คลังเก็บหมวดหมู่: ตำรวจ(ตร.)

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / จเร.ตร.แห่งชาติ ลุยตัดวงจรบัญชีม้า ภัยความมั่นคงของชาติรูปแบบใหม่ เดินหน้าปิดบัญชีม้าทั่วประเทศ

แชร์เนื้อหานี้

พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศปอส.ตร.) เปิดเผยว่า วานนี้ (13 มกราคม 2568) ตนพร้อมด้วย พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี , พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว , พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผู้บังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี , พ.ต.อ.วรธัช วิชชุวาณิชย์ อาจารย์ (สบ 5) กลุ่มงานคณาจารย์ คณะนิติวิทยาศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ และคณะเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมกับธนาคารแห่งประเทศไทย ภายใต้การนำของ น.ส.รุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน , น.ส.ดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน , นายบัญชา มนูญกุลชัย ที่ปรึกษารองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน หารือแผนปราบการกระทำผิดทางการเงินครั้งใหญ่ เพื่อปิดช่องทางที่มิจฉาชีพใช้ในการโกงและขโมยทรัพยากรจากคนไทยจำนวนมหาศาล

พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2565 มิจฉาชีพใช้บัญชีม้าในการปล้นทรัพยากรคนไทยไปมากกว่า 100,000 ล้านบาท โดยใช้ infrastructure (โครงสร้างพื้นฐาน) ของประเทศไทย และไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการโยกย้ายเงินไปสู่
คริปโตเคอเรนซี นำเงินออกนอกประเทศไปให้กลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ซึ่งเป็นองค์กรอาชญากรรมที่เป็นชาวต่างชาติ ซึ่งข้อมูลจากการประชุมเปิดเผยว่ามีคนเปิดบัญชีม้ากว่า 2 แสนราย ส่วนใหญ่เป็นบุคคลในวัยทำงาน โดยมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยที่ขาดแคลนแรงงานถึง 2 แสนคน ซึ่งบุคคลเหล่านี้มีแนวโน้มที่อาจจะถูกออกหมายจับ ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ภาคธนาคารต้องจัดการให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้ระบบเศรษฐกิจของชาติได้รับผลกระทบหนักกว่านี้

นอกจากนี้ พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ยังสะท้อนถึงการเปิดยุทธการ “ระเบิดสะพานโจร” ที่จะปิดกั้นทุกช่องทางที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ในการหลอกลวงประชาชน โดยตัดช่องทางการใช้บัญชีม้าในการกระทำความผิด โดยในการประชุมครั้งนี้มุ่งเน้นตามนโยบาย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่จะไม่ยอมให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์มาหลอกลวงประชาชนได้อีกต่อไป การปิดบัญชีม้าเป็นการกระทำที่มีเป้าหมายชัดเจน และจะดำเนินการอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพภายใต้ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

ด้าน น.ส.รุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ยืนยันว่า จะดำเนินการอย่างเร่งด่วนร่วมกับ ศปอส.ตร. ในการกำหนดนโยบายและการแก้ไขปัญหาโดยเร็ว เพื่อไม่ให้คนร้ายใช้ช่องทางบัญชีธนาคารหลอกลวงคนไทยให้ตกเป็นเหยื่อจากกลุ่มแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติอีกต่อไป

Senior Inspector General Takes Action Nonstop: Cutting Off “Mule Accounts,” a New Form of National Security Threat

Today (January 13, 2025) at 10:30 a.m., Police General Thatchai Pitaneelaboot, Senior Inspector General/Director of the Police Cyber Taskforce (PCT), along with Police Major General Attasit Sutsanguan, Deputy Commissioner of The Cyber Crime Investigation Bureau ; Police Major General Phongsiam Meekhantong, Deputy Commissioner of the Tourist Police; Police Major General Chusak Khananit, Commander of the Anti-Money Laundering Bureau; and Colonel Worrathat Wichuwanich, Superintendent of the Royal Thai Police Cadet Academy, held a meeting with the Bank of Thailand.

The meeting, led by Ms. Rung Mallikamas, Deputy Governor for Financial Institutions Stability; Ms. Daranee Saechu, Assistant Governor for Payment Systems Oversight and Consumer Protection; and Mr. Buncha Manungkunchai, Advisor to the Deputy Governor for Financial Institutions Stability, focused on strategizing a major crackdown on financial crimes. The goal is to close loopholes exploited by criminals to defraud Thai citizens and drain significant national resources.

Nationwide Shutdown of Mule Accounts

Currently, over 500,000 mule accounts are being used for scams, causing immense damage to Thailand’s economy. “We must close this loophole!” said Police General Thatchai, adding that since 2022, criminals have used mule accounts to steal over 100 billion baht from Thai citizens. These accounts have been used to channel money through Thailand’s financial infrastructure and transfer funds into cryptocurrency, ultimately moving money out of the country to call center gangs, which are often part of foreign organized crime networks.

The meeting revealed that over 200,000 people have opened mule accounts, most of whom are working-age individuals. This has resulted in a labor shortage of 200,000 workers in the Thai economy. Many of these account holders are likely to face arrest warrants. The banking sector must address this issue promptly to prevent further disruption to the national economy.

Operation “Breaking the Criminal Bridge”

This meeting also marked the launch of Operation “Breaking the Criminal Bridge,” aimed at cutting off all pathways used by call center gangs to deceive citizens. By eliminating the use of mule accounts for criminal activities, Police General Thatchai emphasized the importance of aligning with the policy of Prime Minister Paetongtarn Shinawatra.

“We will no longer allow call center gangs to deceive our citizens! Shutting down mule accounts is a targeted, decisive action that will be carried out swiftly and effectively through the collaboration of all sectors,” he stated.

Urgent Action from the Bank of Thailand

Ms. Rung Mallikamas, Deputy Governor of the Bank of Thailand, assured that the Bank would urgently collaborate with the Police Cyber Taskforce (PCT) to establish policies and solutions to prevent criminals from exploiting bank accounts. This initiative aims to protect Thai citizens from becoming victims of international organized crime groups.

สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ – พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ผู้ช่วย ผบ.ตร.(สส 1)เร่งรัดติดตามในคดี “ชิงทรัพย์ และกระทำชำเราหญิงวัยสูงอายุ“ จ.นครราชสีมา

แชร์เนื้อหานี้

วันนี้(วันจันทร์ ที่ 6 ม.ค.68) เวลา 10.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ผบ.ตร.พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร.(สส) มอบหมายให้
พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.(สส 1)

เดินทางไปเร่งรัดติดตามผลความคืบหน้าคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญและเป็นที่น่าสนใจของประชาชนในคดี “ชิงทรัพย์ และกระทำชำเราหญิงวัยสูงอายุ“ ในพื้นที่ สภ.บัวใหญ่, สภ.แก้งสนามนาง, สภ.โนนแดง, สภ.บ้านเหลือม และ สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

โดยมีพล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีนผบช.ภ.3พล.ต.ต.ระพีพงษ์ สุขไพบูลย์รอง ผบช.ภ.3พล.ต.ต.ณรงค์ฤทธิ์ ด่านสุวรรณ์ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา
พล.ต.ต.สนธยา แต่แดงเพชรผบก.สส.ภ.3ผกก., รอง ผกก.ฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ ศพฐ.3 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

โดยมีข้อสั่งการดังนี้ 1.ให้ความสำคัญกับข้อมูลสืบสวนก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ ต้องดำเนินการรวบรวมข้อมูล พยานหลักฐานให้ครบถ้วนสมบูรณ์ทุกมิติ ทั้งพยานบุคคล พยานแวดล้อม กล้องวงจรปิด และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์
ให้ฝ่ายสืบสวนรวบรวม ปรับปรุง พัฒนาฐานข้อมูลอาชญากรรมในพื้นที่ให้ครบถ้วนสมบูรณ์เป็นปัจจุบัน ต้องสามารถสืบค้น และประสานข้อมูล ทุกหน่วยงานต้องให้ความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูล และเกื้อกูลข้อมูลต่อกันเป็นอย่างดี
ใช้กำลังหน่วยปฏิบัติการพิเศษในการปฏิบัติการจับกุมผู้ต้องหาในคดีอุกฉกรรจ์ และคดีสำคัญ หรือปรากฏตัวในพื้นที่สุ่มเสี่ยง เพื่อกดดันมิให้เกิดการกระทำความผิด

พึงระมัดระวังการให้ข้อมูลแก่สื่อมวลชน หรือบุคคลภายนอก ต้องอย่าให้กระทบต่อพยานหลักฐาน ตลอดจนไม่ควรเปิดเผยถึงแนวทาง เทคนิค หรือวิธีการสืบสวน 5.กำชับเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติหน้าที่ภายในกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และคำสั่งที่เกี่ยวข้อง รวมถึงให้ทำความเข้าใจหลักกฎหมาย วิธีการ ขั้นตอนการปฏิบัติตาม พรบ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 อย่างเคร่งครัด 6.ให้เร่งรัดสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้องในคดี และเร่งรัดส่งดีเอ็นเอผู้ต้องสงสัยตรวจและเร่งรัดผลตรวจเปรียบเทียบดีเอ็นเอจากทางพิสูจน์หลักฐาน

สืบสวน ภ.จว. และสืบ สภ. ทำไทม์ไลน์กล้องรายละเอียดเหตุการณ์ในคดี สืบภาคให้ตรวจสอบข้อมูลภาคอากาศ 8.กำชับให้มีมาตราการป้องกันเหตุ อย่าให้มีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก 9.การสืนสวนติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาให้ยึดหลักยุทธวิธี ความปลอดภัยต้องมาก่อน อย่าให้เกิดความสูญเสีย
10.กำชับการให้ทำงานกันเป็นทีม บูรณาการร่วมกันทุกฝ่าย และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายยึดหลักการทำงานแบบ “กัดไม่ปล่อย ล่าไม่ถอย คอยไม่เลิก” และ “ขยัน อดทน ดำรงตนอย่างมีเกียรติ” ณ ห้องประชุมไทรทอง ภ.จว.นครราชสีมา ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา

วันนี้(วันจันทร์ ที่ 6 ม.ค.68) เวลา 13.00 น.พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ผบ.ตร.พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์รอง ผบ.ตร.(สส)มอบหมายให้พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ผู้ช่วย ผบ.ตร.(สส 1)พร้อมด้วยพล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีนผบช.ภ.3พล.ต.ต.ระพีพงษ์ สุขไพบูลย์รอง ผบช.ภ.3พล.ต.ต.ณรงค์ฤทธิ์ ด่านสุวรรณผบก.ภ.จว.นครราชสีมาและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมฃ

    ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับซึ่งก่อเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ เป็นที่สนใจแก่ประชาชนและสื่อมวลชน ที่เกิดในพื้นที่ สภ.ปากช่อง ซึ่งผู้เสียหายได้ไปร้องเรียนกับเพจ “สายไหมต้องรอด” คือ นายสมคิด ทับเปีย อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสีคิ้ว ที่ 1/2568 ลงวันที่ 6 มกราคม 2568 โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้ผู้อื่นนั้นเข้าใจผิดคิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น”

    ทั้งนี้ ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายให้ทำงานโดยยึดหลักกฎหมายและรอบคอบตามหลักยุทธวิธีตำรวจที่ได้ฝึกทบทวนมาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียแก่ครอบครัวพี่น้องข้าราชการตำรวจ ตามที่ ผบ.ตร. ได้ฝากข้อห่วงใยซึ่งการจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยึดหลักการทำงานแบบ “กัดไม่ปล่อย ล่าไม่ถอย คอยไม่เลิก” จนสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่พี่น้องประชาชน

    ในนามของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ฝากถึงผู้เสียหายว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับผู้เสียหาย โดยจะรวบรวมพยานหลักฐาน สอบสวนอย่างตรงไปตรงมาปราศจากข้อสงสัยจากทุกฝ่าย ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทำงานด้วยความวิริยะ อุตสาหะ เสียสละ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้สังคมส่วนรวม และขอให้รักษาความดีนี้ไว้สืบต่อไป

    ณ ศปก. ภ.จว.นครราชสีมา ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา

    สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / รอง ผบ.ตร.ลงพื้นที่เมืองพัทยา กวดขัน ปราบปรามอาชญากรรม ดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว ช่วงเทศกาลปีใหม่ / Bodyslam ระเบิดความมันส์ Pattaya countdown คืนที่ 2 สุดคึกคัก

    แชร์เนื้อหานี้

    วันที่ 30 ธ.ค.67 ที่ห้องประชุม ศปก.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ลงพื้นที่จังหวัดชลบุรี เป็นประธานการประชุมกำชับและติดตามการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม การรักษาความสงบเรียบร้อย การบังคับใช้กฎหมาย และอำนวยความสะดวกด้านการจราจรในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 โดยมี พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (ผบช.ภ.2) พล.ต.ต.อิทธิพร โพธิ์ทอง รอง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.นันทวุฒิ สุวรรณละออง รอง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ รอง ผบช.ตชด. พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.ตม.3 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม

    ทั้งนี้ พล.ต.อ.ประจวบฯ รอง.ผบ.ตร. ได้กำชับให้ทุกหน่วยปฏิบัติตามมาตรการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนด ตลอดจนข้อกำชับสั่งการและข้อห่วงใยของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. อย่างเคร่งครัด เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลที่ตระหนักและให้ความสำคัญในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม การรักษาความสงบเรียบร้อย ยกระดับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ตลอดจนการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน และอำนวยความสะดวกการจราจรให้แก่ประชาชน ควบคู่กับการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว โดยมุ่งหวังให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินการดังกล่าว สำนักงานตำรวจแห่งชาติภายใต้การนำของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้นำนโยบายรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติ โดยได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ประจวบฯ ขับเคลื่อนการปฏิบัติให้บรรลุผลสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ

    จากนั้น พล.ต.อ.ประจวบฯ ได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามการปฏิบัติงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว ร่วมกับฝ่ายปกครองอำเภอเมืองพัทยา กรมเจ้าท่า หน่วยกู้ภัยสว่างบริบูรณ์ พัทยา กต.ตร.สภ.เมืองพัทยา อส.ตร.สภ.เมืองพัทยา และภาคเอกชนในพื้นที่ ประชาสัมพันธ์สร้างการตระหนักรู้ในมาตรการป้องกันปราบปรามและระมัดระวังตนเองจากอาชญากรรม ตลอดจนข้อห่วงใยแนะนำประชาชนและนักท่องเที่ยว สร้างการมีส่วนร่วมของภาครัฐและเอกชน ในการบริหารจัดการยกระดับความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวกด้านการจราจรในพื้นที่ อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวในพื้นที่ย่านถนนคนเดินพัทยา (Pattaya Walking Street)

    สำหรับพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เตรียมพร้อมการปฏิบัติในช่วง 10 วันควบคุมเข้มข้น ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2567 ถึง 5 มกราคม 2568 อย่างมีประสิทธิภาพ มีการตั้งจุดตรวจป้องกันปราบปรามอาชญากรรม 126 จุด พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 888 นาย , จุดสกัด 99 จุด พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 456 นาย , ชุดเคลื่อนที่เร็ว 142 ชุด พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 598 นาย รวมกำลังพลทั้งสิ้น 1,942 นาย พบการปฏิบัติตามมาตรการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

    สำหรับการจัดงาน PATTAYA COUNTDOWN 2025 ซึ่งจะมีพื้นที่การจัดงาน บนชายหาดพัทยา จากหน้าโรงแรมฮาร์ดร็อก – แยกนิภาลอดจ์ เนื้อที่ 18,000 ตารางเมตร คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 23,000 คน ได้เตรียมพร้อมกำลังพลหน่วยร่วมปฏิบัติ ประกอบด้วย สภ.เมืองพัทยา, ภ.จว.ชลบุรี, ตำรวจท่องเที่ยว, อำเภอบางละมุง, ฝ่ายเทศกิจ, ฝ่ายรักษาความปลอดภัย และหน่วยงานอื่น ๆ รวม 611 นาย จัดชุดเคลื่อนที่เร็ว ภ.จว.ชลบุรี (ไดนามิก) หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ภ.จว.ชลบุรี และหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ภ.2 รวม 42 นาย จัดชุดสืบสวนนอกเครื่องแบบ 15 นาย ประจำจุดสูงข่ม 4 นาย และประกอบแผนจุดก้าวสกัดจับ 40 นาย เจ้าหน้าที่ EOD 4 นาย

    เพื่อตรวจพื้นที่จัดงานก่อนเริ่มงาน และประจำกองอำนวยการร่วม จนกว่างานจะเสร็จสิ้น มีการใช้กล้อง CCTV ในพื้นที่จัดงาน 16 ตัว รถโมบาย 1 คัน กล้องชายหาด 48 ตัว รวมกล้อง CCTV ทั้งหมดในพื้นที่ 5,061 ตัว พร้อมด้วยชุด Anti Drone บินโดรนตรวจปริมาณนักท่องเที่ยว การจราจร ตรวจจับโดรนไม่ได้รับอนุญาต และลักลอบจำหน่ายพลุ ประทัด ดอกไม้เพลิง 10 นาย เรือตรวจการรักษาความปลอดภัยทางน้ำ 8 ลำ พร้อมกำลัง 31 นาย นอกจากนี้ ยังมีมาตรการปฏิบัติรองรับเหตุวัตถุต้องสงสัย เหตุระเบิด เหตุอาวุธปืน เพลิงไหม้หรือวางเพลิง บุคคลก่อกวน อากาศยานไร้คนขับ (Drone) ต้องสงสัย ตลอดจนเหตุไฟฟ้าช็อต หม้อแปลงระเบิด และบุคคลวิกลจริต เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายพร้อมปฏิบัติ

