คลังเก็บหมวดหมู่: ตำรวจ(ตร.)

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ /ชาวไทยมุสลิมนับร้อยคน ถูกลอยแพ ทิ้งกลางสนามบินนานาชาติหาดใหญ่ บริษัททัวร์ปิดหนี กบดานศรัทธากับความสิ้นหวัง สูญนับร้อยล้านบาท

แชร์เนื้อหานี้

จากกรณีเกิดความวุ่นวายที่ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม ที่ผ่านมา สืบเนื่องจาก ผู้เดินทางไปแสวงบุญอุมเราะฮฺ จำนวน 170 คน ที่ เตรียมออกเดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะห์ ณ ประเทศซาอุดิอาระเบีย โดยทุกคนที่จะเดินทาง และญาติพี่น้องที่มาส่ง ต่างพากันรอเพื่อเตรียมตัว กันขึ้นเครื่องเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อขึ้นเครื่องต่อไปยังประเทศซาอุดิอารเบีย แต่เมื่อใกล้ถึงเวลาเดินทาง ปรากกว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ ของบริษัทดังกล่าวมาแสดงตัว ทุกคนได้พยายามติดตาม บริษัทแต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ จนกระทั่งทางบริษัทได้ ส่งข้อความ ทางไลน์กลุ่มของผู้ที่จะเดินทางว่า “ไม่สามารถเดินทางได้” ทำให้ทุกคนรู้ทันทีว่า ถูกหลอก ทำให้บรรยากาศวันดังกล่าวทุกคนที่คาดหวังว่าจะเดินทางไปอุมเราะห์ต่างผิดหวังและร้องไห้ รวมไปถึงญาติ ๆ ที่มาส่งกัน ต่างได้รับความเสียใจอย่างมาก เพราะครั้งหนึ่งของชาวมุสลิมจะเก็บเงินไปแสงบุญ

สำหรับความคืบหน้าล่าสุด วานนี้ วันที่ 14 ตค. เวลา 13.30 น. กลุ่มผู้เสียหาย จำนวน 41 คน ทั้งจากจังหวัดปัตตานี นราธิวาส และสงขลา ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนที่ สถานีตำรวจภูธรเมืองปัตตานี เพื่อดำเนินคดีเอาผิดกับบริษัทผู้ที่เกี่ยวข้องดังกล่าว โดยมี พ.ต.ท.วินิตร อินสุวรรณ. รอง ผกก.สืบสวน สภ.เมืองปัตตานี ,พ.ต.ท.ศักดิ์อนันตื คำไสย รอง ผกก.ทท.หาดใหญ่ และ พ.ต.ท.ณัฐวรรธน์ สงคง สว.ทท.นราธิวาส รวมถึงเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ จชต.โดยเจ้าหน้าที่ยืนยันจะรวบรวมหลักฐาน เพื่อเอาคนผิดมาดำเนินคดี โดยความเสียหายเบื้องต้น ร่วม 10 กว่าล้านบาท

โดยบริษัทดังกล่าวมีชื่อว่า รุส ฮัจญ์ แอนด์ ทราเวล ผู้เสียหายแต่ละรายระบุว่า ได้จ่ายเงินค่าทัวร์ไปแล้ว รายละเกือบ 60,000 -100,000 บาท ซึ่งเป็นเงินเก็บทั้งชีวิตเพื่อไปแสวงบุญ แต่กลับถูกลอยแพไม่ทราบชะตากรรมของผู้จัดการบริษัท ล่าสุดมีรายงานว่าเจ้าของบริษัทหายตัวไปอย่างเงียบ และหลังจากเหตุการณ์ 1 วัน ทางบริษัทได้โพสข้อความแสดงคำขอโทษ และจะพยายามหาเงินมาจ่ายคืนแก่ผู้เสียหายภายใน 5 เดือน และไม่มีการติดต่อมาอีกเลย เบื้อต้นมีผู้เสียหายราย 170 ราย

ดำเนินการเพราะผู้เสียหายครั้งนี้มีเป็นจำนวนมาก พร้อมยืนยันจะรวบรวหลักฐาน เพื่อเอาคนผิดมาดำเนินคดี โดยความเสียหายเบื้องต้น ร่วม 10 กว่าล้านบาทนางรอดีย๊ะ อาแว ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า จริง ๆ แล้วกลุ่มของตนมีกำหนดเดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะห์ในวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยก่อนเดินทางหนึ่งวัน ได้มีการพูดคุยกันในกลุ่มไลน์เกี่ยวกับรายละเอียดการเดินทาง แต่ปรากฏว่าไม่มีคำตอบชัดเจนจากทางบริษัท ทำให้ทุกคนเริ่มรู้สึกไม่สบายใจและสงสัยว่าทำไมบริษัทไม่แจ้งข้อมูล หรือกำหนดเวลาเดินทางให้แน่ชัด

ต่อมาทางบริษัทได้แจ้งเพิ่มเติมว่า ไม่สามารถเดินทางได้ เนื่องจาก แพ็กเกจที่ทุกคนซื้อไปไม่พอจ่าย และขอให้ผู้เดินทางทุกคนโอนเงินเพิ่มคนละ 15,000 บาท โดยยืนยันว่าหากชำระเพิ่มแล้วจะสามารถเดินทางได้แน่นอน ด้วยความตั้งใจและศรัทธาที่อยากไปประกอบพิธี ทุกคนจึงยอมโอนเงินไปตามที่บริษัทแจ้ง

แต่สุดท้าย บริษัทกลับเงียบหายไป และปิดช่องทางการสื่อสารทั้งหมด ไม่สามารถติดต่อได้อีกทุกคนเสียใจมาก คืนนั้นไม่มีใครได้นอนเลย… ส่วนตนก็รู้สึกจุกในใจมาก เพราะตั้งใจจะพาแม่ ๆ ป้า ๆ ไปทำอุมเราะห์ แต่สุดท้ายกลับต้องเห็นพวกเขาร้องไห้กันหมดนางกุลยา เจะเลาะ ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนรออยู่ที่สนามบิน ด้วยความหวัง ว่าจะได้เดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะห์ แต่เมื่อรอแล้วรออีก ก็เริ่มรู้ชะตากรรมว่าคงไม่ได้ไปต่อ ด้วยความอยากไป จึงลองไปตรวจสอบตั๋วที่สนามบิน ปรากฏว่าไม่มีชื่อของตนอยู่ในรายชื่อผู้โดยสาร ทำให้รู้สึกไม่ดี แต่ก็ยังคงยืนรอต่อไป

