตางค์)

3.พิจารณาการอุทธรณ์การขึ้นทะเบียนหนี้ จำนวน 1 ราย/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / เรือนจำหลังสวน ปล่อยนักโทษ 200 คน ตามเงื่อนไข ราชกิจจานุเบกษา / ตร.จับยาบ้า 2 หมื่นเม็ด คาด่านบ้านพละ อ.ประทิว จ.ชุมพร

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันที่ 27 สิงหาคม 2568 เวลา 10.30 น. เรือนจำอำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร ถนนหลังสวน ตำบล หลังสวน อำเภอหลังสวน ชุมพร นายสมชบ แก้วภราดัย ผู้บัญชาการเรือนจำอำเภอหลังสวนเป็นประธานในพิธี อภัยโทษ ปล่อยนักโทษ 200 คน เบื้องต้นดำเนินการในวันนี้ จำนวน 44 คน ตามเงื่อนไข ราชกิจจานุเบกษา ได้ลงประกาศพระราชกฤษฎีกา

เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า  โดยที่ทรงพระราชดำริเห็นว่า ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเป็นการแสดงพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมควรพระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ เพื่อให้โอกาสแก่บุคคลเหล่านั้นกลับประพฤติตนเป็นพลเมืองดี อันจะเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบไป
นายสมชบ แก้วภราดัย  เปิดเผยว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ แก่พสกนิกรที่เป็นผู้ก้าวพลาด ให้ได้รับโอกาสในการเริ่มต้นชีวิตใหม่และประพฤติตนเป็นพลเมืองดีของสังคม กรมราชทัณฑ์พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยให้กับผู้ต้องราชทัณฑ์ทุกคนที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษ และจะพ้นโทษในคราวเดียวกันตามพระราชกฤษฎีกานี้จะต้องผ่านการอบรมโครงการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย โครงการพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว “โคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวัง กรมราชทัณฑ์” ที่มีการอบรมในหลักสูตรฝึกปฏิบัติการเกษตรทฤษฎีใหม่ในพื้นที่ขนาดเล็กให้แก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ เพื่อให้มีความรู้ติดตัว สามารถนำไปประกอบอาชีพภายหลังพ้นโทษได้ รวมทั้งร่วมมือกับเครือข่ายภาคสังคมและชุมชน ในการติดตามดูแลและให้ความช่วยเหลือ เพื่อให้ผู้ก้าวพลาดได้สร้างคุณค่าในตนเอง สามารถประกอบอาชีพสุจริต โดยไม่หวนกลับไปกระทำผิด ซ้ำอีก อันถือเป็นการป้องกันและคุ้มครองสังคม ดังคำว่า  "ราชทัณฑ์แก้ไข คนไทยให้โอกาส" เป็นแนวคิดและโครงการของกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ที่มุ่งเน้นการฟื้นฟูและแก้ไขผู้ต้องขัง เพื่อให้พวกเขากลับคืนสู่สังคมอย่างมีคุณภาพ ให้มีความปลอดภัยอย่างยั่งยืนต่อไป

ตำรวจจับคาด่านตรวจบ้านพละ จับยาบ้า 20,000 เม็ด

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันที่ 27 สิงหาคม 2568 เวลา 03.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่านตรวจความมั่นคงบ้านพละ อ.ปะทิว จ.ชุมพร ได้จับกุมผู้ต้องหาชาย 2 ราย พร้อมของกลางเป็นยาบ้าจำนวน 20,000 เม็ด ผู้ต้องหาทั้งสองรายได้แก่ นายวนัส (ลี่) อายุ 33 ปี และ นายสุริยา (เอ็ม) อายุ 36 ปี ถูกจับกุมพร้อมรถยนต์เก๋งมิตซูบิชิ เอสเตท สีดำ ทะเบียน กร 1846 พระนครศรีอยุธยา ที่ใช้ในการขนลำเลียงยาเสพติด ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารประจำด่าน ตรวจบ้านพละร่วมกันตั้งด่านตรวจอยู่บนถนนเพชรเกษม ม.๓. ต.เขาไชยราช อ.ปะทิว จว.ชุมพร จากการสืบสวน – ของ ร.ต.ต.ภาณุวัฒน์ เกตุสะอาด เจ้าหน้าที่ตำรวจด่านตรวจบ้านพละ

