สื่อรัฐทีวี*สื่อรัฐนิวส์ / ”ทวี“ เตรียมลงใต้ ติดตามวาระกระท่อม กำชับผู้นำศาสนาและท้องถิ่น ร่วมมือคุมเข้มยาเสพติด โดยเฉพาะพืชกระท่อม / ปอเนาะกว่า 100 แห่ง เตรียมรวมพลังไม่เอากระท่อม ใช้ศาสนาบำบัด ”ฮะรอม“ ไม่ ”ฮาลาล“ ทุกบ้านพร้อมใจปฏิเสธ ”กระท่อม – สี่คูณร้อย“

แชร์เนื้อหานี้
พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เตรียมเดินทาง
ติดตามวาระกระท่อม 120 วัน ในพื้นที่จังหวัดสงขลา ปัตตานี และจังหวัดพื้นที่ใกล้เคียง ในวันพรุ่งนี้ (วันที่ 12 กรกฎาคม 2568)โดยช่วงเช้า จะเดินทางไปยัง ต.ควน อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นพื้นที่ ถือว่ามีความเข็มแข้ง กล้า ขึ้นป้าย ประกาศ ไม่เอากระท่อม จนทำให้ร้านค้าที่วางจำหน่ายตามถนน สาย 42 นราธิวาส ปัตตานี พัง ขนำเลิกขายมาเป็นเวลา เกือบ1 เดือนแล้วหลังผู้นำในพื้นที่ร่วมกันรณรงค์ และสร้างความเข้าใจตลอดจนขึ้นป้ายประกาศ ห้ามขาย และ ปฏิเสธพื้ชกระท่อมแปรรูป สำหรับภารกิจแรก พ.ต.อ.ทวีฯ จะเดินทางไป ที่ วัดควนนอก เพื่อเข้ากราบนมัสการเจ้าคณะจังหวัด เจ้าอาวาสวัดควนนอก และร่วมกิจกรรมเวที “รวมพลังจิตอาสา เอาชนะยาเสพติด” และการรณรงค์ไม่เอาน้ำกระท่อม ของประชาชนจิตอาสาตำบลควน อ.ปะนะเระ จ.ปัตตานี บริเวณ วัดควนนอก
ช่วงเทียง พ.ต.อ.ทวีฯ จะเดินทางไปยัง โรงแรมปาร์ควิว อ.เมือง จ.ปัตตานี เพื่อเข้าร่วมหารือการแก้ไขปัญหายาเสพติดและปัญหาหนี้ภาคประชาชน กับ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดปัตตานี  นอกจากนี้ พ.ต.อ.ทวีฯ จะ เดินทางไปยัง สนามกีฬากลางบ้านข่าลิง ต.พิเทน อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี และเดินทางกลับก

อำเภอยะหาเอาจริง!! กำชับผู้นำศาสนาและท้องถิ่น ร่วมมือคุมเข้มยาเสพติด โดยเฉพาะพืชกระท่อม

เมื่อ 7 กรกฎาคม 2568 – นายมนตรี เสฏฐปัญโญ นายอำเภอยะหา ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการอำเภอยะหา (ผอ.ศปก.อ.ยะหา) ได้เป็นประธานในการประชุมประจำเดือนกรกฎาคม 2568 ร่วมกับอิหม่าม คอเต็บ และบิหลั่น ซึ่งเป็นผู้นำศาสนาอิสลามในพื้นที่

โดยมีข้อราชการสำคัญที่เน้นย้ำถึงมาตรการควบคุมยาเสพติด โดยเฉพาะพืชกระท่อม เพื่อขอความร่วมมือจากผู้นำศาสนา ผู้นำท้องที่ และผู้นำท้องถิ่นในชุมชน ให้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหานี้

ในการประชุมครั้งนี้ นายอำเภอยะหาได้เน้นย้ำถึง “มาตรการควบคุมพืชกระท่อม” และแนะนำแนวทางปฏิบัติให้กับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำท้องที่ และผู้นำท้องถิ่นในชุมชน เพื่อให้การควบคุมพืชกระท่อมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