ส่วนคนอื่น ๆ ที่มาร่วมเดินทางก็น่าสงสารมาก โดยเฉพาะเมาะ (คนแก่) บางคนที่เดินทางมาไกล ตั้งแต่ตี 2 มานั่งรอจนฟ้าสว่าง สุดท้ายก็ไม่ได้ไป และไม่มีใครจากบริษัทออกมาดำเนินการหรือชี้แจง ทำให้ทุกคนรู้สึกเสียใจ บางคนถึงกับร้องไห้ ตาแดงกันไปหมดเงินหามาใหม่ได้ แต่ความรู้สึกเสียไปแล้ว เพราะตนตั้งใจอย่างมากที่จะไปทำอุมเราะห์ กว่าจะได้ลางานไม่ใช่เรื่องง่าย อีกทั้งแพ็กเกจนี้ตนชำระเงินล่วงหน้าไปกว่า 3 เดือน แต่สุดท้ายบริษัทกลับทำกับเราด้วยวิธีแบบนี้ ตอนนั้นไม่มีใครรู้จักกันมาก่อน แต่เมื่อเจอปัญหาเดียวกัน ทุกคนต่างพากันกอดกันท่ามกลางน้ำตา

ด้าน พ.ต.ท.วินิตร อินสุวรรณ. รอง ผกก.สืบสวน สภ.เมืองปัตตานี เปิดเผยว่า วันนี้มีผู้เสียหายเดินทางมาแจ้งความราว41ราย และยังมีผู้เสียหายอื่นๆอีกที่กำลังจะเข้ามาแจ้งความเพิ่ม โดยส่วนใหญ่ผู้เสียหายได้มีการโอนไป และบ้างรายก็จ่ายสด 8-9หมื่นบาท บางราย เสียหาย1แสนบาทซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้แนะนำผู้เสียหายให้รวบรวมหลักฐานทั้งสลิปการโอน แชทสนทนา กำหนดการเดินทาง หรือเอกสารหลักฐานต่างๆ เพื่อนำมาประกอบพยานหลักฐานมาดำเนินคดีต่อไป // ตอริก สหสันติวรกุล ผู้สื่อข่าว TOPNEWS ปัตตานี

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ภ.7 นำร่อง “ไกลกังวล หัวหิน โมเดล” ติดตั้งระบบ AI ป้องกันภัยรอบวังไกลกังวลและนครหัวหิน

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 14 ต.ค.68 ที่ห้องประชุมกองอำนวยการร่วมถวายความปลอดภัย วังไกลกังวล (ปภ.97) อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ พล.ต.ท.พิสิฐ ตันประเสริฐ ผบช.ภ.7 เป็นประธานแถลงข่าวโครงการหัวหินเมืองปลอดภัยกับโครงการเพิ่มประสิทธิภาพความปลอดภัยบริเวณโดยรอบวังไกลกังวล

ด้วยระบบ Ai และกล้องวงจรปิด (CCTV) มี นายปรีดา สุขใจ รองผู้ว่าราชการ จ.ประจวบฯ, พล.ต.ต.ไพศาล พฤกษจำรูญ รอง ผบช.ภ.7, พล.ต.ต.อาทร ชิ้นทอง ผบก.ภ.จ.ประจวบฯ, พ.ต.อ.กัมปนาท ณ วิชัย ผกก.สภ.หัวหิน, พ.ต.ท.สัตยา เสโล่รังสี รอง ผกก.ถวายอารักขาและรักษาความปลอดภัย

หัวหน้าควบคุมทีมปฎิบัติงานดูแลระบบกล้องวงจรปิด (Ai), นายกิตติชัย ศรีทองช่วย ปลัดอำเภอหัวหิน, นายจีรวัฒน์ พราหมณี ปลัดเทศบาลนครหัวหิน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมรับฟพล.ต.ท.พิสิฐ ตันประเสริฐ กล่าวว่า สืบเนื่องจากวังไกลกังวลเป็นเขตพระราชฐานที่มีความสำคัญ ทางตำรวจภูธรภาค 7 จึงได้เปิดตัวนวัตกรรม กล้องวงจรปิดระบบปัญญาประดิษฐ์ Ai

เพื่อเสริมประสิทธิภาพการทำงานด้านการรักษาความปลอดภัยบริเวณวังไกลกังวลและนครหัวหิน โดยระบบ Ai ตัวนี้จะสามารถวิเคราะห์ภาพจากกล้อง CCTV ได้แบบเรียลไทม์ เพื่อตรวจจับพฤติกรรมหรือวัตถุต้องสงสัยโดยอัตโนมัติ เช่น การบุกรุกพื้นที่หวงห้าม การตรวจจับอาวุธ เช่น ปืน มีด หรือการระบุตัวบุคคลตามบัญชีเฝ้าระวัง (Blacklist) เพื่อตรวจสอบใบหน้าที่เชื่อมต่อกับระบบฐานข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถรับรู้และตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที

ระบบปฏิบัติการดังกล่าวครอบคลุมพื้นรอบวังไกลกังวลโดยมีจำนวนกล้องทั้งสิ้น 24 ตัว พร้อมกันนี้เราได้เชิญทางจังหวัด อำเภอ เทศบาล เข้ามาร่วมสังเกตการณ์ เนื่องจากหัวหินเป็นพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการมาก ถ้าสามารถเป็นประโยชน์ได้ก็จะนำไปต่อยอดในการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวและการป้องกันอาชญากรรมไปด้วย

สำหรับโครงการนี้ก็ยังจะขยายไลน์ออกไปยังแหล่งศูนย์ท่องเที่ยวของนครหัวหิน และที่อื่น ๆ ในแต่ละจังหวัดของภาค 7 โดยจะเรียกว่า “ไกลกังวล หรือ หัวหิน โมเดล” เพื่อดูแลความปลอดภัยประชาชนและนักท่องเที่ยวในแต่ละพื้นที่.
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ตร.ท่องเที่ยวจับกุมชาวต่างชาติ หลอกแลกเงินหลายท้องที่ เสียหายกว่า 1 ล้านบาท

แชร์เนื้อหานี้

ภายใต้การอำนวยการ พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ทท. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รอง ผบช.ทท., พล.ต.ต.กฤษณ์ วาฤทธิ์ รอง ผบช.ทท.,พล.ต.ต.ม.ล.สันธิกร วรวรรณ รอง ผบช.ทท., พล.ต.ต.ดนุ กล่ำสุ่มผบก.ทท.1 , พ.ต.อ.มนพร ลิขิตมานนท์ ผกก.3 บก.ทท.1 แถลงผลการปฏิบัติงาน ” ตำรวจท่องเที่ยว กก.3 บก.ทท.1 “ตำรวจท่องเที่ยวจับกุมชาวต่างชาติหลอกแลกเงินหลายท้องที่ความเสียหายกว่า 1 ล้านบาท”