ทราบว่ามีรถส่วนบุคคล(รถเก๋ง)ยี่ห้อมิตซูบิชิ สี ดำ รุ่น ATTRAGE ติดแผ่นป้ายทะเบียนหมายเลข กร 1846 พระนครศรีอยุธยา มีพฤติกรรมต้องสงสัยว่าจะเป็นรถที่ นำยาเสพติดมาส่งมอบให้บุคคลในพื้นที่ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร โดยใช้เส้นทางเพชรเกษมผ่านด่านตรวจความมั่นคงบ้าน พละ จากการตรวจสอบประวัติการเดินทางของรถคันดังกล่าวผ่านระบบกล้อง LICENSR PLATE RECOGNITION(LPR) ทำให้ทราบประวัติเส้นทางการเดินรถของคันดังกล่าวโดยในเดือนกรกฎาคมและเดือน สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๘ รถคันดังกล่าวได้ผ่านด่านตรวจความมั่นคงบ้านพละจำนวน๓ครั้ง ในครั้งแรกวันที่๓ กรกฎษ คม ๒๕๖๘ ครั้งที่๒ วันที่๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๘ และครั้งที่๓ วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๘ เจ้าหน้าที่ตำรวจด่านตรวจ บ้านพละจึงได้วางแผนเพื่อทำการตรวจสอบรถคันดังกล่าว จนกระทั่งวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๘ เวลาประมาณ ๐๐.๕๐ น.ร.ต.ต.ภานุวัฒน์ฯ

ได้ทำการตรวจสอบรถคันดังกล่าวผ่านระบบกล้อง LICENSR PLATE RECOGNITION(LPR) พบว่ารถคันดังกล่าวได้ผ่านถนนเพชรเกษม อ.บ้านลาดท่าเสน จ.เพชรบุรี ขาล่องใต้ เวลา ประมาณ ๐๐.๓๙น. ของวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๘ เจ้าหน้าที่ตำรวจด่านตรวจบ้านพละพร้อมเจ้าหน้าที่ทหาร จึงได้ วางแผนตั้งด่านเพื่อตรวจสอบรถคันดังกล่าว บริเวณหน้าด่านตรวจความมั่นคงบ้านพละ ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ ๐๓.๒๐น. ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจด่าตรวจความมั่นคงบ้านพละและเจ้าหน้าที่ทหารได้ทำการตั้งด่านตรวจพบรถคัน ดังกล่าววิ่งมาบนถนนเพชรเกษมขาล่องใต้จึงได้ส่งสัญญาณให้รถคันดังกล่าวหยุดรถเพื่อทำการตรวจค้น แต่รถคัน ดังกล่าวได้ขับผ่านไปโดยไม่ได้หยุดรถให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจค้น เจ้าหน้าที่ตำรวจด่านตรวจความมั่นคงบ้านพละจึง ได้ขับรถติดตามรถคันดังกล่าวไป จนกระทั่งถึงบริเวณริมถนนเพชรเกษมทางเข้าวัดพรุตะเคียน ม.๒ ต.สลุย อ.ท่า แซะ จ.ชุมพร จึงได้ส่งสัญญาณให้รถคันดังกล่าวหยุดรถ จากการตรวจค้นเบื้องต้นพบนายสุริยา (เอ็ม) อายุ ๓๖ ปี ชาว ต.ปากเพรียว อ.เมืองสระบุรี จ. สระบุรี เป็นผู้ขับขี่ และมีนายวนัส(สี่) อายุ๓๓ปี ชาว ต.ลุมพลี

อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นผู้นั่งโดยสารตอนหน้า จากการตรวจค้นเบื้องต้น ณ ที่สั่งให้ทำการ หยุดรถไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่นายวนัสฯและนายสุริยาฯท่าทางมีพิรุท ต้องสงสัยว่าในรถคันดังกล่าวมีสิ่งของผิด กฎหมายและยาเสพติดซุกซ่อนอยู่ภายในรถ จึงได้นำรถคันดังกล่าวพร้อมผู้ขับขี่และผู้โดยสารทั้ง๒คน มาทำการ ตรวจค้นโดยละเอียดที่ด่านตรวจความมั่นคงบ้านพละ เมื่อถึงที่ทำการด่านตรวจความมั่นคงบ้านพละ ได้ตรวจค้นโดย ละเอียดต่อหน้านายสุริยาฯและนายวนัสฯ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจค้นบริเวณฝากระโปรงท้ายรถ พบแผ่น พลาสติกสีดำปิดกั้นบริเวณเบาะผู้โดยสารตอนหลัง จึง

ได้น้าแผ่นพลาสติกสีดำดังกล่าวออก พบถุงพลาสติกสีเหลือง จำนวน ๒ ถุง ซุกซ่อนอยู่ที่หลังเบาะที่นั่งผู้โดยสารตอนหลัง จึงได้นำออกมาเปิดดู ภายในถุงพลาสติกสีเหลืองนั้นมี วัตถุก้อนสีเหลืองรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าห่อด้วยกระดาษไขสีเหลือง มีตัวเลขอาราบิกสีน้ำเงิน เลข ๙๙๙ และรูปดาว ๕ แฉก จำนวนสดวง อยู่ด้านบนของตัวเลขอาราบิกสีนำเงิน เลข ๙๙๙ ประทับอยู่บนวัตถุก้อนสีเหลืองรูปทรง สี่เหลี่ยมผืนผ้าห่อด้วยกระดาษไขสีเหลือง จำนวน ๒ ก้อน แยกบรรจุถุงละ ๑ ก้อน ภายใน ๑ ก้อน บรรจุก้อนละ ๕ มัด มัดละ ๒,๐๐๐เม็ด รวมยาบ้า ๒ ก้อน ประมาณ ๒๐,๐๐๐ เม็ด จากประสบการณ์การจับกุมยาเสพติดและกลิ่น ของวัตถุดังกล่าวทำให้ทราบว่า

วัตถุดังกล่าวคือเมทแอมเฟตามีนชนิดเม็ด(ยาบ้า) จึงได้แจ้งสิทธิตามกฎหมายให้กับ นายสุริยาฯและนายวนัสฯทราบและเข้าใจดีแล้ว ทั้ง๒คนรับว่าได้นำยาเสพติดดังกล่าวมาจาก จ.สระบุรีเพื่อไปส่งที่ อ ท่าแซะ จ.ชุมพร จากการ สอบถามนายวนัสฯ รับสารภาพว่ายาบ้าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจด่านตรวจความมั่นคงบ้านพละตรวจค้นพบ เป็นของ ตน และกำลังจะนำไปส่งที่ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร และให้การต่อไปว่าตนได้รับยาบ้ามาจากนายบูมไม่ทราบชื่อสกุลจริง โดยการใช้โทรศัพท์หมายเลข๐๘๒-๐๗๕-๑๙๖๖