เนื่องจากพืชกระท่อมยังคงเป็นประเด็นที่ต้องเฝ้าระวังและควบคุมการใช้ในทางที่ผิด ทั้งนี้ การประชุมยังได้หารือถึงสถานการณ์ความมั่นคงและการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการป้องกันและปราบปรามปัญหายาเสพติด การหารือเกี่ยวกับมาตรการควบคุมพืชกระท่อม ถือเป็นความพยายามของอำเภอยะหาในการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

โดยเฉพาะผู้นำศาสนาและผู้นำชุมชน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการให้ความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน และสร้างความตระหนักถึงพิษภัยของยาเสพติด เพื่อป้องกันไม่ให้มีการใช้พืชกระท่อมในทางที่ผิด หรือนำไปแปรรูปเป็นสารเสพติดอื่น ๆ ที่เป็นอันตรายต่อสังคม ในภาพรวมของการควบคุมยาเสพติด อำเภอยะหายังคงให้ความสำคัญกับการควบคุมการใช้สารเสพติดทุกชนิด รวมถึงการใช้กัญชาให้เป็นไปตามกฎหมายและป้องกันการใช้ในทางที่ผิด


การประชุมครั้งนี้มีหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยกำลังทหาร ตำรวจในพื้นที่ ปลัดอำเภอ และเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอยะหา จังหวัดยะลา แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของอำเภอยะหาในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่อย่างจริงจัง โดยให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในชุมชน.

ปอเนาะกว่า 100 แห่ง เตรียมรวมพลังไม่เอากระท่อม ใช้ศาสนาบำบัด ”ฮะรอม“ ไม่ ”ฮาลาล“ ทุกบ้านพร้อมใจปฏิเสธ ”กระท่อม – สี่คูณร้อย“


วันนี้ (10 ก.ค.68) ที่ สถาบันศึกษาปอเนาะพัฒนาเยาวชน (ปอเนาะปาแด) หมู่ที่ 7 ตำบลท่ากำชำ อำเภอหนองจิก จ.ปัตตานี โต๊ะครูสถาบันปอเนาะฯ ร่วมกับ นายนูรุดดีน โตะตาหยง ปลัดอำเภอรับชอบยาเสพติด จ.ส.อ พงษ์พิษณุ วิระกา ชุดสันติสุขที่ 104 ชุดควบคุมที่ 951 ฉก.สันติสุข นาย อัชฮา เจะดาโฮะ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 และเจ้าหน้าที่รับผิดชอบงานในพื้นที่อำเภอหนองจิกทุกภาคส่วนนักเรียนปอเนาะและประชาชนในพื้นที่ ร่วมกันขึ้นป้ายไวนิล รวมพลังไม่เอากระท่อม

พืชกระท่อมทำให้มึนเมา เป็นสิ่งฮะรอม สิ่งต้องห้าม ตามหลักศาสนา
ขณะเดียวกันนี้ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ มอบให้ นายธีรวิทย์ เธียรฆโรจน์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาเพื่อความมั่นคง ศอ.บต. ลงพื้นที่ให้กำลังใจพร้อม ได้กำชับเจ้าหน้าที่ เปิดปฏิบัติการ 120 วัน วาระพืชกระท่อม ภายใต้แผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดจังหวัดชายแดนภาคใต้ แบบบูรณาการในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ การรวมพลังไม่เอากระท่อมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ขณะนี้ ไม่เพียงแต่สถาบันปอเนาะนี้แห่งเดียวเท่านั้น เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ยังได้รับรายงานว่า สถาบันปอเนาะ ในห้าจังหวัดชายแดนภาค อีก 100 กว่าแห่งเตรียมรวมพลังไม่เอากระท่อม และคาดว่าหลังจากนี้ การแก้ปัญหาวาระกระท่อม ในจังหวัดชายแดนภาคใต้จะเป็นรูปธรรมมากขึ้น

