เมื่อวันที่ 3 พ.ย.67 นายอรรถพงษ์ เภาอ่อน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ได้มีการบันทึกภาพช้างป่าวัยเจริญพันธุ์ขณะกำลังเกี้ยวพาราสีและผสมพันธุ์กันภายในผืนป่ากุยบุรี จ.ประจวบฯ ซึ่งถือเป็นภาพที่หาชมได้ยากและสะท้อนให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศในพื้นที่ จากการศึกษาพบว่า การผสมพันธุ์ของช้างป่าจะเกิดขึ้นเฉพาะในช่วงฤดูหนาว
โดยช้างเพศเมียจะเริ่มพร้อมผสมพันธุ์เมื่ออายุประมาณ 18-20 ปี และจะสิ้นสุดวัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุราว 40-50 ปี ทั้งนี้ ช้างเพศเมียจะตั้งท้องนานประมาณ 19-21 เดือน และมักให้กำเนิดลูกครั้งละ 1 ตัว โดยจะมีระยะห่างระหว่างการตั้งท้องแต่ละครั้งประมาณ 3 ปี ตลอดช่วงชีวิตของช้างเพศเมีย 1 ตัว จะสามารถให้กำเนิดลูกได้เฉลี่ย 3-4 ตัว
ซึ่งภาพความประทับใจครั้งนี้นับเป็นสัญญาณที่ดีที่แสดงให้เห็นถึงการขยายประชากรตามธรรมชาติของช้างป่าในผืนป่ากุยบุรี และสะท้อนถึงความสำเร็จในการอนุรักษ์พื้นที่ป่าที่เป็นที่อยู่อาศัยของช้างป่าและสัตว์ป่านานาชนิด
ผืนป่ากุยบุรีถือเป็นหนึ่งในพื้นที่สำคัญของการอนุรักษ์ช้างป่าในประเทศไทย
ที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์และเป็นที่อยู่อาศัยของช้างป่าจำนวนมาก การพบเห็นพฤติกรรมการผสมพันธุ์ตามธรรมชาติเช่นนี้ จึงเป็นความหวังของการดำรงอยู่และการสืบทอดเผ่าพันธุ์ของช้างป่าไทยต่อไปในอนาคต.
อช.กุยบุรี เร่งช่วยชีวิตช้างป่าตกบ่อโคลนจนปลอดภัย
เมื่อวันที่ 2 พ.ย.67 นายอรรถพงษ์ เภาอ่อน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ได้รับแจ้งจากชาวไร่ว่าพบเห็นช้างป่าตกอยู่ในบ่อน้ำภายในไร่ของชาวบ้าน หมู่ 3 บ้านหนองเป่าปี่ ต.ไร่เก่า อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบฯ ไม่สามารถขึ้นจากบ่อได้ จึงพร้อมด้วย นายนพพร อัคคมณี ผช.หน.อช.กุยบุรี และนายสนธยา หอมทั่ว หัวหน้าหน่วยพิทักษ์ กร.4 บ้านหุบมะซาง นำกำลังเจ้าหน้าที่รีบไปช่วยเหลือจุดที่ช้างป่าตกบ่ออยู่นอกเขตอุทยานฯ บริเวณพิกัด E0577131 N1356072 เป็นช้างป่าตัวผู้กำลังรุ่นมีงา อายุประมาณ 5-10 ปี ยืนนิ่งจมอยู่ในบ่อน้ำลักษณะโคลนสูงประมาณ 1 เมตร จนเกือบมิดตัวต้องใช้งวงชูหายใจ คาดว่าเหนื่อยจากดิ้นทุรนทุรายพยายามขึ้นจากบ่อ
ตรวจโดยรอบพบร่องรอยการลื่นไถลของช้างป่าบริเวณขอบบ่อที่มีความชันเกือบ 90 องศา จากนั้น คณะเจ้าหน้าที่ฯ ได้ประสานรถไถพร้อมเจ้าหน้าที่ช่วยกันขุดขอบบ่อเพื่อเปิดทางน้ำออกและปรับความชันของขอบบ่อให้มีความชันน้อยลง ใช้เวลานานเกือบ 3 ชม. จนในที่สุดช้างป่าตัวดังกล่าวสามารถขึ้นจากบ่อได้อย่างปลอดภัย สร้างความดีใจให้กับเจ้าหน้าที่ก่อนผลักดันช้างกลับเข้าสู่ป่าเป็นที่เรียบร้อยต่อไป.