    พล.ต.อ.ประจวบฯ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความพร้อมในการปฏิบัติ เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย ต่างทุ่มเท เสียสละ และตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ พร้อมระดมสรรพกำลังช่วยเหลือประชาชน ป้องกันปราบปรามอาชญากรรม รักษาความสงบเรียบร้อย ลดอุบัติเหตุทางถนนและอำนวยการจราจรอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความสุข ยกระดับความเชื่อมั่นในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยว ส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในพื้นที่จังหวัดชลบุรีและทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เป็นของขวัญมอบให้กับประชาชนและสังคมในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568

    Bodyslam ระเบิดความมันส์ Pattaya countdown คืนที่ 2 สุดคึกคัก นักท่องเที่ยวทะลักหาดพัทยาอุ่นใจ ตร.ทท.ดูแลความปลอดภัยเต็มที่

    วันที่ 30 ธ.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศงาน Pattaya Countdown 2025 คืนที่ 2 กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวของเมืองพัทยาชื่อดังที่ได้รับความนิยม ทุกปีว่า บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาร่วมการเฉลิมฉลองส่งท้ายปีกันอย่างสนุกสนาน

    โดยในวันนี้มีการแสดงคอนเสิร์ตจากศิลปินดัง เริ่มด้วย โจอี้ ภูวศิษฐ์, เจ เจตริน, Jeff Satur, Bodyslam และปิดท้ายด้วย UrboyTJ ซึ่งพบว่านักท่องเที่ยวแห่กันมาร่วมกันเป็นจำนวนมาก

    อย่างไรก็ดี ในกิจกรรมได้รับการอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวที่คอยดูแลผู้เข้าร่วมงาน ก่อนในวันที่ 31 ธ.ค.67 จะมีพิธีนับถอยหลังเข้าสู่ศักราชใหม่ปี 2568 ในช่วงเที่ยงคืนเข้าสู่วันใหม่ด้วย

    สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / สภ.โชคชัย จัดชุดชุมชนสัมพันธ์รณรงค์เมาไม่ขับลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568

    แชร์เนื้อหานี้

    ภายใต้การอำนวยการของพ.ต.อ.จรินทร์ จินตพละ ผกก.สภ.โชคชัย ได้มอบหมายให้พ.ต.ต.คุณากร วรเมธานนท์ สวป.(ชส.)สภ.โชคชัย ร.ต.อ.ณพวิทย์ ปิดกระโทก รองสวป.สภ.โชคชัย ชุดชุมชนสัมพันธ์สภ.โชคชัย และนางรำจิตอาสาสายฮา ร่วมประชาสัมพันธ์รณรงค์ลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่ ประชาสัมพันธ์เมาไม่ขับ ปฏิบัติตามกฎจราจร ถนน 24 ณ ปั๊มน้ำมันปตท.กอโจด ต.ท่าเยี่ยม อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา

    นักร้องประจำ สภ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ท่านนี้ชื่อ ร.ต.อ.ณพวิทย์ ปิดกระโทก(หมวดน้อย) ประชาชนเดินทางกลับบ้านช่วงเทศกาล แวะปั๊ม ปตท.แห่งนี้ ก็คงจะรู้สึกหายเหนื่อย และ อบอุ่น กับ เสียงเพลงเพราะๆและ ความเป็นกันเอง ของ หมวดน้อย นักร้องเสียงทองท่านนี้ พร้อมด้วยนางรำจิตอาสา ชุดประชาสัมพันธ์ชุดนี้

    ไม่ใช่ครั้งแรกที่หมวดน้อยได้ออกมาจับไมค์ออกร้องเพลงรณรงค์กับกิจกรรมในครั้งนี้ หลายกิจกรรมที่ผ่านมา หมวดน้อย ร.ต.อ.ณพวิทย์ ปิดกระโทก นักร้องเสียงทอง กับรถมอไซค์พ่วงคู่ใจ ซึ่งประชาชนในบริเวณ อ.โชคชัย รู้จักกันดี กิจกรรมนี้จัดภายในวันที่ 28-29 ธันวาคม 2567 และวันที่ 1 ธันวาคม 2568 อีกครั้ง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ ประชาชนเดินทางกลับ กทม.

    กันตินันท์ เรืองประโคน/รายง

    สื่อรัฐทีวี สื่อรัฐนิวส์ / ปปส.ภาค 3 ร่วมบูรณาการจัดทำแผนปฏิบัติการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568

    แชร์เนื้อหานี้

    เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2568 เวลา 09.00 น. ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดนครราชสีมาแห่งที่ 2 อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานเปิดงาน ปฏิบัติการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 โดยมี นายศราวุธ สิงห์โนนตาด นักสืบสวนชำนาญการพิเศษ ผอ.ส่วนตรวจสอบทรัพย์สิน รักษาราชการแทน ผอ.ปปส.ภาค 3 ในนามผู้จัดโครงการแผนปฏิบัติการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด

    ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 กล่าวรายงาน พร้อมด้วย ขนส่งจังหวัดนครราชสีมา ศอ. ปส.จังหวัดนครราชสีมา ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา สวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กอ.รมน.จังหวัดนครราชสีมา ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนครราชสีมา และ ตำรวจท่องเที่ยว เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

    นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมากล่าวว่า ตามที่ท่านผู้แทน ท่าน ปปส.ภาค 3 ได้กล่าวไว้ ก็คงจะมีสองประเด็นคือ การตรวจหาสารเสพติดในผู้ขับขี่รถยนต์ และตรวจค้นหาสิ่งเสพติด ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ถ้าพวกเราช่วยกัน ก็จะเป็นการป้องปรามได้

    กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

    สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์/ พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผบ.ตร.สร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน แถลงผลการระดมกวาดล้างในช่วงวันคริสต์มาส และเทศกาลปีใหม่ 2568

    แชร์เนื้อหานี้

    ตามนโยบายรัฐบาลที่ตระหนักและให้ความสำคัญในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม การรักษาความสงบเรียบร้อย ตลอดจนการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน และอำนวยความสะดวกการจราจรให้แก่ประชาชน ควบคู่ไปกับการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว โดยมุ่งหวังให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินการดังกล่าว ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้นำนโยบายรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติ โดยได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขับเคลื่อนการปฏิบัติให้บรรลุผลสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ

    วันนี้ (24 ธันวาคม 2567) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และผลการระดมกวาดล้างก่อนวันคริสต์มาสและเทศกาลปีใหม่ 2568 โดยมีผู้แทนกองบัญชาการตำรวจนครบาล , ตำรวจภูธรภาค 1-9 , กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง , กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด , กองบัญชาการตำรวจสันติบาล , สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง , กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี , กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว , กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ฯลฯ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมพระพุทธประทานยศบารมี ตำรวจภูธรภาค 5

    ซึ่งในภาพรวมการจัดงานทั่วประเทศ มีจำนวน 695 แห่ง แบ่งเป็นกรุงเทพมหานคร 258 แห่ง และจังหวัดอื่น ๆ 437 แห่ง โดยแบ่งเป็นพื้นที่การจัดงานขนาดใหญ่ 47 แห่ง และได้เตรียมพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จัดงานเฉลิมฉลองทั่วประเทศ 8,468 นาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้ทุกหน่วยเพิ่มความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมาย และระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศร่วมกันกวาดล้างอาชญากรรมทุกประเภท ในห้วงวันที่ 17 – 23 ธันวาคม 2567 มีผลการดำเนินการ ดังนี้

    1. อาชญากรรมทั่วไป รวมจับกุม 36,609 คดี ผู้ต้องหา 37,574 คน ตรวจยึด/อายัดทรัพย์สินในคดี 114,225,749 บาท
    2. ความผิดเกี่ยวกับการพนัน ยาเสพติด พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ และสถานบริการ รวมจับกุม 31,036 คดี ผู้ต้องหา 32,172 คน มูลค่าตรวจยึด/อายัดทรัพย์สินในคดี 103,490,764 บาท / ในส่วนคดียาเสพติด จับกุมได้ 10,465 คดี ผู้ต้องหา 10,461 คน ตรวจยึดยาเสพติดของกลาง ยาบ้า 10,833,177 เม็ด ยาไอซ์ 8,209.51 กรัม เคตามีน 620.59 กรัม เฮโรอีน 81.3 กิโลกรัม ฝิ่น 3,428 กรัม ยาอี 273 เม็ด โคเคน 213 กรัม กัญชา 18.16 กิโลกรัม น้ำกระท่อม 44,000 มิลลิลิตร
    3. ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน รวมจับกุม 1,664 คดี ผู้ต้องหา 1,595 คน ของกลางอาวุธปืนสงคราม 10 กระบอก อาวุธปืนไม่มีทะเบียน 1,062 กระบอก อาวุธปืนมีทะเบียน 345 กระบอก วัตถุระเบิด 1,075 ลูก พลุ/ดอกไม้ไฟ 248 ดอก เครื่องกระสุนปืน 7,618 นัด มูลค่า 5,574,133 บาท
    4. จับกุมบุคคลตามหมายจับ รวม 3,909 หมายจับ ผู้ต้องหา 3,807 คน
    5. อาชญากรรมทางเทคโนโลยี
    6. ความผิดเกี่ยวกับการหลอกลวงออนไลน์ด้านการเงิน หลอกลวงจำหน่ายสินค้าออนไลน์และสินค้าผิดกฎหมาย เผยแพร่ข่าวปลอม ล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก และพนันออนไลน์ รวมจับกุม 3,519 คดี ผู้ต้องหา 3,490 คน มูลค่าตรวจยึด/อายัดทรัพย์สินในคดี 712,266,009 บาท
    7. ความผิดตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 (บัญชีม้า ซิมม้า) รวมจับกุม 447 คดี ผู้ต้องหา 427 คน มูลค่าตรวจยึด/อายัดทรัพย์สินในคดี 284,940 บาท

    พร้อมกันนี้ได้วาง 10 มาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและการก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ในช่วงวันคริสต์มาสและเทศกาลปีใหม่ 2568 ได้แก่ ระดมกวาดล้างอาชญากรรมก่อนถึงกำหนดการจัดงานตามเทศกาล สืบสวนหาข่าว เฝ้าระวังการลักลอบขนย้ายและการจำหน่ายยาเสพติดให้กับนักท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวหรือสถานที่จัดงาน เฝ้าระวังการเดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักรของบุคคลกลุ่มเสี่ยง รักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว ตลอดจนการดำเนินโครงการ “ร่วมใจดูแลความปลอดภัยบ้านประชาชนช่วงเทศกาลสำคัญ” (ฝากบ้าน 4.0) ระหว่างวันที่ 21 ธันวาคม 2567 ถึง 2 มกราคม 2568 และแสวงหาความร่วมมือจากภาคประชาชน

    อีกทั้งยังได้วาง 3 มาตรการบังคับใช้กฎหมายและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร เช่น ลดจำนวนการเกิดอุบัติเหตุไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 และเพิ่มความเข้มในการบังคับใช้กฎหมาย มุ่งเน้นลดอุบัติเหตุทางถนน ตามมาตรการ 10 ข้อหาหลัก โดยเฉพาะข้อหาเมาแล้วขับ นอกจากนี้ ยังได้กำหนดให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรภาค 1 – 9 ดำเนินการปล่อยแถวป้องกันปราบปรามอาชญากรรม รักษาความสงบเรียบร้อย การบังคับใช้กฎหมายและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ในช่วงวันคริสต์มาสและเทศกาลปีใหม่ 2568 พร้อมกันทั่วประเทศ 71 จุด โดย พล.ต.อ.ประจวบฯ เป็นประธานพิธีปล่อยแถวป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ โดยมีผู้แทนหน่วยงานความมั่นคง หน่วยงานภาครัฐ องค์กรส่วนท้องถิ่น อาสาสมัคร มูลนิธิ และภาคประชาสังคมในพื้นที่ เข้าร่วมพิธีโดยพร้อมเพรียงกัน