ส่งข้อความไปหานาย บูมผ่าน แอปพลิเคชั่นไลน์ และได้มีการนัดรับ ของที่ถนนตากฟ้า เขต จังหวัด นครสวรรค์ ในวันที่ ๒๕ ส.ค.๒๕๖๘ เวลาประมาณ ๒๐.๐๐น. ตนได้เดินทางไปรับ ยาบ้าเพียงคนเดียวโดยใช้รถคันดังกล่าวในการไปรับยาบ้าที่วางไว้ ณ จุดนัดหมายริมถนนตากฟ้า เขต จ.นครสวรรค์ และนำเงินสดจำนวน ๒๐,๐๐๐ บาท ใส่ถุงวางไว้ ณ จุดที่นัดรับยาบ้า เมื่อได้รับยาบ้าแล้วตนได้นำยาบ้าซุกซ่อนใส่ใน ฝากระโปรงท้ายรถคันดังกล่าว จึงได้ขับรถกลับมายังที่บ้านพัก ต่อมาในวันที่๒๖ ส.ค.๒๕๖๘ นายวนัสฯได้ไปทำงาน ที่บริษัทขนส่งพัสดุเจแอนต์ทีเอ็กซ์เพรส (J&T EXPRESS)เลิกงานประมาณ๑๙.๐๐น.

จึงได้กลับไปยังที่บ้านพักและ ได้ใช้โทรศัพท์หมายเลข๐๘๒-๐๓๗๕-๑๙๖๖ โทรผ่านแอปพลิเคชั่น MESSENGER ชักชวนนายสุริยาฯ ให้ร่วมเดินทาง ไปส่งยาบ้าที่จ.ชุมพร นายสุริยาฯตอบตกลงว่าจะไปด้วย ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ ๒๓.๐๐น.ของวันที่ ๒๖ ส.ค. ๒๕๖๘ นายวนัสฯได้ขับรถคันดังกล่าวออกจากที่พักเพื่อไปรับนายสุริยาฯ เมื่อไปถึงบ้านนายสุริยาฯได้ให้นายสุริยาฯ เป็นผู้ขับขี่รถคันดังกล่าวจนมาถึงจ.ชุมพร โดยใช้เส้นทางมาชุมพรโดยผ่าน อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา อ.บาง บัวทอง จ.นนทบุรี

ถนนพระราม๒ ถนนเพชรเกษมจนกระทั่งมาถึงด่านตรวจความมั่นคงบ้านพละ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ขับรถติดตามและแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจส่งสัญญาณให้จอดรถและนำรถคันดังกล่าวมาตรวจค้นที่ด่านตรวจ ความมั่นคงบ้านพละ พบยาเสพติดดังกล่าวที่ซุกซ่อนมาภายในรถ จากการสอบถามนายวนัสฯ ให้การเพิ่มเติมว่าใน เดือนส.ค.๒๕๖๘ ตนและนายสุริยาฯได้นำยาบ้ามาส่งที่ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร จำนวน ๒ ครั้ง และได้กำไรจากการ จำหน่ายยาบ้าดังกล่าว ครั้งละประมาณ ๑๐,๐๐๐บาท และได้แบ่งเงินให้นายสุริยาฯครั้งละ ๓,๐๐๐ บาท

จากการสอบถามนายสุริยาฯ รับสารภาพว่าเมื่อวันที่ ๒๖ส.ค.๒๕๖๘ เวลาประมาณ ๒๐.๐๐น.นายวนัสฯได้ ใช้โทรศัพท์หมยเลข ๐๘๗๒-๐๗๕-๑๙๖๖ โทรผ่านแอปพลิเคชั่น MESSENGER มาหาโทรศัพท์ของตนหมายเลข๐๙๐-๓๓๓-๘๗๓๖ เพื่อชักชวนไปส่งยาบ้าที่ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ตนได้ตอบตกลงให้มารับที่บ้านพัก เมื่อถึงเวลาประมาณ ๒๑.๓๐น. นายวนัสฯได้เดินทางมารับตนที่บ้านพัก และได้ให้ตนเป็นผู้ขับรถคันดังกล่าวจนกระทั่งถึง จ.ชุมพร เมื่อได้ ทำการส่งยาบ้าเสร็จ จะได้รับส่วนแบ่งกำไรจากการจำหน่ายยาบ้า ครั้งละ๓,๐๐๐ บาท จากการสอบถามนายสุริยาฯ ถึงพฤติกรรมในการส่งยาบ้า นายสุริยาฯจะเป็นผู้ขับรถคันดังกล่าวทุกครั้ง โดยมีนายวนัสฯเป็นผู้นั่งอยู่เบาะโดยสาร ข้างคนขับ เมื่อถึงจุดนัดส่งยาบ้า นายวนัสฯจะเป็นผู้ลงไปนำยาบ้าออกจากรถและวางไว้ในจุดที่นัดหมาย โดยที่นาย สุริยาฯไม่ได้ลงจากรถ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมตัวจึงได้ควบคุมตัวและแจ้งข้อหาให้นายวนัสฯและนายสุริยาฯทราบว่ามี

ความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายโดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยเป็น การกระทำที่มีลักษณะกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบ ต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้วจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชา รับทราบ เจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหาดำเนินคดีกับผู้ต้องหาในข้อหา “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 โดยมีไว้เพื่อการค้า ก่อให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐและความปลอดภัยของประชาชน” ซึ่งเป็นการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อสังคมและความมั่นคงของประเทศอย่างร้ายแรง จากนั้นเจ้าพนักงานผู้จับได้นำตัวผู้ต้องหา/ผู้ถูกจับพร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านมาบ อำมฤต ดำเนินคดีตามกฎหมายในวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๘ เวลา 13.30 น.

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / เปิดโครงการเสริมสร้างความรู้ การปกครองระบอบประชาธิ ปไตย เพื่อสร้างพรรคการเมืองคุณภาพ (รุ่นที่ 1)

แชร์เนื้อหานี้

วันอังคาร ที่ 26 สิงหาคม 2568 ณ โรงแรมน่านกรีนเลค วิว รีสอร์ท อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน นายโชคดี ด้วงแป้น ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้งประจำจังหวัดน่าน กล่าวรายงานต่อนายเกรียงไกร พานดอกไม้ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง

ประธานในพิธีเปิดโครงการเสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อสร้างพรรคการเมืองคุณภาพ กิจกรรมที่ 4 อบรมเสริมสร้างความรู้หลักสูตรพรรคการเมืองคุณภาพ(รุ่นที่1 )ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ดำเนินโครงการ

เสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์
ทรงเป็นประมุข เพื่อสร้างพรรคการเมืองคุณภาพ โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นกรรมการสาขาพรรคการเมือง ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด สมาชิกพรรคการเมือง

และประชาชนทั่วไป โดยมีเนื้อหาครอบคลุมทั้งในเรื่องของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การเป็นพลเมืองคุณภาพ และการเป็นพรรคการเมืองคุณภาพ จากทีมวิทยากรพรรคการเมืองคุณภาพ

ที่ผ่านการอบรมจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง
เพื่อให้การดำเนินโครงการเสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับการปกครอง
ในระบอบประชาธิบไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข กิจกรรมที่ 4
อบรมเสริมสร้างความรู้หลักสูตรพรรคการเมืองคุณภาพ

เป็นไปตามวัตถุประสงค์มีความมุ่งหวังให้เกิดการมแพร่ควายแพร่ความรั
สร้างความเข้าใจและสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ในการดำเนินกิจกรรม
ทางการเมือง ให้เป็นไปตามมาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรระ
ด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดน่าน มีสาขาพรรคการเมือง
และตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด ที่ดำเนินกิจกรรมอยู่ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ รวมจำนวน 9 สาขาพรรคการเมือง 4 ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด จึงได้กำหนดให้มีการดำเนินกิจกรรมตามโครงการฯ ดังกล่าว แบ่งการอบรมออกเป็น 2 รุ่นๆ ละ 100 คน