ทางด้าน นายสุเทพ หวันโซ๊ะ ผู้ช่วยบาบอสถาบันศึกษาปอเนาะพัฒนาเยาวชน กล่าวว่า สถาบันปอเนาะแห่งนี้เริ่มแรกได้เปิดการสอนศาสนาแบบดั่งเดิม ต่อมาได้มีเยาวชนที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดประมาณ 30 คน เข้ามาศึกษาศาสนาเพื่อบำบัดยาดเสพติด ก็ได้รับการยอมรับจากประชาชนในพื้นที่ จนมีผู้ประชาชนำบุตรหลานเข้ามาฟื้นฟูที่นี้ จนปัจจุบันมีเยาวชนเข้ามาฟื้นฟูกว่า 100 คน จนได้สถาบันแห่งนี้ได้รับฉายาว่า ปอเนาะฟื้นฟูบำบัด โดยการใช้ศาสนาบำบัดเพื่อเปลี่ยนแปลงให้เยาวชนเป็นคดี ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่สุด และถือว่าเป็นงานของศาสนา ถ้าปอเนาะไม่รับเยาวชนเหล่านี้ไว้แล้ว น้อง ๆจะไปอยู่ที่ไหน จึงพวกเราต้องช่วยกัน และนำหลักศาสนาเข้ามาช่วยในการฟื้นฟู เพราะตนเชื่อว่าศาสนาเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดที่จะช่วยเหลือเยาวชนเหล่านี้ได้

ทางด้านนายนูรุดดีน โตะตาหยง ปลัดอำเภอรับชอบยาเสพติด กล่าวว่า สถาบันปอเนาะที่นี้ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหายาเสพติดมาโดยตลอด และทางอำเภอได้เล็งเห็นว่าต้องเข้ามาร่วมมือช่วยเหลือกันในการขับเคลื่อนในการแก้ปัญหายาเสพติด จึงได้ใช้พื้นที่เป็นพื้นที่นำร่องในการขึ้นป้ายรณรงค์การไม่ใช้ใบกระท่อมในทางที่ผิด นอกจานี้ทางอำเภอหนองจิกก็ได้มีการส่งเสริมการศึกษาให้กับเด็ก

พร้อมทั้งมอบอุปกรณ์กีฬา ให้เด็กได้เล่นกีฬายามว่าง ตามที่เด็ก ๆ ต้องการ และส่งเสริมการฝึกอาชีพในระหว่างเรียน โดยเน้นในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง การปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ ส่วนในเรื่องของการปราบปรามผู้ค้าใบกระท่อม ก็ได้ร่วมมือกันในทุกภาคส่วนเพื่อทำความเข้าใจกับร้านค้าต่าง ๆ โดยเฉพาะในเรื่องของการค้าใบกระท่อมยังมีความผิดอยู่ เพราะอนุญาตให้เพียงปลูกเพื่อใช้เป็นยาสำหรับตนเองเท่านั้น ไม่อนุญาตให้มีการจำหน่าย เพราะถือเป็นความผิดตามพรบ.อาหาร

ด้านนาย อัชฮา เจะดาโฮะ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 กล่าวว่า ในพื้นที่ในขณะนี้สถานการณ์ดีขึ้นมาก เพราะทางนายอำเภอได้มีการกำชัดให้ควบคุมการจำหน่ายกระท่อม โดยให้ผู้นำท้อที่ ท้องถิ่น สอดส่องดูแลอย่างจริงจังเพราะกระท่อมก็ถือว่าเป็นยาเสพติด เพราะปัจจุบันเยาวชนจะนำมาผสม จนเป็นยาเสพติด เมื่อเป็นยาเสพติดแล้วก็ถือว่าผิดหลักศาสนา จึงได้ร่วมกันรณรงค์สร้างความเข้าใจกับผู้ค้าใบกระท่อมทั้งหลาย ทำให้ในปัจจุบันสถานการณ์ดีขึ้นมาก