หลังตะเวนก่อเหตุในหลายพื้นที่สืบเนื่องเมื่อวันที่ ตามรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี สน.ดอนเมือง วันที่ 6 ต.ค.68 เวลา 14.56 น. เจ้าหน้าที่ธนาคารประจำเคาน์เตอร์แลกเงินตราต่างประเทศที่ท่าอากาศยานดอนเมือง แจ้งว่าเมื่อวันที่ 5 ต.ค.68 เวลาประมาณ 19.40 น. มีชายอ้างว่าเป็นชาวต่างชาติแสดงภาพถ่ายหนังสือเดินทางผ่านทางโทรศัพท์มือถือใช้ชื่อ ABDALLA AHMED มาขอแลกเงินสกุลดอลล่า จำนวน 8,389 ดอลล่า คิดเป็นเงินบาทไทย จำนวน 244,958บาทเมื่อเจ้าหน้าที่ธนาคารนับเงินดอลล่าเสร็จ และเตรียมเงินบาทให้ชายคนดังกล่าว ขณะนั้นชายคนดังกล่าวได้ขอเงิน

ดอลล่ากลับคืนไปนับอีกครั้ง พร้อมทั้งชวนคุย แต่ไม่ได้คืนเงินดอลล่าให้เจ้าหน้าที่ธนาคาร โดยเจ้าหน้าที่ธนาคารเข้าใจว่าได้รับเงินดอลล่ามาครบแล้วซึ่งชายคนดังกล่าวได้รับเงินบาทไทยไป จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ธนาคารรู้ตัวจึงได้รีบเดินออกไปตามแต่ไม่พบชายคนดังกล่าว จึงมาแจ้งตำรวจท่องเที่ยว กก.3 บก.ทท.1 และร้องทุกข์ต่อ พงส.สนดอนเมือง เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.3 บก.ทท.1 ได้ทำการสืบสวนหาข้อมูลจนทราบตัวผู้กระทำผิดชื่อ

นายนาบิล โมฮัมเหม็ด ยาห์ยา ซาอิด (MR.NABIL MOHAMMED YAHYA ZAID)อายุ 43 ปี หนังสือเดินทางหมายเลข 15632723 จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานให้พนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง ต่อมาศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับ ที่ 5904/2568 ลงวันที่ 8 ตุลาคม 2568 ข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ในท่าอากาศยานในเวลากลางคืน”

จากการตรวจสอบรูปพรรณของผู้ต้องสงสัยและพฤติการณ์ก่อเหตุพบว่าเคยมีลักษณะการก่อเหตุคล้ายกันกับร้านรับแลกเงินดังนี้ 1.เมื่อวันที่ 29 ก.ย.68 ก่อเหตุพื้นที่ สภ.ปากเกร็ด ความเสียหายประมาณ 251,018 บาท / 2.เมื่อวันที่ 1 ต.ค.68 ก่อเหตุพื้นที่ สน.ชนะสงคราม ความเสียหายประมาณ 185,600 บาท / 3.เมื่อวันที่ 1 ต.ค.68 ก่อเหตุพื้นที่ สน.ลุมพีนี ความเสียหายประมาณ 107,330 บาท / 4.

เมื่อวันที่ 2 ต.ค.68 ก่อเหตุพื้นที่ สภ.พระนครศรีอยุทธยา ความเสียหายประมาณ 201,330 บาท / 5.เมื่อวันที่ 5 ต.ค.68 ก่อเหตุพื้นที่ สน.ดอนเมือง ความเสียหายประมาณ 244,958 บาท / 6.เมื่อวันที่ 7 ต.ค.68 ก่อเหตุพื้นที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี ความเสียหายประมาณ 195,688 บาทต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมได้สืบสวนหาข่าว ทราบว่านายนาบิล โมฮัมเหม็ด ยาห์ยา
ซาอิด (MR.NABIL MOHAMMED YAHYA ZAID) หนังสือเดินทางเลขที่15632723 ผู้ต้องหาตามหมายจับพักอาศัยที่โรงแรมแถวพระราม 9 กรุงเทพฯ และเช่ารถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า สีดำ ขับตระเวนก่อเหตุ ชุดสืบสวนจับกุม

ได้ร่วมกันไปเฝ้าสังเกตการณ์ในพื้นที่ต่อมาพบชาวต่างชาติซึ่งมีรูปพรรณตรงตามหมายจับ ขับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่น Cross สีดำ ออกจากโรงแรมที่พัก จึงได้ติดตามรถคันด้งกล่าว จนกระทั่งไปถึง อ.หัวหิน จังหวัดประจวงคีรีขันธ์ พบรถยนต์คันดังกล่าวจอดอยู่ริมถนน ต่อมาพบเห็นตัวนายนายนาบิล โมฮัมเหม็ด ยาห์ยา ซาอิด (MR.NABIL MOHAMMED YAHYA ZAID ) จึงได้แสดงตัวขอทำการตรวจสอบ ทราบชื่อนายนาบิล โมฮัมเหม็ด ยาห์ยา ซาอิด

( MR. NABIL MOHAMMED YAHYA ZAID ) หนังสือเดินทางเลขที่15632723 และเป็นบุคคลตามหมายจับนี้จริงจึงได้แจ้งให้ผู้ถูกจับกุมทราบว่า จะต้องถูกจับพร้อมทั้งแจ้งข้อกล่าวหาและแจ้งสิทธิให้ผู้ถูกจับทราบ ทำการจับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ขอประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชน และนักท่องเที่ยวหากพบเห็นผู้กระทำความผิด สามารถแจ้งเหตุได้ที่ สายด่วนตำรวจท่องเที่ยว 1155 หรือสถานีตำรวจท่องเที่ยวในพื้นที่ได้ทันที# ตำรวจท่องเที่ยวยินดีให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง


เดี่ยว / ศราวุธ คงสินธ์ จ.สมุทรปราการ

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / สภ.เมืองเชียงใหม่ ป้องกัน อาชญากรรมร้านทองในพื้นที่ อัพเดทกล้อง cctv ทั้งภาครัฐและเอกชน พร้อมใช้งาน 1000 ตัว