ผู้ว่าประจวบฯ นำทีมติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เตรียมพร้อมรับมืออุทกภัยในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน
เมื่อวันที่ 4 พ.ย.67 นายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการ จ.ประจวบฯ พร้อมด้วย นายอภิวัฒน์ เลาหวัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 4 ประจวบฯ นายธนวัฒน์ เรืองเดช หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดประจวบฯ นายพลกฤต พวงวลัยสิน นายอำเภอหัวหิน นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรเมืองหัวหิน พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่บริเวณคลองตะเกียบ (คลองพระราชดำริ) ข้างวัดเขาไกรลาศ อ.หัวหิน เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์อุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่
นายสมคิด จันทมฤก กล่าวว่า จากประกาศกรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออก ในพื้นที่ จ.ประจวบฯ และ จ.เพชรบุรี ในช่วงวันที่ 4-6 พ.ย.นี้ โดยเฉพาะที่ อ.หัวหิน ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มเคยประสบปัญหาอุทกภัยน้ำท่วมขังเมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ถ้าสถานการณ์เป็นไปตามที่พยากรณ์ไว้ปริมาณน้ำอาจจะมีมากขึ้น โอกาสที่น้ำจะท่วมขังในบริเวณพื้นที่ในเขตเทศบาลเมืองหัวหินนานขึ้น จึงได้ประสานกับท่านนายกเมืองหัวหิน นายอำเภอหัวหิน รวมทั้งบรูณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ ปภ.จังหวัด ปภ.เขต 4 และชลประทาน วางแผนเตรียมความพร้อมโดยการติดตั้งเครื่องสูบน้ำพร้อมเจ้าหน้าที่
เพิ่มเติมนอกเหนือจากที่เทศบาลเทศบาลหัวหินได้ติดตั้งไว้แล้ว
“โดยคลองตะเกียบที่เป็นจุดรับน้ำ มีโอกาสที่น้ำจะเอ่อท่วมในบริเวณชุมชนก็เลยมาติดตั้ง 2 เครื่องมือ เครื่องมือแรกก็คือเครื่องมือผลักดันน้ำ โดยประสานทางชลประทานมาติดตั้งเครื่อง จุดนี้เป็นจุดที่จะมาเสริมเครื่องมือของ ปภ.4 เป็นเครื่องสูบน้ำที่มีกำลังแรงสูงสุด 28,000 ลิตรต่อนาที เชื่อว่าการบูรณาการร่วมกันจะช่วยไม่ให้เกิดน้ำท่วมขังหรือถ้ามีกรณีท่วมขังก็จะท่วมขังน้อยที่สุด
ใช้เวลาน้อยสุดในการระบายน้ำลงทะเล และอีกจุดที่บริเวณสวนหลวงราชินี 19 ไร่ ก็จะไปดูตรงจุดนั้นด้วย นอกจากนี้ ที่ อ.บางสะพาน และ อ.ทับสะแก ก็มีโอกาสน้ำท่วมขังในชุมชนเพราะว่าดูตามแนวทางที่อุตุฯ พยากรณ์ไว้ว่าจะมีฝนตกหนัก น่าจะเป็นในเรื่องของพวกน้ำที่ลงมาจากภูเขา อาจจะมีในเรื่องของดินสไลด์หรือว่าเกิดความเสียหายได้เช่นเดียวกัน ก็มีการเตรียมพร้อมรับมือแล้ว” นายสมคิด กล่าว.
Night Market On The Beach ตลาดนัดกลางคืนริมทะลคลองวาฬนักท่องเที่ยวคึกคัก กินอาหารบรรยากาศสุดชิล บนหาดทรายมองทะเลชมจันทร์ ไม่ตกกระแสขนมอาลัวหมูเด้งก็มา
วันที่ 2 พฤศจิกายน 2567 ที่ริมทะเลคลองวาฬ ต.คลองวาฬ อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ น.ส.ภัทรทิรา สุวรรณศิริ ผู้ประกอบการร้านรศนาคาเฟ่ ร่วมกับ น.ส.ลภา บัวประดิษฐ์ ผู้ประกอบการโคโค้มาร์เก็ต จ.เพชรบุรี จัดกิจกรรม Night Market On The Beach ตลาดนัดยามค่ำคืน ในพื้นที่เอกชน โคโค้มาร์เก็ตและรศนาคาเฟ่ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในเมืองประจวบคีรีขันธ์ เป็นการรวมกลุ่มร้านอาหารพื้นถิ่นของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์และเพชรบุรีกว่า 60 ร้านค้า จัดในธีมบรรยากาศสีขาวและแนวอนุรักษ์ธรรมชาติ ด้วยการให้ร้านค้าตกแต่งร้านเป็นสีขาวใช้ผ้าฝ้ายดิบ ใช้วัสดุภาชนะใส่อาหารเป็นกระดาษชานอ้อย มีกองฟางไว้ให้นั่ง
โดยร้านค้าจะต้องจำหน่ายสินค้าไม่ซ้ำชนิดกัน มีอาหารคาวเช่น เนื้อโคขุนย่าง ขนมจีนน้ำเงี้ยว ทอดมัน หอยจ้อ หอยเชลล์ย่างเนย สปาเก็ตตี้ พิซซา ไส้กรอกเยอรมัน แซลมอนย่าง อาหารหวานเช่น น้ำมะนาวตาลโตนดเพชรบุรี ไอติมกะทิสดกะลา โรตี เครื่องดื่มชาไทยและกาแฟสด และเพื่อไม่ให้ตกกระแสนิยม ขนมอาลัวเมืองเพชรบุรีในรูปสีสันต่างๆ พร้อมกับอาลัวรูปร่างหมูเด้ง อย่างน่ารักน่าชัง และอื่นๆ อีกมากมาย
สำหรับลูกค้ากว่าครึ่งเป็นนักท่องเที่ยวต่างถิ่น ที่ตั้งใจเดินทางมาพักผ่อนในตำบลคลองวาฬเมืองทะเลที่เงียบสงบ จับจ่ายใช้สอยซื้ออาหารรับประทานในยามค่ำคืน ด้วยบรรยากาศนั่งริมหาด ฟังคลื่น มองทะเล ชมจันทร์ ซึ่งผู้จัดใช้ข้อได้เปรียบทางธรรมชาติที่มี ประกอบด้วย Sun Sand Sea Smile หรือ พระอาทิตย์ ทราย ทะเล และรอยยิ้ม เป็นที่ประทับใจของนักท่องเที่ยวทุกราย
นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781