    ทั้งนี้ พล.ต.อ.ประจวบฯ กล่าวว่า วันคริสต์มาส และห้วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ 2568 มีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาและพักผ่อนในแต่ละภูมิภาคเป็นจำนวนมาก ตลอดจนมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยว
    ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ พร้อมระดมสรรพกำลังป้องกันปราบปรามอาชญากรรม รักษาความสงบเรียบร้อย ป้องกันและลดอุบัติทางถนน และอำนวยการจราจรให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดวามสงบเรียบร้อยในทุกพื้นที่ ส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยว เพื่อเป็นของขวัญมอบให้กับประชาชนและสังคมในช่วงเทศกาลปีใหม่ ….

    สมจิตรแสงบันลังค์รายงาน.

    สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ตร.ภาค3 เตรียมพร้อม การจราจรป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2568

    แชร์เนื้อหานี้

    เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2567เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุม 3 กองบังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 3 พลตำรวจโท วัฒนา ยี่จีน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 /ประธานการประชุม พร้อมด้วย พลตำรวจตรี วิวัฒน์ สีลาเขตต์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 พร้อมหน่วยงาน ในสังกัดตำรวจภูธรภาค 3 และหน่วยงานภาคีเครือข่ายจำนวน 12 หน่วย ประกอบด้วย จังหวัดนครราชสีมา, องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา, แขวงทางหลวงนครราชสีมาที่ ๑, ๒ และ ๓, ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต ๕ นครราชสีมา, สำนักงานป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยจังหวัดนครราชสีมา,

    สำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 3, สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา, สำนักงานขนส่งจังหวัดนครราชสีมา,ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา, สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา, สมาคมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จว.นครราชสีมา และมูลนิธิกู้ภัยในพื้นที่ จว.นครราชสีมา ได้เข้าร่วมประชุมบูรณาการเตรียมความพร้อมการอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2568 โดยมีผู้แทนหน่วยงานภาคีเครือข่าย ด้านจราจรและความปลอดภัยทางถนนในพื้นที่ทั้ง 8 จังหวัด (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง) และตำรวจภูธรจังหวัดที่มีพื้นที่เส้นทางติดต่อกับตำรวจภูธรภาค 3 ประกอบด้วย

    ตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี, สระบุรี, ปราจีนบุรี, สระแก้ว และขอนแก่น เข้าร่วมประชุมเพื่อสรุปมาตรการปฏิบัติแบบบูรณาการในการอำนวยความสะดวกการเดินทางของพี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.๒๕๖๘ โดยหน่วยงานภาคี ทุกหน่วยได้รายงานต่อที่ประชุมแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของเจ้าหน้าที่ ยานพาหนะ วัสดุอุปกรณ์ ที่เตรียมไว้ เพื่อให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพ
    ตำรวจภูธรภาค 3 ได้เตรียมการบริหารจัดการ

    โดยขยายช่วงการควบคุมเข้มข้นจากเดิม ๗ วัน เป็น ๑๐ วัน ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2567– 5 มกราคม 2568 จะเพิ่มความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อลดอุบัติเหตุทางถนนให้ได้มากที่สุด และกำหนดเปิดศูนย์อำนวยความสะดวกการจราจร ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2568 ของตำรวจภูธรภาค 3 ระหว่างวันที่ 26 ธันวาคม 2567 – 6 มกราคม 2568 เพื่อกำกับ ดูแล และติดตามการปฏิบัติงานของหน่วยในสังกัด ในการอำนวยความสะดวกการจราจร ดูแลความปลอดภัย และป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ให้กับประชาชนที่จะเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 นี้

    ตามนโยบายรัฐบาล “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” ในทุกพื้นที่ โดยวางแผนตั้งจุดตรวจกวดขันวินัยจราจรและจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ จำนวน ๓๐๒ จุด เตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว จำนวน 308 ชุด มีเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ จำนวน 420 เครื่อง และเครื่องตรวจจับความเร็ว จำนวน 92 เครื่อง ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในการปฏิบัติ ทั้งสิ้น 4,711 นาย นอกจากนี้ได้ร่วมกับหน่วยงานฝ่ายปกครอง ในการปรับรูปแบบจากจุดบริการประชาชนมาเป็นการตั้งด่านชุมชนแทน โดยบูรณาการกำลังทุกภาคส่วน ได้แก่ เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน และประชาชนในพื้นที่

    กำหนดแผนการตั้งด่านชุมชนจำนวนทั้งสิ้น จำนวน 4,180 แห่ง เพื่อป้องปรามคนที่ดื่มสุราไม่ให้ขับขี่รถออกจากหมู่บ้าน ชุมชน ไปเกิดอุบัติเหตุหากเกิดอุบัติเหตุทางถนน เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ผู้ขับขี่รถที่เกิดเหตุทุกรายและหากพบว่ามีการดื่มสุราแล้วขับรถ จะดำเนินคดีโดยไม่มีละเว้น ในมาตรการเชิงรุก ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่สรรพสามิตพื้นที่ ออกตรวจและขอความร่วมมือร้านจำหน่ายสุราในชุมชน หมู่บ้าน ทุกแห่ง ให้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 เช่น ห้ามจำหน่ายสุราในเวลาห้าม, ห้ามไม่ให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ให้บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี, ห้ามไม่ให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับบุคคลที่มีอาการมึนเมา จนครองสติไม่ได้ เป็นต้น
    โดยกรมทางหลวง ได้เปิดให้บริการใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ M6 ช่วงปากช่อง – สีคิ้ว – ขามทะเลสอ – ถนนเลี่ยงเมืองนครราชสีมา (ทล.204) ทั้งขาไปและขากลับ ตลอด 24 ชั่วโมง ระยะทาง 77.493 กิโลเมตร โดยกำหนดจุดเข้า – ออก มอเตอร์เวย์ M6 ดังนี้