แชร์เนื้อหานี้

สภ.เมืองเชียงใหม่ ออกมาตราการเพิ่มความเข้มป้องกันเหตุอาชญากรรมเกี่ยวกับร้านทองในพื้นที่ อัพเดทกล้อง cctv ทั้งภาครัฐและเอกชนให้พร้อมใช้งานนับ 1000 ตัว สร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยและทรัพย์สินให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่สืบเนื่องในภาวะตลาดทองคำที่มีราคาสูงขึ้นทุกวัน ราคาทองคำ ประมาณ 62,000 บาท ต่อน้ำหนักทองคำ 1 บาท
ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความเสี่ยงเกี่ยวกับอาชญากรรมตามมาเช่นกัน

พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5และพล.ต.ต.ยุทธนา แก่นจันทร์ ผบก.ภ.จว.เชัยงใหม่ได้มีข้อห่วงใยถึงสถานการณ์ราคาทองสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและเพื่อความปลอดภัยในทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนในพื้นที่จึงมีข้อสั่งการให้ สถานีตำรวจในสังกัด
เพิ่มมาตราการในการป้องกันเหตุ เกี่ยวกับร้านทองและออกประชาสัมพันธ์เตือนประชาชนให้ระมัดระวังเพื่อเป็นการป้องกันเหตุที่จะเกิดขึ้น

วันนี้ 8 ต.ค.68 พ.ต.อ.ปรัชญา ทิศลาผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่
พ.ต.ท.ทัตตวีย์ ด่านพิทักษ์ตระกูล รอง ผกก.ป.ฯ พ.ต.ท.วิษณุ นวนมุสิด สวป.ฯพร้อมด้วย เจ้าหน้าที่สายตรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ได้ร่วมปล่อยแถวชุดปฏิบัติการสายตรวจ เพื่อเฝ้าระวังการเกิดเหตุอาชญากรรมเกี่ยวกับร้านทองบริเวณ ตลาดวโรรส ซึ่งมีร้านทองและประชาชนนักท่องเที่ยวมาจับจ่ายใช้สอยเป็นจำนวนมากจากนั้นออกตรวจดูแลความปลอดภัย

ร้านทองภายในตลาดวโรรส อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยได้มีการประชาสัมพันธ์ถึงมาตรการป้องกันเหตุอาชญากรรม
ดังนี้-การอัพเดทกล้อง cctv ให้พร้อมใช้งาน 100%-การติดสัญญาณแจ้งเตือนไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ-แนะนำ วิธีการสังเกตุผู้มีพฤติการณ์ต้องสงสัย-การติดตั้ง ระบบล็อคประตู-การติดตั้งลูกกรงเหล็ก-เพิ่มช่องทางการติดต่อสื่อสาร จนท.ตร. ทุกช่องทางซึ่งได้รับการตอบรับและให้ความร่วมมือจากร้านทางทองเป็นอย่างดี

จากนั้นได้เข้าพบ นายสุรพล โอวิทยากุลประธานชมรมร้านทองจังหวัดเชียงใหม่และเป็นเจ้าของร้านทอง ย่งเชียงล้ง
เพื่อประสานความร่วมมือและให้มีความพร้อมในการประสานการทำงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยแจ้งข่าวให้กับเพื่อนสมาชิกร้านทองหากมีเหตุเกิดขึ้น สามารถกระจ่ายข่าวได้ทันที ซึ่งนาย สรุพลฯ ยินดีเป็นสื่อกลางประสานข้อมูลให้ระหว่างร้านทองและ เจ้าหน้าที่ตำรวจ

พ.ต.อ.ปรัชญา ทิศลาผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่กล่าวว่า ในภาวะทองคำราคาสูงเช่นนี้ต้องมีมาตราการป้องกันที่เข้มข้นเพิ่มความถี่ให้สายตรวจหมั่นออกตรวจตราStop walk talk ร้านทองอย่างสม่ำเสมอและนำเทคโนโลยีมาใช้ ในการทำงานให้มากที่สุด รวมทั้งหาความร่วมมือกับชมรมร้านทองจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อคงการสื่อสาร และแจ้งเบาะแสกันได้ตลอดเวลา
ทั้งนี้ จนท.ตร. ต้องทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างความปลอดภัย และความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชนให้อยู่อย่างปกติสุข

สุดท้ายนี้ ฝากเตือนไปถึงผู้ที่คิดจะเกิดเหตุ ให้เลิกความคิดเสีย ปัจจุบันเรามีทั้ง จนท.ตร. ที่มีความเชี่ยวชาญในการสืบสวน
มีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการทำงาน รวมถึงมีกล้อง cctv พร้อมใช้งานนับ 1000 ตัวหากท่านมาก่อเหตุ ท่านจะถูกจับกุมแน่นอน

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ต้อนรับ พล.ต.ต.จิตเกษม สนขำ ผบก.ภ.จว.ชุมพร คนใหม่/ สารวัตรตำรวจทางหลวงชุมพรเสริมเกาะให้ลูกทีม พร้อมปฏิบัติหน้าที่เต็มรูปแบบ

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันที่ 8 ตุลาคม 2568 เวลาศูนย์ 9.59 น. ณ ตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร พลตำรวจตรีจิตเกษม สนขำ พร้อม ดร.พนิดา ภิรมย์สวัสดิ์ ประธานแม่บ้านตำรวจภูธรจังหวัดชุมพรเดินทางมารับตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร

โดยมีข้าราชการตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดชุมพรให้การต้อนรับ หลังจาก เดินทางสักการะศาลกรมหลวงชุมพร ณ หาดทรายรี เดินทางสักการะพระบรมรูปรัชกาลที่ห้า ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองจังหวัดชุมพร สักการะศาลหลักเมืองชุมพรนักหน้าสำนักงานเทศบาลเมืองชุมพร หลังจากนั้นสักการะศาลพระภูมิเจ้าที่หน้าอาคารที่ทำการภ.จว.ชุมพรเสร็จจากงานสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เดินไปยังแท่นรับการเคารพ ด้านหน้าอาคารที่ทำการ ภ.จว.ชุมพร

จากประกาศสำนักงานนายกรัฐมนตรีเรื่องพระราชทานยศตำรวจชั้นนายพลมีพระราชองค์การโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานยศตำรวจชั้นนายพลให้แก่ข้าราชการตำรวจซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการมาด้วยความเรียบร้อยเป็นผลดีแก่ทางราชการ พันตำรวจ เอกจิตเกษม สนขำ เป็นพลตำรวจตรี ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2568 ผู้รับสนองพระราชองค์การภูมธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีพลตำรวจตรีจิตเกษม สนขำ