รวม 200 คน ดังนี้ รุ่นที่ 1 วันที่ 26 สิงหาคม 2568 ณ โรงแรมน่านกรีนเลค วิว รีสอร์ท อำเภอเมืองน่าน จำนวน 100 คน รุ่นที่ 2 วันที่ 27 สิงหาคม 2568 ณ โรงแรมดิ อิมเพรส น่านอำเภอเมืองน่าน จำนวน 100 คน/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / นักท่องเที่ยววอนจัดระเบียบอ่าวไข่ หาดหรูเมืองสุนทรภู่ ครูกวีศรียูเนสโก้

แชร์เนื้อหานี้

ผู้สื่อข่าวได้รับข้อมูลจากนักท่องเที่ยวต่างจังหวัดที่เดินทางไปพักผ่อนยังอ่าวไข่ สถานที่ท่องเที่ยวที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหาดหรูแห่งเมืองระยอง แต่ยังพบว่ามีหลายจุดที่ยังต้องจัดระเบียบปรับปรุงแก้ไขเพื่อความเป็นมาตรฐานของแหล่งท่องเที่ยวที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวนานาชาติจากทุกมุมโลกที่ต้องการมาเยือน

โดยยังพบว่าในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวดังกล่าวยังไม่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยในเรื่องของการไม่มีจุดจอดรถสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชัดเจน, การจัดวางถังขยะใกล้ทางระบายน้ำลงทะเล, การยึดพื้นที่จอดรถสองข้างถนนของผู้ประกอบการเอกชน รวมการความหมิ่นเหม่เรื่องการก่อสร้างอาคารรุกล้ำที่สาธารณะ

อย่างไรก็ตาม อยากให้ทางจังหวัดระยอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการปรับปรุงแก้ไขเพื่อที่จะให้อ่าวไข่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทรงคุณค่าของจังหวัดระยองอย่างแท้จริง และเพื่อภาพลักษณ์ที่ดีด้านการท่องเที่ยวของภาคตะวันออกและประเทศไทย อันจะส่งผลถึงเม็ดเงินด้านการท่องเที่ยวที่จะเข้ามาอีกเป็นจำนวนมากในอนาคต

อนึ่ง อ่าวไข่ จ.ระยอง เป็นอ่าวเล็กๆ ความยาวประมาณ 500 กม. อยู่ใกล้กับหาดแม่พิมพ์ เป็นชายหาดที่มีความสงบ และเป็นที่ถูกใจของผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมทางทะเล และเป็นเป้าหมายของการเดินทางของนักเซิร์ฟจากทั่วโลก ความสวยงาม

ที่เห็นได้ด้วยตาเปล่าคือ เกาะขี้ปลา ที่อยู่ห่างจากชายหาดไม่ไกล ด้วยความโดดเด่นทางธรรมชาติความสมบูรณ์ของธรรมชาติ อ่าวไข่ จึงได้ชื่อว่าเป็นชายหาดหรูแห่งเมืองสุนทรภู่ บรมครูกวีศรีแห่งชาติ ที่ยูเนสโก้ยกย่อง

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ผู้ว่าฯ ดำน้ำเก็บขยะใต้ทะเล ชุมพร และพื้นที่ชายหาด เฉลิมพระเกียรติ

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันนี้ (21 ส.ค. 68) นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร นำจิตอาสาพระราชทาน หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ

ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ และประชาชนจิตอาสา ร่วมกิจกรรมเก็บขยะใต้น้ำและชายหาดจังหวัดชุมพร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2568 ภายใต้โครงการประชารวมใจรักษ์ทะเลไทย

เทิดไท้องค์ราชัน โดยศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) จังหวัดชุมพร

ณ บริเวณลานอเนกประสงค์หน้าเทศบาลตำบลปากน้ำชุมพร อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร โดยจิตอาสาได้ช่วยกันเก็บขยะชายหาด

ณ บริเวณพื้นที่ชายหาดปากน้ำชุมพร ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร และดำน้ำเก็บขยะใต้

ทะเลในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร บริเวณพื้นที่ระดับความลึกของน้ำทะเลไม่เกิน 10 เมตร เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย

สำหรับกิจกรรมเก็บขยะใต้น้ำและชายหาดจังหวัดชุมพร จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2568

ด้วยการลดปริมาณขยะใต้ทะเลและชายฝั่ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว เศรษฐกิจภาคทะเลและสิ่งแวดล้อมของประเทศ รวมถึงให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงความสำคัญและมีส่วน

ร่วมในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมทางทะเลที่มีผลกระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน และระบบเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / จัดแถลงข่าวประจำเดือนสิงหาคม 2568 เน้นย้ำการฟื้นฟูเยียวยา และการจ่ายเงินชดเชยให้ผู้ประสบอุทกภัย จ.น่าน / สพป.น่าน เขต 1โครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ระดับปฐมวัย

แชร์เนื้อหานี้

วันที่ 21 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. ที่ ห้องประชุมเจ้าฟ้าอัตรวรปัญโญ ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดน่าน จังหวัดน่าน นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน มอบหมายนายบรรจง ขุนเพชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน

เป็นประธานในการแถลงข่าวประจำเดือนสิงหาคม 2568 ต่อสื่อมวลชนทุกแขนงเพื่อสื่อสารและประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานตามนโยบายผู้ว่าราชการจังหวัดน่านในแต่ละเดือนพร้อมนำเสนอผลการขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัดทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยว

โดยมีประเด็นแถลงข่าวเรื่องการฟื้นฟูเยียวยา และการจ่ายเงินชดเชยให้ผู้ประสบอุทกภัยจังหวัดน่าน โดยมีหัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดน่าน นายกเทศมนตรีเมืองน่าน พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดน่าน และท้องถิ่นจังหวัดน่านรายงานความคืบหน้าและตอบข้อซักถาม โดยจังหวัดน่าน

ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายดำเนินการอย่างโปร่งใส ถูกต้อง และเป็นธรรม เพื่อให้ความช่วยเหลือถึงมือพี่น้องประชาชนอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะจากประชาชนในพื้นที่เพื่อนำไปปรับปรุงการดำเนินงานในระยะต่อไป/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สพป.น่าน เขต 1 เดินหน้าพัฒนาสมรรถนะการจัดประสบการณ์เรียนรู้ตามแนวทาง โครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ระดับปฐมวัย (ขั้นเฉพาะทาง) เรื่อง “เทคโนโลยี : จากที่นี่ไปที่นั่น” และการจัดทำโครงงานรูปแบบวัฎจักรสืบเสาะ สำหรับครูผู้สอนชั้นปฐมวัย

วันพุธที่ 20 สิงหาคม 2568 เวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุมเวทีวิชาการ ดร.วิเชียร วาพัดไทย ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 เป็นประธานเปิดการอบรมและบรรยายพิเศษการพัฒนาสมรรถนะการจัดประสบการณ์เรียนรู้ตามแนวทาง

โครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ระดับปฐมวัย (ขั้นเฉพาะทาง) เรื่อง “เทคโนโลยี : จากที่นี่ไปที่นั่น” และการจัดทำโครงงานรูปแบบวัฎจักรสืบเสาะ สำหรับครูผู้สอนชั้นปฐมวัย เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในแนวคิดกลักการของโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย

ให้ครูปฐมวัยสามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่เหมาะสมกับวัย ตลอดจนส่งเสริมให้ทักษะการจัดกิจกรรมแบบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry-Based Learnnig) และสร้างเครือข่ายครูปฐมวัยด้านการจัดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ มีครูปฐมวัยในสังกัดเข้ารับการอบรม จำนวน 80 คน และทีมวิทยากรประกอบด้วย

นายนภัทร เครือผดุงสกุล ศึกษานิเทศก์ผู้นำเครือข่ายท้องถิ่น (Local Network : LN) วิทยากรเครือข่าย (Local Trainer : LT) และครูแกนนำระดับปฐมวัย จำนวน 20 คน โดยมี นางศิริรัตน์ แย้มศิลป์ ศึกษานิเทศก์ ชำนาญการพิเศษ กล่าวรายงาน
ในโอกาสนี้ ดร.วิเชียร วาพัดไทย