    จุดที่ 1 ทล.2 กม.65 (ตรงข้ามศูนย์พักพิงสุนัขจรจัดนครชัยบุรินทร์)
    จุดที่ 2 ทล.201 กม.5+500 (บ้านหนองรี อ.สีคิ้ว)
    จุดที่ 3 ทล.290 กม.14+775 (วงแหวน ทล.290)
    จุดที่ 4 ทล.204 กม.3+230 (ทางเลี่ยงเมืองนครราชสีมา)

    กันตินันท์ เรืองประโคน / รายงาน

    สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / ตร.นครราชสีมา ปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรมช่วงเทศกาลลอยกระทง

    แชร์เนื้อหานี้

    เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 เวลา 16.00 น. นายสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นายสามารถ สุวรรณมณี ปลัดจังหวัดนครราชสีมา ร่วมพิธีปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรม ช่วงเทศกาลลอยกระทง จ.นครราชสีมา โดยมี พลตำรวจตรี ณรงค์ฤทธิ์ ด่านสุวรรณ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมาเป็นประธานในพิธีฯ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการฝ่ายต่างๆ ร่วมพิธีปล่อยแถว รองผู้บังคับการตำรวจภูธรนครราชสีมา ท่านผู้แทนกองทัพภาคที่ 2 สำนักงาน ปปส.ถาค 3 สาธารณสุขจังหวัด สรรพสามิตร สารวัตรทหาร หน่วยกู้ภัย และ อาสาสมัคร เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ พลตำรวจตรี ณรงค์ฤทธิ์ ด่านสุวรรณ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า “พิธีปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรมช่วงเทศกาลวันลอยกระทง ประจำปี ๒๕๖๗ วันพุธที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๑๗ เวลา ๑๖.๐๐ น. ณ บริเวณลานหน้า ภ.จว.นครราชสีมา อ.เมือง จว.นครราชสีมา

    เนื่องจากวันศุกร์ที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๗/ เป็นวัน ลอยกระทง หลายพื้นที่ก็ได้มีการจัดกิจกรรมต่างๆ ทั้งการลอยกระทง การแสดงแสง สี เสียง/ เพื่อสืบสานประเพณีของไทย ซึ่งจะมีประชาชน และนักท่องเที่ยว/ เดินทางมาร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก จึงอาจเกิด เหตุอาชญากรรม/การประทุษร้ายต่อทรัพย์/และเหตุอันตรายต่อชีวิต ร่างกายของประชาชน ขึ้นได้ ท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงได้สั่งการให้มีการระดม กวาดล้างอาชญากรรม/เพื่อป้องกันอาชญากรรม และรักษาความ ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยมุ่งเน้นการกระทำ ความผิดเกี่ยวกับการลักลอบตั้งโรงงานผลิตพลุ ประทัด/ เชื้อประทุ/ ดอกไม้ เพลิง/

    เพื่อป้องกันเหตุโรงงานทำดอกไม้เพลิง/ หรือพลุ ระเบิด ซึ่งอาจส่งผล เป็นอันตรายอย่างรุนแรงต่อประชาชน/ รวมทั้งการกวดขันจับกุมผู้เล่น ดอกไม้เพลิง/ พลุ และประทัด ในลักษณะที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อน รำคาญ หรือ ในลักษณะที่น่าจะเป็นอันตรายต่อประชาชนและกวดขันจับกุมการลักลอบผลิต และจำหน่ายพลุ ประทัด/ และดอกไม้ เพลิงโดยไม่ได้รับอนุญาต/ และกรณีเด็กเป็นผู้กระทำความผิด ก็ให้ ดำเนินการกับผู้ปกครอง ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กฯ เพื่อให้ ผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมในการควบคุม/ ดูแลบุตรหลานและรับผิดชอบใน การกระทำความผิดของบุตรหลานด้วย ดังนั้น จึงขอให้ทุกภาคส่วนร่วม บูรณาการ/ในการระดมกวาดล้างอาชญากรรมทุกประเภท/ ในช่วงเทศกาล ลอยกระทง ประจำปี ๒๕๖๗ นี้อย่างจริงจัง เต็มกำลังความสามารถ

    ซึ่งจะ เป็นการป้องปราม/ ป้องกัน/ และลดโอกาสของมิจฉาชีพที่จะก่อเหตุร้าย ต่อชีวิต/ ร่างกาย และทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยว/ และ เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความพร้อมของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ที่จะปกป้อง ประชาชน และนักท่องเที่ยวให้มีความปลอดภัย เพื่อให้การปฏิบัติการ ร่วมกันในครั้งนี้ ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล/ อัน จะส่งผลโดยรวมเพื่อความสงบสุขของพี่น้องประชาชน

    กันตินันท์ เรืองประโคน/รายงาน

    สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / สภ.โชคชัย โคราชตรวจจับยาบ้าหลายพันเม็ด พร้อมอาวุธสงคราม ระเบิด ปืน

    แชร์เนื้อหานี้

    สภ.โชคชัยจว.นครราชสีมา ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด เพื่อสกัดกั้นการลักลอบลำเลียงยาเสพติด ตามคำสั่ง ศอ.ปส./8186 ลง 26 กันยายน 67 และ ศอ.ปส.ภ.3/147 ลง 26 เมษายน 2567 ประจำวันที่ 29 ต.ค.67 เวลา 03.00 – 06.00 น. ปจว.ข้อ 2