ในวันนี้เป็นโอกาสสำคัญที่เดินทางมารับตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชุมพรซึ่งนับเป็นเกียรติอย่างยิ่งในชีวิตราชการตำรวจที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชาให้มาปฏิบัติ หน้าที่ในจังหวัดชุมพรที่ผมมีความผูกพันและเคยร่วมทำงานกับทุกท่านในฐานะรองผู้บังคับการตำรวจภูธรมาก่อนผมขอขอบพระคุณผู้บังคับบัญชา

ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ได้ให้ความไว้วางใจมอบหมายภารกิจสำคัญนี้และขอขอบคุณข้าราชการตำรวจทุกนายในจังหวัดชุมพร ที่ได้ให้การต้อนรับด้วยความอบอุ่นในการรับตำแหน่งครั้งนี้ผมตั้งใจที่จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตมุ่งมั่นทุ่มเทเพื่อให้การบริหารงานตำรวจในจังหวัดชุมพรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพภายใต้

หลักตำรวจมืออาชีพใส่ใจประชาชนเป็นที่พึ่งของสังคมอย่างแท้จริงผมขอให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความสามัคคีในองค์กรการพัฒนาศักยภาพของข้าราชการตำรวจทุกระดับชั้นการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับพี่น้องประชาชนและการบูรณาการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อให้จังหวัดชุมพรเป็นจังหวัดที่ปลอดภัยน่าอยู่และเป็นที่พึ่งพิงของประชาชนทุกคน

สารวัตรตำรวจทางหลวงชุมพรเสริมเกาะให้ลูกทีม พร้อมปฏิบัติหน้าที่เต็มรูปแบบ

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันที่ 8 ตุลาคม 2568 เวลา 10.00 น ที่ สถานีตำรวจทางหลวง 4 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวงวพ.ต.ท.กล้า สมบัติพิบูลย์ สารวัตรตำรวจทางหลวงชุมพรเสริมเกาะให้ลูกทีม มอบ ชุดเกราะกันกระสุน ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด

เพื่อเสริมความปลอดภัยระหว่างปฏิบัติหน้าที่บนท้องถนน พร้อมฝึกทบทวนยุทธวิธี เพิ่มความมั่นใจและความพร้อมในทุกสถานการณ์ เพราะ “ความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ คือสิ่งสำคัญที่สุด”การมอบชุดเกราะในครั้งนี้ สะท้อนถึงความห่วงใยของผู้บังคับบัญชาที่อยากเห็นลูกทีม ทุกนายกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยในทุกภารกิจ

เพื่อใช้ในการออกปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนบนท้องถนน ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกนายได้นำชุดเกราะนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง อดทน และเต็มเปี่ยมด้วยหัวใจของตำรวจทางหลวง สร้างความปลื้มใจให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นอย่างยิ่ง “ห่วงใยทุกชีวิต เป็นมิตรทุกเส้นทาง”

พ.ต.ท.กล้า สมบัติพิบูลย์ สืบเนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงจังหวัดชุมพรก็มีการจับกุมอาชญากรรมคดีสำคัญไม่ว่าจะเป็นการจับกุมการลักลอบผลยาเสพติดล็อตใหญ่หรือผู้ต้องหาก่อเหตุคดีอุกฉกรรจ์ ก่อเหตุคดีฆ่าปล้นแล้วก็ใช้ถนนหลวงเป็นเส้นทางหลบหนีแล้วก็มีการสกัดจับในช่วงที่ผ่านมาเล็งเห็นว่าการจับกุมในพื้นที่

การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงมีความสุ่มเสี่ยงจะต้องเจออาชญากรรมรุนแรงประกอบกับเจ้าหน้าที่หลายหลายคนยังไม่มีชุดเกาะในการปฏิบัติหน้าที่เป็นของประจำตัว จึงเล็งเห็น ถึงความปลอดภัยของลูกน้องก็เลยนำมาเป็นการจัดซื้อเสื้อเกาะกันกระสุนให้กับผู้ผู้ปฏิบัติได้มีใช้ใส่ซึ่งเสื้อเกาะ

ในวันนี้ก็จะมีขนาดเล็กเบากระทัดรัดเหมาะกับการปฏิบัติหน้าที่ที่จะต้องขับรถอยู่ตลอดเวลาความสำเร็จของการทำงานก็เป็นเรื่องสำคัญสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงาน ความสำเร็จที่แท้จริงก็คืออยากจะให้ผู้ปฏิบัติงาน ให้มีชีวิต มีร่างกายที่ปลอดภัยครบสมบูรณ์ กลับมามาหาครอบครัวก็เป็นความตั้งใจของผมที่อยากจะให้มีผู้ปฏิบัติมีเสื้อเกาะกันกระสุนไว้ใช้งานครับ

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ลักลอบขนแรงงานเถื่อน ไม่ผ่านตำรวจทางหลวงถูกจับที่ชุมพร / ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ตรวจจับตู้ทึบดัดแปลงคนแรงงานต่างด้าว

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 6 ตุลาคม 2568 พ.ต.ท.กล้า สมบัติพิบูลย์ สว.ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล.มอบหมายให้ ร.ต.อ.วิมล แก้วชู รอง สว.(ป) ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล.นำกำลังตำรวจทางหลวงนำรถตรวจการณ์ออกตรวจสอบในพื้นที่รับผิดชอบบนถนนเพชรเกษม (ทล.4) ขาล่องใต้ เมื่อพื้นที่หมู่ 4 ต.หาดพันไกร อ.เมือง จ.ชุมพร

พบรภกระบะยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน 2 ฒย 6004 กรุงเทพฯ ด้านหลังกระบะติดตั้งตู้ทึบมีประตูเปิดด้านหลัง มีท่าทีพิรุธ ขับแซงรถสายตรวจขึ้นมาทางขวา เจ้าหน้าที่จึงขับรถไล่ตามก่อนส่งสัญญาณให้จอดรถเพื่อขอตรวจสอบ แต่รถต้องสงสัยพยายามเร่งเครื่องขับหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงวิทยุขอให้รถสายตรวจคันอื่นช่วยสกัดจับ จนสามารถจับกุมได้ในเวลาต่อมา

เมื่อตรวจสอบภายในรถพบคนขับชื่อ นายณัฐกานต์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี เป็นชาวพิษณุโลก ส่วนภายในตู้ทึบด้านหลังรถ พบแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาจำนวน 13 คน ทั้งหมดเป็นเพศชาย และเป็นแรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ซึ่งนายณัฐกานต์ให้การว่า รับแรงงานต่างด้าวทั้งหมดมาจากป่าอ้อยติดภูเขา ต.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี

โดยติดต่อผ่านนายหน้าคนหนึ่ง ได้ค่าจ้างหัวละ 1,500 บาท เพื่อนำไปส่งที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหา “ผู้ใดรู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติบุคคลต่างด้าว ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้บุคคลต่างด้าวนั้นพ้นการถูกจับกุม”จากนั้น เจ้าหน้าที่จึงควบคุมนายณัฐกานต์พร้อมแรงงานต่างด้าวทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ตรวจจับตู้ทึบดัดแปลงคนแรงงานต่างด้าว

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันที่ 6ตุลาคม2568 ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานจาก พ.ต.ท.กล้า สมบัติพิบูลย์ สว.ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล. สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดออกตรวจสอบพื้นที่ นำโดยร.ต.อ.วิมล แก้วชู รอง สว.(ป.) ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล., ด.ต.ธนพนธ์ เกิดเขาทะลุ, จ.ส.ต.อมรเทพ อินนิมิตร ผบ.หมู่ ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล.

ถนน ทล.4 (เพชรเกษม)กม.478+800 (ขาล่องใต้) ม.4 ต.หาดพันไกร อ.เมือง จ.ชุมพร

ร่วมกันจับกุม นายณัฐกานต์ (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี พร้อมแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติเมียนมา จำนวน 13 ราย

ในข้อกล่าวหา

  1. ผู้ใดรู้ว่าคนต่างด้าวคนใด เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัตินี้ ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม (ข้อหาของนายณัฐกานต์)
  2. เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต (ข้อหาของแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย)

พร้อมตรวจยึดของกลาง

  1. รถกระบะบรรทุก (ตู้ทึบ) ยี่ห้อ โตโยต้า สีขาวจำนวน 1 คัน
  2. โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ ซัมซุง สีดำ จำนวน 1 เครื่อง

ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงชุมพร ออกตรวจพื้นที่ภายในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ได้ขับมาตามถนนเพชรเกษม (ทล.4) ช่วงกิโลเมตรที่ 478+800 ขาล่องใต้ พื้นที่หมู่ 4 ตำบลหาดพันไกร อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร ระหว่างนั้นพบรถกระบะตู้ทึบสีขาว ยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ขับแช่เลนขวาตลอดเส้นทาง และแซงรถเจ้าหน้าที่ไปอย่างมีพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงขับติดตามและใช้สัญญาณไฟเรียกให้หยุดเพื่อตักเตือน แต่กลับเร่งเครื่องหนีในลักษณะพยายามหลบเลี่ยงการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่จึงขับรถตามประกบจนสามารถสกัดหยุดรถได้

ก่อนเข้าตรวจสอบภายใน พบชายคนขับมีท่าทางมีพิรุธ เมื่อตรวจสอบและสั่งให้เปิดตู้ทึบด้านหลัง ปรากฏว่าพบแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมานั่งอัดแน่นอยู่ภายในจำนวน 13 คน เป็นเพศชายทั้งหมด ไม่มีเอกสารแสดงตนหรือใบอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย จุดสังเกตเจ้าหน้าที่พบว่า ภายในตู้ทึบของรถคันดังกล่าว ถูกตัดแปลงสภาพอย่างชัดเจน โดยมีการ ผ่าช่องระบายอากาศที่ผนังตู้ และ ติดตั้งพัดลมขนาดเล็ก เพื่อให้มีอากาศถ่ายเทระหว่างการเดินทาง ซึ่งสันนิษฐานว่าทำขึ้นเพื่ออำพรางใช้ลักลอบขนแรงงานต่างด้าวระยะไกล โดยไม่ให้เกิดอันตรายหรือเป็นที่สังเกตจากภายนอกจากการสอบถามเบื้องต้น

ผู้ขับรถให้การรับสารภาพว่า แรงงานทั้งหมดลักลอบเข้ามาโดยผิดกฎหมาย และตนได้รับจ้างให้ขนจากพื้นที่ชายแดนภาคตะวันตกในจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อไปส่งยังพื้นที่ปลายทางในภาคใต้ โดยรับค่าจ้างเป็นรายหัวเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวผู้ขับขี่พร้อมแรงงานต่างด้าวทั้งหมด และรถของกลาง ส่งหน่วยบริการตำรวจทางหลวงท่าแซะ เพื่อดำเนินการตรวจสอบและสอบสวนขยายผล ก่อนส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร ดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหา“ช่วยเหลือ ซ่อนเร้น หรือให้ที่พักพิงคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย เพื่อให้พ้นจากการจับกุม” เบื้องต้นอยู่ระหว่างการขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการ รวมถึงผู้ที่มีส่วนตัดแปลงรถและเครือข่ายขนแรงงานต่างด้าวรายนี้ต่อไป.
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น รับสารภาพทุกข้อกล่าวหา​

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ตร.ภาค 5 แถลงข่าวผลการปฏิบัติคดีอาชญากรรมออนไลน์ ของ ศปอส.ภ.5 และ ภ.จว.เชียงใหม่

แชร์เนื้อหานี้

วันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม 2568 เวลา 14.30 น.พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 เป็นประธานการแถลงข่าวผลการปฏิบัติคดีอาชญากรรมออนไลน์ ของ ศปอส.ภ.5 และ ภ.จว.เชียงใหม่

กรณีชายวัย 38 ปี ถูกหลอกผ่านเพจเฟซบุ๊ก “ทดลองชาเขียวฟรี” ก่อนถูกชักชวนลงทุนเทรดหุ้น สูญเงินรวม 1,205,000 บาท เจ้า

หน้าที่ ศปอส.ภ.5 – สภ.เมืองเชียงใหม่ ร่วมสืบสวนกับธนาคาร อายัดเงินคืนได้ทัน 900,000 บาท และดำเนินการคืนเงินให้ผู้เสียหายเรียบร้อยแล้ว

และกรณีนักศึกษาวัย 20 ปี ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างเป็นเจ้าหน้าที่AIS–ตำรวจ หลอกโอนเงินตรวจสอบบัญชี หลงเชื่อโอนเงิน 2 ครั้ง รวม 500,000 บาท ศปอส.ภ.5 และ สภ.เมืองเชียงใหม่ อายัดบัญชี และตรวจสอบดำเนินคดี

โดยมี พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.ยุทธนา แก่นจันทร์ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่, และ ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ ร่วมแถลงผลการจับกุม ณ ห้อง ศปภ.สภ.เมืองเชียงใหม่ อ.เมืองเชียงใหม่ จว.เชียงใหม่