ได้ชื่นชมครูปฐมวัยทุกคนที่ทำงานด้วยความเสียสละและเอาใจใส่ลูกๆนักเรียน ขอให้คุณครูปฐมวัยทุกท่าน ได้ตั้งใจปฏิบัติงาน และให้สอดแทรกการสอนประวัติศาสตร์ชาติไทย ตามความเหมาะสมกับช่วงวัยของเด็ก

เพื่อปลูกฝังให้นักเรียน มีความจงรักภักดีและมีความภาคภูมิใจชาติ ศาสนา และพระมาหากษัตริย์ มานพ เถรหมื่นไวย ภาพ/ข่าว/บุญยงค์ สดสอาด นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน รายงาน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / อบจ.ประจวบฯ จัดโครงการ “เครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชน” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ 2568

แชร์เนื้อหานี้

วันพุธที่ 20 สิงหาคม 2568 ที่โรงแรมประจวบแกรนด์ อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายสราวุธ ลิ้มอรุณรักษ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ “เครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชน ” ขององค์การบริหารส่วนจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568

โดยมี นายไชยณรงค์ เชื้อวงค์สกุลรองนายก อบจ.ประจวบคีรีขันธ์ คนที่หนึ่ง นายยุทธชัย ปริยวาที เลขานุการนายกอบจ.ประจวบคีรีขันธ์ นายทวีสิน พัฒนาภิรัส ประธานสภา อบจ.ประจวบคีรีขันธ์

นายธรรมรัตน์ สิงห์ศรี ปลัดอบจ.ประจวบคีรีขันธ์ นางจันทิสา แดงโชติ รองปลัด อบจ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อม คณะผู้บริหาร สมาชิกสภา อบจ.ประจวบฯ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชน ทั้ง 8 อำเภอ พนักงาน เจ้าหน้าที่ร่วมอบรมกว่า 150 คน

สำหรับกระบวนการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในการดำเนินงานพัฒนา ร่วมคิด ร่วมตัดสินใจแก้ปัญหาและสนับสนุนติดตามผลการปฏิบัติงานขององค์กร การมีส่วนร่วมของประชาชนมีรากฐานมาจากแนวคิดของระบอบประชาธิปไตย

โดยภาครัฐจะต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนมีสิทธิในกระบวนการนโยบายสาธารณะ ทั้งด้านการให้และรับรู้ข้อมูลข่าวสาร การให้ความคิดเห็น หรือข้อเสนอแนะ รวมถึงการร่วมตัดสินใจในชั้นตอนการริเริ่มนโยบาย การจัดทำแผนงาน

โครงการ หรือกิจกรรมที่มีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความโปร่งใส่และเพิ่มคุณภาพการตัดสินใจของภาครัฐให้ดียิ่งขึ้น และเป็น
ที่ยอมรับร่วมกันของทุกภาคส่วน ดังนั้น องค์การบริหารส่วนจังหวัด

ประจวบคีรีขันธ์ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าว จึงได้จัดทำโครงการ “เครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชน” ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ขึ้น

โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ตระหนักถึงการสร้างจิตสำนึกในการมีส่วนร่วมในการจัดทำบริการสาธารณะในพื้นที่ตนเอง เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในหลักการมีส่วนร่วมของประชาชนเกี่ยวกับการบริหารงาน ภาครัฐ และนำไปถ่ายทอด

ให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบ เพื่อสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ แนวคิด/วิธีการปฏิบัติงานและประสานความร่วมมือกัน ระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับประชาชน สู่การพัฒนาท้องถิ่น
อย่างยั่งยืน

/////////////////////

ข่าว ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์ 0649646443