    โดยการอำนวยการของ นายธรรมธรรศ ทองสำโรง นายอำเภอโชคชัย , นายชยานนท์ สุวรรณทรัพย์ ปลัดอำเภออาวุโส , นายชาญณรงค์ สุขชาติ ปลัดอำเภอ และ พ.ต.อ.จรินทร์ จินตพละ ผกก.สภ.โชคชัย , พ.ต.ท.อ้ครคมฆ์ ญาติเจริญ รอง ผกก.สภ.โชคชัย พ.ต.ท.สิรภพ แย้มศรี สวป.สภ.โชคชัย

    ตามวันเวลาดังกล่าวเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ตั้งจุดตรวจเพื่อสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด บนถนนหลวงหมายเลข 24 หลักกิโลเมตร 60 หมู่ที่ 6 ต.ท่าเยี่ยม อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา พบรถยนต์กระบะบรรทุกส่วนบุคคล ขนาด 4 ล้อ สีดำ รุ่นรีโว เลขทะเบียน บล 2965 บุรีรัมย์ จึงเรียกเพื่อตรวจสอบ โดยมีนายเกียรติศักดิ์ รุ่งสว่าง (ทราบชื่อภายหลัง) อายุ 27 ปี เป็นผู้ขับรถยนต์กระบะบรรทุกส่วนบุคคล ขนาด 4 ล้อ มาบนถนนเส้นดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงให้สัญญาณมือหยุดรถ ในขณะนั้นตำรวจชุดจับกุมสังเกต

    นายเกียรติศักดิ์ รุ่งสว่าง มีอาการมือสั่นคล้ายคนเสพยาเสพติด ตำรวจชุดจับกุมจึงค้นบริเวณช่องใส่ของตรงกลางระหว่างคนขับและคนนั่ง พบ ถุงพลาสติกสีน้ำเงิน จำนวน 2 ห่อ ภายในบรรจุยายาบ้า สีส้ม-แดงและเสีเขียว จำนวน 3,910 เม็ด พร้อมทั้งพบลูกระเบิดขว้าง ห่อหุ้มด้วยแผ่นฟรอยด์สีเงิน จำนวน 1 ลูก ,ปลอกแท่งดินระเบิด TNT ขนาด ¼ ปอนด์ (สีเขียว) จำนวน 1 ลูก,พร้อมเครื่องกระสุน ขนาด .22 จำนวน 2 นัด และเครื่องกระสุนลูกซอง ขนาด เบอร์ 12 จำนวน 5 นัด บริเวณช่องเก็บของด้านคนนั่งข้าง และเมื่อค้นใต้เบาะรถช่องเก็บอุปกรณ์เครื่องมือรถ พบอาวุธ ปืนลูกซองยาวเดียว จำนวน 1 กระบอก

    ภาพ/ข่าว: พ.ต.อ.จรินทร์ จินตพละ/
    กันตินันท์ เรืองประโคน ผู้สื่อข่าวภูมิภาค นครราชสีมา/รายงาน

    สื่อรัฐทีวี-สื่อรัฐนิวส์ / จัดงานวันตำรวจ เชิดชูเกียรติผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละฯ

    แชร์เนื้อหานี้

    ที่สภ.โคกสำโรง ภ.จว.ลพบุรี เมื่อวันนี้ 17 ตุลาคม 2567 เวลาประมาณ 07.30 น. ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.อภิชาติ ทอแพ ผกก.สภ.โคกสำโรง
    พ.ต.ท.มนตรี เล่ห์อิม รอง ผกก.ป.ฯ พ.ต.ท.อนันต์ ปานทอง รอง ผกก.(สอบสวน) ฯ
    พ.ต.ท.เสริญราษฎร์ แก้วปนทอง สารวัตอำนวยการฯ ข้าราชการตำรวจ สภ.โคกสำโรง ทุกนาย พร้อมด้วยคณะ กต.ตร. สภ.โคกสำโรง

    เนื่องด้วย ในวันที่17 ตุลาคม ของทุกปี เป็นวันตำรวจ สภ.โคกสำโรง จึงได้จัดพิธี โดยเริ่มจากการร่วมกันเคารพธงชาติ การรับฟังสารจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ การร่วมกันกล่าวคำปฏิญาณตนและกล่าวอุดมคติตำรวจ นอกจากนี้ยังได้มีพิธีมอบใบประกาศนียบัตรเชิดชูเกียรติและเสื้อคลุมให้กับข้าราชการตำรวจที่มีความตั้งใจในการปฏิบัติหน้าที่ในปีที่ตผ่านมา

     รวมทั้งมอบทุนการศึกษาให้กับบุตร ธิดา ของข้าราชการตำรวจที่เรียนดี เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับเยาวชน จากนั้นได้ประกอบพิธีทางศาสนาทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ข้าราชการตำรวจที่เสียชีวิตในการปฏิบัติและเป็นสิริมงคลแก่ข้าราชการตำรวจทุกคน รวมทั้งมีกิจกรรมสันทนาการเพื่อให้ข้าราชการตำรวจมีความรักและความสามัคคีในหน่วยงาน

    สำหรับ “วันตำรวจไทย” เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ.2458 โดยเป็นวันประกาศรวม “กรมพลตระเวน” กับ “กรมตำรวจภูธร” เป็นกรมเดียวกัน เรียกว่า “กรมตำรวจ” ซึ่งภายหลังได้เปลี่ยนมาเป็น “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ซึ่งมีการโอนกรมตำรวจ สังกัดกระทรวงมหาดไทย จัดตั้งเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในวันที่ 17 ตุลาคม 2541 อยู่ในบังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรี

    ทั้งนี้ ข้าราชการตำรวจทุกนาย ได้ทุ่มเทกำลัง สติปัญญา ความสามารถในปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละอดทน เต็มเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ สามารถนำความสงบสุขมาสู่สังคม รับใช้ประชาชนบำบัดทุกข์ บำรุงสุข เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย และให้ข้าราชการตำรวจร่วมกันกระทำความดีให้เป็นที่ยกย่องสืบไป

    สนอง แท่นสูงเนิน
    ผอ.ศูนข่าวฯ ประจำ จว.ลพบุรี รายงาน