สื่อรัฐนิวส์*สื่อรัฐทีวี / พิธีรับมอบหน้าที่ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ

แชร์เนื้อหานี้

ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ​ รับมอบหน้าที่​ และมอบนโยบาย​ พร้อมปฏิญานตนต่อธงประจำหน่วย​ จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์​ และปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยความเที่ยงธรรม

ที่บริเวณลานด้านหน้าอาคารที่ทำการตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ​ อ.เมือง​บึงกาฬ​ จ.บึงกาฬ​ พล.ต.ต.ดร.ศิรสัณห์​ เยื้อนสงวนชัย​ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ​ เข้ารับมอบหน้าที่​ และมอบนโยบาย​ แก่ผู้ใต้บังคับบัญชา​

โดยมี พ.ต.อ.อารัก มะสาธานัง รอง ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ (บก.2), พ.ต.อ.พีระวุฒิ สุวรรณประสิทธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ (บก.3), พ.ต.อ.ดำรงศักดิ์ แก้วสมนึก รอง ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ (บก.4),

พ.ต.อ.ชิษณุพงษ์ พรมมีเดช รอง ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ (บก.5), ผกก.หัวหน้าสถานีตำรวจฯทั้ง 13 สภ., ​แม่บ้านตำรวจฯ​ และข้าราชการตำรวจ​ ร่วมให้การต้อนรับ​ และรับมอบนโยบาย​

โดยในเวลา​ 10.30​ น.​ พล.ต.ต.ดร.ศิรสัณห์​ เยื้อนสงวนชัย​ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ​ รับความเคารพ​ และตรวจแถวกองเกียรติยศ

จากนั้นทำพิธีส่งมอบธงประจำหน่วย​ โดย​มี พ.ต.อ.​อารักษ์​ มะสาธานัง​ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ​ ส่งมอบธงประจำหน่วย​ และส่งมอบหน้าที่​ ต่อผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ​

พล.ต.ต.ดร.ศิรสัณห์​ เยื้อนสงวนชัย​ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ​ กล่าวว่า​ “​… ผมขอปฏิญานตน​ต่อธงประจำหน่วย​ พี่น้องข้าราชการตำรวจ​ และพี่น้องประชาชนว่า​ จะปฏิบัติหน้าที่ด้วย

ความซื่อสัตย์สุจริต​ ปกครองผู้ใต้บังคับบัญชา​ด้วยความเที่ยงธรรม​ ยุติธรรม​ สิ่งไหนที่ดีอยู่แล้ว​ จะสานต่อ​ สิ่งไหนที่ไม่ดี​ จะปรับปรุงแก้ไข… “

นอกจากนี้​ ภายหลังพิธีรับมอบหน้าที่เรียบร้อยแล้ว​ ยังมีประชาชน​ และผู้ใต้บังคับบัญชา​ จากทั้งจังหวัดร้อยเอ็ด​ กาฬสินธุ์​ และบึงกาฬ​ ร่วมให้กำลังใจ​ และมอบดอกกุหลาบ​ ให้กับ​

พล.ต.ต.ดร.ศิรสัณห์​ เยื้อนสงวนชัย​ ผู้บังคับการตำรวจ​ภูธรจังหวัด​บึงกาฬ​ และนางจุรีพร​ สินธุไพร​ ประธานแม่บ้านตำรวจภูธร​จังหวัด​บึงกาฬ​ โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความชื่นมื่น​ และอบอุ่น
ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล//บึงกาฬ 0961464326

สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ตชด.ไร้รอยต่อ ส่งมอบหน้าที่ “ช้างศึก 1”

แชร์เนื้อหานี้

เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2568 เวลา 09.30 น. กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน มีพิธีรับ – ส่งมอบหน้าที่ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน

โดย พล.ต.ท.นิตินัย หลังยาหน่าย ผบช.ตชด.ให้แก่ พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ รอง ผบช.ตชด. ซึ่งได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้เป็น ผบช.ตชด.คนใหม่

โดยมีพิธีตรวจแถวกองเกียรติยศ ส่งมอบธงประจำตำแหน่ง และแสดงมุทิตาจิตแก่ พล.ต.ท.นิตินัย และ คุณสุวรรณยา หลังยา

หน่าย ประธานชมรมแม่บ้าน ตชด. โดยมี รอง ผบช.ตชด., ผู้บังคับหน่วยทั่วประเทศ แม่บ้าน ตชด. และข้าราชการตำรวจตระเวนชายแดน ร่วมพิธี

ตํารวจตระเวนชายแดน///ภาพ/ข่าว ร.ต.ท.พุทธกาล ไชยบุบผา ////เดวิท โชคชัย รายงาน

สื่อรัฐนิวส์*สื่อรัฐทีวี / สภ.เมืองชุมพร และ ภ.จว.ชุมพร ทำพิธีรับ-ส่งมอบงาน ผบก.ภ.จว.ชุมพร จัดงานแด่ข้าราชการตำรวจ ที่เกษียณ สายสัมพันธ์ไม่สิ้นสุด สุภาพบุรุษ เมืองชุมพร ปี 2568

แชร์เนื้อหานี้

ธนากร โกศลเมธี รายงาน 0818923514 วันที่ 30 กันยายน 2568 พ.ต.อ.ปัญญา ท้วมศรี ผกก.สภ.เมืองชุมพร ให้เกียรติมาเป็นประธานร่วมแสดงมุทิตาจิตแด่ ข้าราชการตำรวจ สภ.เมือง

ชุมพร ที่เกษียณอายุราชการ และเข้าโครงการปรับเปลี่ยนกำลังพล ประจำปี 2568 พร้อมด้วย นายจรินทร์ ก๋งม้า ประธานสภาทนายความจังหวัดชุมพร กต.ตร.สภ.เมืองชุมพร

นายธนากร โกศลเมธี กต.ตร.สภ.เมืองชุมพร พ.ต.ท.ปนินทร โชติ รอง ผกก.(สอบสวน)สภ.เมืองชุมพร พ.ต.ท.สกฤชญ สุขนิตย์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองชุมพร พ.ต.ท.ปราโมทย์ กุ้งทอง

สว.อก.สภ.เมืองชุมพร พ.ต.ท.นฤพล นิลพันธ์ สว.ฝอ.ภ.จว.ชุมพร/ปฏิบัติหน้าที่สวป.ฯ พ.ต.ต.ปิยพล ฉัตรภูมิ สวป.สภ.เมืองชุมพร/ปฏิบัติหน้าที่ด้านงานสืบสวน พ.ต.ต.ประคอง แก้วประสม สวป.(ชส.)สภ.เมืองชุมพร

และข้าราชการตำรวจในสังกัด เข้าร่วมเป็นเกียรติในครั้งนี้ ณ ห้องประชุมชั้น 4 และบริเวณลานหน้าอาคารที่ทำการสถานีตำรวจภูธรเมืองชุมพร รายชื่อข้าราชการตำรวจเกษียน ที่ร่วมงาน 1 ร.ต.อ. สุไลมานง มะยี่แต นางกัลยา มะยีแต 2

ร.ต.อ..เพิ่มยศ มังคละเสถียร นางสุภาจรรณ 3 ร.ต.อ. ภิญโญ พรหมเรือง 4 ร.ต.อ .มโน นาควิเธียร 5 ร.ต.อ. สุเมธ สุพรรณธนพงษ์ 6 ร.ต.อ ทนงศักดิ์ ภู่ขันเงิน นางลักษพร 7 ร.ต.ท.ศุภภณ แสงสุริย์ 8 ร.ต.อ. มาโนช กาลพัฒน์ นาง สุชาดา

กำลังพลร่วมพิธีไหว้พระภูมิเจ้าที่ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ หน้าศาลภูมิ และอนุสาวรีย์ ส.ต.ท.เต็ม ศรีสุวรรณ หลังจากนั้น ร่วมกันตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระภิกษุสงฆ์ จำนวน 9 รูป ณ หน้า สภ.เมืองชุมพร ร่วมกันรับฟังพระธรรมเทศนา และรับพร พร้อมวัตถุมงคล จากเจ้าอาวาสวัดดอนทรายแก้ว ณ ห้องประชุมชั้น 4 สภ.เมืองชุมพร

พ.ต.อ.ปัญญา ท้วมศรี มอบรางวัล และของที่ระลึก แก่ข้าราชการตำรวจที่เกษียณอายุราชการประจำปี 2568 และมอบประกาศเกียรติคุณแก่ข้าราชการตำรวจดีเด่นประจำปี 2568 หลังจาดเสร็จพิธีอำลาเกษียณอายุราชการตำรวจ เข้าร่วมกันรับประทานอาหารเที่ยงด้วยกัน

ภ.จว.ชุมพร ทำพิธีรับ-ส่งมอบงานในหน้าที่ ผบก.ภ.จว.ชุมพร และพิธีเทิดเกียรติข้าราชการตำรวจผู้เกษียณอายุราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514 วันที่ 30 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงาน จาก พ.ต.อ.จิตเกษม สนขำ รอง ผบก.ภ.จว.ชุมพร ทำพิธีรับ-ส่งมอบงานในหน้าที่ ผบก.ภ.จว.ชุมพร และพิธีเทิดเกียรติข้าราชการตำรวจผู้เกษียณอายุราชการ

ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ของ ภ.จว.ชุมพร ในวันที่ 29 ก.ย.68 เวลา 14.30 น. พล.ต.ต.สมคะเน โพธิ์ศรี ผบก.ภ.จว.ชุมพร และคุณดรุณี โพธิ์ศรี ประธานแม่บ้านตำรวจ เดินทางมาทำพิธีรับ-ส่งมอบงานในหน้าที่ ผบก.ภ.จว.ชุมพร

และพิธีเทิดเกียรติข้าราชการตำรวจผู้เกษียณอายุราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 โดยได้สักการะศาลพระภูมิเจ้าที่ ส่งมอบธงนายพลตำรวจ และธงราชเดช ให้กับ พ.ต.อ.จิตเกษม สนขำ รอง ผบก.ภ.จว.ชุมพร

ตามประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติลงวันที่ 21 มีนาคมพ.ศ. 2568 แจ้งรายชื่อข้าราชการตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดชุมพรที่มีมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์และพ้นจากราชการเมื่อสิ้นปีงบประมาณพุทธศักราช 2568 จำนวน 43 นาย

และโครงการปรับเปลี่ยนกำลังพลรุ่นที่ 27 มีข้าราชการตำรวจเข้าร่วมโครงการ 11 นายมีผลทั้งนี้ตั้งแต่วันที่หนึ่งตุลาคมพ.ศ. 2568 รวมมีข้าราชการตำรวจที่จะต้องพ้นจากราชการ 54 นายโดยมีข้าราชการตำรวจผู้เกษียณอายุราชการและผู้เข้าร่วมโครงการปรับเปลี่ยนกำลังพลมาร่วม

ในวันนี้ 28 นายและคู่สมรส 17 ราย รวมทั้งหมด 45 รายจากกันจัดงานให้แก่ผู้เกษียณอายุราชการและผู้เข้าร่วมโครงการปรับเปลี่ยนกำลังพลของตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร

มีการดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นประจำทุกปีวัดวัตถุประสงค์ของการจัดงานเพื่อเป็นการขอบคุณทุกๆท่านที่ได้ปฏิบัติงานมาเป็นระยะเวลานานจนกระทั่งครบเกษียณอายุราชการนับเป็นผู้มีความ

แข็งแกร่งมีความมานะบากบั่นและปฏิบัติตนอยู่ในระเบียบวินัยซึ่งสมควรได้รับการยกย่องและถือเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับราชการตำรวจที่ยังรับราชการอยู่สืบไป

จากนั้น พล.ต.ต.สมคะเน โพธิ์ศรี ผบก.ภ.จว.ชุมพร ได้ส่งมอบงานในหน้าที่ ผบก.ภ.จว.ชุมพร ให้กับ พ.ต.อ.จิตเกษม สนขำ รอง ผบก.ภ.จว.ชุมพร และเริ่มพิธีเทิดเกียรติข้าราชการตำรวจผู้เกษียณอายุราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568

และมอบธงพิทักษ์สันติราษฎร์ ให้กับ พ.ต.อ.จิตเกษม สนขำ รอง ผบก.ภ.จว.ชุมพร ร่วมร้องเพลงมาร์ช ตำรวจและร่วมถ่ายรูปที่ระลึก โดยมี พ.ต.อ.ธงชัย นุ้ยเจริญ รอง ผบก.ภ.จว.ชุมพร, พ.ต.อ.นิรันดร์ กันจู รอง ผบก.ภ.จว.ชุมพร,

พ.ต.อ.วิทย์ทวี ภริตานนท์ รอง ผบก.ภ.จว.ชุมพร, หน.สภ.ในสังกัด, ข้าราชการตำรวจผู้เกษียณอายุราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 และข้าราชการตำรวจในสังกัด เข้าร่วมพิธี ณ ลานที่ทำการ ภ.จว.ชุมพร